• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D1912062 แม านใช ไอโฟน ทำงานไม เอาเง part2

admin79 by admin79
December 20, 2025
in Uncategorized
0
D1912062 แม านใช ไอโฟน ทำงานไม เอาเง part2

พลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย: อสังหาริมทรัพย์คือหัวใจขับเคลื่อนยุค 2025

ในฐานะที่ผมได้คลุกคลีอยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยมานานกว่าทศวรรษ ทั้งในฐานะนักพัฒนา ผู้บริหาร และที่ปรึกษา ผมได้เห็นวงจรเศรษฐกิจขึ้นลง ผู้อยู่รอด และผู้ที่ต้องปรับตัวมานับครั้งไม่ถ้วน ทว่าสถานการณ์ในปัจจุบันของประเทศไทยกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนที่สำคัญยิ่ง ไม่ใช่เพียงการชะลอตัวชั่วคราว แต่เป็นการเผชิญกับความท้าทายเชิงโครงสร้างที่หยั่งรากลึกจนยากจะหวนคืนสู่เส้นทางเดิมได้ หากปราศจากการปฏิรูปครั้งใหญ่ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคือคำถามที่ว่า “ประเทศไทยจะหาทางรอดได้อย่างไรในสมรภูมิเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนและเต็มไปด้วยแรงกดดัน?” ผมเชื่อมั่นว่าคำตอบที่ชัดเจนที่สุดอยู่ตรงหน้าเราแล้ว นั่นคือการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์และยอมรับว่าถึงเวลาที่ อสังหาริมทรัพย์จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ให้พ้นจากวิกฤตครั้งนี้

เผชิญหน้ากับความจริง: วิบากกรรมของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน

เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับพายุเศรษฐกิจรอบด้านที่รุนแรงและซับซ้อนกว่าในอดีตมาก จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ เราเห็นสัญญาณเตือนมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ดร.บัณฑิต นิจถาวร อดีตรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เคยกล่าวถึงการที่ประเทศไทยกำลังติดกับดักทศวรรษที่สาบสูญ ซึ่งตอกย้ำภาพความเปราะบางนี้ได้อย่างชัดเจน ลองพิจารณาปัจจัยหลักที่กัดกินศักยภาพการเติบโตของเรา:

แรงกดดันจากเวทีโลก:
สงครามการค้า (Trade War) ที่ทวีความรุนแรง: แม้คำว่า “สงครามการค้า” อาจดูเหมือนเป็นประเด็นเก่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันได้วิวัฒนาการไปสู่ความขัดแย้งเชิงโครงสร้างที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่การเก็บภาษีนำเข้า แต่เป็นการกีดกันเทคโนโลยี การสร้างพันธมิตรทางการค้าใหม่ และการย้ายฐานการผลิตทั่วโลก สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออกของไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์หลักของ GDP มาโดยตลอด การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเดิมๆ ที่ไทยเคยเป็นแชมป์กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดและอุปสรรคทางการค้าที่ไม่เคยมีมาก่อน
เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว: จีนซึ่งเป็นคู่ค้าและแหล่งนักท่องเที่ยวสำคัญของไทย กำลังเผชิญกับปัญหาภายใน ทั้งภาคอสังหาริมทรัพย์ที่สั่นคลอน ปัญหาหนี้สิน และนโยบายที่เข้มงวดมากขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อและกำลังลงทุนจากจีนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อจีนไอ ไทยก็เป็นหวัดตามไปด้วย และผลกระทบจากเทรดวอร์ทำให้สินค้าจีนที่ถูกสกัดในตลาดตะวันตกไหลทะลักเข้าสู่ตลาดใกล้เคียง รวมถึงไทย สร้างแรงกดดันด้านราคาต่อสินค้าไทย
ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์: ความขัดแย้งในภูมิภาคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นยุโรป ตะวันออกกลาง หรือแม้แต่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เอง ล้วนสร้างความไม่แน่นอนให้กับห่วงโซ่อุปทานและการลงทุนต่างชาติ นักลงทุนย่อมมองหาเสถียรภาพ และหากไทยไม่สามารถสร้างความมั่นใจในระยะยาวได้ การลงทุนก็จะไหลไปที่อื่น

