• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D1912094 เส ยสละ ใช ไม ได บท กคนนะ part2

admin79 by admin79
December 20, 2025
in Uncategorized
0
D1912094 เส ยสละ ใช ไม ได บท กคนนะ part2

พลิกโฉมเศรษฐกิจไทย 2025: ทำไมอสังหาริมทรัพย์คือหัวใจขับเคลื่อนอนาคตของชาติในยุควิกฤตโลก

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นถึงวัฏจักรการขึ้นลงของเศรษฐกิจและตลาดหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งใดที่สถานการณ์จะซับซ้อนและท้าทายเท่าปัจจุบัน คำถามที่ว่า “อนาคตเศรษฐกิจไทยอยู่ตรงไหน” ไม่ได้เป็นเพียงข้อกังวลของนักลงทุนหรือผู้ประกอบการเท่านั้น หากแต่เป็นเสียงสะท้อนจากประชาชนทั่วประเทศที่ต้องการเห็นทิศทางที่ชัดเจนและยั่งยืนสำหรับประเทศไทยท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์โลก บทความนี้ไม่ได้ต้องการเพียงชี้ให้เห็นถึงปัญหา แต่ต้องการนำเสนอแนวทางที่เป็นรูปธรรมและมีศักยภาพ ซึ่งผมเชื่อมั่นว่า อสังหาริมทรัพย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ไปสู่ยุคใหม่แห่งความรุ่งเรืองได้อย่างแท้จริง หากเรากล้าที่จะคิดต่างและลงมือทำอย่างจริงจัง

มรสุมเศรษฐกิจ: ทศวรรษที่สาบสูญ และความท้าทายที่รออยู่เบื้องหน้า

ปัจจุบัน เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับพายุลูกใหญ่จากหลายทิศทาง ผมเห็นสัญญาณเหล่านี้มานานแล้ว และการคาดการณ์ในปี 2025 ชี้ว่าแรงกดดันจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น รายงานจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ตอกย้ำถึงความเสี่ยงที่ประเทศไทยกำลังติดอยู่ใน “กับดักทศวรรษที่สาบสูญ” ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่การลงทุนชะงักงัน การเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในภาวะซบเซา และศักยภาพในการแข่งขันของประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง สังเกตได้จากการฟื้นตัวของตลาดทุนที่ยังไม่มีนัยสำคัญ ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่ออนาคต

หนึ่งในเสาหลักที่เคยค้ำจุนการเติบโตของประเทศไทยคือภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งได้รับเม็ดเงินลงทุนมหาศาลจากญี่ปุ่นในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา แต่สถานการณ์ปัจจุบันกลับไม่เป็นเช่นนั้น สงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างมหาอำนาจ โดยเฉพาะสหรัฐฯ และจีน ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อห่วงโซ่อุปทานและการส่งออกสินค้าของไทย สินค้าจำนวนมากที่เคยผลิตเพื่อส่งออกไปยังตลาดโลก ต้องเผชิญกับกำแพงภาษีและอุปสรรคทางการค้า ส่งผลให้ผู้ผลิตต้องแสวงหาตลาดใหม่ ๆ หรือลดกำลังการผลิตลง ยิ่งไปกว่านั้น การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญ ได้สร้างแรงกระเพื่อมอย่างรุนแรงต่อภาคการส่งออกของไทย เนื่องจากสินค้าที่เคยส่งออกไปจีนหรือที่จีนนำเข้าเพื่อแปรรูปกลับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากปัจจัยภายนอกแล้ว ปัญหาภายในประเทศก็เป็นอุปสรรคใหญ่ที่ขัดขวางการเติบโต โดยเฉพาะประเด็นหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง จากเดิมที่เคยอยู่ที่ระดับประมาณ 40% ของ GDP เมื่อทศวรรษที่แล้ว วันนี้ตัวเลขกลับพุ่งไปแตะระดับที่เกินกว่า 90% ของ GDP ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของหลายประเทศในภูมิภาคและเป็นหนึ่งในประเทศที่มีหนี้ครัวเรือนสูงที่สุดในโลก การที่ประชาชนนำเงินในอนาคตมาใช้จ่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่รายได้ไม่เติบโตตาม ทำให้กำลังซื้อภายในประเทศอ่อนแอลงอย่างมาก และจำกัดความสามารถในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการบริโภคภายในประเทศ อีกทั้งยังเป็นความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินของประเทศโดยรวม

ปัญหาโครงสร้างประชากรก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ไม่อาจมองข้าม สังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้จำนวนแรงงานที่มีคุณภาพและผลิตภาพลดลงในอนาคต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการผลิตและการแข่งขันของประเทศในระยะยาว นอกจากนี้ ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเศรษฐกิจยังคงเป็นปมที่กัดกร่อนรากฐานของประเทศ ทำให้โอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรและการพัฒนาไม่เท่าเทียมกัน ยิ่งไปกว่านั้น แม้ไทยจะพยายามลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งเป็นเทรนด์อนาคต แต่ผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่ยังไม่สามารถผลิตชิ้นส่วนสำคัญป้อนอุตสาหกรรมนี้ได้ เนื่องจากเทคโนโลยีและองค์ความรู้ยังไม่เพียงพอ ทำให้ต้องพึ่งพาการนำเข้าเป็นหลัก ส่งผลให้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจยังคงกระจุกตัวอยู่กับบริษัทต่างชาติเป็นส่วนใหญ่

ภาคการท่องเที่ยวที่เคยเป็นความหวังสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด-19 ก็ไม่ได้กลับมาแข็งแกร่งเท่าเดิม แม้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยเดินทางกลับมา แต่จำนวนและรูปแบบการใช้จ่ายก็เปลี่ยนไป โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีนซึ่งเคยเป็นตลาดใหญ่ที่สุด กลับยังไม่กลับมาเต็มที่ และมีแนวโน้มที่จะเลือกเดินทางไปประเทศอื่น ๆ มากขึ้น ขณะที่ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ ภัยธรรมชาติ หรือการระบาดของโรคใหม่ ๆ ล้วนเป็นปัจจัยที่ไม่แน่นอนที่พร้อมจะเข้ามากระทบต่อ เศรษฐกิจไทย ได้ตลอดเวลา

บทเรียนจากนานาชาติ: เมื่อโครงสร้างเศรษฐกิจต้องเปลี่ยนแปลง

เมื่อเผชิญกับวิกฤตและความท้าทายที่ซับซ้อนเช่นนี้ การยึดติดกับโครงสร้างเศรษฐกิจแบบเดิมๆ จึงไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจ (Economic Restructuring) กลายเป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ ผมได้ศึกษาโมเดลการเปลี่ยนผ่านของหลายประเทศที่เคยเผชิญกับสถานการณ์คล้ายคลึงกัน และพบว่าการปรับตัวอย่างกล้าหาญนำมาซึ่งความสำเร็จที่น่าทึ่ง

