• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D2312205 วยแม านประธาน ได รางว ลตอบแทน! (1) part2

admin79 by admin79
December 25, 2025
in Uncategorized
0
D2312205 วยแม านประธาน ได รางว ลตอบแทน! (1) part2

ถอดรหัสขุมทรัพย์สามเหลี่ยมทองคำ: เชียงแสนยุคใหม่ ในมิติโอกาสและความท้าทายจาก Kings Roman สู่เศรษฐกิจ 2025

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในแวดวงการลงทุนและการพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาคมากว่าทศวรรษ ผมได้เฝ้าสังเกตปรากฏการณ์ที่กำลังพลิกโฉมหน้าของภาคเหนือตอนบนของประเทศไทยมาอย่างใกล้ชิด การผงาดขึ้นของ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ หรือที่รู้จักกันในนาม “คิงส์โรมัน” ณ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตรงข้ามกับอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ไม่ใช่เพียงแค่การลงทุนข้ามพรมแดนธรรมดา แต่เป็นการก่อร่างสร้างอาณาจักรทางเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่และซับซ้อน กลายเป็นแรงเหวี่ยงมหาศาลที่กำลังท้าทายและสร้างโอกาสให้กับประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชายแดน การทำความเข้าใจพลวัตของการพัฒนาที่นี่ ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของการสำรวจขุมทรัพย์แสนล้าน แต่ยังเป็นการถอดรหัสกลยุทธ์เพื่ออนาคตของเชียงแสนและระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือในยุคที่การเชื่อมโยงข้ามชาติเป็นกุญแจสำคัญ

กำเนิดและการเติบโตของอาณาจักร Kings Roman: มิติใหม่แห่งการลงทุนจีน

เมื่อย้อนกลับไปประมาณ 17 ปีที่แล้ว กลุ่มดอกงิ้วคำ ภายใต้การนำของเจ้าเหว่ย นักลงทุนจีนรายใหญ่ ได้รับสัมปทานที่ดินผืนงามกว่า 2,173 เฮกตาร์ หรือประมาณ 63,750 ไร่ จากรัฐบาล สปป.ลาว ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานถึง 99 ปี นี่ไม่ใช่แค่การเริ่มต้นโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั่วไป แต่เป็นการวางศิลาฤกษ์สำหรับวิสัยทัศน์ที่ทะเยอทะยาน นั่นคือการสร้างอาณาจักรเศรษฐกิจแบบครบวงจรระดับโลกที่ติดชายแดนไทย โดยมีแม่น้ำโขงเป็นเส้นแบ่งเขตเท่านั้น ทุกวันนี้ภาพที่เราเห็นจากฝั่งอำเภอเชียงแสน คือแนวตึกสูงระฟ้าที่เรียงรายตลอดริมฝั่งโขง สะท้อนถึงการลงทุนมูลค่านับ “แสนล้านบาท” ที่ไม่หยุดยั้ง

สิ่งที่โดดเด่นของ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ คือโมเดลการพัฒนาที่รวดเร็วและครบวงจร เป้าหมายหลักไม่ได้จำกัดแค่การเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวทางแม่น้ำโขงเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ การพัฒนาด้านเกษตรสมัยใหม่ครบวงจร กีฬา สันทนาการ และอสังหาริมทรัพย์หลากหลายรูปแบบ ปัจจุบันนี้คิงส์โรมันเปรียบเสมือน “มณฑลจีน” แห่งหนึ่งที่แทรกตัวอยู่ใน สปป.ลาว ด้วยการบริหารจัดการที่เป็นอิสระ ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาอยู่อาศัยและทำงานภายในเขตเศรษฐกิจแห่งนี้กว่า 60,000 คน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเข้ามาของพลเมืองจาก 85 สัญชาติกว่า 278,231 คนในช่วงปี 2565-2566 สะท้อนถึงความเป็นศูนย์กลางนานาชาติที่ไม่อาจมองข้ามได้