ปัญหาเชิงโครงสร้างภายในประเทศ:
หนี้ครัวเรือนพุ่งทะลุเพดาน: นี่คือระเบิดเวลาที่คุกคามเศรษฐกิจไทยอย่างแท้จริง จาก 40% ของ GDP เมื่อทศวรรษก่อน พุ่งขึ้นเกิน 90% ในปัจจุบัน (ในอดีตเคยถึง 126% ของช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หากคำนวณแบบนั้น) สะท้อนการใช้จ่ายเงินในอนาคต ซึ่งหมายความว่ากำลังซื้อภายในประเทศลดลงอย่างฮวบฮาบ การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคที่เคยขับเคลื่อนเศรษฐกิจกำลังถูกบั่นทอนด้วยภาระหนี้สิน ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นไปได้ยาก
โครงสร้างประชากรสูงวัย: ไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์แบบ สิ่งนี้ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานในอนาคต ลดทอนผลิตภาพโดยรวมของประเทศ และเพิ่มภาระด้านสวัสดิการสังคม ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตระยะยาว
ความเหลื่อมล้ำที่ถ่างกว้าง: การกระจุกตัวของความมั่งคั่งและการขาดโอกาสอย่างเท่าเทียม ทำให้กำลังซื้อโดยรวมของประเทศไม่เข้มแข็ง และสร้างความไม่มั่นคงทางสังคม ซึ่งเป็นรากฐานที่ไม่ดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ
การพึ่งพิงอุตสาหกรรมเก่า: แม้ไทยจะพยายามลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) แต่ปัญหาคือเรายังขาดเทคโนโลยีหลักในการผลิตชิ้นส่วนสำคัญ ผู้ประกอบการไทยจำนวนมากไม่สามารถก้าวทันการเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้โอกาสในการเป็นฐานการผลิต EV ของโลกถูกจำกัด การพึ่งพิงการส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนแบบเดิมจึงยิ่งเปราะบางลง
การท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่: แม้รัฐบาลจะหวังพึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหัวใจหลัก แต่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ยังไม่กลับมาในระดับก่อนโควิด-19 การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว และการแข่งขันที่สูงขึ้น ทำให้การกลับไปสู่จุดสูงสุดเดิมไม่ใช่เรื่องง่าย

เมื่อมองภาพรวมเหล่านี้ จะเห็นได้ชัดว่าประเทศไทยกำลังยืนอยู่บนทางแยกที่สำคัญ การแก้ไขปัญหาด้วยวิธีเดิมๆ หรือการประคองตัวไปวันๆ จะไม่เพียงพออีกต่อไป ถึงเวลาแล้วที่เราต้องกล้าคิด กล้าทำ เพื่อให้ อสังหาริมทรัพย์จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ไปสู่ยุคใหม่ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน

การปฏิรูปโครงสร้าง GDP: บทเรียนจากนานาประเทศ

โครงสร้าง GDP ของประเทศไทยในปัจจุบันยังคงพึ่งพาภาคเอกชนและการส่งออกเป็นหลัก โดยมีภาคบริการเป็นส่วนสำคัญ แต่ภาคอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมยังคงมีสัดส่วนค่อนข้างสูง และภาคเกษตรกรรมก็ยังคงเป็นฐานที่สำคัญ ทว่าการกระจายตัวของรายได้จากการส่งออกนั้นไม่ได้กลับคืนสู่ประเทศอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเสมอไป

จากประสบการณ์กว่า 10 ปีในแวดวงธุรกิจ ผมได้ศึกษาโมเดลความสำเร็จของหลายประเทศที่เคยเผชิญวิกฤตคล้ายคลึงกัน และได้ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจของตนเองจนก้าวข้ามผ่านความท้าทายได้อย่างน่าทึ่ง นี่คือบทเรียนสำคัญที่เราควรนำมาพิจารณา:

