กลยุทธ์พลิกโฉม: เดอะมอลล์ผนึก SCPG เปิดประตูทอง SME ไทยบุกตลาดจีน ยุคใหม่ 2025
ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนมีความสัมพันธ์อันยาวนานและแน่นแฟ้น ไม่เพียงแค่ในระดับการทูต แต่ยังครอบคลุมมิติทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมมาอย่างต่อเนื่อง ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงธุรกิจการค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์มานานกว่าทศวรรษ ผมมองเห็นศักยภาพอันมหาศาลที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความสัมพันธ์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่การค้าโลกกำลังปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์อย่างรวดเร็ว โอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ กำลังผุดขึ้นมาอย่างไม่หยุดยั้ง และสำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมของไทย หรือ SME ไทยบุกตลาดจีน นั้น การเดินทางครั้งนี้อาจดูเหมือนเป็นความท้าทายอันยิ่งใหญ่ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นประตูสู่ความสำเร็จที่ไม่เคยมีมาก่อนที่ได้รับการอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่
ล่าสุด การประกาศความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ระหว่าง บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ประกอบการค้าปลีกชั้นนำของไทย และ SCPG Group ยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์จากจีน จึงไม่ใช่เพียงข่าวพาดหัวธรรมดา แต่เป็นการวางรากฐานสำคัญเพื่อสร้าง “ระบบนิเวศทางการค้าใหม่” ที่จะช่วยยกระดับและผลักดัน SME ไทยบุกตลาดจีน อย่างเป็นรูปธรรม ในโอกาสครบรอบ 50 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้ได้จุดประกายความหวังครั้งใหม่ให้กับผู้ประกอบการไทย ที่ต้องการขยายฐานธุรกิจและนำเสนอสินค้าอัตลักษณ์ไทยสู่สายตาผู้บริโภคชาวจีนที่มีกำลังซื้อสูงและกำลังมองหาประสบการณ์ใหม่ๆ จากต่างประเทศ นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่วิสัยทัศน์อันกว้างไกลจะถูกแปรเปลี่ยนเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจที่จับต้องได้ ผมจะเจาะลึกถึงเบื้องหลังกลยุทธ์สำคัญนี้ และชี้ให้เห็นว่าทำไมความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นมากกว่าแค่การจับมือทางธุรกิจ แต่เป็นการสร้างสะพานแห่งโอกาสสำหรับ SME ไทยบุกตลาดจีน อย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยที่ SME ไม่ต้องเผชิญกับอุปสรรคการเข้าถึงตลาดด้วยตัวเองอีกต่อไป นับเป็นทางออกที่สร้างสรรค์สำหรับความท้าทายทางธุรกิจที่ซับซ้อนในยุค 2025 นี้
พันธมิตรเชิงกลยุทธ์: การพลิกโฉมวงการค้าปลีก
การจับมือกันของสองยักษ์ใหญ่ในครั้งนี้เป็นมากกว่าการผนึกกำลังทางธุรกิจทั่วไป มันคือการผสานจุดแข็งที่ลงตัวเพื่อปลดล็อกศักยภาพทางการค้าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เดอะมอลล์ กรุ๊ป ด้วยประสบการณ์กว่า 4 ทศวรรษในการพัฒนาและบริหารศูนย์การค้าระดับโลก อาทิ สยามพารากอน, เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์, เอ็มสเฟียร์ และเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ได้สร้างความน่าเชื่อถือและเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคในระดับลึกซึ้ง พวกเขารู้ดีว่าการสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่น่าประทับใจนั้นมีความสำคัญเพียงใด และที่สำคัญคือพวกเขามีฐานคู่ค้า SME ที่แข็งแกร่งและหลากหลายพร้อมที่จะเติบโต มีสินค้าและบริการที่มีคุณภาพที่รอคอยการเปิดตัวในตลาดต่างประเทศ