สิงคโปร์: จากประเทศที่เคยพึ่งพาภาคอุตสาหกรรมหนักอย่างมาก สิงคโปร์ได้พลิกโฉมตัวเองสู่การเป็นศูนย์กลางบริการระดับโลก โดยภาคบริการคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของ GDP เน้นการสร้างรายได้จากต่างประเทศในด้านการเงิน เทคโนโลยี ดิจิทัลอีโคโนมี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการศึกษา ด้วยการดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถและเงินทุนจากทั่วโลก ทำให้สิงคโปร์กลายเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมและการลงทุนที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก
เกาหลีใต้: จากประเทศที่เน้นอุตสาหกรรมหนักและส่งออก เกาหลีใต้ได้เปลี่ยนผ่านสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และวัฒนธรรม K-Pop ที่โด่งดังไปทั่วโลก ภาคบริการแม้จะยังมีสัดส่วนประมาณ 10% ของ GDP แต่ก็เป็นบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เช่น อุตสาหกรรมบันเทิง การแพทย์ และเทคโนโลยี
ฮ่องกง: เคยเป็นฐานการผลิตสิ่งทอและโรงงานอุตสาหกรรม ฮ่องกงได้แปลงโฉมเป็นศูนย์กลางทางการเงิน การบริการ และตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก ที่ดึงดูดเงินลงทุนและผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE): จากประเทศที่พึ่งพารายได้จากการขุดเจาะน้ำมันเป็นหลัก ปัจจุบันรายได้จากน้ำมันคิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่า 30% ของ GDP UAE ได้ลงทุนมหาศาลในการพัฒนาภาคการท่องเที่ยวแบบหรูหรา ธุรกิจบริการ ศูนย์กลางการค้าและการประชุม (MICE) รวมถึงการสร้างเมืองอัจฉริยะและนวัตกรรม เพื่อดึงดูดผู้คนและเงินลงทุนคุณภาพสูง
สหราชอาณาจักร (UK): อดีตผู้นำการปฏิวัติอุตสาหกรรม ปัจจุบัน UK ได้เปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจภาคบริการ โดยมีสัดส่วนเกินกว่า 80% ของ GDP กรุงลอนดอนกลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินและเทคโนโลยีที่สำคัญของยุโรป

บทเรียนจากประเทศเหล่านี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากแต่ต้องอาศัยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล การวางแผนเชิงกลยุทธ์ และการดำเนินการอย่างเด็ดเดี่ยว ประเทศไทยเองก็จำเป็นต้องกลับมาทบทวนโครงสร้าง GDP ปัจจุบันที่พึ่งพาการส่งออกมากเกินไป และหาแนวทางใหม่ๆ ที่สอดรับกับพลวัตของโลกในปี 2025 และอนาคต

ศักยภาพที่ซ่อนเร้น: อสังหาริมทรัพย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

เมื่อพิจารณาโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบัน สัดส่วนการบริโภคภาคเอกชนอยู่ที่ประมาณ 57.7% การลงทุนภาคเอกชน 17.3% การใช้จ่ายภาครัฐ 22.2% การส่งออกสินค้าและบริการ 65.4% และการนำเข้าสินค้าและบริการ 63.7% ขณะที่โครงสร้างการผลิตมาจากภาคเกษตรกรรม 8.4% ภาคอุตสาหกรรม 39.2% และภาคบริการ 52% คำถามที่ต้องถามคือ รายได้จากการส่งออกจำนวนมหาศาลนั้น ส่วนแบ่งที่กลับมาสู่คนไทยอย่างแท้จริงมีมากน้อยเพียงใด?

ผมเชื่อมั่นว่าประเทศไทยมีศักยภาพที่ซ่อนเร้นมากมายที่สามารถนำมาใช้ในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการผลักดันให้ อสังหาริมทรัพย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยการดึงดูดกำลังซื้อจากต่างประเทศ นี่คือสิ่งที่ประเทศเรามีและคนต่างชาติหลงใหล:

กรุงเทพฯ ติดอันดับ 1 เมืองที่นักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในโลก (ปี 2024): นี่คือข้อพิสูจน์ถึงเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใครของเมืองหลวงของเรา
ระบบสาธารณสุขและโรงพยาบาลระดับโลก: โรงพยาบาลไทย 5 แห่งติดอันดับดีที่สุดในโลก พร้อมค่ารักษาพยาบาลที่สมเหตุสมผลกว่าชาติตะวันตก ถือเป็นจุดแข็งที่ดึงดูดกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่ต้องการการดูแลสุขภาพระยะยาว
คุณภาพชีวิตที่ดีและค่าครองชีพต่ำ: เมื่อเทียบกับหลายเมืองใหญ่ทั่วโลก ประเทศไทยเสนอคุณภาพชีวิตที่ดีเลิศในราคาที่เข้าถึงได้
อาหารไทยที่เป็นที่ยอมรับระดับสากล: หนึ่งในครัวโลกที่ได้รับการยกย่องและชื่นชม
สภาพอากาศที่อบอุ่นและเป็นมิตร: เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยระยะยาว
สังคมไทยที่เป็นมิตรและบริการที่เป็นเลิศ: คนไทยมีอัธยาศัยดี มีน้ำใจ และมีวัฒนธรรมการให้บริการที่เป็นเลิศ
อินเทอร์เน็ตคุณภาพสูงและโครงสร้างพื้นฐานที่ดีขึ้น: รองรับการทำงานจากระยะไกลและการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัล

หากเราสามารถปรับโครงสร้างเศรษฐกิจจากภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการแบบเดิมๆ ไปสู่ภาค “บริการ-อสังหาริมทรัพย์” ที่เชื่อมโยงเข้ากับการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อ ผมเห็นโอกาสอันมหาศาล

บทเรียนจากนานาชาติ: การใช้อสังหาริมทรัพย์เป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจ

หลายประเทศทั่วโลกได้ประสบความสำเร็จอย่างงดงามจากการใช้นโยบายที่เอื้อต่อการลงทุน อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน และการอยู่อาศัยของชาวต่างชาติ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังวิกฤต หรือเพื่อดึงดูดเงินทุนและบุคลากรคุณภาพสูง

โปรตุเกส (โครงการ Golden Visa 2012): เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่า 500,000 ยูโรขึ้นไป แลกกับสิทธิพำนักถาวร ทำให้เงินทุนไหลเข้าประเทศกว่า 7 พันล้านยูโร ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤตหนี้ยุโรปได้อย่างรวดเร็ว ราคาบ้านฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ
สเปน (โครงการ Residency by Investment หลังวิกฤตปี 2008): คล้ายกับโปรตุเกส โดยให้นักลงทุนต่างชาติลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 500,000 ยูโรขึ้นไป ช่วยกระตุ้นตลาดบ้านที่ซบเซา และทำให้ GDP ฟื้นตัวถึง 3% ภายใน 5 ปี โดยดึงดูดนักลงทุนจากจีน รัสเซีย และตะวันออกกลาง
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (โครงการ Freehold Property): อนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถซื้อและถือครองอสังหาริมทรัพย์แบบ Freehold ได้อย่างอิสระ นโยบายนี้ดึงดูดนักลงทุนมหาศาล ทำให้อสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยวกลายเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจ คิดเป็นสัดส่วนกว่า 50% ของ GDP จนดูไบและอาบูดาบีกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับโลก
กรีซ (โครงการ Greece Golden Visa): เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่า 250,000 ยูโรขึ้นไป เพื่อรับวีซ่าพำนักในประเทศ ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตกว่า 60% ภายใน 10 ปี และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจหลังวิกฤตหนี้ยุโรป
มาเลเซีย (โครงการ Malaysia My Second Home – MM2H): เปิดให้ชาวต่างชาติพำนักระยะยาวในประเทศได้ง่ายขึ้น เพื่อกระตุ้นตลาดบ้านและดึงดูดผู้เกษียณอายุและนักลงทุนจากจีนและญี่ปุ่น โครงการนี้เป็นต้นแบบที่ดีในการใช้ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ดึงดูดชาวต่างชาติ

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย: ปลดล็อกศักยภาพของอสังหาริมทรัพย์ไทย

จากบทเรียนและศักยภาพที่เรามี ผมเชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องกล้าหาญในการทบทวนและปรับปรุงกฎหมายและนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการถือครองอสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติ เพื่อให้ อสังหาริมทรัพย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ได้อย่างเต็มศักยภาพ

