แสนสิริ: บุกตลาดคอนโดมิเนียม 2.6 หมื่นล้านบาทในปีมังกรทอง – ถอดรหัสกลยุทธ์เหนือชั้นจากผู้เชี่ยวชาญ
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยมากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวของตลาดมานับครั้งไม่ถ้วน แต่มีอยู่บางครั้งที่การเคลื่อนไหวของบริษัทชั้นนำบางรายได้สร้างแรงกระเพื่อมและจุดประกายให้เกิดการวิเคราะห์เชิงลึก การประกาศแผนการลงทุนคอนโดมิเนียมมูลค่ามหาศาลถึง 2.6 หมื่นล้านบาทของแสนสิริในปี 2567 ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่สูงสุดในภาคธุรกิจนี้ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงท้าทาย ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนและผู้ที่สนใจตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวม
การที่แสนสิริกล้าเดินหน้าลงทุนด้วยตัวเลขที่โดดเด่นเช่นนี้ ไม่ใช่เพียงแค่การแสดงออกถึงความแข็งแกร่งทางการเงิน แต่ยังสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ที่เฉียบคมและกลยุทธ์ที่ผ่านการตกผลึกมาอย่างยาวนาน บทความนี้จะเจาะลึกถึงเบื้องหลังความมั่นใจของแสนสิริ และวิเคราะห์ 8 กลยุทธ์หลักที่ผลักดันให้พวกเขาก้าวขึ้นเป็นผู้นำ และสามารถรับมือกับโอกาสและความเสี่ยงในตลาดได้อย่างเหนือชั้น พร้อมอัปเดตแนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมที่สำคัญสำหรับปี 2568 และอนาคตอันใกล้
ภูมิทัศน์เศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปัจจุบัน
ก่อนจะลงลึกถึงแผนการของแสนสิริ สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจบริบทของตลาดและเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน แม้ว่าภาคการท่องเที่ยวจะกลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และส่งผลบวกต่อความต้องการที่อยู่อาศัยในบางพื้นที่ แต่กำลังซื้อในภาพรวมยังคงเปราะบาง อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย ยังคงเป็นปัจจัยกดดันหลักที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องเผชิญ การแข่งขันจึงทวีความรุนแรงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดที่จำกัดลง
ในสภาวะเช่นนี้ การลงทุนคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่จึงต้องอาศัยความเข้าใจตลาดอย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่การมองเห็นโอกาส แต่เป็นการสร้างโอกาสขึ้นมาเอง แสนสิริ ซึ่งสั่งสมประสบการณ์มาถึง 40 ปี ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขามี “คาถา” ในการทำธุรกิจที่สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงแข็งแกร่ง แม้จะต้องผ่านวิกฤตเศรษฐกิจมาแล้วหลายครั้งหลายครา
40 ปีแห่งประสบการณ์: รากฐานความสำเร็จของแสนสิริ
คุณองอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้ย้ำถึงบทพิสูจน์ความเป็นผู้นำ ซึ่งสะท้อนผ่านการประกาศแผนพัฒนาคอนโดมิเนียมโครงการใหม่จำนวน 20 โครงการ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตถึง 44% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่แค่สถิติ แต่เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาด และความพร้อมขององค์กรในการดำเนินกลยุทธ์เชิงรุก
ปัจจุบัน แสนสิริมีพอร์ตคอนโดมิเนียมที่พัฒนาแล้วเกือบ 200 โครงการ คิดเป็นมูลค่าสะสมรวม 290,000 ล้านบาท พร้อมส่งมอบห้องชุดไปแล้วกว่า 81,000 ยูนิต ภายใต้ 20 แบรนด์ที่ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์และทุกรูปแบบของที่อยู่อาศัยแนวสูง ความหลากหลายของพอร์ตโฟลิโอนี้เองที่ทำให้แสนสิริสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่กว้างขวาง ตั้งแต่ระดับ Affordable ไปจนถึงซูเปอร์ลักเซอรี่ โดยมีเป้ายอดขาย (Presale) คอนโดมิเนียมที่ 21,000 ล้านบาท และเป้ายอดโอน (Revenue Recognition) ที่ 13,000 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความท้าทายแต่ก็เป็นไปได้ด้วยดี โดยเฉพาะการมีโครงการพร้อมขายและพร้อมโอนจำนวน 14 โครงการ มูลค่ารวม 15,700 ล้านบาทในปีนี้