ในทางกลับกัน SCPG Group คือผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน พัฒนา และบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ชั้นนำของจีน ด้วยเครือข่ายศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ และแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ครอบคลุมทั่วประเทศจีน พวกเขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงตลาดจีนและพฤติกรรมของลูกค้าชาวจีนแต่ละภูมิภาค การเข้าถึงพื้นที่ค้าปลีกสำคัญๆ ในเมืองใหญ่อย่างเซินเจิ้นและเซี่ยงไฮ้ คือกุญแจสำคัญที่ SCPG มอบให้แก่พันธมิตรของตน การผนึกกำลังครั้งนี้จึงเป็นการเปิดช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าและการเข้าถึงตลาดที่กว้างขวางขึ้นอย่างมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ SME ไทยบุกตลาดจีน ที่อาจขาดทรัพยากรและความเชี่ยวชาญในการเข้าถึงตลาดนี้ด้วยตนเอง การร่วมมือนี้ช่วยลดความซับซ้อนในการเจรจา ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการทำความเข้าใจตลาด และยังมอบความน่าเชื่อถือในระดับองค์กรที่ SME ขนาดเล็กไม่สามารถสร้างได้ด้วยตัวเอง
ผมมองว่านี่คือการใช้ “กลยุทธ์ธุรกิจระหว่างประเทศ” ที่ชาญฉลาดที่สุดรูปแบบหนึ่ง เป็นการลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จให้กับทั้งสองฝ่าย รวมถึงผู้ประกอบการไทยที่เข้าร่วมโครงการนี้ ความร่วมมือนี้ไม่ใช่แค่การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม แต่เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ผ่านการจัดแคมเปญและกิจกรรมเชิงพาณิชย์ที่มุ่งเน้นประโยชน์สูงสุดสำหรับผู้ประกอบการ การเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการลูกค้า ตลอดจนการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายธุรกิจร่วมกัน จะช่วยให้การขยายธุรกิจและการสร้างฐานลูกค้าในอนาคตเป็นไปอย่างราบรื่นและยั่งยืน ยิ่งไปกว่านั้น การนำเสนอสินค้าและบริการภายใต้มหกรรม “Kud-Thai Holiday” ที่เมืองเซินเจิ้นและเซี่ยงไฮ้ ถือเป็นหมุดหมายแรกที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการผลักดัน SME ไทยบุกตลาดจีน อย่างจริงจังและเป็นระบบ เป็นการนำร่องที่สำคัญซึ่งจะปูทางให้การดำเนินงานในอนาคตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เป็นการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาวอย่างแน่นอน
ปลดล็อกส่วนแบ่งตลาดมังกร: ทำไมตลาดจีนจึงสำคัญ
เหตุใดตลาดจีนจึงมีความสำคัญและเป็นเป้าหมายหลักสำหรับผู้ประกอบการทั่วโลก? คำตอบคือขนาดของตลาดและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและมีพลวัตสูง ในปี 2025 ตลาดจีนยังคงเป็นหนึ่งในตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดและมีพลวัตมากที่สุดในโลก ด้วยจำนวนประชากรที่มหาศาลและชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความต้องการสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ มีเอกลักษณ์ และสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะสินค้าจากต่างประเทศที่ได้รับการยอมรับในเรื่องคุณภาพและมาตรฐาน ผู้บริโภคชาวจีนในปัจจุบันมีความเปิดกว้างมากขึ้นต่อผลิตภัณฑ์ที่มีเรื่องราว เบื้องหลังที่น่าสนใจ หรือมีคุณค่าทางวัฒนธรรม ซึ่งสินค้าไทยมีจุดแข็งในด้านนี้อย่างชัดเจน และนี่คือสิ่งที่ SME ไทยไม่ควรมองข้าม
