• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D2212046 คนเล ยงควายไล คนรวยแผ นด นสะเท อน part2

admin79 by admin79
December 23, 2025
in Uncategorized
0
D2212046 คนเล ยงควายไล คนรวยแผ นด นสะเท อน part2

อนาคตของโอกาสเป็นเจ้าของบ้านในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย: กลยุทธ์เชิงรุกของเสนาดีเวลลอปเม้นท์ ในยุคที่ท้าทาย

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวของตลาดมาอย่างต่อเนื่อง แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองไปถึงแนวโน้มในปี 2025 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยกำลังเผชิญกับคลื่นความท้าทายที่ซับซ้อนและรุนแรงยิ่งกว่าที่เคย วิกฤตสินเชื่อบ้านที่ส่งผลให้หลายครัวเรือนหมดสิทธิ์ในการเข้าถึงการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย ไม่ใช่เพียงปัญหาเฉพาะหน้า แต่เป็นภาพสะท้อนของโครงสร้างเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงยึดติดกับโมเดลธุรกิจแบบเดิม อาจพบว่าตัวเองกำลังเผชิญกับทางตัน แต่สำหรับผู้ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและพร้อมจะปรับตัวเพื่อสร้าง โอกาสเป็นเจ้าของบ้าน ให้กับกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง กลับสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ กรณีศึกษาของ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ เสนาฯ ถือเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของการขับเคลื่อนกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการแก้ไข “Pain Point” ของลูกค้าอย่างตรงจุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดแมส ที่เป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตในระยะยาว

คลื่นยักษ์แห่งการปฏิเสธสินเชื่อ: วิกฤตการณ์ที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยกำลังเผชิญ

สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันถูกกดดันอย่างหนักจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศ หนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ และความสามารถในการกู้ของประชาชนที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ข้อมูลจาก ดร. เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการของเสนาฯ ชี้ให้เห็นถึงภาพอันน่าตกใจว่าอัตราการปฏิเสธสินเชื่อในตลาดแนวราบบางพื้นที่ เช่น โครงการบ้านจัดสรรในย่านบางใหญ่ อาจพุ่งสูงถึง 80% และคอนโดมิเนียมเองก็มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 50% ตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่แค่สถิติ แต่หมายถึงความฝันของคนจำนวนมากที่ต้องพังทลายลง เพราะไม่สามารถก้าวข้ามกำแพงของสถาบันการเงินได้

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ “ความต้องการ” ในการมีบ้านที่ลดลง ตรงกันข้าม ความต้องการยังคงมีอยู่สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มบ้านราคาเข้าถึงได้ แต่จุดที่เป็นปัญหาคอขวดคือ “ความสามารถในการกู้” ที่ถูกบั่นทอนลงจากรายได้ที่เติบโตไม่ทันกับราคาบ้านที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงภาระหนี้เดิมที่มีอยู่ การจะหาโซลูชั่นกู้ซื้อบ้านที่ตอบโจทย์จึงกลายเป็นโจทย์ใหญ่ของอุตสาหกรรม การมองหานวัตกรรมที่อยู่อาศัยที่ไม่ได้หยุดอยู่แค่การออกแบบโครงสร้าง แต่รวมถึงการออกแบบกระบวนการทางการเงินให้เอื้อต่อการสร้าง โอกาสเป็นเจ้าของบ้าน คือสิ่งที่เราต้องทำ

ในฐานะนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีประสบการณ์ ผมมองว่านี่คือการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่ท้าทาย ไม่ใช่แค่เพียงการปรับตามวงจรธุรกิจปกติ แต่เป็นการที่เราต้องพิจารณาโมเดลธุรกิจใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การวางแผนซื้อบ้าน ไปจนถึงการให้คำปรึกษาสินเชื่อบ้านแก่ลูกค้าอย่างใกล้ชิด การวิเคราะห์ตลาดอสังหาฯ 2025 ชี้ให้เห็นว่าผู้ประกอบการที่เข้าใจและพร้อมจะลงไปช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้เท่านั้นที่จะสามารถยืนหยัดและเติบโตได้อย่างยั่งยืน

