• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D0512085 คลอดล กบนรถซาเล ง(ละครส น) หน งส นด BSC part2

admin79 by admin79
December 8, 2025
in Uncategorized
0
D0512085 คลอดล กบนรถซาเล ง(ละครส น) หน งส นด BSC part2

พลิกโฉมเศรษฐกิจไทย 2025: ปฏิรูปเชิงโครงสร้าง ดึงดูดการลงทุน และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคใหม่

สวัสดีครับท่านผู้ร่วมสัมมนาทุกท่าน ในฐานะที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงการเงินและอสังหาริมทรัพย์มายาวนานกว่าทศวรรษ ผมเห็นถึงพลวัตของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราก้าวเข้าสู่ปี 2025 ซึ่งเป็นปีแห่งการช่วงชิงโอกาสและการเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งสำคัญ ประเทศไทยกำลังยืนอยู่บนทางแยกที่ต้องตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว เพื่อหลีกหนีจากกับดักการเติบโตที่เชื่องช้า และเร่งเครื่องสู่การเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง

จากประสบการณ์ที่สั่งสมมา ผมมองเห็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่า หากเรายังคงดำเนินนโยบายแบบเดิมๆ หรือแก้ไขปัญหาเพียงผิวเผิน อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเราอาจวนเวียนอยู่เพียง 1-2% ต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่เพียงพอที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากร หรือรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังเร่งพัฒนา ดังนั้น การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง (Structural Reform) จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือหนทางรอดเดียวที่เราต้องเดินไปให้ถึง เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับ “เศรษฐกิจไทย” ในอนาคต

รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจ: ก้าวข้ามกับดัก GDP ต่ำ และเร่งแก้หนี้ครัวเรือน

ประเทศไทยเผชิญกับสถานการณ์ที่น่ากังวลมาหลายปี ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่เติบโตในระดับต่ำเพียง 1-2% ต่อปี สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่ฝังรากลึก การเติบโตในระดับนี้ทำให้รายได้ต่อหัวของคนไทยยังคงอยู่ที่ราว 7,000 กว่าเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับศักยภาพและเป้าหมายที่เราควรจะไปถึง เราไม่อาจยอมรับได้กับการเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตเพียง 1% เพราะนั่นหมายถึงการที่เรากำลังถอยหลังเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่กำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ประเทศที่เคยอยู่ข้างหลังเรากำลังจะแซงหน้าไปแล้ว และช่องว่างทางเศรษฐกิจจะยิ่งถ่างออกไปเรื่อยๆ หากเราไม่ลงมือทำอะไรอย่างจริงจัง

สิ่งที่ต้องเร่งแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมและจริงจังที่สุดคือ “หนี้ครัวเรือน” ซึ่งปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนไม่ใช่เพียงการพยุงสถานการณ์เฉพาะหน้า แต่ต้องมุ่งเป้าไปที่การลดระดับหนี้ให้อยู่ในกรอบที่ยั่งยืน เช่น การควบคุมให้ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 80% ของ GDP ให้ได้และรักษาระดับนั้นไว้ให้มั่นคง หนี้ครัวเรือนที่สูงลิ่วเปรียบเสมือนโซ่ตรวนที่ตรึงกำลังซื้อของผู้บริโภค ทำให้มาตรการกระตุ้น “เศรษฐกิจไทย” ต่างๆ ไม่สามารถส่งผลได้อย่างเต็มที่ ภาคครัวเรือนไม่สามารถจับจ่ายใช้สอย หรือลงทุนได้เต็มศักยภาพ ซ้ำยังส่งผลกระทบลูกโซ่ไปยังภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจอื่นๆ ที่พึ่งพากำลังซื้อจากประชาชน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจบริการ หรือแม้แต่ สินเชื่อ SME ที่อาจได้รับผลกระทบจากความเปราะบางของเศรษฐกิจโดยรวม การแก้ไขหนี้ครัวเรือนอย่างจริงจังจะปลดล็อกศักยภาพทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบได้มากขึ้น และเปิดทางให้กับการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพกว่าเดิม สร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตที่ยั่งยืน

ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และยกระดับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

หัวใจสำคัญอีกประการในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจคือ การดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในอุตสาหกรรมที่เราต้องการ หรือที่เรียกว่า “อุตสาหกรรม New S-Curve” ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงและขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีแห่งอนาคต ไม่ใช่แค่การดึงดูดเม็ดเงินจำนวนมาก แต่ต้องเป็นการลงทุนที่นำมาซึ่งเทคโนโลยี นวัตกรรม และองค์ความรู้ใหม่ๆ เพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตของประเทศ โครงสร้างสินค้าส่งออก และเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) โดยรวม การมุ่งเน้น FDI คุณภาพสูงจะช่วยให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง และก้าวสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูงได้ในอนาคต

