• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D1912093 กสามเศร เราสามคน part2

admin79 by admin79
December 20, 2025
in Uncategorized
0
D1912093 กสามเศร เราสามคน part2

อนาคตเศรษฐกิจไทย 2025: บทบาทเชิงกลยุทธ์ของภาคอสังหาริมทรัพย์ในการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เฝ้าติดตามและวิเคราะห์พลวัตของเศรษฐกิจไทยมาโดยตลอด วันนี้เรากำลังยืนอยู่ ณ จุดเปลี่ยนที่สำคัญ ความท้าทายทางเศรษฐกิจที่ถาโถมเข้ามาจากหลากหลายทิศทาง ทำให้เกิดคำถามที่ว่า “ประเทศไทยจะหาทางออกและขับเคลื่อนการเติบโตต่อไปได้อย่างไร” บทความนี้จะเจาะลึกถึงโครงสร้างปัญหาที่ซับซ้อน และนำเสนอวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ได้อย่างไร ผ่านการปรับโครงสร้างเชิงรุก และการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสู่ความยั่งยืนในยุคหลังปี 2025

วงกตแห่งความท้าทาย: เศรษฐกิจไทยในห้วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่าน

จากประสบการณ์ตรงในภาคส่วนนี้ ผมขอยืนยันว่าสัญญาณเตือนภัยทางเศรษฐกิจนั้นชัดเจนขึ้นทุกวัน ไม่ใช่แค่เรื่องของวัฏจักรปกติ แต่เป็นวิกฤตเชิงโครงสร้างที่หยั่งรากลึก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เองก็เคยส่งสัญญาณเตือนเรื่อง “ทศวรรษที่สาบสูญ” ซึ่งสะท้อนภาพการลงทุนที่ซบเซาและศักยภาพการเติบโตที่ถดถอย นี่คือรายละเอียดของความท้าทายหลักที่เรากำลังเผชิญ:

แรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรง:
สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างมหาอำนาจ โดยเฉพาะความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความผันผวนต่อห่วงโซ่อุปทานและการส่งออกของไทย รายงานจาก The Economist ชี้ให้เห็นว่า การพึ่งพาอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ลงทุนโดยญี่ปุ่นในอดีต ทำให้โครงสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเราเปราะบาง เมื่อเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ และสินค้าจากจีนไหลทะลักเข้าสู่ตลาดใกล้เคียง รวมถึงไทย ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในประเทศจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรง ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เพิ่มความไม่แน่นอนให้กับการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อโอกาสในการเติบโตของประเทศไทย

ระเบิดเวลาหนี้ครัวเรือนและโครงสร้างประชากร:
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การเติบโตของเศรษฐกิจไทยส่วนหนึ่งเกิดจากการก่อหนี้ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ที่พุ่งสูงขึ้นจาก 40% เป็นกว่า 90% (อ้างอิงข้อมูลล่าสุด) สะท้อนให้เห็นว่าเรากำลังใช้เงินในอนาคตมาหล่อเลี้ยงการบริโภคในปัจจุบัน ซึ่งเป็นแนวทางที่ไม่ยั่งยืน ปัญหาหนี้ครัวเรือนนี้ไม่เพียงบั่นทอนกำลังซื้อภายในประเทศ แต่ยังจำกัดศักยภาพของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อเพื่อการลงทุนอีกด้วย

ควบคู่ไปกับปัญหาหนี้สิน โครงสร้างประชากรที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์แบบ กำลังก่อให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานที่มีทักษะและศักยภาพในการขับเคลื่อนผลิตภาพของประเทศในอนาคต นี่คือปัจจัยที่จะกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

การเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมยานยนต์และข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี:
แม้ประเทศไทยจะมีการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) แต่ความท้าทายสำคัญคือ ผู้ประกอบการไทยจำนวนมากยังไม่สามารถผลิตชิ้นส่วนสำคัญป้อนอุตสาหกรรม EV ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทำให้เรายังคงต้องพึ่งพาการนำเข้าและอาจกลายเป็นเพียงฐานการผลิตประกอบ แทนที่จะเป็นศูนย์กลางการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้สูง

การพึ่งพาการท่องเที่ยวและการส่งออกที่เปราะบาง:
การท่องเที่ยวเป็นเครื่องจักรสำคัญที่เคยขับเคลื่อน GDP ของไทย แต่ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงโควิด-19 และการฟื้นตัวที่ช้ากว่าคาด โดยเฉพาะจากตลาดจีนที่เคยเป็นกำลังหลัก ทำให้เราตระหนักว่าการพึ่งพาการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ นอกจากนี้ การส่งออกสินค้าไปยังกลุ่มประเทศที่เราเคยเป็น “แชมเปี้ยน” ก็กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น และการเปลี่ยนแปลงของรสนิยมผู้บริโภคทั่วโลก

