เจาะลึกกลยุทธ์แสนสิริลงทุนคอนโด 2.6 หมื่นล้านบาท: ก้าวแกร่งสวนกระแสอสังหาฯ ไทย ปูทางสู่ผู้นำปี 2025
ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวของผู้ประกอบการมาหลายยุคหลายสมัย แต่มีไม่กี่ครั้งที่การประกาศแผนลงทุนจะสร้างแรงกระเพื่อมได้มากเท่ากับที่ “แสนสิริ” แถลงแผนการ แสนสิริลงทุนคอนโด ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบปี ด้วยเม็ดเงินมหาศาลถึง 26,000 ล้านบาท ในปี 2567-2568 นี่ไม่ใช่เพียงการประกาศตัวเลข แต่เป็นการสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ที่เฉียบคม ความเข้าใจในตลาดอย่างลึกซึ้ง และความเชื่อมั่นในศักยภาพของ ตลาดคอนโดมิเนียม ไทย แม้ในสภาวะที่เศรษฐกิจยังคงเผชิญกับความท้าทาย
การตัดสินใจ แสนสิริลงทุนคอนโด ในระดับนี้ ท่ามกลางกระแสความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทั้งจากอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงสูง หนี้ครัวเรือนที่น่ากังวล และกำลังซื้อที่จำกัด สะท้อนให้เห็นถึงความกล้าหาญและความเชี่ยวชาญในการมองเห็น “โอกาส” ที่ซ่อนอยู่ใน “ความเสี่ยง” นี่คือการเดินหมากที่แตกต่างจากผู้เล่นรายอื่นอย่างชัดเจน และเป็นการตอกย้ำสถานะของแสนสิริในฐานะผู้บุกเบิกและผู้นำใน อสังหาริมทรัพย์ไทย โดยเฉพาะในกลุ่ม โครงการคอนโดใหม่
กว่า 4 ทศวรรษแห่งประสบการณ์: รากฐานที่มั่นคงในการลงทุน
แสนสิริก้าวเข้าสู่ปีที่ 40 แห่งการดำเนินธุรกิจ สิ่งนี้ไม่ใช่เพียงตัวเลขทางสถิติ แต่เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถในการยืนหยัดผ่านวิกฤตเศรษฐกิจมาแล้วหลายระลอก ตั้งแต่วิกฤตต้มยำกุ้งไปจนถึงวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ที่โลกและประเทศได้เผชิญหน้า ประสบการณ์ที่สั่งสมมานี้ได้หล่อหลอมให้แสนสิริมี DNA ของการปรับตัวและการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
นายองอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้ย้ำถึงความมั่นใจในการ แสนสิริลงทุนคอนโด ด้วยพอร์ตโฟลิโอคอนโดมิเนียมที่สะสมมาเกือบ 200 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 290,000 ล้านบาท และได้ส่งมอบห้องชุดไปแล้วกว่า 81,000 ยูนิต แสดงให้เห็นถึงฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและความเข้าใจในความต้องการที่หลากหลาย การตั้งเป้ายอดขาย (Presale) คอนโดมิเนียมไว้ที่ 21,000 ล้านบาท และเป้ายอดโอน (Revenue) 13,000 ล้านบาท จึงเป็นเป้าหมายที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงจากพอร์ตโครงการที่พร้อมเปิดขายและโอนกว่า 14 โครงการ มูลค่ารวม 15,700 ล้านบาท
ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมและสะท้อนถึงปรัชญาการทำงานของแสนสิริได้เป็นอย่างดีคือโครงการ “บ้านไข่มุก หัวหิน” ซึ่งเป็นโครงการแฟลกชิปแรก ๆ ของบริษัท ที่ราคาเปลี่ยนมือสูงขึ้นกว่า 1,000% จากราคาเปิดตัว เหตุผลสำคัญไม่ใช่แค่ทำเลที่ตั้งหรือการดีไซน์ แต่คือ “บริการหลังการขาย” และ “การบริหารจัดการสินทรัพย์อสังหาฯ” ที่เป็นเลิศ ทำให้มูลค่าของโครงการยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นี่คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นและกล้าที่จะลงทุนไปกับแสนสิริ
พันธมิตรเชิงกลยุทธ์: เบื้องหลังความสำเร็จที่แข็งแกร่ง