รัฐบาลใหม่ในปี 2025 จะต้องให้ความสำคัญกับการอำนวยความสะดวกและสร้างความมั่นใจให้กับ “นักลงทุนต่างชาติ” อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ที่สวยหรู แต่ต้องเห็นการลงทุนเกิดขึ้นจริง เห็นโรงงานก่อสร้าง เห็นการจ้างงาน และเห็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ยกระดับขีดความสามารถของประเทศ อาทิ การลงทุนใน ธุรกิจดิจิทัล (Digital Business) ที่ครอบคลุมตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลไปจนถึงแพลตฟอร์มนวัตกรรม การพัฒนา เทคโนโลยีพลังงานสะอาด (Clean Energy Technology) และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์โลก การยกระดับภาค เฮลท์แคร์ (Healthcare) และผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Medical Hub Thailand ที่สำคัญของภูมิภาค รวมถึงการส่งเสริม เกษตรอัจฉริยะ (Smart Agriculture) ที่นำเทคโนโลยีมาเพิ่มมูลค่าผลผลิต สิ่งเหล่านี้คือแม่เหล็กที่ดึงดูดนักลงทุนยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง และเป็นกุญแจสำคัญในการสร้าง “นวัตกรรม” และขีดความสามารถในการแข่งขัน

ขณะเดียวกัน ภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว ยังคงเป็นเครื่องยนต์หลักที่ไม่อาจละเลยได้ เราต้องพัฒนาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยการค้นหาตลาดใหม่ๆ ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกยุคใหม่ ไม่สามารถพึ่งพาตลาดเดิมๆ อย่างสหรัฐอเมริกาได้มากเท่าที่ผ่านมาอีกต่อไป สำหรับภาคการท่องเที่ยว ซึ่งประเทศไทยมีชื่อเสียงระดับโลกในฐานะจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ต้องมุ่งเน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ โดยเฉพาะ Wellness Tourism Thailand ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มและดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงให้เข้ามาพักอาศัยและใช้จ่ายในระยะยาว การยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน การรักษาความสะอาด และความปลอดภัย จะเป็นปัจจัยสำคัญที่เสริมสร้างความน่าดึงดูดใจนี้ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนและการสร้างประสบการณ์ท้องถิ่นที่ไม่เหมือนใคร

ลดทอนนโยบายประชานิยม และเสริมแกร่งตลาดทุนไทย

สิ่งที่ผมอยากเห็นอย่างชัดเจนในนโยบายของรัฐบาลปี 2025 คือการลดทอนและละทิ้งนโยบายประชานิยมที่มุ่งหวังผลระยะสั้นและสร้างภาระทางการคลังในระยะยาว งบประมาณของประเทศมีจำกัด และบทเรียนที่ผ่านมาก็ชัดเจนว่านโยบายเหล่านี้มักเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ให้ผลดีเพียงชั่วคราวแล้วก็จางหายไป ไม่ได้นำไปสู่การแก้ไขปัญหา “เศรษฐกิจไทย” ที่แท้จริงอย่างยั่งยืน การบริหารประเทศในยุคนี้ต้องอาศัยการวินิจฉัยโรคทางเศรษฐกิจที่แม่นยำ และรักษาที่ต้นตอของปัญหา ไม่ใช่เพียงให้ยาแก้ปวดที่บรรเทาอาการได้เพียงชั่วครู่ เราต้องกล้าที่จะตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะไม่เป็นที่นิยมในระยะสั้น แต่ให้ผลดีต่อประเทศในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่งบประมาณมีความตึงตัวและหนี้สาธารณะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น การใช้จ่ายอย่างชาญฉลาดและมีเป้าหมายคือสิ่งจำเป็น