จากประสบการณ์ในอุตสาหกรรม ผมพบว่าผู้บริโภคชาวจีนในปัจจุบันมีความเปิดกว้างและกระตือรือร้นที่จะทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าจากประเทศไทย ซึ่งได้รับความนิยมในด้านคุณภาพ รสชาติ และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นอาหารแปรรูป ผลไม้อบแห้ง สุขภาพและความงาม ไปจนถึงสินค้าแฟชั่นและหัตถกรรม อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่ตลาดจีนด้วยตนเองเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมากสำหรับ SME ไทย หลายรายต้องเผชิญกับอุปสรรคทั้งด้านกฎระเบียบที่ซับซ้อน ช่องทางการจัดจำหน่ายที่ไม่ชัดเจน ความแตกต่างทางวัฒนธรรม และการแข่งขันที่รุนแรง การทำ “การวิเคราะห์ตลาด” อย่างละเอียดถี่ถ้วนเป็นสิ่งจำเป็น แต่ก็ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ทั้งยังมีความเสี่ยงสูงที่จะประสบความล้มเหลวหากปราศจากความรู้และเครือข่ายที่เพียงพอ
นี่คือจุดที่ความร่วมมือของเดอะมอลล์และ SCPG เข้ามามีบทบาทสำคัญ พวกเขาทำหน้าที่เป็น “ที่ปรึกษาการตลาด” และ “ผู้จัดจำหน่ายสินค้า” ที่มีประสิทธิภาพ เปิดทางให้ SME ไทยบุกตลาดจีน ได้อย่างมั่นคงและลดความเสี่ยงลง การเข้าถึงแพลตฟอร์มศูนย์การค้าขนาดใหญ่ของ SCPG หมายถึงการได้พบปะกับผู้บริโภคชาวจีนโดยตรงในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยและเชื่อถือได้ ซึ่งแตกต่างจากการพึ่งพาช่องทางออนไลน์เพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ การสนับสนุนด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์ในท้องถิ่นยังช่วยเสริมสร้าง “การสร้างแบรนด์ในจีน” ให้กับผลิตภัณฑ์ไทยได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผู้บริโภคชาวจีนยุคใหม่ไม่ได้มองหาสินค้าเพียงแค่ฟังก์ชันการใช้งาน แต่ยังมองหาเรื่องราว เบื้องหลัง และประสบการณ์ที่สินค้าหรือแบรนด์นั้นๆ นำเสนอ สินค้าไทยที่มีเรื่องราวทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจจึงมีโอกาสโดดเด่นในตลาดนี้ การที่สององค์กรยักษ์ใหญ่มาช่วยปูทาง จะทำให้ SME ไทยบุกตลาดจีน ได้อย่างมีทิศทางและมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน โดยเฉพาะในมิติของการเชื่อมโยงวัฒนธรรมผ่านสินค้า ซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศไทยและเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคจีนให้คุณค่าอย่างยิ่งในปัจจุบัน
ระบบนิเวศแห่งความสำเร็จ: เหนือกว่าแค่พื้นที่ค้าปลีก
ผมอยากเน้นย้ำถึงคำว่า “ระบบนิเวศทางการค้าใหม่” ที่มิสเตอร์เหยา ไฮ่ปัว ประธานกรรมการบริหาร SCPG Group ได้กล่าวถึง นี่ไม่ใช่เพียงแค่การนำสินค้าไปวางขายในห้าง แต่เป็นการสร้างประสบการณ์และเครือข่ายที่สมบูรณ์แบบเพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนสำหรับ SME ไทยบุกตลาดจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านกิจกรรมแรกคือ “Super-V SCPG Hua Hua Festival” ซึ่งเน้นธีม “Kud-Thai Holiday” ที่เมืองเซินเจิ้นและเซี่ยงไฮ้ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมนี้
งานเทศกาลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อ “ถ่ายทอดความงดงามและมีชีวิตชีวาของวิถีไทยสู่สายตานักท่องเที่ยวชาวจีน” ผ่านแนวคิด Thai Street Culture Experience ซึ่งเป็นการจำลองบรรยากาศงาน Kud-Thai Market อันเป็นซิกเนเจอร์อีเวนต์ของกูร์เมต์ มาร์เก็ตที่เดอะมอลล์จัดเป็นประจำ สินค้าที่คัดสรรมาแสดงในงานล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตลักษณ์ไทยท้องถิ่นและคุณภาพสูง อาทิ ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Gourmet Thai X Butterbear (ทองม้วน, ทองแผ่น, ข้าวแต๋น), ผลิตภัณฑ์แปรรูป (สตรอว์เบอร์รี่อบแห้ง, มะม่วงอบแห้ง), สินค้ากลุ่ม Grocery Non-Food (เสื้อ-กางเกงช้าง, พัดสาน) และสินค้าจากแบรนด์ THAI THAI ซึ่งสะท้อนความเป็นไทยอย่างชัดเจน การเลือกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภคชาวจีนที่แตกต่างกัน และการพยายามนำเสนอ “ความหลากหลายของสินค้าไทย” ที่มีศักยภาพในการดึงดูดใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย
แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือการไม่หยุดอยู่แค่การขายสินค้า งานนี้ยังรวมถึงการแสดงนาฏศิลป์ไทย, การสาธิตนวดแผนไทย, กิจกรรมเวิร์กช็อปเชิงวัฒนธรรม และการนำเสนอข้อมูลการท่องเที่ยว ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างความผูกพันทางอารมณ์และกระตุ้นความสนใจในแบรนด์ไทยและประเทศไทยโดยรวม การสร้างประสบการณ์เช่นนี้จะช่วยให้ผู้บริโภคชาวจีนเข้าใจและซาบซึ้งใน “วัฒนธรรมไทย” มากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ความต้องการสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้อง การจัดงานในศูนย์การค้าชั้นนำของ SCPG ถือเป็นการเปิดประตูทางการค้าให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าถึงผู้บริโภคชาวจีนในระดับพรีเมียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังเป็นช่องทางสำคัญในการศึกษา “พฤติกรรมผู้บริโภคจีน” โดยตรง รวมถึงการรับฟังความคิดเห็นจากลูกค้าเพื่อนำมาปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการให้ดียิ่งขึ้น
ความร่วมมือนี้ยังหมายถึงการเข้าถึงเครือข่าย “โลจิสติกส์ระหว่างประเทศ” ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการส่งออกสินค้าไทย การที่ SCPG มีโครงสร้างพื้นฐานด้านอสังหาริมทรัพย์และโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่ง จะช่วยลดภาระด้านการจัดส่งและกระจายสินค้าให้กับ SME ไทยบุกตลาดจีน ได้อย่างมาก รวมถึงการจัดการเอกสารนำเข้าและพิธีการศุลกากร ซึ่งเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและใช้เวลาสำหรับ SME นอกจากนี้ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการและการตลาดจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการไทย ให้สามารถปรับตัวและแข่งขันในตลาดจีนได้อย่างยั่งยืน นี่คือแพลตฟอร์มที่ครบวงจร ตั้งแต่การนำเสนอสินค้าไปจนถึงการสร้างแบรนด์และการเข้าถึงช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่ SME ไทยบุกตลาดจีน ต้องการมากที่สุดในการสร้างความน่าเชื่อถือและความสำเร็จในระยะยาว
วางแผนสู่อนาคต: กลยุทธ์เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน
การผนึกกำลังครั้งนี้ถูกวางแผนมาอย่างรอบคอบเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งสะท้อนผ่านแนวคิด “กลยุทธ์การบริโภครูปแบบใหม่ + กลยุทธ์สู่สากล” ที่ SCPG Group ได้กล่าวถึง นี่ไม่ใช่แค่การมองหาผลตอบแทนระยะสั้น แต่เป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับ SME ไทยบุกตลาดจีน ในอนาคต สิ่งที่เราในฐานะผู้เชี่ยวชาญต้องพิจารณาคือ การนำ “นวัตกรรมการค้าปลีก” และ “การตลาดดิจิทัลจีน” เข้ามาผสานกับการค้าปลีกแบบดั้งเดิมอย่างชาญฉลาด เพื่อสร้างช่องทางที่ครบวงจร (Omnichannel) ในการเข้าถึงและสร้างความผูกพันกับผู้บริโภค
ตลาดจีนเป็นผู้นำด้านอีคอมเมิร์ซและโซเชียลคอมเมิร์ซที่ไม่มีใครเทียบได้ การที่สินค้าไทยได้ไปปรากฏในศูนย์การค้าจริงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่การเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจีนชั้นนำอย่าง Taobao, JD.com, Tmall Global หรือ Pinduoduo จะเป็นก้าวต่อไปที่สำคัญ ซึ่ง SCPG และเดอะมอลล์สามารถร่วมกันพัฒนาต่อยอดได้ เพื่อให้ SME ไทยบุกตลาดจีน ได้เข้าถึงผู้บริโภคในทุกมิติ ทั้งการซื้อสินค้าออนไลน์ การไลฟ์สดขายของ (live commerce) และการทำการตลาดผ่าน KOL (Key Opinion Leader) การทำ “การสร้างแบรนด์ในจีน” ผ่านช่องทางออนไลน์ควบคู่ไปกับออฟไลน์จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือของสินค้าไทยในสายตาชาวจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยสร้าง “ฐานข้อมูลลูกค้า” เพื่อการตลาดที่แม่นยำยิ่งขึ้น พร้อมทั้งตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคลของผู้บริโภคชาวจีนยุคใหม่