กุญแจสำคัญที่ทำให้แสนสิริยืนหยัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของตลาดคอนโดมิเนียมมาอย่างยาวนาน คือการเลือกทำเลที่ตั้งเชิงกลยุทธ์ (Strategic Location) ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยและการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการมีพันธมิตรธุรกิจที่แข็งแกร่ง (Strategic Partners) โดยเฉพาะผู้รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งหลายรายมีความสัมพันธ์และร่วมงานกับแสนสิริมานานกว่า 10-20 ปี ความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นนี้ช่วยให้มั่นใจในคุณภาพการก่อสร้างที่ได้มาตรฐานสูงสุด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้า
ถอดรหัส 8 กลยุทธ์พิชิตตลาดคอนโดมิเนียมของแสนสิริ
จากประสบการณ์ในวงการ ผมมองว่า 8 กลยุทธ์ของแสนสิริไม่ใช่แค่แผนงาน แต่เป็นปรัชญาการทำธุรกิจที่ผ่านการคิดวิเคราะห์มาอย่างถี่ถ้วน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่หลากหลายและคาดการณ์เทรนด์ในอนาคต:
สานต่อความเป็นผู้นำในตลาดซูเปอร์ลักเซอรี่: แสนสิริยังคงเดินหน้าพัฒนาคอนโดหรูใจกลางเมือง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมากนัก โครงการ Talk of the Town บนทำเลชิดลม ที่แม้จะยังไม่เปิดพรีเซลอย่างเป็นทางการ แต่กลับมีลูกค้าที่มีความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) จองซื้อเพนต์เฮาส์ยูนิตพิเศษที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัว มูลค่าเกือบ 500 ล้านบาท โดยเป็นการ “ซื้อบนกระดาษ” โดยที่ยังไม่เห็นห้องตัวอย่าง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในคุณภาพ ดีไซน์ และบริการที่แสนสิริได้สร้างสมมาตลอด 40 ปี การลงทุนในคอนโดมิเนียมระดับนี้ถือเป็นอสังหาริมทรัพย์ผลตอบแทนสูงในระยะยาว และยังคงเป็นที่ต้องการของนักลงทุนและผู้ที่มองหาคอนโดเพื่อการลงทุนที่คุ้มค่า
ขยายฐานสู่หัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว: การขยายโครงการคอนโดมิเนียมในต่างจังหวัดจำนวน 9 โครงการ มูลค่ารวม 11,800 ล้านบาท ครอบคลุมทำเลศักยภาพอย่างภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา หัวหิน พื้นที่ EEC (ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา) และขอนแก่น เป็นการกระจายความเสี่ยงและเข้าถึงดีมานด์ที่แตกต่างกัน ปัจจัยสำคัญคือการเติบโตของภาคการท่องเที่ยว การค้าขาย ใกล้สถานศึกษา และแหล่งงาน รวมถึงกำลังซื้อที่มีศักยภาพของคนท้องถิ่นและนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในภูเก็ต ที่แสนสิริเตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “Canvas เชิงทะเล” มูลค่า 1,600 ล้านบาท ในโซน New CBD ที่มีดีมานด์จากลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวยุโรปที่นิยมพักแบบลองสเตย์ คอนโดแสนสิริ ภูเก็ต จึงเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่น่าจับตา และยังดึงดูดนักลงทุนที่สนใจคอนโดให้เช่าสำหรับชาวต่างชาติ
ปักหมุดสุดยอดทำเลในเมืองกรุงเทพฯ: ในยุคที่ที่ดินเปล่าในทำเลทองของกรุงเทพฯ หาได้ยากยิ่ง แสนสิริเลือกที่จะบุกตลาดนี้ด้วยแบรนด์ “Via” ใน 3 ทำเลรวด ย่านสุขุมวิท ได้แก่ สุขุมวิท 34, สุขุมวิท 61 และโครงการใหม่บนทำเลสุขุมวิท 36 ตรงข้ามซอยทองหล่อ มูลค่ารวม 2,600 ล้านบาท เป็นการตอบโจทย์ความต้องการคอนโดแสนสิริ กรุงเทพฯ โดยเฉพาะทำเลทองหล่อที่ยังคงเป็นที่ต้องการสูง การมีคอนโดสุขุมวิทในทำเลที่เดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้า และแหล่งไลฟ์สไตล์ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คอนโดประเภทนี้เป็นคอนโดเพื่อการลงทุนที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