สิงคโปร์: จากประเทศอุตสาหกรรม สู่ศูนย์กลางภาคบริการระดับโลก คิดเป็นกว่า 70% ของ GDP เน้นการสร้างรายได้จากต่างประเทศ ทั้งด้านการเงิน การธนาคาร เทคโนโลยี เศรษฐกิจดิจิทัล และการศึกษาเชิงคุณภาพ พวกเขาลงทุนมหาศาลในการดึงดูดบุคลากรและเงินทุนจากทั่วโลกเพื่อเป็นฮับด้านนวัตกรรม
เกาหลีใต้: จากที่เคยเน้นอุตสาหกรรมหนัก พวกเขาปรับเปลี่ยนสู่เทคโนโลยีขั้นสูง อุตสาหกรรมบันเทิง (K-Pop, K-Drama) และภาคบริการสมัยใหม่ ที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก สร้างมูลค่าเพิ่มมหาศาลให้กับประเทศ
ฮ่องกง: จากฐานการผลิตสิ่งทอ เปลี่ยนผ่านสู่ภาคการเงิน การบริการ และภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง กลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญที่สุดของโลก
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE): เคยพึ่งพารายได้จากการขายน้ำมันเป็นหลัก แต่เมื่อตระหนักว่าทรัพยากรมีจำกัด พวกเขาได้ปฏิรูปประเทศไปสู่การท่องเที่ยวหรูหรา ธุรกิจบริการระดับโลก และการส่งเสริมอุตสาหกรรม MICE (การประชุม การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล การจัดประชุมนานาชาติ และการจัดนิทรรศการ) โดยรายได้จากน้ำมันคิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่า 30% ของ GDP แล้วในปัจจุบัน การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ โดยชาวต่างชาติมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการพลิกโฉมดูไบให้เป็นมหานครระดับโลก
สหราชอาณาจักร (UK): อดีตผู้นำการปฏิวัติอุตสาหกรรม ปัจจุบันได้เปลี่ยนผ่านสู่ภาคบริการกว่า 80% ของ GDP โดยเฉพาะกรุงลอนดอนที่กลายเป็นศูนย์กลางทางการเงิน เทคโนโลยี และนวัตกรรมของยุโรป

บทเรียนเหล่านี้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า การยึดติดกับโครงสร้างเดิมเป็นเส้นทางที่อันตราย ประเทศที่ประสบความสำเร็จล้วนมีการปรับตัวอย่างกล้าหาญ และมักจะใช้ การลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในภาคบริการและ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน เป็นตัวเร่งการเติบโต

ปลดล็อกศักยภาพ: อสังหาริมทรัพย์ไทยกับการสร้างกำลังซื้อจากทั่วโลก

ประเทศไทยมีสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากมายที่ชาวต่างชาติหลงรัก ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมที่งดงาม อาหารที่ขึ้นชื่อระดับโลก ค่าครองชีพที่สมเหตุสมผล คุณภาพชีวิตที่ดีกว่าในหลายประเทศ ระบบสาธารณสุขที่เป็นเลิศและราคาเข้าถึงได้ สภาพอากาศที่อบอุ่น ผู้คนที่เป็นมิตร และโครงข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีคุณภาพสูง สิ่งเหล่านี้เป็น “แต้มต่อ” ที่เรามี แต่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนระยะยาวผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์

ผมเชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องพิจารณาอย่างจริงจังในการอนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถถือครองอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยในประเทศไทยได้อย่างเปิดกว้างและมีเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ อสังหาริมทรัพย์จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ได้อย่างแท้จริง

มาไขข้อกังวลเรื่องการ “เสียดินแดน” หรือ “ถูกต่างชาติยึดครอง” กันก่อน:
ประเทศไทยมีพื้นที่ดินมหาศาลถึง 321 ล้านไร่ มีเอกสารสิทธิราว 127 ล้านไร่ หากเราขายบ้านให้ชาวต่างชาติปีละ 200,000 หลัง คิดเป็นสัดส่วนพื้นที่ดินไม่ถึง 0.2% ของที่ดินทั้งหมดที่เรามีอยู่ด้วยซ้ำ นี่คือตัวเลขที่เล็กน้อยมาก และต้องทำความเข้าใจว่าการถือครองบ้านเพื่ออยู่อาศัย ไม่ได้หมายถึงการเข้ามายึดครองประเทศ แต่เป็นการนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาลงทุนและใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจของเรา

ผลกระทบเชิงบวกที่มหาศาล:

การเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย ไม่ใช่แค่การ “ขายบ้าน” แต่เป็นการสร้างห่วงโซ่มูลค่ามหาศาลที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง:

กระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยตรง: เพิ่มยอดโอนกรรมสิทธิ์ เพิ่มมูลค่าการซื้อขาย ในปี 2565 มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ 392,858 หน่วย มูลค่ากว่า 1.065 ล้านล้านบาท หากเราสามารถดึงดูดชาวต่างชาติให้ซื้อได้เพียง 1 ใน 4 ของจำนวนนี้ จะสร้างมูลค่าเพิ่มได้ถึง 1 ล้านล้านบาท!
ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมต่อเนื่อง: ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง การตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และบริการซ่อมบำรุง จะได้รับอานิสงส์มหาศาล
สร้างงานโดยตรงและทางอ้อม: ตั้งแต่แรงงานก่อสร้าง วิศวกร สถาปนิก ตัวแทนขาย ผู้จัดการอาคาร ไปจนถึงงานบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
เพิ่มการบริโภคในท้องถิ่น: เมื่อชาวต่างชาติเข้ามาอยู่อาศัย พวกเขาจะจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน ทั้งค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าเล่าเรียนบุตรหลาน ค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจในชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น
กระตุ้น GDP อย่างมีนัยสำคัญ: งานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่า การขายบ้าน 10,000 หลัง สามารถเพิ่ม GDP ได้ 0.75% หากเราสามารถขายได้ถึง 100,000 หลัง นั่นหมายถึง GDP ที่เพิ่มขึ้นถึง 7% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สามารถเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจไทยได้เลยทีเดียว

ปัจจุบัน การถือครองอสังหาริมทรัพย์โดยต่างชาติในไทยยังคงมีทั้งช่องทางที่ถูกกฎหมายและช่องว่างที่ไม่เป็นทางการ โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่างภูเก็ต พัทยา และกรุงเทพฯ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่สูง แต่ยังขาดกรอบนโยบายที่ชัดเจนและเอื้ออำนวยอย่างเต็มที่

บทเรียนจากทั่วโลก: โมเดลที่นำมาปรับใช้ได้

หลายประเทศได้พิสูจน์แล้วว่าการใช้ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นเป็นไปได้และประสบความสำเร็จอย่างสูง โมเดลเหล่านี้ควรเป็นแนวทางให้ไทยได้ศึกษาและนำมาปรับใช้:

โปรตุเกส (Golden Visa 2012): อนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่า 500,000 ยูโรขึ้นไป แลกกับสิทธิในการพำนักถาวร ทำให้เงินทุนไหลเข้ากว่า 7 พันล้านยูโร ช่วยฟื้นเศรษฐกิจหลังวิกฤต และกระตุ้นตลาดบ้านให้ฟื้นตัว
สเปน (Residency by Investment): หลังวิกฤตปี 2008 เปิดโอกาสให้ต่างชาติลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 500,000 ยูโรขึ้นไป ช่วยกระตุ้นตลาดบ้านที่ซบเซา GDP ฟื้นตัว 3% ภายใน 5 ปี ดึงดูดนักลงทุนจากจีน รัสเซีย และตะวันออกกลาง
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE – Freehold Property): นโยบายอนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้อบ้านแบบ Freehold ได้อย่างอิสระ ดึงดูดนักลงทุนมหาศาล ทำให้อสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยวคิดเป็นกว่า 50% ของ GDP กลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับโลกอย่างแท้จริง
กรีซ (Greece Golden Visa): ให้ชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ 250,000 ยูโรขึ้นไป แลกกับการขอวีซ่าพำนักในประเทศได้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโต 60% ภายใน 10 ปี ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจหลังวิกฤตหนี้ยุโรปได้อย่างงดงาม
มาเลเซีย (Malaysia My Second Home – MM2H): โครงการพำนักระยะยาวที่เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้ามาอยู่อาศัย กระตุ้นตลาดบ้าน ดึงดูดผู้เกษียณอายุและนักลงทุนจากจีนและญี่ปุ่น

โมเดลเหล่านี้แสดงให้เห็นถึง “สิทธิการถือครองอสังหาฯ ต่างชาติ” ที่มีความยืดหยุ่นและหลากหลาย ซึ่งล้วนเป็นช่องทางในการนำ การลงทุนระยะยาวในไทย เข้ามา บทเรียนเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าการมี “กฎหมายอสังหาริมทรัพย์สำหรับชาวต่างชาติ” ที่ชัดเจนและเอื้ออำนวย จะเป็นหัวใจสำคัญในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุน การพิจารณาเรื่อง “ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” ที่เป็นธรรม ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการสร้างแรงจูงใจ

