• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D0512083 มรดกมรณะ(ละครส น) หน งส นด BSC part2

admin79 by admin79
December 8, 2025
in Uncategorized
0
D0512083 มรดกมรณะ(ละครส น) หน งส นด BSC part2

พลิกโฉมเศรษฐกิจไทย 2569: ปฏิวัติโครงสร้าง ดึงดูดการลงทุนยุทธศาสตร์ สู่การเติบโตยั่งยืนในยุคใหม่

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในแวดวงการเงินและเศรษฐกิจมานานกว่าทศวรรษ ผมมองว่าปี 2569 ไม่ใช่แค่เพียงการเปลี่ยนผ่านทางปฏิทิน แต่เป็นห้วงเวลาสำคัญที่ประเทศไทยต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ เพื่อฉีกตัวเองออกจากวังวนของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ล่าช้า และทะยานสู่เวทีโลกได้อย่างเต็มศักยภาพ ความท้าทายที่เราเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ที่น่าผิดหวัง หนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง หรือการขาดแคลนการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ ล้วนเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่า “วิถีเดิม” ไม่สามารถนำพาเราไปสู่ “อนาคตใหม่” ที่สดใสได้อีกต่อไป การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างจริงจังและรอบด้าน จึงเป็นวาระแห่งชาติที่ไม่อาจรอช้าได้

ปลุกพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ: ทลายกรอบ GDP ต่ำ และเร่งดึงดูดการลงทุน

ในบริบทของปี 2568-2569 และก้าวเข้าสู่ทศวรรษใหม่ สถานการณ์เศรษฐกิจโลกเต็มไปด้วยพลวัตที่ซับซ้อน ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทานระดับโลก การแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ ไปจนถึงการปฏิวัติทางเทคโนโลยีดิจิทัล สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายสำหรับประเทศไทย หากเรายังคงปล่อยให้ GDP เติบโตเพียง 1-2% ต่อปี ตามที่ผู้บริหารระดับสูงในแวดวงการเงินหลายท่านได้เคยเตือนไว้ ประเทศไทยจะยิ่งถดถอยและล้าหลังกว่าคู่แข่งในภูมิภาคที่กำลังเร่งเครื่องอย่างไม่หยุดยั้ง การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจจึงเป็นหัวใจสำคัญอย่างเร่งด่วน

หัวใจของการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาเติบโตอย่างก้าวกระโดดอยู่ที่การดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่มีคุณภาพและตรงจุด ผู้ประกอบการและนักลงทุนต่างชาติมองหาประเทศที่มีนโยบายที่ชัดเจน มีเสถียรภาพ และมีศักยภาพในการเป็นฐานการผลิตสำหรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต รัฐบาลใหม่ต้องกำหนดทิศทางการลงทุนให้ชัดเจน โดยมุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรม S-Curve ใหม่ๆ ที่สอดรับกับกระแสโลก เช่น เทคโนโลยีดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) พลังงานสะอาด เทคโนโลยีชีวภาพ และอุตสาหกรรมการแพทย์สมัยใหม่ ไม่ใช่เพียงแค่การเร่งตัวเลขการขอรับส่งเสริมการลงทุนจาก BOI แต่ต้องทำให้เกิดการลงทุนจริง การสร้างงานจริง และการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ยั่งยืน การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน เช่น การลดขั้นตอนทางราชการที่ซับซ้อน การขจัดปัญหาคอร์รัปชัน และการมอบสิทธิประโยชน์ที่แข่งขันได้ในระดับภูมิภาค จะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของนักลงทุน

นอกจากนี้ การส่งออกและการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักที่พยุงเศรษฐกิจไทยมาโดยตลอด ยังคงต้องได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การมองหาตลาดใหม่ๆ นอกเหนือจากตลาดหลักเดิม การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าส่งออกด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงการยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวให้ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูงและมองหาคุณค่าที่ยั่งยืน จะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาและขยายส่วนแบ่งการตลาดในเวทีโลก

ยุติประชานิยม: สร้างวินัยการคลัง และปลดล็อกศักยภาพตลาดทุน

ปัญหาที่กัดกร่อนรากฐานเศรษฐกิจไทยมาอย่างยาวนาน คือนโยบายประชานิยมที่มักจะมุ่งเน้นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยไม่คำนึงถึงภาระงบประมาณระยะยาวและความยั่งยืนทางการคลัง ซึ่งท้ายที่สุดก็กลายเป็นการสร้างหนี้สาธารณะ และบั่นทอนขีดความสามารถในการลงทุนเพื่ออนาคตของประเทศ ในปี 2569 รัฐบาลต้องแสดงความกล้าหาญทางการเมือง โดยการปรับลดหรือยกเลิกนโยบายประชานิยมที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เชิงโครงสร้าง และหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างวินัยทางการคลังอย่างเคร่งครัด การบริหารงบประมาณอย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และมุ่งเน้นการลงทุนในโครงการที่จะสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว เช่น โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม พลังงาน และการศึกษา จะเป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตในอนาคต

ขณะเดียวกัน การปลดล็อกศักยภาพของตลาดทุนให้ทำหน้าที่เป็นแหล่งระดมทุนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ไม่อาจมองข้ามได้ ตลาดหุ้นไม่ใช่เพียงแหล่งเก็งกำไรสำหรับคนรวย แต่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ที่สามารถสร้างวัฏจักรแห่งการบริโภคและการลงทุนได้หลายรอบ เมื่อตลาดหุ้นคึกคัก ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดี ย่อมส่งผลให้เกิดการใช้จ่ายและการบริโภคในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รัฐบาลจึงควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาตลาดทุนให้มีความน่าเชื่อถือ โปร่งใส และมีเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย เพื่อดึงดูดทั้งนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันให้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น รวมถึงส่งเสริมให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้ง่ายขึ้น สิ่งเหล่านี้จะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจไทย และสร้างความมั่งคั่งให้เกิดขึ้นในวงกว้าง

ท้าทายอสังหาริมทรัพย์: แก้หนี้ครัวเรือน และกระตุ้นกำลังซื้อ

ภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดสุขภาพเศรษฐกิจที่สำคัญ กำลังเผชิญกับความท้าทายที่หนักหน่วงที่สุดในรอบ 20 ปี ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำหลายรายต่างส่งเสียงสะท้อนถึงปัญหายอดปฏิเสธสินเชื่อที่สูงถึง 50-70% ซึ่งเป็นผลพวงโดยตรงจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับวิกฤต การจะกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ให้ฟื้นตัวได้ จำเป็นต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอคือ “หนี้ครัวเรือน” อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

รัฐบาลควรมีมาตรการเชิงรุกในการจัดการหนี้ครัวเรือน ทั้งการปรับโครงสร้างหนี้ การให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชน และการส่งเสริมการออม เพื่อลดภาระทางการเงินของครัวเรือนให้ลดลงสู่ระดับที่เหมาะสม เช่นที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นพ้องว่าควรจะลดลงมาอยู่ที่ 80% ของ GDP การลดหนี้ครัวเรือนจะส่งผลดีต่อทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ ไม่ใช่เพียงแค่ภาคอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น เพราะเป็นการเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้บริโภคโดยรวม นอกจากนี้ มาตรการส่งเสริมภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ผ่านมา เช่น การลดค่าโอน-จดจำนอง แม้จะมีส่วนช่วยในระยะสั้น แต่ก็จำเป็นต้องมีนโยบายเชิงโครงสร้างระยะยาวที่ครอบคลุมมากขึ้น เช่น การสนับสนุนการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค การส่งเสริมการลงทุนในโครงการ Smart City หรือการปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการขออนุญาตต่างๆ ให้มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น

ปฏิรูปภาครัฐ: ขจัดคอร์รัปชัน สร้างความสะดวกในการทำธุรกิจ

หนึ่งในอุปสรรคสำคัญที่ฉุดรั้งการพัฒนาเศรษฐกิจและการลงทุน คือปัญหาคอร์รัปชันในระบบราชการ และขั้นตอนการติดต่อราชการที่ซับซ้อน ล่าช้า ผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างชาติต่างประสบปัญหา “ต้นทุนแฝง” ในการขอใบอนุญาตต่างๆ ซึ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นและขัดขวางการลงทุนอย่างรุนแรง ในปี 2569 รัฐบาลต้องแสดงความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงในการขจัดปัญหาเหล่านี้ โดยเริ่มจากการปฏิรูปการบริหารภาครัฐ ให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีประสิทธิภาพ

การผลักดันนโยบาย “Ease of Doing Business” ให้เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่เพียงแค่คำกล่าวอ้าง แต่ต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงในระดับปฏิบัติการ การจัดตั้ง “ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One Stop Service)” ที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง ซึ่งภาคเอกชนและนักลงทุนสามารถติดต่อขอรับบริการจากหน่วยงานภาครัฐได้ทุกเรื่องในจุดเดียว จะเป็นก้าวสำคัญในการลดความยุ่งยากและลดระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการให้บริการภาครัฐ (e-Government) จะช่วยเพิ่มความโปร่งใส ลดโอกาสในการทุจริต และเพิ่มความรวดเร็วในการติดต่อประสานงานอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในสายตานักลงทุนทั่วโลก

ยกระดับทรัพยากรมนุษย์: ท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ และศูนย์กลางโลจิสติกส์

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว ประเทศไทยต้องลงทุนอย่างจริงจังในการ Up-skill และ Re-skill ประชากรให้มีความรู้ความสามารถที่สอดรับกับความต้องการของอุตสาหกรรมแห่งอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอุตสาหกรรม S-Curve ใหม่ๆ การปรับปรุงระบบการศึกษาให้เน้นการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัล จะช่วยสร้างแรงงานที่มีคุณภาพสูง ซึ่งเป็นปัจจัยดึงดูดการลงทุนที่สำคัญและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาว

ในส่วนของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นพระเอกในการสร้างรายได้เข้าประเทศมาโดยตลอด เราต้องเปลี่ยนจากการเน้นปริมาณ มาเป็นการเน้น “คุณภาพ” และ “มูลค่าเพิ่ม” การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ ที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวกลุ่ม High-end ซึ่งมีกำลังซื้อสูงและใช้จ่ายมากกว่า จะช่วยสร้างรายได้ที่ยั่งยืนและกระจายตัวสู่ชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น ระบบสาธารณสุข สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุ และการเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่ง จะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติวัยเกษียณที่มีกำลังซื้อสูง

นอกจากนี้ ด้วยที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของประเทศไทยในฐานะ “Regional Logistic Location” ใจกลางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรามีศักยภาพอันมหาศาลในการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์และการค้าของภูมิภาค การลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น ถนน ทางด่วน รถไฟความเร็วสูง ท่าเรือน้ำลึก และการพัฒนาเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อย่างต่อเนื่อง จะช่วยลดต้นทุนการขนส่ง เพิ่มประสิทธิภาพการกระจายสินค้า และดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ซึ่งจะยิ่งตอกย้ำบทบาทของไทยในฐานะประตูสู่ภูมิภาค

ภูเก็ตโมเดล: ต้นแบบเมืองระดับโลกที่ต้องการการปฏิรูป

กรณีศึกษาอย่างภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนของการปฏิรูปโครงสร้างและการบริหารจัดการ การเติบโตของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทุกปี กลับมาพร้อมกับปัญหาโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่เพียงพอ ทั้งปัญหาการจราจรติดขัด ปัญหาขยะล้นเมือง ปัญหาน้ำประปาไม่พอใช้ และปัญหาด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ผู้บริหารในพื้นที่ต่างเรียกร้องให้มีการจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียวอย่างแท้จริง เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อราชการให้แก่นักลงทุนและชาวต่างชาติ รวมถึงการลงทุนในเมกะโปรเจกต์ภาครัฐที่จะจัดระเบียบเมืองให้เป็น “Smart City” และเมืองน่าอยู่ระดับโลกอย่างแท้จริง

สิ่งที่ภูเก็ตเผชิญอยู่ ไม่ได้แตกต่างจากจังหวัดท่องเที่ยวหรือเมืองหลักอื่นๆ ทั่วประเทศ การขาดวิสัยทัศน์และการลงทุนเชิงโครงสร้างในระยะยาว ทำให้เมืองที่มีศักยภาพสูงต้องแบกรับภาระและปัญหาที่สะสม การปฏิรูปภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนและภาคธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการปลดล็อกศักยภาพของเมืองต่างๆ ทั่วประเทศให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และแข่งขันได้ในระดับสากล

ก้าวสู่ทศวรรษใหม่ด้วยความกล้าหาญและวิสัยทัศน์

ปี 2569 คือปีแห่งการกำหนดทิศทางประเทศไทย เราไม่อาจยอมให้เศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่ต่ำเพียง 1% หรือ 2% ได้อีกต่อไป การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ การสร้างวินัยทางการคลัง การดึงดูดการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ การปลดล็อกศักยภาพตลาดทุน การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างจริงจัง การอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ และการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์และโครงสร้างพื้นฐาน คือเสาหลักที่เราต้องเร่งสร้างให้แข็งแกร่ง

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเชื่อมั่นว่าประเทศไทยมีศักยภาพและโอกาสมหาศาล หากเรามีความกล้าหาญในการตัดสินใจ มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล และมีความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกัน ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ จะไม่เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่เป็นการวางรากฐานที่มั่นคงเพื่อส่งต่ออนาคตที่สดใส มั่งคั่ง และยั่งยืนให้กับลูกหลานไทย

เราทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างอนาคตที่ดีกว่านี้ หากท่านเห็นพ้องกับแนวทางปฏิรูปเหล่านี้ และต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน มาร่วมกันศึกษา แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และผลักดันนโยบายที่จำเป็น เพื่อให้ประเทศไทยสามารถผงาดขึ้นเป็นผู้นำในเวทีโลกได้อย่างแท้จริง

Previous Post

D0512085 คลอดล กบนรถซาเล ง(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post

D0512078 แอบขโมยเง นจากบ ต(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post
D0512078 แอบขโมยเง นจากบ ต(ละครส น) หน งส นด BSC part2

D0512078 แอบขโมยเง นจากบ ต(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D0512083 มรดกมรณะ(ละครส น) หน งส นด BSC part2
  • D0512082 เธอถ กบ งค บให แต งงานก บเจ าชายน ทรา(ละครส น) หน งส นด BSC part2
  • D0512081 แม ใจย กษ งล กไปย งจะมาขอเง น(ละครส น) หน งส นด BSC part2
  • D0512080 าดาเจอทายาทต วจร งท หายไป(ละครส น) หน งส นด BSC part2
  • D0512079 เอาต งฝากก บคนพ การ(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.