อนาคตของ ESG อสังหาริมทรัพย์: ถอดรหัส “พลัสก่อการดี” สร้างคุณค่าที่ยั่งยืนในยุคใหม่
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการของอุตสาหกรรมนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติของการพัฒนาอย่างยั่งยืน สิ่งที่เคยเป็นเพียงแนวคิดริเริ่มสำหรับองค์กรไม่กี่แห่ง ได้กลายเป็นรากฐานสำคัญในการดำเนินธุรกิจยุคใหม่ นั่นคือหลักการ ESG หรือ Environment, Social, และ Governance ซึ่งไม่ใช่แค่เทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นปัจจัยขับเคลื่อนที่กำหนดอนาคตของภาคESG อสังหาริมทรัพย์อย่างแท้จริง
วันนี้ ผมอยากจะพาทุกท่านเจาะลึกไปกับการก้าวเดินอันชาญฉลาดของ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ หนึ่งในผู้นำด้านการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร ที่ได้เปิดตัวโรดแมป “พลัสก่อการดี” ซึ่งถือเป็นพิมพ์เขียวที่น่าสนใจและเป็นแบบอย่างในการขับเคลื่อนESG อสังหาริมทรัพย์ระยะยาวภายใต้แนวคิด “Quality of Life and Well-being” หรือการยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน
ESG ในภาคอสังหาริมทรัพย์: จากแนวโน้มสู่รากฐานแห่งอนาคต
ก่อนที่เราจะลงรายละเอียดเกี่ยวกับกลยุทธ์ของพลัสฯ ผมอยากจะเน้นย้ำถึงความสำคัญของESG อสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้ ตลาดทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเรื่อยๆ นักลงทุนสถาบันต่างมองหาการลงทุนอย่างยั่งยืน ซึ่งไม่เพียงสร้างผลตอบแทนทางการเงิน แต่ยังสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลก การที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์จะยังคงแข่งขันได้และเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จึงจำเป็นต้องบูรณาการหลักการ ESG เข้าไปในทุกมิติของการดำเนินงาน ตั้งแต่การออกแบบ การก่อสร้าง ไปจนถึงการบริหารจัดการและการอยู่อาศัย
ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม (E) ในESG อสังหาริมทรัพย์หมายถึงการลดผลกระทบต่อโลกของเรา ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การจัดการขยะและทรัพยากรน้ำ การใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่การเพิ่มพื้นที่สีเขียว ซึ่งล้วนเป็นส่วนสำคัญของการสร้างอสังหาริมทรัพย์สีเขียว ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกบ้านยุคใหม่
ด้านสังคม (S) ครอบคลุมถึงความรับผิดชอบต่อพนักงาน ลูกบ้าน ชุมชน และสังคมโดยรวม การส่งเสริมคุณภาพชีวิต สุขภาพกายและใจ การสร้างความเท่าเทียม การพัฒนาชุมชน และการรักษามาตรฐานความปลอดภัย ล้วนเป็นสิ่งที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ต้องให้ความสำคัญ เพื่อสร้างสังคมแห่งการอยู่อาศัยที่น่าอยู่และเอื้ออาทร
ส่วนด้านธรรมาภิบาล (G) คือการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส มีจริยธรรม และตรวจสอบได้ ซึ่งรวมถึงการบริหารความเสี่ยง การปฏิบัติตามกฎระเบียบ การต่อต้านการทุจริต และการมีคณะกรรมการบริหารที่มีประสิทธิภาพ ทั้งหมดนี้เป็นเสาหลักที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย และส่งผลต่อผลตอบแทนยั่งยืนในระยะยาว
เจาะลึก “พลัสก่อการดี”: ปฐมบทแห่งการขับเคลื่อน ESG อสังหาริมทรัพย์
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ตระหนักดีถึงบทบาทและความรับผิดชอบนี้ จึงได้วางโรดแมป “พลัสก่อการดี” เพื่อเป็นแนวทางที่ชัดเจนและจับต้องได้ ในฐานะบริษัทที่บริหารจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์กว่า 440 โครงการทั่วประเทศ การนำแนวคิด ESG อสังหาริมทรัพย์มาปรับใช้ในวงกว้างนี้ ไม่เพียงแต่ยกระดับมาตรฐานของตนเอง แต่ยังเป็นการสร้างแรงกระเพื่อมเชิงบวกให้กับอุตสาหกรรมโดยรวมอีกด้วย
โรดแมปนี้มีจุดยืนที่แข็งแกร่งในการมุ่งเน้น “Quality of Life and Well-being” ซึ่งเป็นมากกว่าแค่การดูแลอาคารสถานที่ แต่เป็นการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมสุขภาพ ความปลอดภัย และความสุขของการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง การมองการณ์ไกลเช่นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความต้องการของผู้อยู่อาศัยในปัจจุบันที่มองหามากกว่าแค่ที่อยู่อาศัย แต่คือ “วิถีชีวิต” ที่สมบูรณ์แบบ
