• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D1912147 กชะตาน องแฟน เลยอยากได มาควงแขนส กหน อย! part2

admin79 by admin79
December 22, 2025
in Uncategorized
0
D1912147 กชะตาน องแฟน เลยอยากได มาควงแขนส กหน อย! part2

อสังหาริมทรัพย์ไทย: เข็มทิศใหม่นำพาเศรษฐกิจก้าวพ้นวิกฤตสู่ยุค 2025

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการมานานกว่าทศวรรษ ผมเฝ้ามองพลวัตของเศรษฐกิจไทยมาโดยตลอด เห็นทั้งช่วงขาขึ้นที่รุ่งเรืองและช่วงเวลาท้าทายที่ต้องฝ่าฟันมานับครั้งไม่ถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงเวลาปัจจุบันที่โลกกำลังเผชิญกับความผันผวนรอบด้าน “เศรษฐกิจไทยถึงทางตัน โอกาสรอดอยู่ตรงไหน” จึงไม่ใช่แค่คำถาม หากแต่เป็นเสียงสะท้อนจากความกังวลที่สังคมไทยกำลังเผชิญ การพึ่งพากลไกเดิมๆ ในการขับเคลื่อนประเทศอาจไม่เพียงพออีกต่อไป ถึงเวลาแล้วที่เราต้องกล้าคิดนอกกรอบ และมองหาเส้นทางใหม่ๆ ที่มีศักยภาพในการพลิกฟื้นและสร้างความแข็งแแกร่งอย่างยั่งยืน หนึ่งในกุญแจสำคัญที่ผมเชื่อมั่นว่าจะสามารถปลดล็อกศักยภาพอันมหาศาลของประเทศได้ นั่นคือการปฏิรูปและใช้ อสังหาริมทรัพย์ไทย ให้เป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแห่งอนาคต

สถานการณ์เศรษฐกิจโลกและไทย: ภาพสะท้อนจากความเปราะบาง

เราต้องยอมรับว่าปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญศึกหลายด้าน ดร.บัณฑิต นิจถาวร อดีตรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เคยเตือนถึงกับดัก “ทศวรรษที่สาบสูญ” ซึ่งสะท้อนผ่านการลงทุนในตลาดหุ้นที่ไร้สัญญาณฟื้นตัว ยิ่งไปกว่านั้น รายงานจากสื่อต่างประเทศอย่าง The Economist ยังชี้ให้เห็นถึงการพึ่งพาอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ลงทุนโดยญี่ปุ่นมากเกินไป ซึ่งเคยเป็นเสาหลักในการขับเคลื่อน GDP ของประเทศมาอย่างยาวนาน แต่ด้วยภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรง และภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว ทำให้สินค้าจากจีนที่ถูกกดดันจากเทรดวอร์ไหลทะลักเข้ามาในภูมิภาค ส่งผลกระทบโดยตรงต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย

ปัญหาเชิงโครงสร้างภายในประเทศก็เป็นอีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญ หนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงจาก 40% ของ GDP เมื่อทศวรรษที่แล้ว มาแตะระดับ 126% ในปัจจุบัน เป็นสัญญาณอันตรายที่ชี้ว่าเรากำลังใช้จ่ายเงินในอนาคตเพื่อหล่อเลี้ยงการเติบโต ซึ่งไม่ใช่แนวทางที่ยั่งยืน และจะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวเป็นไปได้ยากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาโครงสร้างประชากรที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว จะนำไปสู่ภาวะขาดแคลนแรงงานคุณภาพในอนาคต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการผลิตและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แม้รัฐบาลจะพยายามผลักดันการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) แต่เรายังคงประสบปัญหาในการผลิตชิ้นส่วนป้อนอุตสาหกรรมดังกล่าว เนื่องจากเทคโนโลยีและองค์ความรู้ของเรายังไม่ก้าวหน้าทัดเทียมชาติชั้นนำ การส่งออกสินค้าอื่นๆ ที่เคยเป็นแชมป์ในอดีตก็เริ่มถดถอยลง และความเสี่ยงจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่ปะทุขึ้นในหลายภูมิภาคทั่วโลก ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับภาคการส่งออกของไทยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ภาคการท่องเที่ยวที่เคยเป็นความหวังสำคัญก็ยังคงฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ แม้จะมีความพยายามดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่จำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวมและเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวจากจีน ยังคงห่างไกลจากระดับก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 การจะหวนคืนสู่จุดสูงสุดเดิมจึงไม่ใช่เรื่องง่าย สะท้อนให้เห็นว่าการพึ่งพาเศรษฐกิจเพียงไม่กี่ภาคส่วนนั้นมีความเสี่ยงสูง และถึงเวลาแล้วที่เราต้องพิจารณาปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ทั้งหมด

การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ: บทเรียนจากนานาชาติ

ผมเชื่อว่าประเทศไทยไม่สามารถยึดติดกับโครงสร้างเศรษฐกิจแบบเดิมได้อีกต่อไป หากเราต้องการก้าวข้ามกับดักนี้ จำเป็นต้องทบทวนและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งใหญ่ เพราะที่ผ่านมาเราพึ่งพาภาคการส่งออกมากเกินไป ทำให้เศรษฐกิจมีความเปราะบางต่อปัจจัยภายนอก ดังที่เห็นได้ชัดจากวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามา

บทเรียนจากหลายประเทศที่เคยเผชิญความท้าทายคล้ายกัน แสดงให้เห็นถึงแนวทางที่ประสบความสำเร็จในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างกล้าหาญ:

สิงคโปร์: เปลี่ยนผ่านจากประเทศอุตสาหกรรมไปสู่ศูนย์กลางภาคบริการระดับโลก คิดเป็นกว่า 70% ของ GDP โดยเน้น การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ในภาคการเงิน ธนาคาร เทคโนโลยี ดิจิทัลอีโคโนมี และการศึกษา ดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศมหาศาล
เกาหลีใต้: จากที่เคยเน้นอุตสาหกรรมหนัก ก็หันมาให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีชั้นสูง อุตสาหกรรมบันเทิง (K-Pop, K-Drama) และภาคบริการ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนราว 10% ของ GDP แต่สร้างมูลค่าเพิ่มมหาศาล
ฮ่องกง: เคยเป็นฐานการผลิตโรงงานทอผ้า ก็พลิกโฉมเป็นศูนย์กลางทางการเงิน การบริการ และ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ที่สำคัญของเอเชีย
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE): จากประเทศที่พึ่งพารายได้จากการขายน้ำมัน ซึ่งปัจจุบันเหลือไม่ถึง 30% ของ GDP ก็ได้เปลี่ยนผ่านไปสู่การท่องเที่ยวเชิงหรูหรา ธุรกิจบริการ และส่งเสริมอุตสาหกรรม MICE (การประชุม นิทรรศการ การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล) รวมถึงการเปิดเสรี อสังหาริมทรัพย์ไทย ให้ชาวต่างชาติได้ลงทุน ซึ่งเป็นปัจจัยดึงดูดมหาศาล
สหราชอาณาจักร: อดีตผู้นำอุตสาหกรรม ได้เปลี่ยนผ่านสู่ภาคบริการกว่า 80% ของ GDP โดยกรุงลอนดอนกลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินและเทคโนโลยีของยุโรป

โครงสร้าง GDP ของไทยในปัจจุบัน แบ่งเป็น การบริโภคภาคเอกชน 57.7%, การลงทุนภาคเอกชน 17.3%, การใช้จ่ายภาครัฐ 22.2%, การส่งออกสินค้าและบริการ 65.4% และการนำเข้าสินค้าและบริการ 63.7% ขณะที่โครงสร้างเศรษฐกิจด้านการผลิต ภาคเกษตรกรรม 8.4%, ภาคอุตสาหกรรม 39.2% และภาคบริการ 52% คำถามที่สำคัญคือ เราได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่แท้จริงเท่าไหร่? และเราจะสร้างมูลค่าเพิ่มจากภาคบริการได้มากกว่านี้ได้อย่างไร?

ผมมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพและจุดแข็งมากมายที่ชาวต่างชาติชื่นชอบ ปี 2024 กรุงเทพฯ ยังคงติดอันดับ 1 เมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในโลก เรามีโรงพยาบาลติดอันดับดีที่สุดในโลกหลายแห่ง คนไทยมีอัธยาศัยไมตรีที่ดี การบริการที่เป็นเลิศ อาหารไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล สภาพอากาศดี และค่าครองชีพที่สมเหตุสมผล หากเราสามารถเปลี่ยนผ่านจากภาคอุตสาหกรรม ไปสู่การเป็นศูนย์กลางภาคบริการและ อสังหาริมทรัพย์ไทย อย่างจริงจัง โอกาสในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริง

อสังหาริมทรัพย์ไทย: เครื่องมือฟื้นฟูเศรษฐกิจจากภายนอก

จากประสบการณ์ของผม ประเทศที่เผชิญปัญหากำลังซื้อภายในประเทศลดลง หนี้ครัวเรือนสูง และรายได้ไม่เติบโต มักใช้วิธีดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาซื้อ อสังหาริมทรัพย์ในไทย และใช้จ่ายในประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีหลายกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง:

โปรตุเกส: ในปี 2012 ได้เปิดตัวโครงการ Golden Visa อนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ ซื้อบ้านในไทยชาวต่างชาติ หรืออสังหาริมทรัพย์มูลค่าตั้งแต่ 500,000 ยูโรขึ้นไป ได้รับสิทธิพำนัก ทำให้เงินทุนไหลเข้ากว่า 7 พันล้านยูโร ช่วยฟื้นเศรษฐกิจหลังวิกฤตหนี้ และกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
สเปน: หลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 2008 ได้ออกโครงการ Residency by Investment ให้ชาวต่างชาติลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ 500,000 ยูโรขึ้นไป สามารถกระตุ้นตลาดบ้านที่ซบเซาได้สำเร็จ และช่วยให้ GDP ฟื้นตัว 3% ภายใน 5 ปี โดยดึงดูดนักลงทุนจากจีน รัสเซีย และตะวันออกกลางจำนวนมาก
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์: มีโครงการ Freehold Property ที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถซื้อบ้านแบบกรรมสิทธิ์สมบูรณ์ได้ สิ่งนี้ดึงดูดนักลงทุนจำนวนมหาศาล ทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยวคิดเป็นกว่า 50% ของ GDP จนกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับโลกอย่างแท้จริง
กรีซ: โครงการ Greece Golden Visa ที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติ ซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน มูลค่าตั้งแต่ 250,000 ยูโรขึ้นไป ได้รับวีซ่าพำนัก ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตกว่า 60% ภายใน 10 ปี ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากวิกฤตหนี้ยุโรปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มาเลเซีย: โครงการ Malaysia My Second Home (MM2H) เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้ามาพำนักระยะยาว กระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัย และดึงดูดผู้เกษียณอายุและนักลงทุนจากจีนและญี่ปุ่นให้เข้ามาใช้ชีวิตในมาเลเซีย

จากบทเรียนเหล่านี้ ผมจึงมีแนวคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราควรเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติสามารถถือครอง อสังหาริมทรัพย์ไทย เพื่ออยู่อาศัยได้อย่างเสรีและเป็นทางการ ประเทศไทยมีที่ดินกว่า 321 ล้านไร่ มีเอกสารสิทธิประมาณ 127 ล้านไร่ (40%) ไม่ต้องกังวลว่าที่ดินของประเทศไทยจะถูกต่างชาติยึดครองจนหมด เพราะหากสมมติว่าใน 1 ปี เราสามารถขายบ้านให้ชาวต่างชาติได้ 200,000 หลัง คิดเป็นสัดส่วนที่ดินยังไม่ถึง 0.2% ของที่ดินทั้งหมดที่เรามีอยู่ด้วยซ้ำ ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับศักยภาพทางเศรษฐกิจที่จะได้รับ

ในปี 2565 มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศจำนวน 392,858 หน่วย มูลค่ากว่า 1,065,008 ล้านบาท หากเราสามารถขายให้ชาวต่างชาติได้เพียง 1 ใน 4 ของจำนวนนี้ จะสร้างมูลค่าได้มหาศาลถึงประมาณ 250,000 ล้านบาทต่อปี หรือหากมองในมุมของมูลค่ารวม ผมเชื่อว่าศักยภาพของ อสังหาริมทรัพย์ไทย สำหรับชาวต่างชาติยังสามารถทำได้ถึง 1 ล้านล้านบาท ชาวต่างชาติต้องการมาอยู่ในประเทศไทย เพราะค่าครองชีพต่ำ คุณภาพชีวิตดี อาหารอร่อย สภาพอากาศเป็นมิตร ระบบสาธารณสุขที่ถูกกว่าชาติตะวันตก อสังหาริมทรัพย์ไทย ก็ยังถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพชีวิตที่ได้รับ สังคมไทยเป็นมิตร และอินเทอร์เน็ตมีคุณภาพดีเยี่ยม ทำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูงและกลุ่มเกษียณอายุ

