พลิกเกมอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2568-2571: กลยุทธ์ Property Perfect ฝ่ามรสุมเศรษฐกิจ สู่เป้าหมายหมื่นล้านบาทและรายได้ยั่งยืน
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปลายปี 2568 กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายที่ซับซ้อนและรุนแรงที่สุดในรอบสองทศวรรษ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคที่ยังคงไร้ทิศทางชัดเจน ความผันผวนทางการเมืองที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน ไปจนถึงกำลังซื้อที่ถดถอยและภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น สถานการณ์เหล่านี้ได้ฉุดรั้งการเติบโตของภาคอสังหาฯ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้หลายธุรกิจต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วนเพื่อความอยู่รอดและแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ท่ามกลางวิกฤตนี้ หนึ่งในผู้เล่นหลักที่มีประสบการณ์ยาวนานในอุตสาหกรรมอย่าง บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PP ได้ประกาศโรดแมปและกลยุทธ์เชิงรุกสำหรับปี 2569 และก้าวต่อไปจนถึงปี 2571 เพื่อพลิกฟื้นธุรกิจ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และมุ่งสู่เป้าหมายยอดขาย 11,000 ล้านบาท พร้อมกับการสร้างเสาหลักแห่งรายได้ประจำให้แข็งแกร่ง ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยมากว่า 10 ปี ผมได้ติดตามการเปลี่ยนแปลงและวิเคราะห์ทิศทางของตลาดมาอย่างใกล้ชิด และเห็นว่ากลยุทธ์ของ Property Perfect ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่ยังแสดงถึงวิสัยทัศน์ที่มองการณ์ไกลเพื่อสร้าง “อสังหาริมทรัพย์ยั่งยืน” ในอนาคต เราจะเจาะลึกถึงวิสัยทัศน์และแนวทางที่ Property Perfect ใช้ในการนำพาองค์กรฝ่าคลื่นลมแห่งความท้าทายนี้ไปได้อย่างไร
ณ สิ้นปี 2568 และก้าวเข้าสู่ปี 2569 ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงอยู่ในช่วงของการปรับฐานที่สำคัญ ตัวเลขบ่งชี้ถึงภาวะอุปทานและอุปสงค์ที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำนวนโครงการเปิดใหม่ที่คาดการณ์ว่าจะลดลงอย่างต่อเนื่อง เหลือเพียงราว 30,000 หน่วยในปี 2568 ในขณะที่ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเองก็อยู่ที่ประมาณ 46,000 หน่วย ซึ่งสะท้อนถึงช่องว่างที่เกิดจากกำลังซื้อที่จำกัด และการชะลอการตัดสินใจของผู้บริโภคอย่างชัดเจน ผู้ประกอบการหลายรายเลือกที่จะชะลอการลงทุนและเน้นระบายสต็อกเดิม ซึ่งส่งผลให้การแข่งขันในตลาดทวีความรุนแรงมากขึ้น
ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาพรวมตลาด “อสังหาริมทรัพย์ไทย” ในปี 2568-2569 สามารถแบ่งออกได้เป็นสองส่วนหลัก คือ “เศรษฐกิจ” และ “การเมือง” ในด้านเศรษฐกิจนั้น การฟื้นตัวยังคงเป็นไปอย่างเชื่องช้าจากผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับที่น่ากังวล และอัตราดอกเบี้ยที่ยังทรงตัวสูงกว่าช่วงปกติ สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนการพัฒนาโครงการของผู้ประกอบการ ตั้งแต่ต้นทุนที่ดิน วัสดุก่อสร้าง ไปจนถึงค่าแรงงาน ในขณะเดียวกัน กำลังซื้อของผู้บริโภคก็ต้องเผชิญกับภาระค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ และความไม่มั่นคงทางรายได้ ทำให้หลายครอบครัวตัดสินใจชะลอการลงทุนขนาดใหญ่ ผู้บริโภคจำนวนมากเลือกที่จะ “ชะลอการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์” เพื่อรอดูความชัดเจนทางเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยที่อาจปรับลดลง ซึ่งรวมถึงกลุ่มนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เคยเป็นหัวหอกสำคัญในการขับเคลื่อน “อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน” ก็ได้ชะลอการตัดสินใจเพื่อรอดูความเชื่อมั่นและเสถียรภาพของตลาดโดยรวม