พลิกวิกฤตเป็นโอกาส: บทเรียนจากการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจโลก

เมื่อมองข้ามพรมแดน เราจะพบว่าหลายประเทศที่เคยเผชิญกับสถานการณ์คล้ายคลึงกัน ได้ประสบความสำเร็จในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อก้าวผ่านความท้าทายเหล่านั้น นี่คือบทเรียนที่เรานำมาพิจารณาเพื่อปรับใช้กับบริบทของไทย ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ได้อย่างไรในฐานะส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงนี้:

สิงคโปร์: จากศูนย์กลางอุตสาหกรรมสู่ภาคบริการระดับโลก สิงคโปร์พลิกโฉมเศรษฐกิจด้วยการเน้นภาคบริการมากถึง 70% ของ GDP โดยเฉพาะด้านการเงิน ธนาคาร เทคโนโลยี Digital Economy และ AI รวมถึงการศึกษา กลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินและนวัตกรรมของเอเชีย
เกาหลีใต้: จากอุตสาหกรรมหนักสู่เทคโนโลยีและความบันเทิง เกาหลีใต้สร้างแบรนด์ระดับโลกด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย อุตสาหกรรมบันเทิง (K-Pop, ซีรีส์) และภาคบริการที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด แสดงให้เห็นถึงพลังของการสร้างมูลค่าเพิ่มจากความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม
ฮ่องกง: จากโรงงานทอผ้าสู่ศูนย์กลางการเงินและอสังหาริมทรัพย์ ฮ่องกงได้พิสูจน์แล้วว่าการมุ่งเน้นภาคการเงิน การบริการ และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก สามารถสร้างความมั่งคั่งมหาศาลให้กับประเทศได้ แม้จะมีข้อจำกัดด้านขนาดพื้นที่
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE): ลดการพึ่งพาน้ำมันสู่การท่องเที่ยวหรูหราและธุรกิจบริการ วันนี้รายได้จากน้ำมันของ UAE ลดลงเหลือน้อยกว่า 30% ของ GDP แทนที่ด้วยรายได้จากการท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ ธุรกิจบริการ การค้า และการส่งเสริมอุตสาหกรรม MICE (การประชุม นิทรรศการ และการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล) ซึ่งล้วนแล้วแต่มี ภาคอสังหาริมทรัพย์ เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ
สหราชอาณาจักร: จากผู้นำอุตสาหกรรมสู่ศูนย์กลางบริการของยุโรป ลอนดอนได้กลายเป็นศูนย์กลางทางการเงิน เทคโนโลยี และบริการชั้นนำของยุโรป โดยภาคบริการมีสัดส่วนมากกว่า 80% ของ GDP สะท้อนการปรับตัวที่ประสบความสำเร็จ

ประเทศเหล่านี้ล้วนมีจุดร่วมเดียวกันคือ การลดการพึ่งพาภาคอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิม และหันไปเน้นภาคบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ สิ่งเหล่านี้เป็นบทเรียนอันล้ำค่าที่เราต้องนำมาประยุกต์ใช้เพื่อกำหนดทิศทางเศรษฐกิจไทยในอนาคต

ภาคอสังหาริมทรัพย์: จุดแข็งที่ถูกมองข้ามในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

เมื่อพิจารณาโครงสร้าง GDP ปัจจุบันของไทย จะเห็นว่าภาคบริการมีสัดส่วน 52% ขณะที่ภาคเกษตรกรรม 8.4% และภาคอุตสาหกรรม 39.2% ซึ่งยังคงเป็นสัดส่วนที่สูงเกินไป หากเราต้องการสร้างความยั่งยืน ประเทศไทยมีศักยภาพที่โดดเด่นมากมายที่ชาวต่างชาติชื่นชอบและพร้อมที่จะลงทุน:

กรุงเทพฯ: ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในโลกหลายครั้ง สะท้อนถึงเสน่ห์ด้านวัฒนธรรม อาหาร และความสะดวกสบาย
ระบบสาธารณสุข: โรงพยาบาลไทยหลายแห่งติดอันดับดีที่สุดในโลก พร้อมให้บริการทางการแพทย์คุณภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้ เมื่อเทียบกับชาติตะวันตก
คุณภาพชีวิตและค่าครองชีพ: ค่าครองชีพในไทยยังคงต่ำกว่าหลายประเทศในซีกโลกตะวันตก ขณะที่คุณภาพชีวิตอยู่ในระดับดีเยี่ยม ทั้งเรื่องอาหารอร่อย สภาพอากาศที่ดี และสังคมไทยที่เป็นมิตร
โครงสร้างพื้นฐาน: ระบบอินเทอร์เน็ตคุณภาพสูง การคมนาคมที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง และการเชื่อมโยงกับภูมิภาค ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางที่น่าสนใจสำหรับการอยู่อาศัยและการลงทุน