“Next Solution”: กลไกสำคัญในการฟื้นคืนกำลังซื้อและสร้างโอกาสเป็นเจ้าของบ้าน

เสนาฯ ไม่ได้นิ่งเฉยต่อสถานการณ์นี้ แต่กลับเลือกที่จะเป็นผู้ริเริ่มในการสร้าง “บันได” ให้ลูกค้าได้ก้าวขึ้นไปสู่การมีบ้านเป็นของตัวเอง โดยเปิดตัวโมเดล “Next Solution” ซึ่งประกอบด้วยสองกลไกหลักที่น่าสนใจอย่างยิ่ง: LivNext (เช่าออมบ้าน) และ RentNext (เช่าพร้อมสิทธิ์ซื้อ)

LivNext: เปลี่ยนผู้ถูกปฏิเสธสินเชื่อ ให้กลายเป็นผู้มีเครดิต
LivNext คือหัวใจสำคัญในการสร้าง โอกาสเป็นเจ้าของบ้าน ให้กับกลุ่มลูกค้าที่เคย “กู้ไม่ผ่าน” โมเดลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถผ่อนชำระกับโครงการในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ (ประมาณ 1.8%) ผ่านบัญชีพิเศษของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือการ “สร้างเครดิตที่ดี” ให้กับลูกค้าตลอดระยะเวลา 2-3 ปี

แนวคิดนี้ฉลาดมาก เพราะเป็นการเปลี่ยนยอดปฏิเสธสินเชื่อให้กลายเป็นยอดขายในอนาคต เสนาฯ ทำงานร่วมกับ “บริษัทเงินสดใจดี” ในเครือ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อวิเคราะห์ศักยภาพลูกค้าอย่างละเอียด และติดตามพฤติกรรมการเงินทุก 6 เดือน พร้อมให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ลูกค้าสามารถปรับปรุงฐานข้อมูลและพฤติกรรมทางการเงินให้ถูกต้องตามเกณฑ์ของสถาบันการเงิน

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจาก LivNext นั้นน่าทึ่ง ปัจจุบันมีลูกค้าเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 1,000 ยูนิต และมีผู้ที่สามารถกู้ผ่านและโอนกรรมสิทธิ์ได้จริงแล้วถึง 100 ยูนิตภายในเวลาไม่ถึงสองปี นี่คือข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าผู้ที่เคยถูกปฏิเสธสินเชื่อนั้น “ไม่ได้กู้ไม่ได้ตลอดไป” แต่พวกเขาเพียงต้องการเวลาและกระบวนการที่ถูกต้องในการสร้างรากฐานทางการเงินให้มั่นคง LivNext ไม่เพียงช่วยรักษาโอกาสทางธุรกิจที่อาจสูญไปกว่า 2,000 ล้านบาท แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนจำนวนมากให้มี โอกาสเป็นเจ้าของบ้าน ได้ในที่สุด ผมมองว่านี่คือสุดยอดนวัตกรรมทางการเงินอสังหาริมทรัพย์ที่ควรค่าแก่การศึกษา

นอกจากนี้ LivNext ยังสะท้อนให้เห็นถึงการขยายฐานลูกค้าจากกลุ่มบ้านราคา 1-2 ล้านบาท ไปสู่กลุ่ม 3-4 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความต้องการมีบ้านยังคงแข็งแกร่ง เพียงแต่ติดปัญหาเงื่อนไขด้านเครดิตเท่านั้น การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบนี้จึงเป็น win-win solution ทั้งสำหรับผู้ประกอบการและผู้บริโภค

RentNext: เช่าที่มากกว่าเช่า ด้วยความยืดหยุ่นสู่การเป็นเจ้าของ
คู่ขนานไปกับ LivNext คือ RentNext ซึ่งเป็นโมเดลเช่าพร้อมสิทธิ์ซื้อที่มอบความยืดหยุ่นสูงสุดให้กับลูกค้า แนวคิดคือการให้ลูกค้าสามารถนำค่าเช่ามาหักเงินต้นได้ 100% หากตัดสินใจซื้อยูนิตที่เช่าอยู่ หรือ 50% หากย้ายไปซื้อโครงการอื่นในเครือของเสนาฯ โมเดลนี้ตอบโจทย์ลูกค้าที่อาจยังไม่แน่ใจในสถานะทางการเงิน หรือต้องการทดลองใช้ชีวิตในโครงการก่อนตัดสินใจซื้อจริง