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือการทำความเข้าใจ “กฎหมายการค้าจีน” และมาตรฐานสินค้าที่เข้มงวด ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ การที่พันธมิตรผู้เชี่ยวชาญอย่าง SCPG เข้ามาช่วยแนะนำและให้คำปรึกษา จะช่วยลดอุปสรรคด้านกฎระเบียบและทำให้ผู้ประกอบการไทยสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดได้อย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจในจีน นอกจากนี้ การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ SME ไทยบุกตลาดจีน ต้องให้ความสำคัญอย่างสูงสุด การมีเครือข่ายและความร่วมมือจากพันธมิตรจีนที่แข็งแกร่งจะช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยยิ่งขึ้น รวมถึงการจัดการกับปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์และการลอกเลียนแบบได้อย่างทันท่วงที ซึ่งจะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการไทยในการลงทุน
ความร่วมมือนี้ยังเปิดโอกาสในการสร้าง “แผนธุรกิจส่งออก” ที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่น โดยพิจารณาถึงความแตกต่างของภูมิภาคและเมืองต่างๆ ในจีน สินค้าบางอย่างอาจเหมาะสมกับเมืองชั้นหนึ่งอย่างเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น ขณะที่บางอย่างอาจเหมาะกับเมืองชั้นสองหรือชั้นสามที่มีกำลังซื้อเติบโตอย่างรวดเร็ว การทำ “การวิเคราะห์ตลาด” อย่างต่อเนื่องและแม่นยำด้วย “ข้อมูลเชิงลึก” ที่ได้จากแพลตฟอร์มของ SCPG จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถปรับกลยุทธ์ได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง
ในฐานะที่ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมมาตลอด ผมเชื่อว่าความยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการสร้างมูลค่าร่วมกันในระยะยาว ความร่วมมือนี้ไม่ได้แค่ส่งเสริมแบรนด์ไทยในจีน แต่ยังอาจเป็นต้นแบบให้แบรนด์จีนขยายสู่ตลาดโลกโดยมีเดอะมอลล์เป็นพันธมิตรในอนาคต นี่คือการสร้าง “สิทธิประโยชน์ทางการค้า” ให้กับทั้งสองประเทศ และเป็นพิมพ์เขียวสำหรับ “การจับคู่ธุรกิจ” ในภาคส่วนอื่นๆ ต่อไป การพัฒนา “ห่วงโซ่อุปทาน” ที่มีประสิทธิภาพและโปร่งใส จะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าไทยในตลาดจีน ผมมองว่านี่เป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยให้ SME ไทยบุกตลาดจีน ได้อย่างมั่นคงและเติบโตไปพร้อมกับความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองชาติในระยะยาว
ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม
ผลตอบแทนจากการร่วมมือครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ตัวเลขทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงมิติทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมในวงกว้างด้วย ในเชิงเศรษฐกิจ การที่ SME ไทยบุกตลาดจีน ได้สำเร็จ ย่อมส่งผลโดยตรงต่อการเพิ่มมูลค่าการส่งออกของไทย สร้างงาน สร้างรายได้ และกระจายความเจริญไปสู่ชุมชนท้องถิ่นที่ผลิตสินค้าและบริการเหล่านั้น นอกจากนี้ยังช่วยลดการพึ่งพาตลาดภายในประเทศเพียงอย่างเดียว ทำให้เศรษฐกิจไทยมีความยืดหยุ่นและแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเผชิญกับความผันผวนต่างๆ และยังเป็นการยกระดับมาตรฐานของสินค้าไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลอีกด้วย
