• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D1912116 าวต มทรงเคร อง คำว ารวยของคนม นไม เท าก part2

admin79 by admin79
December 20, 2025
in Uncategorized
0
D1912116 าวต มทรงเคร อง คำว ารวยของคนม นไม เท าก part2

ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยอสังหาริมทรัพย์: วิสัยทัศน์ผู้เชี่ยวชาญ 10 ปี สู่การพลิกฟื้นประเทศปี 2025

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์มานานกว่าทศวรรษ ผมเฝ้ามองเศรษฐกิจไทยด้วยความกังวลและโอกาสที่ซ่อนอยู่ สถานการณ์ปัจจุบันเปรียบเสมือนเรือที่กำลังเผชิญพายุหนักรอบด้าน ทั้งจากปัจจัยภายนอกและโครงสร้างภายในที่เสื่อมถอยลงเรื่อย ๆ คำถามที่ผุดขึ้นในใจของนักธุรกิจและประชาชนทั่วไปคือ “ประเทศไทยกำลังไปทางไหน และเราจะหาทางรอดได้อย่างไร?” บทความนี้จะเจาะลึกถึงวิกฤตเศรษฐกิจที่เรากำลังเผชิญ และนำเสนอแนวทางอันเป็นรูปธรรมในการ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืน

พายุเศรษฐกิจรอบด้าน: วิกฤตที่ต้องเผชิญหน้า

โลกในปี 2025 กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ประเทศไทยยืนอยู่บนทางแยกที่สำคัญ ไม่ใช่เพียงแค่ความท้าทายทางเศรษฐกิจปกติ แต่เป็นวิกฤตเชิงโครงสร้างที่อาจนำไปสู่ “ทศวรรษที่สาบสูญ” อย่างที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และอดีตรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยอย่าง ดร.บัณฑิต นิจถาวร ได้เคยส่งสัญญาณเตือนไว้ นี่คือภาพรวมของปัญหาที่เรากำลังเผชิญ:

สงครามการค้าและการปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทานโลก:
เดิมที ประเทศไทยพึ่งพิงการส่งออก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนที่ลงทุนโดยญี่ปุ่นอย่างมาก ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) มายาวนาน
ปัจจุบัน สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้เกิดการย้ายฐานการผลิตและช่องทางการค้า จีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่และคู่ค้าสำคัญของเรา ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทำให้สินค้าจีนทะลักเข้าสู่ตลาดเพื่อนบ้านรวมถึงไทย สร้างแรงกดดันต่อผู้ประกอบการในประเทศ
แม้รัฐบาลจะพยายามส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) แต่ปัญหาสำคัญคือ ผู้ประกอบการไทยจำนวนมากยังขาดเทคโนโลยีและความสามารถในการผลิตชิ้นส่วนป้อนอุตสาหกรรม EV ได้อย่างเต็มศักยภาพ ทำให้เรายังคงเป็นเพียงฐานการประกอบมากกว่าผู้ผลิตหลัก ซึ่งอาจทำให้เราพลาดโอกาสในการเป็นผู้นำในยุคพลังงานสะอาด

หนี้ครัวเรือนพุ่งสูงและการบริโภคที่ชะลอตัว:
ในช่วง 20-30 ปีที่แล้ว เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่ในช่วง 10 ปีหลังมานี้ การเติบโตที่เราเห็นส่วนหนึ่งมาจากการก่อหนี้ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่หนี้ครัวเรือนเคยอยู่ที่ประมาณ 40% ของ GDP กลับพุ่งขึ้นเป็นกว่า 90% ในปัจจุบัน (ตัวเลข ณ ปี 2568) แสดงให้เห็นถึงการนำเงินในอนาคตมาใช้จ่ายจำนวนมหาศาล
หนี้ครัวเรือนที่สูงลิ่วนี้เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ เพราะกำลังซื้อของผู้คนถูกจำกัดด้วยภาระหนี้ ทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นไปได้ยากขึ้น