ส่วนในด้านการเมืองนั้น การเปลี่ยนผ่านผู้นำและการจัดตั้งรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ก่อให้เกิดความไม่แน่นอนและขาดความต่อเนื่องในนโยบายเศรษฐกิจ รัฐบาลใหม่ที่เพิ่งเข้ามาบริหารประเทศยังคงต้องใช้เวลาในการสร้างความเชื่อมั่น และกำหนดทิศทางที่ชัดเจน การขาดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่จับต้องได้และมีประสิทธิภาพ รวมถึงความล่าช้าในการอนุมัติงบประมาณ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ลดลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม หากหลังจากการเลือกตั้งในอนาคตอันใกล้ ประเทศไทยสามารถมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพและทีมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง มีนโยบายที่ชัดเจนและมุ่งเน้นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างจริงจัง ก็จะเป็นกลไกสำคัญในการดึงดูด “การลงทุนอสังหา” และฟื้นฟูความเชื่อมั่นของทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค ซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตของเศรษฐกิจไทยและ “แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์” ในระยะต่อไป การ “วิเคราะห์ตลาดอสังหาริมทรัพย์” อย่างลึกซึ้งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ประกอบการในยุคนี้เพื่อหา “กลยุทธ์ธุรกิจอสังหา” ที่เหมาะสมและสามารถ “พลิกวิกฤตอสังหา” ให้เป็นโอกาสได้
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทายดังกล่าว Property Perfect ซึ่งเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนานกว่า 4 ทศวรรษ และเข้าใจ “พฤติกรรมผู้บริโภคอสังหา” เป็นอย่างดี ได้แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการ “พลิกเกม” และปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสภาพตลาดในปี 2569 โดย คุณศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และเชี่ยวชาญในวงการ ได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการธุรกิจด้วยความระมัดระวัง แต่ยังคงประสิทธิภาพสูงสุด โดยตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 11,000 ล้านบาท สำหรับปี 2569 ซึ่งแบ่งเป็นยอดขายจากโครงการภายใต้แบรนด์ Property Perfect จำนวน 9,000 ล้านบาท และจากโครงการคอนโดมิเนียมของ บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ ซึ่งเป็นบริษัทในเครืออีก 2,000 ล้านบาท
เป้าหมายนี้ถือเป็นการกลับสู่ฐานที่มั่นเดิมของบริษัท แม้ตลาดจะยังคงอยู่ในภาวะ “หดตัว” แต่ด้วยความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน และการใช้ข้อมูลเชิงลึก (Data-Driven Insight) ในการ “วิเคราะห์อสังหาริมทรัพย์” อย่างแม่นยำ ทำให้ Property Perfect มีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถขับเคลื่อนยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ การทำความเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของตลาด การศึกษาเทรนด์การอยู่อาศัยในอนาคต และการนำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์ได้อย่างแม่นยำ คือหัวใจสำคัญในการฝ่าฟันวิกฤตนี้ไปได้ นอกจากนี้ การมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและความสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตรทางธุรกิจ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่ง การลงทุนในการ “วิเคราะห์ข้อมูลตลาดอสังหา” และ “การจัดการอสังหาริมทรัพย์” อย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในภาวะตลาดที่มีความผันผวนสูงเช่นนี้ เพื่อให้ Property Perfect ยังคงเป็นผู้นำที่สามารถปรับตัวและสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ Property Perfect ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งคือ การยกระดับผลิตภัณฑ์และคุณภาพงานก่อสร้าง เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดที่มีความต้องการหลากหลายและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น โดยในปี 2569 บริษัทเตรียม “เปิดตัวแบบบ้านรุ่นใหม่” ในทุกเซกเมนต์ ทั้ง “บ้านเดี่ยว” “บ้านแฝด” และ “ทาวน์โฮม” ซึ่งผ่านการออกแบบร่วมกันระหว่างทีมสถาปนิกทั้งภายในและภายนอกองค์กร โดยมีเป้าหมายเพื่อตอบสนอง “ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยยุคใหม่” และการเปลี่ยนแปลงของ “พฤติกรรมผู้บริโภค” ที่มองหามากกว่าแค่ที่อยู่อาศัย แต่คือการลงทุนในคุณภาพชีวิต