แน่นอนว่าเราไม่จำเป็นต้องลอกเลียนแบบทั้งหมด แต่เราสามารถนำหลักการมาปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของไทยได้ ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดประเภทอสังหาริมทรัพย์ ราคาขั้นต่ำ หรือพื้นที่เฉพาะ เช่น ในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) หรือเมืองท่องเที่ยวสำคัญอย่าง อสังหาริมทรัพย์ ภูเก็ต, คอนโดพัทยา, บ้านพักตากอากาศ หัวหิน หรือแม้แต่ ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ กรุงเทพฯ สำหรับโครงการ คอนโดหรูสำหรับต่างชาติ

ทางออกของประเทศไทย: ถึงเวลาที่อสังหาริมทรัพย์ต้องเป็นผู้นำ

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีในแวดวงนี้มานานกว่าทศวรรษ ผมมองว่าการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจโดยหันมาพึ่งพาภาคอสังหาริมทรัพย์และการสร้างกำลังซื้อจากต่างประเทศ ไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นเร่งด่วน การยึดติดกับโมเดลการพัฒนาอุตสาหกรรมและการส่งออกที่กำลังเผชิญกับข้อจำกัดมากมาย จะทำให้เราติดอยู่ในวงจรของ “เศรษฐกิจฟื้นยาก” อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

การดำเนินการนี้ต้องทำอย่างรอบคอบและมีแผนการที่ชัดเจน โดยเริ่มต้นจากการทบทวนและปรับปรุง “Property Law Thailand” ให้มีความยืดหยุ่นและโปร่งใสมากขึ้น กำหนดเกณฑ์สำหรับ “การขอใบอนุญาตที่ดิน” และ “สิทธิการถือครองอสังหาฯ ต่างชาติ” ที่ชัดเจน รวมถึงการสื่อสารที่ตรงไปตรงมาเพื่อสร้างความเข้าใจกับสาธารณะและลดข้อกังวลที่ไม่จำเป็น

ผมเชื่อมั่นว่าศักยภาพของประเทศไทยในการดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาอยู่อาศัยและลงทุนนั้นยังมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้เกษียณ กลุ่มผู้ประกอบการดิจิทัลโนแมด หรือแม้แต่นักลงทุนที่มองหา “ผลตอบแทนการลงทุนอสังหาฯ” ที่มั่นคงในระยะยาว การเปิดประตูให้ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นหัวใจขับเคลื่อนจะนำมาซึ่งเม็ดเงินลงทุนโดยตรง (FDI) และเงินทุนจากต่างประเทศที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ สร้างโอกาสในการพัฒนา “Wealth Management Thailand” และเปิด “Investment Opportunities Thailand” ใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน

ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องปลดล็อกศักยภาพอันยิ่งใหญ่นี้ และยอมรับความจริงที่ว่า อสังหาริมทรัพย์จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ให้พ้นจากทางตันที่เราเผชิญอยู่

ผมจึงขอเชิญชวนทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน นักลงทุน และประชาชน มาร่วมกันพิจารณาในประเด็นนี้อย่างจริงจัง เปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย และร่วมกันหาทางออกที่ยั่งยืน เพื่อสร้างอนาคตที่สดใสให้กับเศรษฐกิจไทยไปด้วยกัน หากท่านต้องการข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม หรือมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับนโยบายด้านอสังหาริมทรัพย์และการลงทุน สามารถติดต่อเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผมและทีมงานได้เสมอ เราพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการพลิกฟื้นประเทศไทยไปด้วยกัน

Previous Post

D1912061 ปลากระป อง อย ามาก นบนโต ะนะ part2

Next Post

D1912063 บอกก บแฟนใหม เธอ าเราเป นขอทาน part2

Next Post
D1912063 บอกก บแฟนใหม เธอ าเราเป นขอทาน part2

D1912063 บอกก บแฟนใหม เธอ าเราเป นขอทาน part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D1912113 ไส กรอกอ สาน งท หว งไว คงร บหร เพราะม คด ดต part2
  • D1912112 ระหว างงานแต งก บโปรเจคด วน เจ าบ าวจะเล อกอะไร part2
  • D1912111 าวแกงแลกขวด อวดรวยจนไม ใครให part2
  • D1912110 งานเล ยงส ดหร พาเด กท ไหนก ไม เข ามาก นเน ยนะ part2
  • D1912109 แม าล กช นป ปากร ายแบบน ใครจะไปซ part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.