ปัญหาโครงสร้างประชากรและขาดแคลนแรงงาน:
ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนแรงงานในอนาคตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แรงงานที่มีประสิทธิภาพในการสร้างผลิตภาพทางเศรษฐกิจก็น้อยลงตามไปด้วย
นอกจากนี้ ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมยังคงเป็นประเด็นใหญ่ที่บั่นทอนศักยภาพการเติบโตของประเทศ

การท่องเที่ยวเผชิญความท้าทายใหม่:
แม้รัฐบาลจะพยายามพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยว แต่การจะกลับไปสู่จุดสูงสุดก่อนเกิดโควิดในปี 2562 นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่พฤติกรรมการเดินทางเปลี่ยนไป และการแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้านที่รุนแรงขึ้น ทำให้เราต้องปรับกลยุทธ์การตลาดและพัฒนาบริการให้ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ๆ

ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์:
ความขัดแย้งระหว่างประเทศและการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นทั่วโลก ก่อให้เกิดความไม่แน่นอนในการค้า การลงทุน และการเดินทาง ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่เราควบคุมได้ยาก แต่ต้องเตรียมพร้อมรับมือ

จากสถานการณ์ทั้งหมดนี้ ทำให้ผมเชื่อว่า การดำรงอยู่ด้วยโครงสร้างเศรษฐกิจแบบเดิมๆ นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่

พลิกโฉมโครงสร้าง GDP: ถอดบทเรียนจากนานาชาติ สู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยอสังหาริมทรัพย์

หากพิจารณาโครงสร้าง GDP ของไทยที่ผ่านมา พบว่ายังคงพึ่งพาการบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชน การใช้จ่ายภาครัฐ การส่งออก และการนำเข้าเป็นหลัก โดยภาคเกษตรกรรมมีสัดส่วน 8.4% ภาคอุตสาหกรรม 39.2% และภาคบริการ 52% คำถามคือ รายได้จากการส่งออกที่เราได้รับนั้นคุ้มค่าจริงหรือ? และภาคบริการของเราสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากพอหรือไม่?

ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะต้องกล้าที่จะเปลี่ยน และเราสามารถเรียนรู้จากหลายประเทศที่เคยเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจและสามารถพลิกฟื้นได้อย่างน่าทึ่งด้วยการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ:

สิงคโปร์: จากประเทศอุตสาหกรรม ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางบริการระดับโลก คิดเป็นกว่า 70% ของ GDP โดยเน้นภาคการเงิน ธนาคาร เทคโนโลยี เศรษฐกิจดิจิทัล และการศึกษา สามารถสร้างรายได้จากต่างประเทศได้อย่างมหาศาล การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกเป็นหัวใจสำคัญในการดึงดูดเม็ดเงินเหล่านี้
เกาหลีใต้: จากอุตสาหกรรมหนัก พลิกสู่เทคโนโลยีชั้นสูงและอุตสาหกรรมบันเทิง (K-Pop, ซีรีส์เกาหลี) พร้อมกับการเติบโตของภาคบริการ
ฮ่องกง: จากฐานการผลิตโรงงานทอผ้า สู่ศูนย์กลางการเงิน การบริการ และอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก ที่ดินที่จำกัดถูกใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ในการสร้างมูลค่าเพิ่มมหาศาล
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE): จากประเทศที่พึ่งพารายได้จากน้ำมันเป็นหลัก (ปัจจุบันเหลือน้อยกว่า 30% ของ GDP) เปลี่ยนสู่การท่องเที่ยวหรูหรา ธุรกิจบริการ และการส่งเสริมอุตสาหกรรม MICE (การประชุม นิทรรศการ) โดยมีอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกเป็นแม่เหล็กสำคัญ ดึงดูดทั้งนักลงทุนและผู้เข้ามาพำนัก
อังกฤษ: อดีตผู้นำอุตสาหกรรม ปัจจุบันภาคบริการมีสัดส่วนกว่า 80% ของ GDP โดยมีลอนดอนเป็นศูนย์กลางทางการเงินและเทคโนโลยีของยุโรป การลงทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ในพื้นที่ยุทธศาสตร์กลายเป็นกลไกสำคัญ