การออกแบบใหม่นี้ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงความสวยงาม แต่ยังรวมถึงการ “ปรับฟังก์ชันภายในบ้าน” ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น มีพื้นที่ใช้สอยที่ยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ เช่น การเพิ่มพื้นที่สำหรับการทำงานที่บ้าน (Work-from-Home Space) ที่มีอุปกรณ์รองรับอย่างครบครัน, มุมออกกำลังกายส่วนตัวภายในบ้าน, พื้นที่สำหรับกิจกรรมของครอบครัวที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นมุมดูหนัง หรือพื้นที่สำหรับงานอดิเรก นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอ “บ้านเดี่ยวทันสมัย” ที่ผสมผสานเทคโนโลยี Smart Home เพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยสูงสุด อาทิ ระบบควบคุมแสงสว่างและเครื่องปรับอากาศอัจฉริยะ, กล้องวงจรปิดที่เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน, ระบบประตูอัจฉริยะ และระบบจัดการพลังงานภายในบ้าน เพื่อการใช้ชีวิตที่ชาญฉลาดและประหยัดพลังงาน รวมถึงการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco-friendly Materials) และเทคโนโลยี “Green Building” เพื่อตอบรับกับเทรนด์ “อสังหาริมทรัพย์ยั่งยืน” และความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค
ควบคู่ไปกับการออกแบบที่ทันสมัย Property Perfect ยังให้ความสำคัญกับการ “ควบคุมคุณภาพงานก่อสร้าง” อย่างเข้มข้น โดยมีการพัฒนากระบวนการตรวจสอบที่ได้มาตรฐานสูงขึ้นในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกวัสดุที่ได้มาตรฐานระดับสากล การควบคุมงานโครงสร้างที่แข็งแรงปลอดภัย ไปจนถึงการเก็บรายละเอียดงานตกแต่งภายในที่ประณีต เพื่อให้มั่นใจว่าทุกยูนิตที่ส่งมอบถึงมือลูกค้ามีคุณภาพสูงสุด ปลอดภัย คงทนถาวร และพร้อมเข้าอยู่ การปรับปรุง “โครงการบ้านจัดสรร” ที่มีอยู่เดิมให้สามารถแข่งขันได้ในตลาด ก็เป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่บริษัทมุ่งมั่นดำเนินการ เพื่อให้ “โครงการบ้านคุณภาพ” ของ Property Perfect ยังคงเป็นทางเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับผู้ที่กำลังมองหา “ที่อยู่อาศัยเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี” การลงทุนใน “นวัตกรรมอสังหาริมทรัพย์” และการรักษา “มาตรฐานการก่อสร้าง” เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการสร้าง “มูลค่าเพิ่มโครงการ” และความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในระยะยาว
นอกเหนือจากการมุ่งเน้นที่ตัวผลิตภัณฑ์แล้ว Property Perfect ยังมองเห็นโอกาสในการสร้างความแตกต่างและ “มูลค่าเพิ่ม” ให้แก่โครงการผ่านการยกระดับ “ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย” โดยได้วางแผน “ปรับปรุงสโมสร” ภายในโครงการต่าง ๆ จำนวน 25 แห่ง ให้เป็น “ศูนย์สุขภาพและไลฟ์สไตล์” หรือ “Health & Lifestyle Club” อย่างเต็มรูปแบบ นี่คือแนวคิดของ “พื้นที่ส่วนกลางรูปแบบใหม่” ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพกาย สุขภาพใจ และความสะดวกสบายอย่างครบวงจร ซึ่งจะกลายเป็นหนึ่งใน “ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์” ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
“Health & Lifestyle Club” เหล่านี้จะไม่ได้เป็นเพียงสโมสรทั่วไป แต่จะถูกพัฒนาให้เป็นศูนย์รวมของกิจกรรมและบริการที่ตอบโจทย์ชีวิตที่สมบูรณ์แบบและ “Wellness Living” ที่กำลังได้รับความนิยมทั่วโลก เช่น