การสำรวจในเชิงลึกจะพบว่าภายใน เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ไม่ได้มีแค่กาสิโนที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่เป็นการสร้างเมืองใหม่ขึ้นมาทั้งหมด มีทั้งโรงแรมหรูหรา คอนโดมิเนียมและอาคารชุดเพื่อการพักอาศัย อาคารสำนักงานสำหรับบริษัทห้างร้านภัตตาคารนานาชาติ ร้านอาหาร สถานบันเทิง ตลาดปลอดภาษี (ดอนซาว) ไชน่าทาวน์ โรงเรียนนานาชาติ วัดจีน สวนสาธารณะ สนามกอล์ฟ และที่สำคัญคือ สนามบินนานาชาติ ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับวิถีชีวิตและการลงทุนของประชากรและนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะจากประเทศจีน การลงทุนเชิงกลยุทธ์ดังกล่าวบ่งบอกถึงวิสัยทัศน์ระยะยาวที่ต้องการสร้างระบบนิเวศทางเศรษฐกิจที่พึ่งพาตนเองได้

การถอดรหัสเมกะโปรเจกต์: โครงสร้างพื้นฐานที่ขับเคลื่อนอนาคต

หัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ คือการลงทุนมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยและมีมาตรฐานระดับสากล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศและสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขัน

สนามบินนานาชาติบ่อแก้ว (Bokeo International Airport): เปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 ด้วยพื้นที่กว่า 1,800 ไร่ และรันเวย์ยาว 2,700 เมตร มูลค่าการลงทุนกว่า 225 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นสนามบินขนาดใหญ่อันดับ 3 ของ สปป.ลาว ที่สามารถรองรับเครื่องบินขนาดกลางอย่าง Airbus A321 หรือ Boeing 737-900 ได้ นี่คือประตูสำคัญที่เปิดทางให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะจากจีน เดินทางเข้าสู่ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ได้โดยตรง ช่วยลดอุปสรรคด้านการเดินทางและเพิ่มศักยภาพในการดึงดูด “นักท่องเที่ยวพรีเมียม” ได้อย่างมหาศาล บทบาทของสนามบินแห่งนี้ไม่เพียงแค่ขนส่งผู้โดยสาร แต่ยังเป็นจุดเชื่อมโยงทางอากาศที่สำคัญของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงในอนาคต

การพัฒนาท่าเรือ: ประตูสู่การค้าระหว่างประเทศและโลจิสติกส์: การลงทุนในท่าเรือถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญยิ่ง กลุ่มทุนเจ้าเหว่ยกำลังก่อสร้างท่าเรือแห่งใหม่ รวมถึงท่าเรือท่องเที่ยวเกาะดอนซาวที่มีเป้าหมายรองรับผู้โดยสารปีละ 450,000 คน และท่าเรือขนส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศที่รองรับได้ 150,000 คนต่อปี นอกจากนี้ยังมีท่าเรือน้ำลึกริมฝั่งแม่น้ำโขงพร้อมลานพิธีการศุลกากรที่สามารถรองรับเรือขนาด 500 ตัน หรือสินค้าได้ปีละ 10,000 ตัน โครงการเดินเรือสำราญในแม่น้ำโขงที่จะเชื่อมโยงจีน ลาว เมียนมา และไทย ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการในปีนี้ จะยิ่งตอกย้ำบทบาทของคิงส์โรมันในฐานะศูนย์กลางโลจิสติกส์และ “การค้าระหว่างประเทศ” ที่มีศักยภาพสูง การพัฒนาเหล่านี้จะเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งสินค้าและบริการ สร้าง “โอกาสทางธุรกิจชายแดน” สำหรับผู้ประกอบการในภูมิภาค

อสังหาริมทรัพย์และการกระจายการลงทุน: นอกเหนือจากโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นหัวใจหลัก ด้วยคอนโดมิเนียมและอาคารชุดอีกนับ 10 แท่งที่กำลังก่อสร้าง รวมถึงโรงแรมและที่พักรองรับนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ นี่คือการตอบสนองความต้องการของพลเมืองจีนและนักลงทุนที่หลั่งไหลเข้ามาทำงานและอยู่อาศัยใน เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีการลงทุนกระจายความเสี่ยงไปสู่ภาคส่วนอื่น ๆ อย่างมีนัยสำคัญ เช่น:
เกษตรกรรมสมัยใหม่: การถางดอยเพื่อปลูกทุเรียนรองรับตลาดจีนที่มีความต้องการสูง สะท้อนถึง “การลงทุนเชิงกลยุทธ์” ในภาคเกษตรเพื่อความมั่นคงทางอาหารและการส่งออก
กีฬาและสันทนาการ: สนามกอล์ฟภูกิ่วลม 36 หลุม มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท พร้อมโรงแรมที่พัก เปิดให้บริการแล้ว สะท้อนถึงการเจาะกลุ่มตลาด “อุตสาหกรรมไมซ์” และนักท่องเที่ยวเชิงกีฬา
ตลาดน้ำสไตล์มาเก๊า: มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท บนเนื้อที่ 42 ไร่ ที่จะรวมโรงแรม คาเฟ่ ร้านอาหาร และสถานบันเทิง โดยเน้นบรรยากาศแบบอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรม เพื่อสร้าง “แลนด์มาร์กใหม่” และดึงดูดนักท่องเที่ยว

การลงทุนที่หลากหลายและครบวงจรเหล่านี้ ทำให้ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เป็นมากกว่าแค่แหล่งท่องเที่ยว แต่เป็นระบบนิเวศทางเศรษฐกิจที่ซับซ้อนและพึ่งพาตนเองได้ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้าน

เชียงแสน: จุดแวะพัก หรือ จุดหมายปลายทางที่ถูกลืม?

เมื่อมองจากมุมของอำเภอเชียงแสน ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนตรงข้ามกับ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เราจะเห็นภาพที่แตกต่างออกไป ในปัจจุบัน เชียงแสนถูกมองว่าเป็นเพียง “ทางผ่าน” สำหรับนักท่องเที่ยวคนไทยที่ต้องการข้ามฟากไปสัมผัสประสบการณ์ที่คิงส์โรมัน ข้อมูลจากด่านตรวจคนเข้าเมืองสะท้อนถึงการไหลเข้าออกของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยมีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางไปยังคิงส์โรมันเฉลี่ยราว 10,000 คนต่อเดือน แต่เม็ดเงินเหล่านี้กลับไม่ค่อยตกถึงท้องถิ่นเชียงแสนโดยตรง

ปัญหาหลักคือ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ถูกออกแบบมาให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีทุกอย่างครบวงจร ตั้งแต่ที่พัก อาหาร แหล่งบันเทิง ไปจนถึงบริการต่าง ๆ ทำให้ “แม่เหล็ก” ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้พำนักอยู่ในฝั่งลาวได้นานขึ้น และใช้จ่ายเงินภายในเขตเศรษฐกิจนั้น ๆ ผลประโยชน์ที่เชียงแสนได้รับจึงจำกัดอยู่เพียงกลุ่มผู้ประกอบการรถรับจ้างที่ขนส่งนักท่องเที่ยวจีนจากสนามบินเชียงรายมายังเชียงแสนเพื่อข้ามฟาก และผู้ประกอบการเรือข้ามฟากเท่านั้น

นายจิระศักดิ์ นวปฏิภาณ รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย ฝ่ายการค้าชายแดน อำเภอเชียงแสน ได้ฉายภาพปัญหาสำคัญคือ “การลงทุนอสังหาริมทรัพย์” ในเชียงแสนมีต้นทุนสูง โดยเฉพาะที่ดินริมแม่น้ำโขงที่มีค่าเช่าพุ่งสูงถึงเดือนละ 100,000 บาทสำหรับพื้นที่กว้าง 25 เมตร ลึกถึงริมน้ำโขง ทำให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ได้ค่อนข้างช้า การขาดแคลนเมกะโปรเจกต์ภาครัฐที่จะมาสร้าง “Magnet” ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้หยุดพักและใช้จ่ายในเชียงแสน จึงเป็นความท้าทายที่สำคัญ

แม้จะมีความพยายามปรับตัว โดยมีนักลงทุนท้องถิ่นเปิดร้านอาหารริมแม่น้ำโขงเพิ่มขึ้นกว่า 10 แห่ง และโรงแรมระดับ 2-3 ดาวอีก 2 แห่ง เพื่อหวังใช้จุดชมวิวแสงสีฝั่งตรงข้าม แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนบทบาทของเชียงแสนจากการเป็น “ทางผ่าน” ให้กลายเป็น “จุดหมายปลายทาง” ที่สามารถดึงเม็ดเงินการท่องเที่ยวและ “ผลตอบแทนการลงทุน” ที่เป็นรูปธรรม