ประเทศไทยมีจุดแข็งมากมายที่ชาวต่างชาติชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพฯ ที่ติดอันดับเมืองที่นักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในโลก (ปี 2024) โรงพยาบาลติดอันดับโลกหลายแห่ง ผู้คนมีมนุษยสัมพันธ์ดี บริการที่ดีเยี่ยม ค่าครองชีพต่ำ คุณภาพชีวิตที่ดี อาหารไทยที่ได้รับการยอมรับ สภาพอากาศที่อบอุ่น และระบบสาธารณสุขที่ดีกว่าหลายประเทศตะวันตก สิ่งเหล่านี้คือต้นทุนอันมหาศาลที่เราสามารถนำมาต่อยอดได้ หากเราเปลี่ยนจากการพึ่งพาภาคอุตสาหกรรม มาสู่ภาคบริการที่แข็งแกร่ง และใช้ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นกลไกหลักในการ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยอสังหาริมทรัพย์

บทเรียนจากทั่วโลก: อสังหาริมทรัพย์กับการกอบกู้เศรษฐกิจ

ในอดีต หลายประเทศที่เผชิญปัญหากำลังซื้อภายในลดลง หนี้ครัวเรือนสูง และรายได้ไม่เติบโต ได้ใช้นโยบายที่ชาญฉลาดในการดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์และใช้จ่ายในประเทศ ซึ่งเป็นวิธีที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม:

โปรตุเกส (Golden Visa, 2012): เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่า 500,000 ยูโรขึ้นไป แลกกับสิทธิพำนักถาวร ทำให้เงินทุนไหลเข้ากว่า 7 พันล้านยูโร สามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจหลังวิกฤตหนี้ยุโรปได้อย่างรวดเร็ว ราคาบ้านก็ฟื้นตัวตาม การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไทย ก็สามารถใช้โมเดลนี้ได้
สเปน (Residency by Investment): หลังวิกฤตปี 2008 เปิดให้นักลงทุนต่างชาติลงทุน 500,000 ยูโรขึ้นไป ช่วยกระตุ้นตลาดบ้านที่ซบเซาและทำให้ GDP ฟื้นตัว 3% ภายใน 5 ปี โดยดึงดูดนักลงทุนจากจีน รัสเซีย และตะวันออกกลาง
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (Freehold Property): อนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถซื้อบ้านแบบกรรมสิทธิ์สมบูรณ์ (Freehold) ได้ ดึงดูดนักลงทุนมหาศาล ทำให้อสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยวคิดเป็นกว่า 50% ของ GDP จนกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับโลก
กรีซ (Greece Golden Visa): เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ 250,000 ยูโรขึ้นไป เพื่อรับวีซ่าพำนักในประเทศ ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโต 60% ภายใน 10 ปี ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจหลังวิกฤตหนี้ยุโรป
มาเลเซีย (Malaysia My Second Home – MM2H): โครงการเปิดให้ชาวต่างชาติเข้ามาพำนักระยะยาว กระตุ้นตลาดบ้าน ดึงดูดผู้เกษียณอายุและนักลงทุนจากจีน ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ ถือเป็นอีกทางเลือกสำหรับการลงทุนอสังหาริมทรัพย์

บทเรียนเหล่านี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การเปิดประตูให้ชาวต่างชาติเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของเรา ไม่ใช่แค่การขายบ้าน แต่เป็นการฉีดเม็ดเงินขนาดใหญ่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และเป็นการ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยอสังหาริมทรัพย์ อย่างมีประสิทธิภาพ