แกะรอย 5 กลยุทธ์หลัก: หัวใจสำคัญของโรดแมป “พลัสก่อการดี”
พลัสฯ ได้ออกแบบ 5 กลยุทธ์หลักอย่างชาญฉลาด ครอบคลุมครบทั้ง 3 มิติของ ESG เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืน
Environment Management: สู่สังคมคาร์บอนต่ำและ Net Zero
นี่คือหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดในบริบทของESG อสังหาริมทรัพย์ยุคปัจจุบัน พลัสฯ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการต่างๆ สู่การเป็น Low Carbon Society และมีเป้าหมายระยะยาวสู่ Net Zero ในปี 2050 ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายระดับโลก
แคมเปญ “Waste to Worth”: เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาปรับใช้จริง โดยส่งเสริมการคัดแยกขยะอย่างถูกต้องและต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี กิจกรรม “คัด-แยก-แลก-สุข” ที่ให้ลูกบ้านนำขยะรีไซเคิลมาแลกไข่ไก่ เป็นการสร้างแรงจูงใจที่เข้าถึงง่ายและกระตุ้นการมีส่วนร่วมได้อย่างดี ในมุมของอุตสาหกรรม การจัดการขยะในโครงการที่อยู่อาศัยถือเป็นความท้าทายที่สำคัญ การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการคัดแยก การหาพันธมิตรเพื่อรีไซเคิล หรือแม้แต่การแปลงขยะเป็นพลังงาน (Waste-to-Energy) คือทิศทางที่ESG อสังหาริมทรัพย์ควรมุ่งไป
การลดการใช้พลังงาน: การบริหารจัดการอาคารอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ได้จำกัดแค่การดูแลความสะอาด แต่ยังรวมถึงการ optimize การใช้พลังงาน พลัสฯ อาจใช้เทคโนโลยี IoT และ AI ในการควบคุมระบบแสงสว่าง เครื่องปรับอากาศ หรือลิฟต์ เพื่อลดการสิ้นเปลืองพลังงาน การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Rooftop) เพื่อผลิตพลังงานหมุนเวียนใช้ในพื้นที่ส่วนกลาง ก็เป็นอีกแนวทางที่อสังหาริมทรัพย์สีเขียวหลายแห่งเริ่มนำมาใช้
กิจกรรมสวนผัก Backyard: การสนับสนุนการปลูกพืชปลอดสารพิษในโครงการไม่เพียงลดขยะอาหาร แต่ยังเพิ่มพื้นที่สีเขียว และส่งเสริมสุขภาวะที่ดีให้กับลูกบ้านอีกด้วย สิ่งเหล่านี้รวมกันจะช่วยลดการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของโครงการและผลักดันสู่เป้าหมาย Net Zero ได้อย่างเป็นรูปธรรม
Care for Community: สร้างสรรค์สังคมแห่งการแบ่งปันและความผูกพัน
มิติทางสังคมเป็นหัวใจสำคัญของESG อสังหาริมทรัพย์ที่แท้จริง พลัสฯ เข้าใจดีว่าโครงการที่อยู่อาศัยไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว แต่เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนที่ใหญ่กว่า
กิจกรรม “พลัสปันสุข”: การปรับปรุงพื้นที่โรงเรียน การทำแปลงผักปลอดสารให้ชุมชน และการสนับสนุนอาหารกลางวันเด็ก สะท้อนถึงการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน การสร้างระบบแลกเปลี่ยนสิ่งของของลูกบ้านเพื่อนำรายได้สนับสนุนมูลนิธิยุวพัฒน์ เป็นการสร้างวัฒนธรรมการให้และแบ่งปันในวงกว้าง ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่าการที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์มีบทบาทในการยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนรอบข้าง จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและความไว้วางใจ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ประเมินค่าไม่ได้
การสร้างสรรค์กิจกรรม: การจัดกิจกรรมที่เชื่อมโยงลูกบ้านเข้ากับชุมชนภายนอก เช่น การจัดตลาดนัดสินค้าชุมชน การเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นเข้ามาจำหน่ายสินค้า เป็นการสร้าง Shared Value ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย และยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรในด้านความรับผิดชอบต่อสังคมอีกด้วย
Health & Wellbeing: ยกระดับคุณภาพชีวิตรอบด้าน
หลังวิกฤตการณ์ที่ผ่านมา ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพกายและใจมากขึ้น การออกแบบอสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคใช้ในการตัดสินใจ