บุกตลาด Pets Welcome Condo: ตอบรับกระแส Pet Parent: เทรนด์ Pet Parent หรือการดูแลสัตว์เลี้ยงประหนึ่งสมาชิกในครอบครัว กำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย แสนสิริประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยมจากโครงการก่อนหน้านี้ และเตรียมเปิดโครงการใหม่ “พินน์ ศูนย์วิจัย” ใกล้โรงพยาบาลกรุงเทพ มูลค่า 260 ล้านบาท ที่เน้นห้องชุดขนาดใหญ่ ยูนิตไม่เยอะ และให้ความสำคัญกับการออกแบบที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยร่วมกับสัตว์เลี้ยงได้อย่างครบครัน การนำเสนอคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ถือเป็นการสร้างความแตกต่างและขยายฐานลูกค้าได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นตลาด niche ที่มีกำลังซื้อสูงและมีความภักดีต่อแบรนด์
พลิกโฉมแบรนด์ “เดอะเบส” สู่มิติใหม่: “เดอะเบส” เป็นแบรนด์คอนโดแสนสิริที่ลูกค้ารู้จักมาอย่างยาวนาน พัฒนาไปแล้วกว่า 20 โครงการ มูลค่ารวม 37,000 ล้านบาท ปีนี้แสนสิริเตรียมบุกเพิ่ม 4 โครงการใหม่ มูลค่า 5,700 ล้านบาท โดยไม่ใช่แค่การปรับปรุง แต่เป็นการรีเซตแบรนด์ใหม่ทั้งหมด ทั้งการขยายพื้นที่แปลนห้องให้กว้างขึ้น เพิ่มพื้นที่สีเขียว และดีไซน์ห้องแบบลอฟต์ ที่น่าสนใจคือ “เดอะเบส” จะเป็นครั้งแรกที่นำเสนอคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ใน 2 โครงการ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “เดอะเบส ไรส์” ในภูเก็ต มูลค่า 900 ล้านบาท ในราคาเริ่มต้นไม่ถึง 2 ล้านบาท/ยูนิต การปรับโฉมครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และการปรับตัวของคอนโดแสนสิริให้ทันสมัยอยู่เสมอ
ต่อยอดความสำเร็จแบรนด์ “ดีคอนโด”: แบรนด์ “ดีคอนโด” ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ ด้วยแผนเปิดใหม่ 4 โครงการ มูลค่า 3,900 ล้านบาท และเตรียมโอน 6 โครงการ มูลค่า 6,500 ล้านบาทในปีนี้ “ดีคอนโด” เน้นโมเดลธุรกิจที่เป็นคอนโดมิเนียมพร้อมฟาซิลิตี้ที่ตอบสนองดีมานด์การซื้อของคนในพื้นที่ ทั้งทำเลและการใช้ชีวิต เช่น “ดีคอนโด เซนส์” บางแสน ชลบุรี ใกล้ ม.บูรพา มูลค่า 880 ล้านบาท และ “ดีคอนโด คาล์ม” รามคำแหง 10 มูลค่า 820 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นคอนโดใกล้แหล่งงาน และสถานศึกษา ที่เป็นที่ต้องการของคนรุ่นใหม่และนักศึกษา การลงทุนในคอนโดมิเนียมเหล่านี้มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดีจากค่าเช่าในระยะยาว
เดินหน้าพัฒนา Affordable Condo: ขานรับมาตรการรัฐ: แสนสิริยังคงมุ่งมั่นพัฒนาคอนโดมิเนียมในเซ็กเมนต์ Affordable Condo อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสนับสนุนมาตรการรัฐที่ส่งเสริมการลงทุนคอนโด BOI ที่มีราคาขายไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ผ่าน 2 แบรนด์หลักคือ “คอนโด มี-Vay” ซึ่งเน้นทำเลที่ตั้งใกล้แหล่งงานและนิคมอุตสาหกรรมเป็นหลัก โดยมีแผนเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1,110 ล้านบาท กลยุทธ์นี้เป็นการตอบโจทย์ความต้องการที่อยู่อาศัยของกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง ที่ต้องการสินเชื่อที่อยู่อาศัยในราคาที่เข้าถึงได้ และยังเป็นคอนโดพร้อมอยู่สำหรับผู้เริ่มต้นทำงานอีกด้วย