แม้ที่ผ่านมาจะมีความพยายามผลักดันกลุ่มผู้มีรายได้สูงพิเศษให้เข้ามาลงทุน แต่ในความเป็นจริง กลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่อาศัยในไทยส่วนใหญ่กลับเป็นกลุ่มรายได้ปานกลางถึงสูง ที่ยังพอมีกำลังซื้อบ้านในระดับราคาที่ไม่ได้สูงมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มราคา 5-7 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่มียอดขายดีและเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่อง หากเรามองในมุมของ อสังหาริมทรัพย์ให้เช่าผลตอบแทนสูง หรือ คอนโดหรูวิวทะเล ในพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างภูเก็ตหรือพัทยา นี่คือโอกาสทองของการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ

ผลกระทบเชิงบวกจากการผลักดันนโยบายนี้มีอย่างมหาศาล:
ยอดขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น: สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในตลาดโดยตรง
ธุรกิจวัสดุก่อสร้างได้รับอานิสงส์: กระตุ้นอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องทั้งหมด
การจ้างงานโดยตรงและทางอ้อม: ตั้งแต่แรงงานก่อสร้างไปจนถึงภาคบริการที่เกี่ยวข้อง
การบริโภคจากผู้อยู่อาศัย: สร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
การเพิ่มขึ้นของ GDP: ตัวอย่างเช่น การขายบ้านให้ต่างชาติ 10,000 หลัง สามารถเพิ่ม GDP ได้ถึง 0.75% แต่ถ้าทำได้ถึง 100,000 หลัง จะทำให้ GDP บวกถึง 7% ซึ่งเป็นตัวเลขที่มหาศาลและจะช่วยสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดให้กับเศรษฐกิจไทย ในปัจจุบันเราทราบดีว่ามีการซื้อขายทั้งแบบถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมาย (Nominee) เป็นจำนวนหลักหมื่นหลังแล้วในจังหวัดอย่างภูเก็ตและพัทยา ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความต้องการที่แท้จริง

จากประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน ผมเชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องหันมาทบทวนอย่างจริงจังเกี่ยวกับการอนุโลมให้ชาวต่างชาติถือครอง อสังหาริมทรัพย์ไทย เพื่ออยู่อาศัยอย่างเป็นรูปธรรม การเปลี่ยนผ่านจากการพึ่งพาภาคอุตสาหกรรม มาสู่การใช้ภาค อสังหาริมทรัพย์ไทย เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก โดยการสร้างกำลังซื้อจากต่างประเทศ เป็นทางออกที่สามารถสร้างความหวังและโอกาสใหม่ๆ ให้กับเศรษฐกิจไทยในอนาคต มันคือหนึ่งในไม่กี่ทางเลือกที่ยังคงเปิดกว้างและมีศักยภาพในการพลิกฟื้นประเทศของเราในวันนี้

ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องมอง อสังหาริมทรัพย์ไทย ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่คือหัวใจสำคัญในการสร้างโอกาส การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในไทย ที่ดึงดูดเม็ดเงินจากทั่วโลก การสร้างนโยบายที่ชัดเจนและเอื้อต่อการลงทุนของชาวต่างชาติจะส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงกว้าง สร้างงาน สร้างรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยได้อย่างแท้จริง หากท่านพร้อมที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอนาคตของเศรษฐกิจไทยด้วยวิสัยทัศน์ใหม่นี้ เรายินดีที่จะร่วมแลกเปลี่ยนและนำเสนอแนวทางที่เป็นรูปธรรมเพื่อก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน

Previous Post

D1912146 ณแม ลไซเมอร เผลอหวนน กถ งอด ต! part2

Next Post

D1912138 ตอนเด อดร อนว งเข าหา พอหมดค าแค หน าก ไม อยากมอง part2

Next Post
D1912138 ตอนเด อดร อนว งเข าหา พอหมดค าแค หน าก ไม อยากมอง part2

D1912138 ตอนเด อดร อนว งเข าหา พอหมดค าแค หน าก ไม อยากมอง part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D2312005 อะไรๆพ ตค งต นไม part2
  • D2312004 อสาม ไม มารยาทเอาซะเลย part2
  • D2312003 บรถหร มาอวด อต องตกงาน part2
  • D2312002 กล าด งไง โยนขวดใส รถหร ของฉ part2
  • D2312001 ไม องสนใจ จงเป นในส งท ควรเป part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.