ความโดดเด่นของ RentNext คือการบริหารจัดการทรัพย์สินเดิมให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Economy of Scope) โดยเสนาฯ นำทรัพย์สินที่มีอยู่แล้วมาสร้างรายได้ใหม่ ลดต้นทุนการตลาด และเพิ่มอัตราการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ ทำเลที่ได้รับความนิยมในการเช่ามากที่สุดมักเป็นทำเลที่มีความต้องการสูงและมีความเสี่ยงต่ำ เช่น คอนโดพระราม 9, อสังหาริมทรัพย์ในย่านบางนา, บ้านรังสิต และบริเวณนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีแหล่งงานและสถาบันการศึกษา ซึ่งมักจะดึงดูดทั้งผู้เช่าและผู้ที่ต้องการวางแผนซื้อบ้านในอนาคต

โมเดล RentNext นี้สร้างรายได้รวมประมาณ 80-100 ล้านบาทต่อปีให้กับเสนาฯ และที่น่าสนใจคือมี Gross Margin สูงถึง 80% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการบริหารจัดการสต็อกอสังหาฯ และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินทรัพย์เดิม นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่าการมองเห็น โอกาสเป็นเจ้าของบ้าน ของลูกค้าไม่ใช่แค่การขาย แต่เป็นการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวและให้ทางเลือกที่หลากหลาย

กลยุทธ์เชิงรุกเพื่อปี 2569: รัดเข็มขัดและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างยั่งยืน

นอกจากการแก้ไขปัญหา Pain Point ของลูกค้าแล้ว เสนาฯ ยังได้วางแผนกลยุทธ์สำหรับปี 2569 ที่สะท้อนถึงความระมัดระวังและความยั่งยืน โดยจะมีการเปิดโครงการใหม่ลดลง เน้นโครงการที่ชะลอมาจากปีก่อนหรือเฟสต่อเนื่องจากโครงการเดิม เพื่อรักษาสภาพคล่องและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้สินทรัพย์ให้สูงสุด

การบริหารจัดการสต็อกอสังหาฯ อย่างชาญฉลาด:
แทนที่จะเร่งเปิดโครงการใหม่ เสนาฯ เลือกที่จะมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าคงคลังที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่กว่า 5,000 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท โดยมากกว่า 70% เป็นคอนโดมิเนียม นี่ไม่ใช่เพียงการ “ระบายสต็อก” แต่เป็นการปรับปรุงยูนิตเดิมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การรีโนเวทเฟอร์นิเจอร์ ปรับ Layout ไปจนถึงการทำตลาดแบบตรงกลุ่มมากขึ้น เพื่อให้สินค้าสอดรับกับความต้องการจริงของผู้บริโภคในภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป

ดร. เกษรา ได้กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า “การที่เราไม่มีโครงการใหม่ไม่ได้หมายความว่าจำเป็นต้องหยุดพัฒนา” ซึ่งสะท้อนถึงความคิดนอกกรอบ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การสร้างตึกใหม่ แต่เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสิ่งที่สร้างไปแล้ว นี่คือแนวคิดสำคัญสำหรับการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในยุคที่ผู้บริโภคมีความต้องการเฉพาะเจาะจงมากขึ้น และเป็นอีกช่องทางในการเพิ่ม โอกาสเป็นเจ้าของบ้าน สำหรับผู้ที่มองหาความคุ้มค่า

ความยั่งยืน: มาตรฐานใหม่ของการอยู่อาศัย:
อีกหนึ่งเทรนด์สำคัญที่เสนาฯ มุ่งมั่นคือเรื่องความยั่งยืน โดย ดร. เกษรา ยืนยันว่าบ้านในกลุ่มราคาแกรนด์ของเสนาฯ ทุกหลังมีการติดตั้งโซลาร์เซลล์บ้านและแบตเตอรี่เก็บพลังงานเป็นมาตรฐานใหม่ ซึ่งไม่เพียงช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับผู้อยู่อาศัยในระยะยาว แต่ยังตอบโจทย์ความตระหนักเรื่องพลังงานสะอาดและสิ่งแวดล้อม นี่คือการนำเทคโนโลยีสมาร์ทโฮมมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าให้กับที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าแนวทาง Waste Management ในทุกโครงการ เพื่อยกระดับบทบาทของบริษัทในฐานะ “Life Long Trusted Partner” ที่ไม่เพียงพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่ยังดูแลคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในมิติต่างๆ นี่คือปัจจัยสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือและตอบโจทย์เทรนด์ ESG (Environmental, Social, and Governance) ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดอสังหาฯ 2025 และในอนาคต