กิจกรรม Active Lifestyle และพันธมิตรด้านสุขภาพ: การร่วมมือกับโรงพยาบาลสมิติเวช-แสนสิริ เพื่อส่งบริการแพทย์ถึงโครงการ รวมถึงการจัดคลาสออกกำลังกายและกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพหลากหลายรูปแบบ เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง การแพทย์ทางไกล (Telemedicine) และการมีโปรแกรมดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน (Preventive Healthcare) ในโครงการ นับเป็นคุณค่าที่แตกต่างและน่าดึงดูด
การออกแบบเพื่อสุขภาวะ: นอกจากกิจกรรมแล้ว การออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่เอื้อต่อการพักผ่อน การออกกำลังกาย การใช้ธรรมชาติบำบัด (Biophilic Design) หรือการให้ความสำคัญกับคุณภาพอากาศภายในอาคาร (Indoor Air Quality) การเลือกใช้วัสดุที่ปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ก็เป็นหัวใจสำคัญของการสร้างสุขภาวะที่ดีให้แก่ผู้อยู่อาศัย
Multi-generations Society: เชื่อมโยงทุกช่วงวัย สร้างสรรค์สังคมแห่งการเรียนรู้
สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) เป็นหนึ่งในความท้าทายระดับโลก การออกแบบโครงการที่อยู่อาศัยที่รองรับคนหลากหลายช่วงวัยจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
ทีมนิติฯ ในบทบาท “Community Connector”: การที่ทีมนิติบุคคลทำหน้าที่เป็นมากกว่าผู้ดูแลอาคาร แต่เป็นผู้เชื่อมโยงผู้คนเข้าหากัน จัดกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ทุกวัยมีส่วนร่วม เช่น โครงการเพื่อนบ้านอาสาเพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ เป็นการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และการแบ่งปัน
การออกแบบเพื่อทุกคน (Universal Design): การออกแบบพื้นที่ที่คำนึงถึงการใช้งานของผู้คนทุกวัยและทุกสภาพร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นทางลาด ลิฟต์ที่เข้าถึงง่าย ห้องน้ำที่เหมาะสม หรือแม้แต่ป้ายบอกทางที่ชัดเจน ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างชุมชนยั่งยืนที่ทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและปลอดภัย
Lifelong Education: เติมเต็มความรู้ พัฒนาศักยภาพไร้ขีดจำกัด
การเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นสิ่งจำเป็นในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว การที่พลัสฯ สนับสนุนเรื่องนี้ให้กับทั้งลูกบ้าน พนักงาน และชุมชน สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล
โครงการพัฒนาทักษะ: การจัดอบรมเสริมความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม การเงิน หรือทักษะการทำงานต่างๆ ให้กับพนักงาน ถือเป็นการลงทุนในทุนมนุษย์ (Human Capital Investment) ที่จะส่งผลดีต่อประสิทธิภาพในการทำงานในระยะยาว
กิจกรรมเพิ่มศักยภาพลูกบ้าน: การจัดเวิร์คช็อปหรือสัมมนาที่ต่อยอดความรู้และทักษะในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหาร ศิลปะ หรือแม้แต่ทักษะด้านดิจิทัล ช่วยให้ลูกบ้านได้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างคุณค่าเพิ่มนอกเหนือจากพื้นที่อยู่อาศัย และเสริมสร้างความผูกพันกับโครงการ
มาตรฐานระดับสากล: เสาหลักแห่งความน่าเชื่อถือและการเติบโตของ ESG อสังหาริมทรัพย์
นอกจาก 5 กลยุทธ์ข้างต้น สิ่งที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นของพลัสฯ คือการได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO ครอบคลุมถึง ISO 9001 (ระบบบริหารงานคุณภาพ), ISO 41001 (การบริหารทรัพยากรกายภาพ), และ ISO 14001 (ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม) การเป็นผู้ให้บริการ Property Management รายแรกและรายเดียวที่ได้รับการรับรองครบทุกมิติดังกล่าว และครอบคลุมโครงการในพอร์ตทั้งหมดกว่า 440 โครงการ ถือเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง
ISO 9001: การบริหารจัดการคุณภาพ: เป็นเครื่องยืนยันถึงการมีระบบการทำงานที่เป็นมาตรฐาน โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ ทำให้มั่นใจได้ว่าการบริหารจัดการโครงการต่างๆ เป็นไปตามหลักการที่ดีที่สุด