ประเทศไทยมีที่ดินรวมทั้งสิ้น 321 ล้านไร่ และมีเอกสารสิทธิ์ประมาณ 127 ล้านไร่ (คิดเป็น 40%) การที่ชาวต่างชาติเข้ามาซื้อที่ดินเพื่ออยู่อาศัยในสัดส่วนเพียงเล็กน้อย เช่น หากเราสามารถขายบ้านให้ชาวต่างชาติได้ 200,000 หลังต่อปี ซึ่งเป็นจำนวนที่มากพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ ที่ดินที่ถูกถือครองโดยชาวต่างชาติก็จะยังคงเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก ไม่ถึง 0.2% ของที่ดินทั้งหมดที่ไทยมี และที่สำคัญคือไม่ได้เป็นการ “ยึดครอง” แผ่นดินไทยไปทั้งหมด เนื่องจากกฎหมายยังมีกลไกควบคุมอยู่

ในปี 2565 มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศประมาณ 392,858 หน่วย มูลค่ารวมกว่า 1.065 ล้านล้านบาท หากเราสามารถผลักดันให้ 1 ใน 4 ของยอดโอนนี้ หรือประมาณ 100,000 หน่วย เป็นการซื้อขายกับชาวต่างชาติ จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้สูงถึง 1 ล้านล้านบาท! ซึ่งเป็นเม็ดเงินมหาศาลที่จะหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ

ในปัจจุบัน เราอาจพบเห็นการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ให้ชาวต่างชาติทั้งที่ถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมาย (ผ่านการถือครองโดยนอมินี) เป็นจำนวนหลายหมื่นหลังในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่าง ภูเก็ต และ พัทยา รวมไปถึง ชลบุรี และ ระยอง สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความต้องการที่แท้จริงจากชาวต่างชาติที่อยากเข้ามาอยู่อาศัยในประเทศไทย แต่ขาดช่องทางที่ถูกต้องตามกฎหมายและเป็นธรรม การเปิดโอกาสให้พวกเขาเข้าถึงตลาดบ้านในไทยอย่างโปร่งใส จะเป็นการนำเงินเหล่านี้เข้าระบบอย่างเป็นทางการ และสามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

กลุ่มเป้าหมายของชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาอยู่อาศัยในประเทศไทย มักจะเป็นกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางถึงสูงที่กำลังมองหาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยค่าครองชีพที่เหมาะสม ผมคาดการณ์ว่าอสังหาริมทรัพย์ในระดับราคา 5-7 ล้านบาท จะเป็นที่ต้องการสูงสำหรับกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นราคาที่เข้าถึงได้และมีจำนวนมากในตลาดบ้านของไทย

ผลกระทบจากการผลักดันนโยบายที่เอื้อต่อการลงทุน อสังหาริมทรัพย์ต่างชาติ จะสร้างผลประโยชน์เป็นลูกโซ่:
ยอดขายบ้านที่เพิ่มขึ้น: ช่วยระบายสต็อกบ้านคงค้าง และกระตุ้นการพัฒนาโครงการใหม่ๆ
ธุรกิจวัสดุก่อสร้างได้รับอานิสงส์: ความต้องการวัสดุก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
การจ้างงานโดยตรงและทางอ้อม: ทั้งในภาคการก่อสร้าง การออกแบบ การขาย การบริหารอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงภาคบริการอื่น ๆ
การบริโภคจากผู้อยู่อาศัยใหม่: ชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่อาศัยจะมีการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นอาหาร การคมนาคม การศึกษา การดูแลสุขภาพ ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้ของธุรกิจท้องถิ่นใน กรุงเทพฯ และเมืองสำคัญอื่นๆ
การเพิ่มขึ้นของ GDP: จากการวิเคราะห์เบื้องต้น หากมีการขายบ้านให้ชาวต่างชาติ 10,000 หลัง จะทำให้ GDP ของประเทศเพิ่มขึ้นประมาณ 0.75% แต่หากเราสามารถเพิ่มยอดขายได้ถึง 100,000 หลัง ผลกระทบต่อ GDP อาจสูงถึง 7% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สามารถพลิกโฉมเศรษฐกิจไทยได้อย่างแท้จริง