พื้นที่ฟิตเนสและออกกำลังกายที่ทันสมัย: พร้อมอุปกรณ์ครบครันจากแบรนด์ชั้นนำ คลาสออกกำลังกายที่หลากหลาย เช่น โยคะ พิลาทิส ซุมบ้า หรือแม้แต่การฝึกส่วนตัวกับเทรนเนอร์ผู้เชี่ยวชาญ
โซนสุขภาพและความงาม: เช่น ห้องสปา ซาวน่า สตรีม บริการนวดบำบัด หรือพื้นที่สำหรับเมดิเทชันและผ่อนคลาย
พื้นที่ทำงานร่วมกัน (Co-working Space): ที่ออกแบบมาอย่างสวยงามพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน สำหรับลูกบ้านที่ต้องการสถานที่ทำงานใกล้บ้านอย่างสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพ
โซนกิจกรรมสำหรับเด็กและครอบครัว: เช่น สนามเด็กเล่นในร่มและกลางแจ้ง ห้องสมุดสำหรับเด็ก หรือสตูดิโอสำหรับจัดกิจกรรมเสริมทักษะ
บริการด้านสุขภาพเบื้องต้น: อาจรวมถึงการจัดกิจกรรมตรวจสุขภาพประจำปี การให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการหรือจิตแพทย์เบื้องต้น หรือแม้กระทั่งการเป็นจุดรับบริการ Telemedicine เพื่อความสะดวกสบาย
พื้นที่สีเขียวและสวนสาธารณะ: ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันสำหรับ “การพักผ่อนหย่อนใจ” การวิ่งจ็อกกิ้ง หรือการทำกิจกรรมกลางแจ้ง
แนวคิด “ที่อยู่อาศัยเพื่อสุขภาพ” นี้เป็นการสร้าง “ชุมชนน่าอยู่” ที่ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้อยู่อาศัยทุกเพศทุกวัย ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของสมาชิกโครงการ สร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนที่แข็งแกร่ง และแน่นอนว่าเป็นการ “สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่โครงการ” ในระยะยาว ทำให้ Property Perfect โดดเด่นในฐานะผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยที่ใส่ใจในทุกมิติของชีวิต การพัฒนา “ชุมชนน่าอยู่” และการสร้างสรรค์ “ประสบการณ์การอยู่อาศัย” ที่เหนือกว่า คือกุญแจสำคัญในการดึงดูดและรักษาลูกค้าไว้ในระยะยาว และสร้างความผูกพันกับแบรนด์ได้อย่างยั่งยืน
เพื่อสร้างรากฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงรายได้จากการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว Property Perfect ได้วาง “กลยุทธ์การลงทุน” เชิงรุกเพื่อสร้าง “รายได้ประจำ” หรือ “Recurring Income” ให้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ กลยุทธ์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้าง “ภูมิคุ้มกันให้ธุรกิจ” ท่ามกลางความผันผวนของตลาด และเพื่อให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
บริษัทอยู่ระหว่างการวิเคราะห์โอกาสเชิงกลยุทธ์และวางแผน “การลงทุนระยะยาวอสังหา” ในธุรกิจที่มีศักยภาพในการสร้างกระแสรายได้ที่สม่ำเสมอ โดยตั้งเป้าสัดส่วน “รายได้ประจำ” ให้ไม่น้อยกว่า 30% ภายในปี 2571 ซึ่งจะเป็นการกระจายความเสี่ยงและเพิ่มเสถียรภาพทางการเงินขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ การปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความกระชับและคล่องตัวมากขึ้น ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการนี้ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงและคว้าโอกาสใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับการเพิ่มรายได้จากบริษัทร่วมทุนที่มีอยู่
แหล่งรายได้ประจำที่ Property Perfect กำลังพิจารณาและลงทุน อาจครอบคลุมถึง:
ธุรกิจโรงแรมและการบริการ: จากบริษัทในเครืออย่าง Grand Asset Hotels and Property ซึ่งเป็นจุดแข็งเดิม และมีแผนขยายพอร์ตโฟลิโอโรงแรมหรูและรีสอร์ทในทำเลศักยภาพสูง เพื่อตอบรับ “ตลาดคอนโดมิเนียม” และการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว
อสังหาริมทรัพย์ให้เช่าเชิงพาณิชย์: เช่น อาคารสำนักงานให้เช่าในย่านธุรกิจ พื้นที่ค้าปลีกภายในโครงการที่พักอาศัย หรือเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้เช่าระยะยาว