กลยุทธ์พลิกเกมสำหรับเชียงแสน: จากทางผ่านสู่โอกาสทางธุรกิจและเวลเนสซิตี้

คำถามสำคัญคือ เชียงแสนจะสามารถวางกลยุทธ์อย่างไรเพื่อรับมือและช่วงชิงโอกาสจากอิทธิพลของ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ? ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่ามีหลายแนวทางที่ประเทศไทยและเชียงแสนสามารถพิจารณาเพื่อสร้าง “การลงทุนเชิงกลยุทธ์” และเพิ่ม “มูลค่าทางเศรษฐกิจ” ให้กับพื้นที่

การเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมอย่างชาญฉลาด: ข้อเสนอการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงเชื่อมระหว่างเชียงแสนกับคิงส์โรมันเป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ แม้จะเพิ่มความสะดวกในการเดินทาง แต่ต้องไม่ลืมคำถามที่ว่าใครจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากสะพานนี้ หากขาดการวางแผนที่ดี สะพานอาจยิ่งส่งเสริมการไหลออกของนักท่องเที่ยวและเงินทุนจากฝั่งไทยไปสู่ฝั่งลาวมากขึ้น ดังนั้นการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมต้องมาพร้อมกับ “การวางแผนผังเมือง” และ “การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน” เพื่อดึงนักท่องเที่ยวให้เข้ามาใช้จ่ายในเชียงแสนก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังคิงส์โรมัน

สร้าง “แม่เหล็ก” ของตัวเอง: เชียงแสนในฐานะ Wellness City: นี่คือโอกาสทองที่เชียงแสนสามารถช่วงชิงได้ ประเทศไทยมีจุดแข็งด้านบริการสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ได้รับการยอมรับระดับโลก การผลักดันเชียงแสนให้เป็น “เวลเนสซิตี้” (Wellness City) ที่ครบวงจร สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวระดับบนที่มองหาการพักผ่อนควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นสปาหรูหรา ศูนย์บำบัดแบบองค์รวม รีสอร์ทสุขภาพเชิงนิเวศ หรือแม้แต่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่เน้นความสงบและภูมิปัญญาพื้นบ้าน การพัฒนาเหล่านี้จะเพิ่มระยะเวลาการพำนักของนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับธุรกิจบริการในท้องถิ่น และสร้างภาพลักษณ์ที่แตกต่างจากคิงส์โรมันอย่างชัดเจน นี่คือ “การตลาดท่องเที่ยวเชิงลึก” ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้มหาศาล

การพัฒนา Entertainment Complex (คอมเพล็กซ์ครบวงจร) บนฝั่งไทย: คณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรได้ลงพื้นที่รับฟังข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการสร้างสถานบันเทิงครบวงจรในเชียงราย ซึ่งรวมถึงเชียงแสนด้วย หากรัฐบาลสามารถผลักดันเมกะโปรเจกต์นี้ให้เกิดขึ้นได้จริง จะเป็นการสร้าง “แม่เหล็ก” ขนาดใหญ่ที่สามารถแข่งขันและดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยวได้โดยตรง แต่จะต้องมีการศึกษา “กฎหมายการลงทุน” ที่ชัดเจนและมีมาตรการบริหารจัดการที่ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและท้องถิ่น

ยกระดับเชียงแสนสู่ศูนย์กลางโลจิสติกส์และ R&D: ด้วยตำแหน่งที่ตั้งริมแม่น้ำโขง และการเชื่อมโยงกับถนน R3A เชียงแสนมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์สำหรับ “การค้าระหว่างประเทศ” ที่เชื่อมโยงกับจีน ลาว และเมียนมา การลงทุนในท่าเรือเชียงแสนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งสินค้า การพัฒนาระบบคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าอัจฉริยะ รวมถึงการส่งเสริม “เทคโนโลยีเพื่อการลงทุน” ในภาคอุตสาหกรรมเบาหรือการแปรรูปเกษตร จะช่วยเพิ่มบทบาททางเศรษฐกิจให้กับเชียงแสนได้

การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจกับ Kings Roman: แทนที่จะมองว่าเป็นการแข่งขันเพียงอย่างเดียว เชียงแสนควรแสวงหา “พันธมิตรทางธุรกิจ” และโอกาสในการร่วมมือกับ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เช่น การจัดแพ็กเกจท่องเที่ยวร่วมกันที่เน้นการข้ามพรมแดน นักท่องเที่ยวสามารถไปตีกอล์ฟหรือสัมผัสความบันเทิงในคิงส์โรมัน แล้วกลับมาพักผ่อนทำสปา หรือสัมผัสวัฒนธรรมในเชียงแสน การแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวและบริการจะสร้างประโยชน์ร่วมกันได้

มิติทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจมหภาค

การเติบโตของ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบในระดับท้องถิ่น แต่ยังสะท้อนถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีนในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงภายใต้นโยบาย Belt and Road Initiative (BRI) การที่คิงส์โรมันสามารถดึงดูด “การลงทุนจีน” ขนาดใหญ่และสร้างเมืองขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ “การบริหารจัดการเขตเศรษฐกิจพิเศษ” ในการปลดล็อกข้อจำกัดและเร่งรัดการพัฒนา

สำหรับประเทศไทย โดยเฉพาะภายใต้นโยบายระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ (Northern Economic Corridor – NEC) ที่ครอบคลุมเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และเชียงราย การบูรณาการเชียงแสนเข้ากับวิสัยทัศน์ NEC อย่างเป็นรูปธรรมเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เราต้องมองภาพรวมและวางยุทธศาสตร์ที่ไม่ใช่แค่การปรับตัวตาม แต่เป็นการกำหนดทิศทางเพื่อช่วงชิงประโยชน์และสร้างความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์

ความท้าทายที่สำคัญคือการรักษาสมดุลระหว่าง “โอกาสทางธุรกิจชายแดน” ที่มาพร้อมกับการลงทุนมหาศาล กับความเสี่ยงด้านความมั่นคง สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้น การวิเคราะห์ตลาดอย่างรอบด้าน การวางแผนผังเมืองที่ยั่งยืน และการบังคับใช้ “กฎหมายการลงทุน” ที่โปร่งใส เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับชุมชน

ก้าวต่อไปของเชียงแสนและประเทศไทย

เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงพลังของการลงทุนและการพัฒนาที่ไร้ขีดจำกัด หากมองจากเลนส์ของนักลงทุนผู้มีประสบการณ์ นี่คือขุมทรัพย์ที่กำลังรอการถอดรหัสอย่างชาญฉลาด เชียงแสนในฐานะประตูหน้าด่านของไทย ไม่ควรเป็นเพียงแค่ทางผ่าน แต่มีศักยภาพที่จะเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญในระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ หากมีการวางแผนเชิงรุกและมีการลงทุนจากภาครัฐและเอกชนที่เหมาะสม

ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องมองการณ์ไกลกว่าแค่กระแสที่เกิดขึ้น แต่ต้องลงลึกถึงกลไกที่ขับเคลื่อน สร้างแผนงานที่เป็นรูปธรรม และผนึกกำลังทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อพลิกโฉมเชียงแสนให้เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา มีเอกลักษณ์ และสามารถช่วงชิง “ผลตอบแทนการลงทุน” จากการเติบโตของภูมิภาคได้อย่างแท้จริง การพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่งของคิงส์โรมันไม่ใช่ภัยคุกคาม หากแต่เป็นตัวเร่งให้เราต้องเร่งปรับตัวและสร้างสรรค์โอกาสใหม่ๆ ขึ้นมา

ผมขอเชิญชวนผู้ประกอบการ นักลงทุน และผู้ที่สนใจทุกท่าน มาร่วมกันศึกษาโอกาสและศักยภาพของพื้นที่แห่งนี้อย่างจริงจัง มองหาช่องว่างทางการตลาด วางแผน “กลยุทธ์การลงทุน” ที่สอดคล้องกับเมกะเทรนด์ และร่วมกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับเชียงแสนและภาคเหนือของประเทศไทย เพื่อให้เราไม่ได้เป็นเพียงผู้ชม แต่เป็นผู้เล่นคนสำคัญในเวทีเศรษฐกิจที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วนี้ ติดต่อเราเพื่อปรึกษาและวางแผนการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในภูมิภาคที่กำลังเติบโตนี้ไปด้วยกัน

Previous Post

D2312204 แม าบ ายอ ไม อร อยค ดเง น! (1) part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D2312205 วยแม านประธาน ได รางว ลตอบแทน! (1) part2
  • D2312204 แม าบ ายอ ไม อร อยค ดเง น! (1) part2
  • D2312202 รปภ
  • D2312171 ขโมยเพชรขอทาน มาขายงานประม part2
  • D2312170 าวไข ดาว ฟอง บาท!! กกว าน ไปก นท ดาวอ งคารส part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.