ก้าวไปข้างหน้า: สร้างวิสัยทัศน์เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

ผมเชื่อมั่นว่าถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลและผู้กำหนดนโยบายต้องพิจารณาอย่างจริงจังในการผลักดันให้ อสังหาริมทรัพย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ไปข้างหน้า การเปลี่ยนผ่านจากการพึ่งพาภาคอุตสาหกรรมหนัก สู่การเป็นศูนย์กลางของภาคบริการและอสังหาริมทรัพย์ที่มีกำลังซื้อจากต่างประเทศ จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้เศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งและยืดหยุ่นต่อความผันผวนของโลกได้มากขึ้น

นโยบายที่จำเป็นต้องพิจารณาประกอบด้วย:
การแก้ไขกฎหมายการถือครองอสังหาริมทรัพย์ของต่างชาติ: พิจารณาขยายสิทธิการถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยในบางพื้นที่ หรือขยายระยะเวลาการเช่าระยะยาวให้จูงใจยิ่งขึ้น
การพัฒนาระบบวีซ่าลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไทย (Thai Golden Visa): สร้างระบบที่ชัดเจนและจูงใจสำหรับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ พร้อมสิทธิประโยชน์ในการพำนักระยะยาว คล้ายกับโมเดลที่ประสบความสำเร็จในยุโรป
การส่งเสริมการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ภาคบริการ: สนับสนุนการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ผสมผสานบริการด้านสุขภาพ การศึกษา และการพักผ่อนเข้าด้วยกัน เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายชาวต่างชาติ
การสร้างแพลตฟอร์มข้อมูลและการประชาสัมพันธ์: ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง โปร่งใส เกี่ยวกับกฎระเบียบและโอกาส การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ในไทย แก่นักลงทุนทั่วโลก

นี่ไม่ใช่เพียงแค่การขายบ้าน แต่เป็นการวางรากฐานเพื่อสร้างระบบนิเวศทางเศรษฐกิจใหม่ ที่ดึงดูดผู้คนที่มีความรู้ความสามารถ เงินทุน และนวัตกรรมจากทั่วโลกเข้ามายังประเทศไทย การตัดสินใจในวันนี้จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของประเทศในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า

ผมในฐานะผู้มีประสบการณ์ในตลาด อสังหาริมทรัพย์ไทย ขอเรียกร้องให้ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ร่วมกันเปิดใจรับฟังและร่วมกันสร้างสรรค์นโยบายที่จะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส หากเราพร้อมที่จะก้าวข้ามความท้าทายและมองเห็นศักยภาพที่ซ่อนอยู่ เราจะสามารถสร้างอนาคตที่สดใสและยั่งยืนสำหรับประเทศไทยได้ ผมเชื่อมั่นว่า อสังหาริมทรัพย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ให้พ้นจากภาวะชะงักงันและก้าวสู่ยุคแห่งความรุ่งเรืองได้อย่างแน่นอน มาร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ให้ประเทศไทยของเรา.

Previous Post

D1912093 กสามเศร เราสามคน part2

Next Post

D1912095 นเก ดเพ อน เอามะม วงมาให part2

Next Post
D1912095 นเก ดเพ อน เอามะม วงมาให part2

D1912095 นเก ดเพ อน เอามะม วงมาให part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D1912113 ไส กรอกอ สาน งท หว งไว คงร บหร เพราะม คด ดต part2
  • D1912112 ระหว างงานแต งก บโปรเจคด วน เจ าบ าวจะเล อกอะไร part2
  • D1912111 าวแกงแลกขวด อวดรวยจนไม ใครให part2
  • D1912110 งานเล ยงส ดหร พาเด กท ไหนก ไม เข ามาก นเน ยนะ part2
  • D1912109 แม าล กช นป ปากร ายแบบน ใครจะไปซ part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.