เปิดโอกาสให้ต่างชาติถือครองอสังหาริมทรัพย์ในไทย: ทางออกที่เป็นไปได้จริง

ผมเชื่อมั่นว่า ถึงเวลาแล้วที่เราควรพิจารณาอย่างจริงจังในการเปิดโอกาสให้คนต่างชาติสามารถถือครองอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยในประเทศไทยได้มากขึ้น

คลายกังวลเรื่องการยึดครองที่ดิน: ประเทศไทยมีที่ดินกว่า 321 ล้านไร่ มีเอกสารสิทธิ์ประมาณ 127 ล้านไร่ หรือราว 40% หากเราขายบ้านให้ต่างชาติปีละ 2 แสนหลัง คิดเป็นที่ดินไม่ถึง 0.2% ของที่ดินทั้งหมดที่มีอยู่ ไม่ต้องกังวลว่าที่ดินของเราจะถูกต่างชาติยึดครองจนหมดสิ้น การใช้กฎหมายที่รัดกุมและกำหนดสัดส่วนที่เหมาะสม จะช่วยควบคุมสถานการณ์ได้
ศักยภาพมหาศาล: ในปี 2565 มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ 392,858 หน่วย มูลค่ากว่า 1,065,008 ล้านบาท หากเราสามารถดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาซื้อได้เพียง 1 ใน 4 ของมูลค่าดังกล่าว จะเกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศถึง 1 ล้านล้านบาท!
กลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อ: แม้ที่ผ่านมาจะมีการผลักดันกลุ่มผู้มีรายได้สูงพิเศษ แต่ในความเป็นจริง กลุ่มชาวต่างชาติที่มีความสนใจและมีกำลังซื้อบ้านในประเทศไทยส่วนใหญ่คือกลุ่มรายได้ปานกลางถึงสูง ที่มองหาบ้านในระดับราคา 5-7 ล้านบาท ไม่ใช่ 10 ล้านบาทขึ้นไปเสมอไป ซึ่งเป็นตลาดที่กว้างและเข้าถึงได้ง่ายกว่า เช่น คอนโดมิเนียมหรู ในกรุงเทพฯ หรือ วิลล่าหรูภูเก็ต และ บ้านพักตากอากาศ ที่พัทยา หรือ ชลบุรี ซึ่งเป็นทำเลทองสำหรับการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไทย
ประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง: การขายบ้านให้ต่างชาติ 1 หมื่นหลัง สามารถเพิ่ม GDP ได้ถึง 0.75% และหากทำได้ 1 แสนหลัง จะเพิ่ม GDP ได้ถึง 7% ซึ่งเป็นตัวเลขที่มหาศาล นอกจากนี้ ยังสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเนื่อง:
ยอดขายที่อยู่อาศัย: สร้างรายได้โดยตรงให้กับผู้ประกอบการ
ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง: ได้รับอานิสงส์อย่างเต็มที่ เกิดการหมุนเวียนในซัพพลายเชน
การจ้างงาน: ทั้งทางตรงและทางอ้อมในภาคก่อสร้าง ภาคบริการ และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
การบริโภคในท้องถิ่น: เมื่อชาวต่างชาติเข้ามาอยู่อาศัย พวกเขาจะจับจ่ายใช้สอย ซื้อสินค้าและบริการ ซึ่งส่งผลให้ร้านค้า ร้านอาหาร และธุรกิจในชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น
การพัฒนาพื้นที่: อสังหาริมทรัพย์ชลบุรี อสังหาริมทรัพย์ระยอง อสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต และอสังหาริมทรัพย์พัทยา เป็นตัวอย่างของพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงในการดึงดูดชาวต่างชาติ และจะเกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการตามมา

ปัจจุบันเราพบเห็นการถือครองอสังหาริมทรัพย์โดยชาวต่างชาติทั้งในรูปแบบที่ถูกต้องและไม่ถูกต้อง (ผ่านนอมินี) ในพื้นที่อย่างภูเก็ตและพัทยา การผลักดันให้เกิดกฎหมายและช่องทางที่ชัดเจน โปร่งใส จะช่วยจัดการปัญหานี้และนำเม็ดเงินเหล่านี้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ พร้อมกับการจัดเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ

ก้าวสู่ประเทศไทย 2025+: อสังหาริมทรัพย์คืออนาคต

การเปลี่ยนผ่านจากประเทศที่พึ่งพาภาคอุตสาหกรรม สู่การเป็นศูนย์กลางภาคบริการและอสังหาริมทรัพย์ ไม่ใช่เพียงแค่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นเร่งด่วน การ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยอสังหาริมทรัพย์ โดยใช้กำลังซื้อจากต่างประเทศ จะเป็นกุญแจสำคัญในการพลิกฟื้นและสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจไทยในอนาคต

การวางแผนนโยบายอสังหาริมทรัพย์ที่เอื้อต่อการลงทุนต่างชาติ การปรับปรุงกฎหมายการถือครองอสังหาริมทรัพย์ให้ชัดเจนและเป็นสากล การส่งเสริมโครงการอสังหาฯ พรีเมียม ที่ตอบโจทย์ Digital Nomads Thailand และนักลงทุนระยะยาว รวมถึงการพัฒนาเมืองให้เป็น Smart City และ อสังหาฯ ยั่งยืน จะเป็นส่วนสำคัญในการดึงดูดเม็ดเงินและผู้คนมากความสามารถจากทั่วโลกเข้ามาพำนักและลงทุนในประเทศไทย เราต้องมองข้ามเพียงแค่การขาย แต่เป็นการสร้างระบบนิเวศที่ครบวงจร เพื่อเพิ่มผลตอบแทนการลงทุนอสังหาฯ และสร้างความมั่งคั่งให้ประเทศอย่างยั่งยืน ผมในฐานะผู้มีประสบการณ์ในวงการนี้มาอย่างยาวนาน ขอยืนยันว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องมองไปข้างหน้า และใช้ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก เพื่อปลดล็อกศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของประเทศไทย

ถึงเวลาแล้วที่เราต้องลงมือทำ!

วิกฤตเศรษฐกิจที่เรากำลังเผชิญไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นโอกาสในการปฏิรูปครั้งยิ่งใหญ่ ผมขอเรียกร้องให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ได้ร่วมกันศึกษา พิจารณา และผลักดันนโยบายที่เปิดกว้างและมีวิสัยทัศน์ เพื่อใช้ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นเครื่องมือสำคัญในการ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยอสังหาริมทรัพย์ นำพาประเทศออกจากทางตัน และสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับคนรุ่นต่อไป หากท่านกำลังมองหาโอกาสในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไทย หรือต้องการปรึกษาการลงทุนอสังหาฯ เพื่ออนาคตที่สดใส เรายินดีเป็นส่วนหนึ่งในการนำพาท่านไปสู่ความสำเร็จ และร่วมสร้างเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่งไปพร้อมกัน ติดต่อเราวันนี้เพื่อสำรวจศักยภาพและโอกาสที่คุณไม่ควรพลาด!

Previous Post

D1912115 งมาม ดใต โต เด กคนน พยายามจะบอกอะไรก นแน part2

Next Post

D1912117 ได แล วล มต หมดส นม ตรภาพท เคยม มา part2

Next Post
D1912117 ได แล วล มต หมดส นม ตรภาพท เคยม มา part2

D1912117 ได แล วล มต หมดส นม ตรภาพท เคยม มา part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D1912125 กค าต วด องเปล ยนส ผมซะให เข part2
  • D1912124 ดกะเพราเส นข นเทพ รสชาต หร อม ของสมนาค part2
  • D1912123 คนเก บของเก าคนน แหละ จะทำให เราได งาน าน part2
  • D1912122 นหร อย แพง คนเป นเพ อนเขาทำก นแบบน เหรอ part2
  • D1912121 บะหม บาท กำไรแทบจะไม แต กล าด มาซ อโรงแรมหร part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.