ในอีกด้านหนึ่ง รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญกับ “ตลาดทุนไทย” มากกว่าที่ผ่านมา ตลาดหุ้นคือหัวใจของการระดมทุนที่มีประสิทธิภาพที่สุด เป็นแหล่งเงินทุนที่สำคัญสำหรับการขยายธุรกิจและการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ แต่ที่ผ่านมา กลไกของตลาดทุนไทยยังไม่ได้รับการสนับสนุนและใช้งานอย่างเต็มศักยภาพ ผมอยากเห็นการผลักดันให้ตลาดทุนเป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างความมั่งคั่งให้เกิดขึ้นในวงกว้าง ไม่ใช่แค่สำหรับนักลงทุนรายใหญ่ แต่รวมถึงนักลงทุนรายย่อยและประชาชนทั่วไปด้วย เมื่อตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้น จะส่งผลบวกโดยตรงต่อกำลังซื้อและการบริโภคภายในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ เพราะผู้ที่ได้รับกำไรจากการ เทรดหุ้น หรือ ลงทุนในกองทุนรวม จะมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายและลงทุนต่อเนื่อง ความมั่งคั่งที่เกิดขึ้นจากตลาดหุ้นสามารถสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจได้หลายระลอก การสร้างความรู้ความเข้าใจและเข้าถึงตลาดหุ้นให้ง่ายขึ้นสำหรับทุกคน โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จาก การเงินดิจิทัล และแพลตฟอร์มการลงทุนที่ทันสมัย จะทำให้ตลาดทุนเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง และเป็นช่องทางให้ สตาร์ทอัพ และธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อขยายกิจการได้ง่ายขึ้น

สร้างเสถียรภาพทางการเมือง และวิสัยทัศน์เศรษฐกิจที่เป็นเอกภาพ

ความท้าทายที่สำคัญไม่แพ้กันคือ “เสถียรภาพทางการเมือง” และการมีทีมเศรษฐกิจที่มีวิสัยทัศน์เป็นเอกภาพ การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลบ่อยครั้ง หรือการที่นโยบายมีการพลิกผันอยู่เสมอ สร้างความไม่มั่นใจอย่างยิ่งต่อนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพราะความไม่แน่นอนทางการเมืองเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการวางแผนระยะยาว และการตัดสินใจลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นโครงการ ลงทุนอสังหาฯ หรือโครงการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ นักลงทุนต้องการความชัดเจนและความต่อเนื่องของนโยบายเพื่อลดความเสี่ยง

ผมอยากเห็นการเมืองที่มีความนิ่ง มีพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างมีเสถียรภาพ และที่สำคัญที่สุดคือการมี “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” ที่ทรงอิทธิพล สามารถกำกับดูแลและประสานงานกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจได้อย่างเป็นเอกภาพ ไม่ใช่การที่แต่ละกระทรวงต่างคนต่างทำ หรือการที่พรรคการเมืองต่างๆ แบ่งแยกกันกำกับดูแลโดยไม่มีทิศทางเดียวกัน การมีผู้นำทีมเศรษฐกิจที่เข้มแข็งจะช่วยให้การกำหนดนโยบายและการขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างได้อย่างแท้จริง หากเรายังคงดำเนินนโยบายแบบเดิมๆ เราก็จะเห็นการเติบโตของ เศรษฐกิจไทย ที่ซบเซาต่อไป ไม่สามารถไปถึงเป้าหมายการเติบโต 3-4% ที่เราควรจะไปถึงได้ เราต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน มีเป้าหมายที่ร่วมกัน และมีกลไกการทำงานที่ไร้รอยต่อ เพื่อนำพาประเทศไปสู่จุดมุ่งหมายที่วางไว้

อสังหาริมทรัพย์ไทย 2025: ฝ่าวิกฤต และปลดล็อกศักยภาพ

สำหรับภาค “อสังหาริมทรัพย์ไทย” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเสาหลักของเศรษฐกิจ ก็กำลังเผชิญกับความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบ 2 ทศวรรษ ทั้งในด้านอุปทานและอุปสงค์ที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายปี ข้อมูลล่าสุดในปี 2025 ชี้ว่าตลาดยังคงอยู่ในช่วงของการปรับฐานอย่างชัดเจน ยอดโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศที่เคยอยู่ระดับ 4 แสนหน่วยต่อปี ก่อนช่วงโควิด-19 ปัจจุบันอาจลดลงเหลือเพียงประมาณ 3 แสนหน่วย ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 7 ปี และยังมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปีข้างหน้า หากไม่มีการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง

ปัญหาหลักที่ฉุดรั้งการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์คือ “หนี้ครัวเรือน” ที่สูง ซึ่งส่งผลให้สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอย่างมาก จนทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อ หรือยอดกู้ไม่ผ่าน สูงถึง 50-70% นี่คือตัวเลขที่น่าตกใจและเป็นอุปสรรคสำคัญในการเข้าถึงบ้านของประชาชน ซึ่งหากรัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนให้ลดลงได้ ไม่ได้ช่วยแค่ภาคอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับทุกภาคธุรกิจในระบบเศรษฐกิจ และจะทำให้การ ลงทุนอสังหาฯ ทั้งจากผู้ประกอบการและผู้ซื้อรายย่อยกลับมาคึกคักอีกครั้ง