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพและ Wellness: ซึ่งเชื่อมโยงกับ Health & Lifestyle Club เช่น การบริหารจัดการศูนย์สุขภาพและบริการด้านสุขภาพเฉพาะทาง ที่สามารถเปิดให้บริการแก่บุคคลภายนอกได้ด้วย
ธุรกิจพลังงานทางเลือก: หรือโซลูชันด้านความยั่งยืนสำหรับโครงการ เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ หรือการให้บริการจัดการพลังงาน
การลงทุนในบริษัทร่วมทุน (Joint Ventures): ที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในธุรกิจ “อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน” ที่มีอัตราผลตอบแทนที่ดีและมีความเสี่ยงต่ำ เช่น โครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์แบบผสมผสาน (Mixed-use Development) หรือโครงการสำหรับผู้สูงอายุ (Senior Living)
การมุ่งเน้น “การสร้างรายได้ประจำ” ไม่ใช่เพียงแค่การเพิ่มตัวเลขทางการเงิน แต่เป็นการเสริมสร้างความมั่นคงระยะยาวให้กับ Property Perfect ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ สามารถนำไปลงทุนต่อยอดและพัฒนาธุรกิจหลักได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องขึ้นอยู่กับวัฏจักรของตลาดอสังหาริมทรัพย์เพียงอย่างเดียว นี่คือวิสัยทัศน์ของการ “ลงทุนอสังหา” ที่มองการณ์ไกล และเป็นแบบอย่างที่ดีของ “ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยั่งยืน” ในยุค 2025-2028 ซึ่งจะสร้างคุณค่าให้กับผู้ถือหุ้นและผู้บริโภคไปพร้อมกัน
สรุปได้ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2568-2569 ยังคงเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน แต่ด้วยวิสัยทัศน์ที่เฉียบคมและกลยุทธ์เชิงรุกแบบรอบด้าน Property Perfect ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะ “พลิกวิกฤตเป็นโอกาส” บริษัทไม่ได้เพียงแค่ปรับตัวเพื่อความอยู่รอด แต่ยังก้าวไปข้างหน้าด้วยการนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ การยกระดับคุณภาพชีวิตผ่าน “Health & Lifestyle Club” ที่ตอบโจทย์ “ที่อยู่อาศัยเพื่อสุขภาพ” และการสร้างรากฐานทางการเงินที่แข็งแกร่งด้วย “รายได้ประจำ” ที่จะนำพาองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว และเป็นผู้นำใน “ตลาดคอนโดมิเนียม” และ “บ้านเดี่ยว”
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการ ผมเชื่อมั่นว่าแนวทางของ Property Perfect ไม่เพียงแต่จะช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมายยอดขาย 11,000 ล้านบาทในปี 2569 และเป้าหมาย “รายได้ประจำ 30%” ในปี 2571 แต่ยังเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับ “อสังหาริมทรัพย์ไทย” ด้วยการนำเสนอ “โครงการบ้านคุณภาพ” ที่ผสานนวัตกรรม การออกแบบ และการใส่ใจในชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนอย่างแท้จริง และเป็นแบบอย่างของการ “ลงทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่ออนาคต” ที่มั่นคงและสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน
หากคุณกำลังมองหา “ที่อยู่อาศัย” ที่ไม่เพียงเป็นแค่บ้าน แต่เป็นวิถีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ที่มาพร้อมกับ “บ้านเดี่ยวทำเลทอง” “คอนโดหรู” หรือ “ทาวน์โฮมทำเลดี” ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ หรือเป็นนักลงทุนที่กำลังมองหาโอกาสใน “อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน” ที่มั่นคงและเติบโตอย่างยั่งยืน ผมขอเชิญชวนให้คุณสัมผัสกับนวัตกรรมและวิสัยทัศน์ของ Property Perfect วันนี้ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตการอยู่อาศัยที่เหนือกว่า พร้อมค้นพบคุณค่าที่แท้จริงของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์คุณภาพ เยี่ยมชมโครงการของเราและสัมผัสประสบการณ์ “Wellness Living” ที่ Property Perfect ตั้งใจสร้างสรรค์ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง!