• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D1912091 ให ปลากระป องคนงาน ได เล อนเป นผ ดการ part2

admin79 by admin79
December 20, 2025
in Uncategorized
0
D1912091 ให ปลากระป องคนงาน ได เล อนเป นผ ดการ part2

จากประสบการณ์กว่าทศวรรษในวงการที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและการลงทุน ผมได้เห็นพลวัตของประเทศไทยที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาล ทั้งโอกาสที่รุ่งโรจน์และความท้าทายที่รออยู่เบื้องหน้า ในฐานะผู้ที่คลุกคลีกับกลไกตลาดและการตัดสินใจเชิงนโยบาย ผมเชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องมองหาทางออกที่กล้าหาญและเป็นรูปธรรม เพื่อนำพาเศรษฐกิจไทยก้าวพ้นจากกับดักที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ บทความนี้จะเจาะลึกถึงเส้นทางที่ประเทศไทยควรเดินไปข้างหน้า โดยเฉพาะการใช้ ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการพลิกฟื้นและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยอิงจากบทเรียนจากนานาประเทศและบริบทของปี 2568 และในอนาคต

จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจไทย: มองผ่านเลนส์ผู้เชี่ยวชาญในยุค 2025

เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยืนอยู่บนทางแยกที่สำคัญ ไม่ใช่เพียงแค่การฟื้นตัวจากวิกฤตชั่วคราว แต่เป็นการเผชิญหน้ากับความท้าทายเชิงโครงสร้างที่สั่งสมมานาน ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมงานสัมมนาสำคัญที่จัดโดยสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดชลบุรี ซึ่งคุณมีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลฟ แอนด์ ลีฟวิ่ง จำกัด และอดีตนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ได้ฉายภาพสถานการณ์ได้อย่างชัดเจนว่า “เศรษฐกิจไทยถึงทางตัน โอกาสรอดอยู่ตรงไหน” คำถามนี้เป็นเสียงสะท้อนความกังวลที่ผมได้ยินซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากนักลงทุน ผู้ประกอบการ และผู้กำหนดนโยบาย

เผชิญหน้ากับพายุเศรษฐกิจหลายด้าน

ในฐานะผู้สังเกตการณ์สถานการณ์โลกอย่างใกล้ชิด ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัจจัยลบที่ถาโถมเข้ามาจากทุกทิศทาง:

สงครามการค้าและภูมิรัฐศาสตร์: ปรากฏการณ์ Trade War ไม่ได้หายไปไหน แต่กลับทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น กลายเป็น Trade Tech War และ Geopolitical Competition การที่ประเทศจีน ซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของเรา กำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจและแรงกดดันจากการกีดกันทางการค้า ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกของไทย สินค้าที่เคยส่งไปจีนอาจถูกเบี่ยงเบนมายังภูมิภาคใกล้เคียง สร้างแรงกดดันด้านราคาและการแข่งขันให้กับตลาดภายในประเทศ ผมมองว่านี่คือความท้าทายเชิงโครงสร้างที่ต้องรับมืออย่างมีสติ

กับดักทศวรรษที่สาบสูญ: ดร.บัณฑิต นิจถาวร อดีตรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เคยเตือนถึง “กับดักทศวรรษที่สาบสูญ” (Lost Decade Trap) ซึ่งเป็นภาวะที่การลงทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจหยุดชะงักนานนับสิบปี สัญญาณนี้ปรากฏชัดเจนจากการลงทุนในตลาดหุ้นที่ไร้ทิศทาง การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ชะลอตัว และนวัตกรรมที่ยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร การพึ่งพาอุตสาหกรรมเดิมๆ โดยเฉพาะยานยนต์ที่ญี่ปุ่นเคยเป็นแกนนำมาตลอดหลายทศวรรษ อาจจะไม่เพียงพออีกต่อไปเมื่อโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งไทยยังขาดขีดความสามารถในการผลิตชิ้นส่วนสำคัญ

ระเบิดเวลาหนี้ครัวเรือน: นี่คืออุปสรรคสำคัญที่สุดในการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ หนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงจาก 40% เป็นกว่า 90% ของ GDP ในทศวรรษที่ผ่านมา (ตัวเลขจากบทความต้นฉบับคือ 126% ของ 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะหมายถึงการเพิ่มขึ้นของหนี้อย่างรวดเร็ว) สะท้อนการใช้จ่ายเงินในอนาคต ทำให้ศักยภาพในการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนลดลงอย่างมาก ไม่ว่ารัฐบาลจะอัดฉีดเงินเท่าไร ก็จะถูกนำไปชำระหนี้มากกว่าจะถูกนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งนี่คือ “กับดัก” ที่กัดกินการเติบโตจากภายใน

โครงสร้างประชากรและปัญหาแรงงาน: สังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์แบบ ปัญหาการขาดแคลนแรงงานมีฝีมือและประสิทธิภาพในการผลิตจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมยังคงเป็นปัญหาเรื้อรังที่บั่นทอนศักยภาพของประเทศ

ข้อจำกัดของภาคท่องเที่ยว: แม้การท่องเที่ยวจะเป็นความหวัง แต่การพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับไปสู่ระดับก่อนโควิด-19 โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวจีน ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไปแล้ว พฤติกรรมการเดินทางของผู้คนเปลี่ยนไป ความต้องการด้านประสบการณ์ที่หลากหลายและยั่งยืนมากขึ้น การแข่งขันในตลาดที่รุนแรงขึ้น ทำให้เราต้องปรับกลยุทธ์จาก “เน้นปริมาณ” สู่ “เน้นคุณภาพ” เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศ และนี่คือโอกาสสำหรับ ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย

ถึงเวลาปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ: บทเรียนจากทั่วโลก

การอยู่กับโครงสร้างเศรษฐกิจแบบเดิมๆ ที่พึ่งพาการส่งออกและการผลิตอุตสาหกรรมหนักมากเกินไป ไม่ใช่ทางเลือกที่ยั่งยืนอีกต่อไปแล้ว ประเทศไทยจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ครั้งใหญ่ ผมขอหยิบยกตัวอย่างจากประเทศที่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านโครงสร้างเศรษฐกิจ:

สิงคโปร์: จากศูนย์กลางอุตสาหกรรม สู่ภาคบริการและการเงินระดับโลก กว่า 70% ของ GDP มาจากบริการ ไม่ว่าจะเป็นการเงิน ธนาคาร เทคโนโลยี ดิจิทัลอีโคโนมี AI และการศึกษา สิงคโปร์ลงทุนอย่างหนักในโครงสร้างพื้นฐานและดึงดูดบุคลากรระดับโลก
เกาหลีใต้: จากอุตสาหกรรมหนัก สู่เทคโนโลยีสารสนเทศ อุตสาหกรรมบันเทิง (K-Pop, K-Drama) และภาคบริการที่สร้างมูลค่าเพิ่มสูง นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนของการสร้าง Soft Power ควบคู่ไปกับ Hard Power
ฮ่องกง: จากโรงงานทอผ้า สู่ศูนย์กลางการเงิน การบริการ และ อสังหาริมทรัพย์ ระดับภูมิภาค การเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศและเสรีภาพทางเศรษฐกิจเป็นกุญแจสำคัญ
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE): จากประเทศพึ่งพาน้ำมันเป็นหลัก ปัจจุบันรายได้จากน้ำมันเหลือไม่ถึง 30% ของ GDP โดยมุ่งสู่การท่องเที่ยวหรูหรา ธุรกิจบริการระดับโลก และการเป็นศูนย์กลาง MICE (การประชุม นิทรรศการ และการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล) การพัฒนา อสังหาริมทรัพย์ ที่หรูหราและเป็นเอกลักษณ์ ดึงดูดนักลงทุนและผู้มีกำลังซื้อสูงจากทั่วโลก
สหราชอาณาจักร: อดีตผู้นำอุตสาหกรรม ปัจจุบันกว่า 80% ของ GDP มาจากภาคบริการ ลอนดอนกลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินและเทคโนโลยีของยุโรปอย่างแท้จริง

จากโครงสร้าง GDP ของไทยที่ผ่านมา เราพึ่งพาการบริโภคภาคเอกชน 57.7%, การลงทุนภาคเอกชน 17.3%, การใช้จ่ายภาครัฐ 22.2%, การส่งออกสินค้าและบริการ 65.4% และการนำเข้า 63.7% ขณะที่โครงสร้างด้านการผลิต ภาคเกษตรกรรม 8.4%, ภาคอุตสาหกรรม 39.2% และภาคบริการ 52% คำถามสำคัญคือ รายได้จากการส่งออกนั้น ประเทศไทยได้รับ “มูลค่าเพิ่ม” จริงๆ เท่าไรเมื่อเทียบกับต้นทุนที่ต้องแบกรับ? การปรับเปลี่ยนโมเดลจึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็น “ความจำเป็น” เร่งด่วน

เปิดประตูสู่ศักยภาพใหม่: พลิกวิกฤตด้วยอสังหาริมทรัพย์ไทย

ประเทศไทยมีสิ่งดีๆ มากมายที่คนทั่วโลกหลงใหล ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพฯ ที่ติดอันดับเมืองน่าเที่ยวที่สุดในโลกในปี 2024 ระบบสาธารณสุขระดับโลกที่ติดอันดับ (มีโรงพยาบาลไทย 5 แห่งติดอันดับดีที่สุดในโลก) ค่าครองชีพที่สมเหตุสมผล อาหารไทยที่ได้รับการยอมรับ สภาพอากาศที่น่าอยู่ วัฒนธรรมที่เป็นมิตร และคุณภาพอินเทอร์เน็ตที่ดีเยี่ยม สิ่งเหล่านี้คือ “ต้นทุน” ที่พร้อมจะนำไปต่อยอดได้ทันที

ผมเชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องหันมามอง ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย ไม่ใช่แค่ในฐานะที่อยู่อาศัย แต่เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ทรงพลัง โดยเฉพาะการดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาถือครองอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยและลงทุน นี่คือกลยุทธ์ที่หลายประเทศใช้ประสบความสำเร็จมาแล้ว

บทเรียนจากนานาชาติ: เมื่ออสังหาริมทรัพย์เป็นเครื่องมือฟื้นเศรษฐกิจ

ประเทศที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจภายในคล้ายไทย ทั้งกำลังซื้อลดลง หนี้ครัวเรือนสูง และรายได้ไม่เติบโต ได้ใช้วิธีดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาซื้อ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน และใช้จ่ายในประเทศอย่างได้ผล:

โปรตุเกส (Golden Visa 2012): อนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่า 500,000 ยูโรขึ้นไป แลกกับสิทธิพำนัก ดึงดูดเงินทุนกว่า 7 พันล้านยูโร ฟื้นเศรษฐกิจหลังวิกฤตหนี้ และกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์และราคาบ้านอย่างมีนัยสำคัญ
สเปน (Residency by Investment หลังวิกฤต 2008): คล้ายกับโปรตุเกส เปิดให้ต่างชาติลงทุน 500,000 ยูโรขึ้นไป ฟื้นฟูตลาดบ้านที่ซบเซา GDP เติบโต 3% ภายใน 5 ปี โดยเฉพาะการดึงดูดนักลงทุนจากจีน รัสเซีย และตะวันออกกลาง
กรีซ (Greece Golden Visa): ซื้ออสังหาริมทรัพย์ 250,000 ยูโรขึ้นไป ได้วีซ่าพำนัก ทำให้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย เติบโต 60% ภายใน 10 ปี เป็นฟันเฟืองสำคัญในการกอบกู้เศรษฐกิจหลังวิกฤตหนี้ยุโรป
มาเลเซีย (Malaysia My Second Home – MM2H): โครงการพำนักระยะยาวที่ดึงดูดผู้เกษียณและนักลงทุนจากจีน ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ กระตุ้น ตลาดคอนโดไทย และบ้านพักตากอากาศอย่างต่อเนื่อง

เหล่านี้คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่า การถือครองอสังหาริมทรัพย์โดยชาวต่างชาติ สามารถเป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการสร้างกำลังซื้อจากภายนอก ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศไทยต้องการอย่างเร่งด่วน

ก้าวข้ามความกังวล: ศักยภาพมหาศาลของภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย

ความกังวลว่าที่ดินจะถูกต่างชาติยึดครองนั้น ผมมองว่าเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ประเทศไทยมีที่ดินกว่า 321 ล้านไร่ มีเอกสารสิทธิประมาณ 127 ล้านไร่ (40%) หากสมมติว่าในหนึ่งปีเราสามารถขายบ้านให้ชาวต่างชาติได้ 200,000 หลัง ซึ่งถือเป็นจำนวนที่สูงมาก เมื่อเทียบกับจำนวนการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ 392,858 หน่วยในปี 2565 คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,065,008 ล้านบาท การขาย 1 ใน 4 ให้ต่างชาติก็จะสร้างมูลค่าเกือบ 1 ล้านล้านบาท ที่ดินที่ใช้ไปจะคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 0.2% ของที่ดินทั้งหมดที่มีอยู่ นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ ของพื้นที่ประเทศ