มุมมองด้านเศรษฐกิจและการเมือง: บทบาทของภาครัฐในการสร้างโอกาสเป็นเจ้าของบ้าน

ดร. เกษรา ให้มุมมองที่เฉียบคมเกี่ยวกับบทบาทของภาครัฐในการสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเน้นย้ำว่ามาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนองที่ออกมาแล้วนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง อาทิ ปัญหาหนี้ครัวเรือนและสินเชื่อที่ตึงตัวเกินไป ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่บั่นทอน โอกาสเป็นเจ้าของบ้าน ของประชาชน

หากรัฐบาลสามารถจัดตั้ง Asset Management Company (AMC) เพื่อซื้อหนี้เสีย หรือปรับโครงสร้างหนี้ภาคครัวเรือนให้เกิดผลจริง ก็จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภคได้อย่างมหาศาล รวมถึงการพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งมีผลโดยตรงต่อ Debt Service Ratio (DSR) และจะช่วยให้ลูกค้ากู้ผ่านได้ง่ายขึ้น การปรึกษาสินเชื่อบ้านจะง่ายขึ้นเมื่อตลาดการเงินมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืนและการสร้างความยืดหยุ่นในระบบสินเชื่อที่อยู่อาศัย คือกุญแจสำคัญที่จะปลดล็อกศักยภาพของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในระยะยาว ไม่ใช่แค่การบรรเทาอาการ แต่เป็นการรักษาที่ต้นเหตุ เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม

สรุปและก้าวต่อไป: สร้างโอกาสเป็นเจ้าของบ้านไปด้วยกัน

กลยุทธ์ของเสนาดีเวลลอปเม้นท์ในปัจจุบันสะท้อนถึงการปรับตัวเชิงรุกและวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นการสร้าง โอกาสเป็นเจ้าของบ้าน ให้กับลูกค้าอย่างแท้จริง แม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2025 และหลังจากนั้นยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลาย แต่โมเดลอย่าง Next Solution แสดงให้เห็นว่าการลงทุนอสังหาริมทรัพย์และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีอนาคตที่สดใส หากผู้ประกอบการกล้าที่จะคิดนอกกรอบ และให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก

การสร้างเครื่องมือช่วยเหลือและเสริมศักยภาพให้ลูกค้าได้เตรียมความพร้อมในการยื่นกู้จริง แม้จะต้องใช้เวลา 2-3 ปี ดังเช่นโมเดล LivNext ไม่ใช่แค่การขายบ้าน แต่คือการวางรากฐานที่มั่นคงให้กับผู้บริโภคในระยะยาว และเป็นการสร้างความสัมพันธ์แบบ “Life Long Trusted Partner” ที่ยั่งยืน

ในฐานะนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และผู้เชี่ยวชาญในตลาด ผมเชื่อมั่นว่าการเรียนรู้จากกรณีศึกษาเช่นนี้ จะช่วยให้เรามองเห็นทิศทางที่ชัดเจนยิ่งขึ้นสำหรับอุตสาหกรรม การให้ความสำคัญกับความยั่งยืน นวัตกรรมที่อยู่อาศัย และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งใน Pain Point ของลูกค้า คือหัวใจสำคัญที่จะขับเคลื่อนตลาดให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน

หากท่านคือหนึ่งในผู้ที่กำลังมองหา โอกาสเป็นเจ้าของบ้าน หรือกำลังสนใจโซลูชั่นใหม่ๆ ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนซื้อบ้าน การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือแม้แต่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคหน้า ผมขอเชิญชวนให้ท่านศึกษาและทำความเข้าใจแนวคิดเหล่านี้ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพราะนี่อาจเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จและความมั่นคงในอนาคต หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการหาโซลูชั่นกู้ซื้อบ้าน หรือแนวโน้มตลาดอสังหาฯ 2025 อย่าลังเลที่จะติดต่อผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำและสร้างเส้นทางสู่การเป็นเจ้าของบ้านในฝันของคุณ.

Previous Post

D2212045 ใส ทอง บาท ไปอวดแฟนเก part2

Next Post

D2212047 รอคอย ขอทานเจอแฟนเก part2

Next Post
D2212047 รอคอย ขอทานเจอแฟนเก part2

D2212047 รอคอย ขอทานเจอแฟนเก part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D2212070 ไม ญญาซ อก ไม องมาด part2
  • D2212069 ขายส มตำ จะเอาเข าตลาดห part2
  • D2212067 คนอย างแก หายไปจากแผนท โลกก ไม คนสนใจหรอก part2
  • D2212068 ทองม นเหล อง นไม ญญาซ อหรอก part2
  • D2212066 าแม นมา แกอย าหน แล วก part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.