ด้วยจุดแข็งเหล่านี้ ผมเชื่อมั่นว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ได้อย่างมหาศาล หากเราสามารถปรับเปลี่ยนนโยบายและทัศนคติ เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อให้เข้ามาลงทุนและอยู่อาศัยในประเทศไทยอย่างเป็นระบบ

กลยุทธ์เชิงรุก: ดึงดูดชาวต่างชาติด้วยการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นการประยุกต์ใช้กลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จจากประเทศอื่น ๆ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยตรง การดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ไม่เพียงแต่สร้างเม็ดเงินโดยตรงเข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจในภาคส่วนอื่น ๆ อย่างมีนัยสำคัญ เรามาดูกรณีศึกษาจากประเทศที่ใช้ ภาคอสังหาริมทรัพย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ กัน:

โปรตุเกส (Golden Visa 2012): เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่า 500,000 ยูโรขึ้นไป แลกกับสิทธิพำนักถาวร โครงการนี้ดึงดูดเงินลงทุนกว่า 7 พันล้านยูโร ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤตได้อย่างรวดเร็ว ราคาอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ
สเปน (Residency by Investment หลังวิกฤตปี 2008): คล้ายกับโปรตุเกส สเปนเปิดให้ต่างชาติลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 500,000 ยูโรขึ้นไป เพื่อกระตุ้นตลาดบ้านที่ซบเซา ส่งผลให้ GDP ฟื้นตัว 3% ภายใน 5 ปี โดยดึงดูดนักลงทุนจากจีน รัสเซีย และตะวันออกกลางเป็นหลัก
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (Freehold Property): การอนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์แบบ Freehold ได้อย่างอิสระ เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักลงทุนมหาศาล ทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยวคิดเป็นกว่า 50% ของ GDP ผลักดันให้ UAE กลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับโลก
กรีซ (Greece Golden Visa): หลังวิกฤตหนี้ยุโรป กรีซได้เปิดโครงการ Golden Visa โดยกำหนดให้ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 250,000 ยูโรขึ้นไป เพื่อรับวีซ่าพำนัก ผลคือตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตกว่า 60% ภายใน 10 ปี เป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
มาเลเซีย (Malaysia My Second Home – MM2H): โครงการนี้เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้ามาพำนักระยะยาว ทำให้ตลาดบ้านของมาเลเซียคึกคัก ดึงดูดกลุ่มผู้เกษียณและนักลงทุนจากจีนและญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี

ประสบการณ์จากประเทศเหล่านี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การเปิดประตูสู่การลงทุนอสังหาริมทรัพย์สำหรับชาวต่างชาติ สามารถเป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการสร้างเม็ดเงินลงทุนโดยตรง (FDI) และกระตุ้นเศรษฐกิจในวงกว้าง โดยประเทศไทยมีความได้เปรียบที่เหนือกว่าหลายประเทศในเรื่องของศักยภาพและเสน่ห์ที่เรามีอยู่แล้ว

เจาะลึกศักยภาพและผลกระทบเชิงบวกของแนวคิด “ต่างชาติซื้อบ้านในไทย”

มีข้อกังวลว่าการอนุญาตให้ต่างชาติถือครองที่ดินอาจทำให้สูญเสียอธิปไตย ผมขอชี้แจงว่า ประเทศไทยมีที่ดินกว่า 321 ล้านไร่ และมีเอกสารสิทธิ 127 ล้านไร่ การที่เราจะเปิดโอกาสให้ต่างชาติถือครองอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยในสัดส่วนเพียงเล็กน้อย เช่น การขายบ้านปีละ 2 แสนหลัง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการใช้ที่ดินไม่ถึง 0.2% ของที่ดินที่มีอยู่ทั้งหมดนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยหรือการยึดครองที่ดินของประเทศแต่อย่างใด

ในปี 2565 มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศเกือบ 4 แสนหน่วย มูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท หากเราสามารถดึงดูดให้ชาวต่างชาติเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้เพียง 1 ใน 4 ของจำนวนนี้ จะสร้างมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นอีก 1 ล้านล้านบาท! โดยกลุ่มเป้าหมายไม่ได้จำกัดแค่ผู้มีรายได้สูงพิเศษ แต่รวมถึงชาวต่างชาติกลุ่มรายได้ปานกลางถึงสูงที่ต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีในราคาที่จับต้องได้ โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ในระดับราคา 5-10 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนและผู้ที่ต้องการมาพำนักระยะยาวในประเทศไทย การลงทุนคอนโดมิเนียมและอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนประเภทนี้ในทำเลศักยภาพ เช่น กรุงเทพฯ, ชลบุรี, ภูเก็ต และพัทยา มีแนวโน้มที่จะได้รับความสนใจอย่างมาก

ผลกระทบเชิงบวกที่ครอบคลุม:

การกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยตรง: เพิ่มยอดขายที่อยู่อาศัย ทั้งบ้านและคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะในหัวเมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ซื้อคอนโด กรุงเทพฯ หรือ วิลล่าหรู เชียงใหม่
อานิสงส์ต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่อง: ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ธุรกิจออกแบบ ตกแต่งภายใน รวมถึงบริการที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างจะได้รับประโยชน์มหาศาล
การสร้างงาน: เกิดการจ้างงานทั้งทางตรงและทางอ้อมในหลากหลายสาขา ตั้งแต่แรงงานก่อสร้าง วิศวกร สถาปนิก นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงภาคบริการต่าง ๆ
การบริโภคในท้องถิ่น: ชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่อาศัยจะมีการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ทั้งค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าบริการต่าง ๆ ซึ่งส่งผลต่อรายได้ของธุรกิจท้องถิ่น และผู้ประกอบการรายย่อย
รายได้เข้ารัฐ: การจัดเก็บภาษีจากการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ภาษีธุรกิจเฉพาะ และภาษีอื่น ๆ จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับภาครัฐ นำไปใช้พัฒนาประเทศต่อไป

จากโมเดลการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจ การขายบ้านให้ชาวต่างชาติเพียง 10,000 หลัง สามารถเพิ่ม GDP ได้ถึง 0.75% แต่หากเราทำได้ถึง 100,000 หลัง จะสร้างการเติบโตทาง GDP ได้ถึง 7% ซึ่งเป็นตัวเลขที่มหาศาลและสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยให้กลับมาคึกคักได้อีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไทยจากต่างชาติยังช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและดึงดูดเม็ดเงินลงทุนในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้อีกด้วย

ก้าวต่อไป: ภาคอสังหาริมทรัพย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน

ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องกล้าคิดนอกกรอบ และยอมรับว่าแนวทางเดิม ๆ อาจไม่เพียงพออีกต่อไป การเปลี่ยนถ่ายจากการพึ่งพาภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกที่เปราะบาง มาสู่การพึ่งพาภาคบริการและ ภาคอสังหาริมทรัพย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยการสร้างกำลังซื้อจากต่างประเทศอย่างจริงจัง เป็นหนทางที่จำเป็นและมีศักยภาพสูงสุด

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้าน การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผมมองเห็น โอกาสลงทุนอสังหาฯ มหาศาลในประเทศไทย หากภาครัฐสามารถสร้างนโยบายที่ชัดเจน โปร่งใส และเอื้อต่อการลงทุนของชาวต่างชาติ เช่น การปรับปรุงกฎหมายที่ดินและอาคารชุด การพิจารณานโยบายวีซ่านักลงทุนหรือวีซ่าระยะยาวที่น่าสนใจ รวมถึงการสื่อสารจุดแข็งและศักยภาพของไทยให้ชาวต่างชาติได้รับทราบอย่างกว้างขวาง

นี่ไม่ใช่เพียงการขายบ้าน แต่คือการขาย “คุณภาพชีวิต” “โอกาส” และ “อนาคต” ของประเทศไทยให้กับผู้ที่มองหา การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างนี้จะสร้างความแข็งแกร่งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจไทยในระยะยาว

พร้อมแล้วหรือยังที่จะสร้างอนาคตใหม่ร่วมกัน?

วิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังคุกคามเราอยู่นั้นเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และกล้าหาญ การพึ่งพา ภาคอสังหาริมทรัพย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย มิใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง ผมขอเชิญชวนทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน มาร่วมกันศึกษา แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และผลักดันนโยบายที่เอื้อต่อการใช้ศักยภาพของ การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไทย ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่ออนาคตที่สดใสและมั่นคงของประเทศไทย หากท่านสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โอกาสลงทุนอสังหาฯ หรือต้องการคำปรึกษาจาก ที่ปรึกษาการลงทุนอสังหาฯ โปรดติดต่อเราวันนี้ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน

Previous Post

D1912091 ให ปลากระป องคนงาน ได เล อนเป นผ ดการ part2

Next Post

D1912094 เส ยสละ ใช ไม ได บท กคนนะ part2

Next Post
D1912094 เส ยสละ ใช ไม ได บท กคนนะ part2

D1912094 เส ยสละ ใช ไม ได บท กคนนะ part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D1912113 ไส กรอกอ สาน งท หว งไว คงร บหร เพราะม คด ดต part2
  • D1912112 ระหว างงานแต งก บโปรเจคด วน เจ าบ าวจะเล อกอะไร part2
  • D1912111 าวแกงแลกขวด อวดรวยจนไม ใครให part2
  • D1912110 งานเล ยงส ดหร พาเด กท ไหนก ไม เข ามาก นเน ยนะ part2
  • D1912109 แม าล กช นป ปากร ายแบบน ใครจะไปซ part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.