ที่สำคัญคือ ชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่อาศัยในไทยไม่ได้มุ่งเน้นแต่ อสังหาริมทรัพย์ราคาแพง เท่านั้น แต่ยังรวมถึงกลุ่มคนที่มีรายได้ปานกลางถึงสูงที่ต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีในราคาที่เข้าถึงได้ ราคาอสังหาริมทรัพย์สำหรับชาวต่างชาติที่เหมาะสมมักจะอยู่ในช่วง 5-7 ล้านบาท ไม่ใช่ 10 ล้านบาทขึ้นไปอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด ซึ่งกลุ่มนี้มีกำลังซื้อจำนวนมากและเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่น

ผลกระทบเชิงบวกที่จับต้องได้จากการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย:

การเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้ามาถือครอง อสังหาริมทรัพย์ไทย จะสร้างผลกระทบเชิงบวกแบบลูกโซ่:

การขายบ้านและคอนโด: เพิ่มยอดขายให้กับผู้ประกอบการ ทั้งในตลาด อสังหาริมทรัพย์กรุงเทพ อสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต อสังหาริมทรัพย์ชลบุรี และ อสังหาริมทรัพย์พัทยา
ธุรกิจต่อเนื่องเติบโต: ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง การออกแบบ ตกแต่งภายใน และภูมิทัศน์ จะได้รับอานิสงส์อย่างมหาศาล
การจ้างงาน: สร้างงานโดยตรงและทางอ้อมจำนวนมหาศาล ตั้งแต่แรงงานก่อสร้าง วิศวกร สถาปนิก นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงภาคบริการต่างๆ
การบริโภคในประเทศ: ชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่อาศัยจะใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นอาหาร การท่องเที่ยวในประเทศ การใช้บริการด้านสุขภาพ การศึกษา ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อรายได้ของคนในท้องถิ่น และผู้ประกอบการ SMEs
การเพิ่ม GDP: ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า การขายบ้าน 10,000 หลัง อาจทำให้ GDP เพิ่มขึ้น 0.75% แต่ถ้าทำได้ถึง 100,000 หลัง จะสามารถเพิ่ม GDP ได้ถึง 7% นี่คือศักยภาพมหาศาลที่รอการปลดล็อก

ในปัจจุบัน การซื้อขาย อสังหาริมทรัพย์ไทย ให้ชาวต่างชาติ ทั้งในรูปแบบที่ถูกกฎหมายและผ่านนอมินี มีอยู่แล้วเป็นจำนวนมากในหลายพื้นที่ เช่น ภูเก็ตและพัทยา การทำให้กระบวนการเหล่านี้โปร่งใสและถูกกฎหมายมากขึ้น จะช่วยให้รัฐสามารถจัดเก็บภาษีและบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ก้าวสู่ปี 2025 และอนาคต: ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องทบทวนนโยบายและกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ขอเสนอแนวทางสำคัญเพื่อพลิกโฉม ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย ให้เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ:

พัฒนากฎหมายที่ชัดเจนและเอื้อต่อการลงทุน:
ทบทวนกฎหมายที่ดินต่างชาติ: พิจารณาผ่อนปรนเงื่อนไขการถือครองที่ดินสำหรับชาวต่างชาติในบางประเภทหรือบางพื้นที่ โดยมีกลไกควบคุมที่รัดกุม เช่น การอนุญาตให้ถือครอง Freehold ในพื้นที่ที่กำหนด (เหมือน UAE) หรือการเช่าระยะยาวที่ยาวนานขึ้น (Long-term Leasehold) เพื่อดึงดูด การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ขนาดใหญ่
โครงการวีซ่านักลงทุนและพำนักระยะยาว (Golden Visa / Long-Term Residency): สร้างกรอบนโยบายที่ชัดเจน คล้ายกับโปรตุเกส สเปน หรือกรีซ โดยมีเกณฑ์การลงทุนใน อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ที่ดึงดูดใจพร้อมสิทธิประโยชน์ด้านการพำนัก โดยอาจกำหนดวงเงินที่เหมาะสมกับบริบทไทย (เช่น 5-10 ล้านบาทขึ้นไป) และเน้นไปที่กลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูง ผู้เกษียณอายุ และ Digital Nomads
มาตรการภาษีจูงใจ: พิจารณามาตรการลดหย่อนภาษีบางประเภทสำหรับชาวต่างชาติที่ลงทุนใน ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย ในระยะยาว เพื่อสร้างแรงจูงใจในการถือครอง
การอำนวยความสะดวกด้านการเงิน: สนับสนุนสถาบันการเงินในการให้บริการสินเชื่อแก่ชาวต่างชาติที่มีคุณสมบัติครบถ้วนอย่างโปร่งใส

ส่งเสริมอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย:
ตลาดหรูหราและพรีเมียม: ส่งเสริมการพัฒนา คอนโดมิเนียมหรู กรุงเทพ วิลล่าภูเก็ตสำหรับขาย และ บ้านพักตากอากาศ ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้า High-Net-Worth Individuals (HNWIs)
อสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพและผู้สูงอายุ: ด้วยชื่อเสียงด้านการแพทย์ของไทย การพัฒนา Retirement Homes หรือ Wellness Residences จะดึงดูดผู้สูงอายุจากประเทศพัฒนาแล้วที่มีกำลังซื้อสูง
Co-living Space และ Co-working Space: เพื่อรองรับกลุ่ม Digital Nomads และ Start-up จากต่างประเทศ ที่มองหาคุณภาพชีวิตที่ดีและต้นทุนที่เหมาะสม
อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์: ดึงดูดบริษัทต่างชาติให้เข้ามาลงทุนและตั้งสำนักงานในไทยผ่านมาตรการจูงใจด้านอสังหาริมทรัพย์

ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและบริการ:
โครงสร้างพื้นฐานคมนาคม: พัฒนาระบบขนส่งมวลชนและโครงข่ายถนนให้เชื่อมโยงและสะดวกสบาย โดยเฉพาะในเมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยว
ระบบสาธารณูปโภค: สร้างความมั่นใจในคุณภาพน้ำ ไฟฟ้า และอินเทอร์เน็ตที่เสถียร
บริการภาครัฐที่เป็นมิตร: ลดขั้นตอนและอุปสรรคทางราชการ สร้าง One Stop Service ที่มีประสิทธิภาพสำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนหรือพำนัก

การตลาดและการประชาสัมพันธ์เชิงรุก:
แบรนด์ดิ้งประเทศไทย: สร้างภาพลักษณ์ใหม่ของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการใช้ชีวิต การลงทุน และการพักผ่อนระยะยาวสำหรับชาวต่างชาติ
โรดโชว์และงานแสดงอสังหาริมทรัพย์: จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพ เช่น จีน ยุโรป สหรัฐอเมริกา และตะวันออกกลาง

ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือหนทางที่สามารถจุดประกายการเติบโตครั้งใหม่ให้กับเศรษฐกิจของเรา ด้วยการผสมผสานจุดแข็งที่มีอยู่เข้ากับนโยบายที่กล้าหาญและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล เราจะสามารถสร้างรายได้จากต่างประเทศ กระตุ้นการลงทุนภายในประเทศ สร้างงาน และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยได้อย่างยั่งยืน

ก้าวต่อไปกับภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย

ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องมอง ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย ในมุมที่แตกต่างออกไป ในฐานะกลไกสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศไทยก้าวพ้นจากความท้าทายทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน และพร้อมสำหรับการแข่งขันในอนาคต การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และการใช้จุดแข็งที่เรามีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดคือกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดที่สุด

ผมเชื่อมั่นว่าหากเราสามารถรวมพลังและวิสัยทัศน์จากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อผลักดันนโยบายที่เอื้อต่อการลงทุนและ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมีชาวต่างชาติเป็นส่วนหนึ่งของสมการ เราจะสามารถสร้างอนาคตที่สดใสและมั่นคงให้กับประเทศไทยได้

ขอเชิญชวนผู้ประกอบการ นักลงทุน และผู้สนใจทุกท่าน ร่วมกันศึกษาโอกาสและร่วมเสนอแนะแนวทาง เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางใหม่ของ ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย ที่จะนำพาเศรษฐกิจของเราก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน หากท่านต้องการข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม หรือสนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้ โปรดติดต่อทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราเพื่อหารือแนวทางและโอกาสในการลงทุน เพื่อสร้างอนาคตที่สดใสสำหรับประเทศไทยร่วมกัน.

Previous Post

D1912089 ระด บดาราอย างฉ ไม บงานตลาดล าง part2

Next Post

D1912093 กสามเศร เราสามคน part2

Next Post
D1912093 กสามเศร เราสามคน part2

D1912093 กสามเศร เราสามคน part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D1912116 าวต มทรงเคร อง คำว ารวยของคนม นไม เท าก part2
  • D1912115 งมาม ดใต โต เด กคนน พยายามจะบอกอะไรก นแน part2
  • D1912114 งานแต งระด บผ ดการ กล าเอาข าวเหน ยวมาก นได ไง part2
  • D1912113 ไส กรอกอ สาน งท หว งไว คงร บหร เพราะม คด ดต part2
  • D1912112 ระหว างงานแต งก บโปรเจคด วน เจ าบ าวจะเล อกอะไร part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.