ตอกย้ำประสบการณ์ 40 ปี: ผู้นำด้านดีไซน์และคุณภาพบริการ: ปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ทำให้แสนสิริยืนหนึ่งในตลาดคอนโดมิเนียมมาตลอด 40 ปี คือการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกคน นอกจากการบริหารจัดการซัพพลายเชนและพันธมิตรธุรกิจระดับมืออาชีพในทุกรายละเอียดแล้ว ความโดดเด่นเรื่องการบริการที่เข้าใจการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย รวมถึงบริการหลังการขาย และการบริหารจัดการนิติบุคคลอาคารชุด ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จนนำไปสู่การซื้อคอนโดแสนสิริในโครงการระดับสูงได้โดยไม่ต้องเห็นห้องตัวอย่างจริง นี่คือสิ่งที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่นอาจลอกเลียนแบบได้ยาก และเป็นรากฐานสำคัญของความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจที่แสนสิริได้สั่งสมมา
อนาคตของตลาดคอนโดมิเนียมและโอกาสการลงทุน (อัปเดต 2025 Trends)
เมื่อมองไปข้างหน้าถึงปี 2568 และหลังจากนั้น ตลาดคอนโดมิเนียมในไทยจะยังคงเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอก แต่ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสใหม่ๆ เกิดขึ้นสำหรับผู้ที่พร้อมปรับตัว
Sustainability & Wellness: ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น คอนโดมิเนียมที่เน้นการออกแบบสีเขียว, การประหยัดพลังงาน, และสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขภาพ จะเป็นที่ต้องการสูง
Smart Living & Technology Integration: การนำเทคโนโลยี Smart Home มาใช้ในคอนโดมิเนียม ไม่ว่าจะเป็นระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ, การควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน, หรือการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง จะเป็นมาตรฐานใหม่ที่ผู้ซื้อคาดหวัง
Co-Living & Flexible Spaces: ไลฟ์สไตล์การทำงานที่ยืดหยุ่น (Hybrid Work) ทำให้เกิดความต้องการพื้นที่ใช้สอยที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ และพื้นที่ส่วนกลางที่ส่งเสริมการทำงานร่วมกันหรือการพบปะทางสังคม
Ageing Society & Accessibility: การเข้าสู่สังคมสูงวัยของไทย จะผลักดันให้เกิดการออกแบบคอนโดมิเนียมที่คำนึงถึงผู้สูงอายุ ทั้งในด้านการเข้าถึงที่สะดวกสบาย, ความปลอดภัย, และบริการที่รองรับ
Foreign Investment & Digital Nomads: การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติ จะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสำหรับตลาดคอนโดมิเนียมในหัวเมืองท่องเที่ยวและเมืองใหญ่ รวมถึงกลุ่ม Digital Nomads ที่มองหาคอนโดให้เช่าระยะยาวในประเทศไทย
สรุปและก้าวต่อไป
การประกาศแผนการลงทุนคอนโดมิเนียม 2.6 หมื่นล้านบาทของแสนสิริในปีนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการเคลื่อนไหวทางธุรกิจที่กล้าหาญ แต่ยังเป็นการยืนยันสถานะความเป็นผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยอย่างชัดเจน ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมา 40 ปี กลยุทธ์ที่หลากหลาย และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความต้องการของลูกค้า ทำให้แสนสิริมีความพร้อมที่จะเติบโตและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับวงการอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาคอนโดแสนสิริ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการอยู่อาศัย การลงทุน หรือการสร้างผลตอบแทนระยะยาว การศึกษาแผนงานและโครงการต่างๆ ของแสนสิริ จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของตลาดและเทรนด์ในอนาคตได้อย่างชัดเจน
หากคุณสนใจที่จะสำรวจโอกาสการลงทุนในคอนโดมิเนียมหรือต้องการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโครงการต่างๆ ของแสนสิริ ผมขอเชิญชวนให้คุณติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญของเรา หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของแสนสิริ เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับความต้องการและเป้าหมายของคุณที่สุด มาวางแผนการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มั่นคงไปพร้อมกันครับ!