ISO 41001: การบริหารทรัพยากรกายภาพ: แสดงถึงความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการอาคาร สถานที่ และสาธารณูปโภคต่างๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและคุ้มค่าที่สุด ซึ่งส่งผลโดยตรงต่ออายุการใช้งานของทรัพย์สินและค่าใช้จ่ายของลูกบ้าน
ISO 14001: ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม: เป็นหัวใจสำคัญของการสร้างอสังหาริมทรัพย์สีเขียว และการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน การรับรองนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
การมีการรับรอง ISOเหล่านี้ ไม่เพียงสร้างความน่าเชื่อถือให้กับพลัสฯ แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดการลงทุน ESG และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดESG อสังหาริมทรัพย์ที่มีผู้เล่นมากมาย เพราะนักลงทุนและผู้บริโภคยุคใหม่ต่างมองหาองค์กรที่มีมาตรฐานเป็นเครื่องรับประกัน
ESG อสังหาริมทรัพย์ในบริบทประเทศไทย: อนาคตที่สดใสและท้าทาย
สำหรับภาคESG อสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ผมมองเห็นทั้งโอกาสและความท้าทาย โอกาสอยู่ที่การตื่นตัวของทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมเมืองอัจฉริยะและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นแรงผลักดันที่ดี ตลาดหุ้นไทยก็มีการส่งเสริมการลงทุนอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายก็ยังมีอยู่ เช่น ต้นทุนเริ่มต้นของการลงทุนในเทคโนโลยีสีเขียวที่อาจสูงกว่าปกติ การขาดแคลนบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้าน ESG โดยตรง หรือแม้แต่ความเสี่ยงของการ “Greenwashing” หรือการสร้างภาพลักษณ์ว่ารักษ์โลกแต่ไม่มีการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการผลักดันให้เกิดมาตรฐานที่ชัดเจนและสามารถตรวจสอบได้จริง
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ด้วยโรดแมป “พลัสก่อการดี” และการบริหารจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเทศไทยกว่า 440 โครงการ ทั้งคอนโดมิเนียมยั่งยืนและหมู่บ้านจัดสรรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในหลากหลายพื้นที่ รวมถึงโครงการในกรุงเทพฯ ถือเป็นผู้บุกเบิกที่สำคัญและเป็นต้นแบบในการวางรากฐานESG อสังหาริมทรัพย์ในประเทศ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนนั้น ไม่ใช่แค่การปฏิบัติตามกฎระเบียบ แต่เป็นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำความดีและส่งต่อสิ่งดีๆ ให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
บทสรุป: สร้างคุณค่า สร้างอนาคตที่ยั่งยืน
โรดแมป “พลัสก่อการดี” ของ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เป็นมากกว่าแผนงาน มันคือพันธสัญญาในการสร้างสรรค์คุณค่าที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน การบูรณาการหลักการ ESG เข้าไปในหัวใจของการดำเนินธุรกิจ ไม่เพียงแต่เสริมสร้างความแข็งแกร่งและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของสังคมและโลกของเรา
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเชื่อมั่นว่าองค์กรที่ให้ความสำคัญกับESG อสังหาริมทรัพย์อย่างจริงจังเท่านั้นที่จะสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและเป็นที่ยอมรับในยุคที่ผู้บริโภคและนักลงทุนต่างมองหาความหมายที่ลึกซึ้งกว่าผลกำไร และพลัสฯ ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า พวกเขามีความมุ่งมั่นและศักยภาพที่จะเป็นผู้นำในการสร้าง Ecosystem การอยู่อาศัยที่เอื้อต่อความยั่งยืน ส่งต่อคุณค่าที่ดีไปยังชุมชนโดยรอบได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว
หากท่านเป็นอีกหนึ่งท่านที่เชื่อมั่นในการพัฒนาอย่างยั่งยืนและมองหาที่อยู่อาศัยที่ใส่ใจในทุกมิติของชีวิต หรือเป็นผู้ประกอบการที่ต้องการศึกษาแนวทางปฏิบัติด้านESG อสังหาริมทรัพย์ที่ดีเยี่ยม ผมขอเชิญชวนท่านมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่านี้ เริ่มต้นจากโครงการที่อยู่อาศัยที่เราเลือกและวิถีชีวิตที่เราสร้างสรรค์ร่วมกัน ติดตามผลงานและนวัตกรรมของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อน ESG อสังหาริมทรัพย์ ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนไปพร้อมกัน.