ความกล้าในการ แสนสิริลงทุนคอนโด มูลค่า 26,000 ล้านบาท ยังมาจากอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ “Strategic Partners” หรือพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้รับเหมาก่อสร้าง แสนสิริทำงานร่วมกับบริษัทผู้รับเหมาทั้งในตลาดหลักทรัพย์และผู้รับเหมาที่ร่วมงานกันมานานกว่า 10-20 ปี ซึ่งไม่ใช่แค่การว่าจ้างทั่วไป แต่เป็นการสร้างความสัมพันธ์แบบพันธมิตรที่แน่นแฟ้น ทำให้มั่นใจได้ในคุณภาพการก่อสร้างที่เป็นไปตามมาตรฐานสูงสุดของแสนสิริ สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างสรรค์ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในระยะยาว
8 กลยุทธ์ แสนสิริลงทุนคอนโด: ฝ่าวิกฤต สร้างโอกาส ก้าวสู่ปี 2025
แสนสิริไม่ได้พึ่งพาเพียงประสบการณ์และพันธมิตร แต่ยังได้วางกลยุทธ์ 8 ด้านที่คมชัดและครอบคลุมทุกมิติ เพื่อให้การ แสนสิริลงทุนคอนโด เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถสร้างการเติบโตสวนกระแสได้จริง กลยุทธ์เหล่านี้ไม่เพียงตอบรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน แต่ยังมองไปข้างหน้าถึง เทรนด์อสังหาฯ 2025 และอนาคต
สานต่ออภิมหาโปรเจกต์ซูเปอร์ลักซ์ชัวรี (Super Luxury Redefined):
ตลาด อสังหาฯหรู ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว กลุ่มลูกค้า Ultra-High-Net-Worth Individual (UHNWI) ยังคงมีกำลังซื้อและมองหาที่อยู่อาศัยที่สะท้อนสถานะและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เฉพาะตัว แสนสิริตอกย้ำความเป็นผู้นำในกลุ่มนี้ด้วยโครงการ “Talk of the Town” บนทำเลชิดลม แม้ยังไม่เปิดพรีเซลอย่างเป็นทางการ แต่กลับมีลูกค้าระดับสูงตัดสินใจจองซื้อเพนต์เฮาส์ที่มีฟังก์ชันสระว่ายน้ำส่วนตัว มูลค่าเกือบ 500 ล้านบาท ตั้งแต่ยังเป็น “กระดาษ” นี่คือบทพิสูจน์ถึงความเชื่อมั่นในแบรนด์ และการเป็นผู้นำด้านดีไซน์และคุณภาพ ที่ทำให้ลูกค้ามั่นใจใน คอนโดมิเนียมระดับพรีเมียม ของแสนสิริ ผมมองว่าการลงทุนในกลุ่มนี้คือการสร้างพอร์ต การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ผลตอบแทนสูง ในระยะยาว
ขยายอาณาจักรคอนโดฯ สู่หัวเมืองศักยภาพ (Provincial Powerhouses):
การกระจายการลงทุนสู่ต่างจังหวัดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงตลาดกรุงเทพฯ เพียงอย่างเดียว แสนสิริเล็งเห็นถึงศักยภาพของหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว โดยวางแผนเปิด 9 โครงการ มูลค่ารวม 11,800 ล้านบาท ในจังหวัดสำคัญ อาทิ คอนโดภูเก็ต, คอนโดเชียงใหม่, คอนโดพัทยา, คอนโดหัวหิน และพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมถึงขอนแก่น ปัจจัยสำคัญคือดีมานด์จากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว การค้าขาย ใกล้สถานศึกษา และแหล่งงาน ซึ่งเป็นฐานกำลังซื้อที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูเก็ต ที่แสนสิริเตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “Canvas เชิงทะเล” มูลค่า 1,600 ล้านบาท ในโซน New CBD ที่ตอบรับความต้องการของลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะชาวยุโรปที่นิยมการพักระยะยาว (Long Stay) ซึ่งเป็น โอกาสลงทุนอสังหาฯ ที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง
ปักหมุดทำเลทองใจกลางกรุงที่หาได้ยาก (Urban Core Revival):
ในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะย่านธุรกิจและที่พักอาศัยระดับพรีเมียม ปัญหาที่ดินเปล่าที่หายากกลายเป็นข้อจำกัดหลัก แสนสิริใช้กลยุทธ์ “Via” นำเสนอคอนโดมิเนียมบนสุดยอดทำเลในเมืองกรุงเทพฯ ที่มีดีมานด์แต่ซัพพลายแทบไม่มีเหลือแล้ว เช่น สุขุมวิท 34, สุขุมวิท 61 มูลค่ารวม 2,600 ล้านบาท และโครงการใหม่บนสุขุมวิท 36 ตรงข้ามซอยทองหล่อ ซึ่งเป็นการเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยในทำเลที่เดินทางสะดวก ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก และเป็น คอนโดหรูใจกลางกรุงเทพฯ ที่มีมูลค่าเพิ่มในอนาคต การลงทุนใน ทำเลทอง เช่นนี้ แสดงถึงความเข้าใจในมูลค่าระยะยาวของที่ดินที่จำกัด
บุกตลาด Pets Welcome Condo: ตอบรับ Pet Parent (Pet-Friendly Living: A Growing Segment):
กระแส Pet Parent ที่ดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัวเติบโตอย่างก้าวกระโดด แสนสิริเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกและประสบความสำเร็จอย่างสูงกับแคมเปญ Pets Welcome Condo ด้วยการออกแบบที่ใส่ใจในรายละเอียด ทั้งพื้นที่ส่วนกลางและฟังก์ชันภายในห้องชุด เพื่อให้ตอบโจทย์การอยู่อาศัยร่วมกับสัตว์เลี้ยงได้อย่างสมบูรณ์แบบ ล่าสุดเตรียมเปิดโครงการใหม่ “พินน์ ศูนย์วิจัย” ใกล้โรงพยาบาลกรุงเทพ มูลค่า 260 ล้านบาท ที่เน้นห้องชุดขนาดใหญ่และยูนิตไม่เยอะ เพื่อมอบความเป็นส่วนตัวและฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ Pet Lover อย่างแท้จริง นี่คือการมองเห็นช่องว่างของตลาดและสร้าง Value Proposition ที่แตกต่าง
พลิกโฉม “เดอะเบส” สู่มิติใหม่ (The Base Reimagined):
แบรนด์ “เดอะเบส” เป็นที่รู้จักมายาวนาน พัฒนามาแล้วกว่า 20 โครงการ มูลค่ารวม 37,000 ล้านบาท ในปีนี้แสนสิริจะ “รีเซ็ต” แบรนด์นี้ ไม่ใช่แค่ปรับปรุง แต่ขยายพื้นที่การออกแบบใหม่ หน้ากว้าง เพิ่มพื้นที่สีเขียว และดีไซน์ห้องแบบลอฟต์ เพื่อให้ทันสมัยและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ปัจจุบันมากขึ้น พร้อมกันนี้ ยังเตรียมเปิดตัว คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ ภายใต้แบรนด์เดอะเบสเป็นครั้งแรกถึง 2 โครงการ รวมถึง “เดอะเบส ไรส์” คอนโดภูเก็ต มูลค่า 900 ล้านบาท ในราคาเริ่มต้นไม่ถึง 2 ล้านบาท/ยูนิต การปรับโฉมแบรนด์เก่าที่แข็งแกร่งคือกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดในการรักษาฐานลูกค้าเดิมและดึงดูดลูกค้าใหม่
ต่อยอด “ดีคอนโด” สู่การเป็นคอมมูนิตี้คอนโดฯ (dCondo’s Local Resonance):
แบรนด์ “ดีคอนโด” เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ (Local Demand) โดยออกแบบฟาซิลิตี้ที่ตอบสนองการใช้ชีวิตในแต่ละทำเลอย่างแท้จริง วางแผนเปิดใหม่ 4 โครงการ มูลค่า 3,900 ล้านบาท และเตรียมโอนอีก 6 โครงการ มูลค่า 6,500 ล้านบาท ตัวอย่างเช่น “ดีคอนโด เซนส์ บางแสน ชลบุรี” ที่อยู่ในโซน คอนโดใกล้มหาวิทยาลัย บูรพา มูลค่า 880 ล้านบาท และ “ดีคอนโด คาล์ม รามคำแหง 10” มูลค่า 820 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงการเข้าใจในพฤติกรรมและความต้องการของผู้อยู่อาศัยในแต่ละย่านอย่างลึกซึ้ง
เดินหน้า Affordable Condo พร้อมรับมาตรการรัฐ (Affordable Excellence (BOI & Beyond)):
เพื่อตอบรับนโยบายและ มาตรการรัฐอสังหาฯ ที่สนับสนุนการลงทุน คอนโดมิเนียม BOI ราคาพิเศษ ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท แสนสิริยังคงเดินหน้าพัฒนาเซ็กเมนต์ Affordable Condo อย่างต่อเนื่อง ผ่าน 2 แบรนด์หลักคือ “คอนโด มี” และ “Vay” โดยเน้นทำเลที่ใกล้แหล่งงานและ คอนโดใกล้นิคมอุตสาหกรรม เป็นหลัก วางแผนเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1,110 ล้านบาท การเข้าถึงกลุ่มกำลังซื้อนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างฐานลูกค้าที่กว้างขึ้นและสร้างโอกาสในการขยายพอร์ตในระยะยาว
ตอกย้ำประสบการณ์ 40 ปี: ผู้นำด้านบริการและคุณภาพ (The Sansiri Difference: Service, Design & Trust):
หัวใจสำคัญที่ทำให้แสนสิริยืนหนึ่งในวงการมาตลอด 40 ปี และแตกต่างจากดีเวลลอปเปอร์รายอื่น คือ “ความโดดเด่นเรื่องการบริการ” ที่เข้าใจการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย รวมถึง “บริการหลังการขาย” และ “การบริหารนิติบุคคลอาคารชุด” ที่เป็นเลิศ การบริหารจัดการซัพพลายเชนและพันธมิตรธุรกิจระดับมืออาชีพในทุกรายละเอียด ทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นสูงสุด จนถึงขั้นซื้อเพนต์เฮาส์มูลค่าเกือบ 500 ล้านบาท จากแบบแปลนบนกระดาษ นั่นคือบทพิสูจน์ถึงความน่าเชื่อถือและการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่แท้จริง
มองไปข้างหน้า: การปรับตัวสู่ยุค Digital และความยั่งยืน
นอกเหนือจาก 8 กลยุทธ์หลักนี้ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเชื่อว่าแสนสิริยังคงให้ความสำคัญกับการบูรณาการเทคโนโลยีและการดำเนินงานตามหลัก ESG (Environmental, Social, Governance) ซึ่งเป็น เทรนด์อสังหาฯ 2025 ที่ไม่อาจมองข้ามได้ การนำ Digital Transformation มาใช้ในการบริหารจัดการ การสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น และการมุ่งเน้น อสังหาริมทรัพย์ยั่งยืน จะเป็นตัวแปรสำคัญที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับแสนสิริในการแข่งขันใน การลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ ในระยะยาว
การที่แสนสิริสามารถรักษามาตรฐานการบริการจัดการ บริการจัดการอสังหาริมทรัพย์ และความน่าเชื่อถือมาได้อย่างยาวนาน ทำให้พวกเขาสามารถสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และกล้าที่จะดำเนินกลยุทธ์ที่ท้าทายในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน การตัดสินใจ แสนสิริลงทุนคอนโด 2.6 หมื่นล้านบาท จึงไม่ใช่เพียงการเพิ่มโครงการ แต่เป็นการวางหมากเพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำ และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาด อสังหาริมทรัพย์ไทย ที่มีการแข่งขันสูง
ก้าวต่อไปกับผู้นำ: โอกาสที่คุณไม่ควรมองข้าม
จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญในวงการ ผมเห็นว่าแผนการ แสนสิริลงทุนคอนโด ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การขยายพอร์ต แต่เป็นการวางรากฐานสำหรับอนาคต ที่ผสมผสานประสบการณ์อันยาวนาน เข้ากับวิสัยทัศน์ที่เฉียบคมและกลยุทธ์ที่รอบด้าน ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนที่มองหา โอกาสลงทุนอสังหาฯ ที่ให้ผลตอบแทนสูง ผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ หรือเพียงสนใจความเคลื่อนไหวใน เศรษฐกิจไทย การศึกษาแผนของแสนสิริจะมอบมุมมองที่ลึกซึ้งและเป็นประโยชน์
หากคุณสนใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตนี้ หรือต้องการปรึกษาเพื่อหา อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ที่เหมาะสมกับคุณที่สุด ผมขอเชิญชวนให้คุณติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้าน ที่ปรึกษาการลงทุนอสังหาฯ ของแสนสิริ หรือเยี่ยมชมโครงการต่าง ๆ ของพวกเขา เพื่อสัมผัสกับคุณภาพและบริการที่เป็นเลิศด้วยตัวคุณเอง เพราะการลงทุนในวันนี้ คือการสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนสำหรับวันพรุ่งนี้