ในเชิงวัฒนธรรม การนำเสนอ “วัฒนธรรมไทย” ผ่านสินค้าและกิจกรรมต่างๆ ในศูนย์การค้าของจีน เป็นการใช้ Soft Power ของไทยได้อย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพ มันไม่เพียงแต่สร้างความประทับใจและความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชนสองประเทศ แต่ยังกระตุ้นให้เกิดความสนใจในการเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อ “อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” ของเราอย่างมหาศาล การที่ชาวจีนได้สัมผัสกับเสน่ห์ของไทยผ่านสินค้าและกิจกรรมเหล่านี้ จะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและกระตุ้นให้เกิดความต้องการที่จะมาเยือนประเทศไทยด้วยตนเอง เป็นการสร้าง “การรับรู้แบรนด์” ของประเทศในระดับโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเมินค่ามิได้
ความร่วมมือครั้งนี้ยังตอกย้ำถึงบทบาทของภาคเอกชนไทยในการเป็นพลังสำคัญในการสานสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ เป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของธุรกิจไทยในการก้าวสู่เวทีสากลและเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม การที่เดอะมอลล์ กรุ๊ป ยืนหยัดในวิสัยทัศน์นี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืน ไม่เพียงเพื่อองค์กรของตนเอง แต่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและผู้ประกอบการไทยทุกคน ที่กำลังมองหาโอกาสในการขยายตลาดและพัฒนาธุรกิจให้ก้าวหน้า ความสำเร็จของ SME ไทยบุกตลาดจีน จึงไม่ใช่แค่เรื่องของธุรกิจ แต่เป็นเรื่องของความภาคภูมิใจระดับชาติและเป็นมิติสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศให้ยั่งยืนต่อไป
สรุปและก้าวต่อไปสำหรับ SME ไทย
โดยสรุปแล้ว ความร่วมมือระหว่างเดอะมอลล์ กรุ๊ป และ SCPG Group ถือเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ส่งสัญญาณเชิงบวกอย่างยิ่งต่ออนาคตการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับจีน ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่านี่คือโอกาสทองที่ผู้ประกอบการไทยไม่ควรมองข้าม เป็นการปูทางที่แข็งแกร่งและลดความซับซ้อนในการเข้าสู่ตลาดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก การผสานจุดแข็งด้านการค้าปลีก ประสบการณ์บริหารจัดการศูนย์การค้า และความเข้าใจในวัฒนธรรมผู้บริโภคของทั้งสองยักษ์ใหญ่ จะสร้างพลังขับเคลื่อนที่มหาศาลในการผลักดัน SME ไทยบุกตลาดจีน ให้ประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน
นี่คือมากกว่าแค่การเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ แต่เป็นการเริ่มต้นบทใหม่ของความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่จะสร้างผลประโยชน์ร่วมกันในระยะยาว ทั้งในมิติเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว ผมขอเชิญชวนผู้ประกอบการไทยทุกท่านที่กำลังมองหาโอกาสใหม่ๆ ในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดจีน ได้ศึกษาและคว้าโอกาสอันล้ำค่านี้ เพื่อยกระดับธุรกิจของคุณให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดไปพร้อมกับความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์นี้ หากคุณพร้อมที่จะขยายขอบเขตธุรกิจและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางความสำเร็จในการผลักดัน SME ไทยบุกตลาดจีน อย่างแท้จริง อย่าลังเลที่จะติดตามข่าวสารและเข้าร่วมโครงการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เตรียมตัวให้พร้อมเพื่อคว้าโอกาสสำคัญนี้ แล้วพบกันที่ตลาดจีน! เพื่อสร้างประวัติศาสตร์บทใหม่แห่งความสำเร็จร่วมกันอย่างยั่งยืน.