นอกเหนือจากนี้ “การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันในระบบราชการ” และการส่งเสริม “Ease of Doing Business Thailand” เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการเรียกร้องมาโดยตลอด กระบวนการขออนุญาตต่างๆ ที่ซับซ้อน ล่าช้า และมีต้นทุนแฝง ทำให้เสียโอกาสในการดำเนินธุรกิจและลดความน่าสนใจในการลงทุนใน “อสังหาริมทรัพย์ไทย” การมีศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One Stop Service) ที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง จะช่วยลดขั้นตอน ลดเวลา และลดต้นทุนเหล่านี้ ทำให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติสามารถประกอบธุรกิจได้อย่างสะดวกราบรื่น และสร้างความโปร่งใสในระบบ ลดช่องโหว่ของการทุจริตคอร์รัปชัน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชน

ยกระดับคนไทย และใช้ประโยชน์จากทำเลทอง

เพื่อผลักดัน “เศรษฐกิจไทย” ให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว รัฐบาลต้องลงทุนกับการ “พัฒนาศักยภาพแรงงาน” อย่างจริงจัง ด้วยการ Upskill และ Reskill คนไทยให้มีทักษะที่ตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมแห่งอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอุตสาหกรรม New S-Curve ที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในยุคใหม่ การมีบุคลากรที่มีความสามารถสูงจะเป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดการลงทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การศึกษาต้องปรับเปลี่ยนให้ทันสมัย สอนทักษะที่จำเป็นสำหรับโลกยุคใหม่ เช่น ทักษะดิจิทัล การคิดเชิงวิเคราะห์ และความสามารถในการปรับตัว

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีความได้เปรียบในฐานะ “Regional Logistic Location” ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ เราอยู่ตรงกลางระหว่างเหนือกับใต้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หากเรามีการลงทุนใน “โครงสร้างพื้นฐาน” ด้านการคมนาคมขนส่งที่ดี ไม่ว่าจะเป็นถนน ทางด่วน หรือรถไฟฟ้า ก็จะช่วยลดต้นทุนการขนส่ง เพิ่มประสิทธิภาพการกระจายสินค้า และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับภูมิภาคได้ การพัฒนาสนามบิน ท่าเรือ และระบบรางเชื่อมโยงภูมิภาค จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าและโลจิสติกส์ที่แท้จริง

อีกจุดแข็งที่ประเทศไทยมีอย่างเด่นชัดคือ “Wellness” และธุรกิจที่อิงการบริการต่างๆ คนไทยมี “Service Mind” ที่เป็นจุดได้เปรียบที่ชาติอื่นเลียนแบบได้ยาก เราต้องใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ให้เต็มที่ ไม่ใช่แค่ดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่ดึงดูดนักลงทุนและชาวต่างชาติวัยเกษียณที่มีกำลังซื้อมั่งคั่งให้เข้ามาพักอาศัยระยะยาว สร้างให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ระดับโลก ผสมผสานกับการยกระดับคุณภาพการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของนักท่องเที่ยวและผู้พำนักระยะยาว

ในเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งสร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศ กำลังเผชิญกับปัญหาโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่เพียงพอต่อการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยว ทั้งปัญหาการจราจรติดขัด ขยะล้นเมือง น้ำประปาไม่เพียงพอ และความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว รัฐบาลจึงต้องเร่งผลักดัน “เมกะโปรเจกต์” ขนาดใหญ่ เพื่อจัดระเบียบและยกระดับภูเก็ตให้เป็นเมืองน่าอยู่และเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างแท้จริง เช่น โครงการพัฒนาถนน ทางด่วน และระบบขนส่งมวลชนต่างๆ สิ่งเหล่านี้จะช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและสร้างรากฐานสำหรับการเติบโตในอนาคต ทำให้ภูเก็ตยังคงเป็นเพชรเม็ดงามที่สร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างยั่งยืน

ก้าวสู่อนาคตที่สดใส: การเปลี่ยนแปลงที่ต้องเริ่มลงมือทำวันนี้

ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะต้องลุกขึ้นมาปฏิรูปอย่างจริงจังและรอบด้าน เพื่อปลดล็อกศักยภาพที่แท้จริงและก้าวพ้นจากกับดักการเติบโตที่เชื่องช้า การแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับอนาคตของคนไทยทุกคน รัฐบาล ผู้ประกอบการ ภาคเอกชน และประชาชน ต้องร่วมมือกันอย่างแข็งขันด้วยวิสัยทัศน์ที่เป็นหนึ่งเดียว และกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อสร้าง “เศรษฐกิจไทย” ที่แข็งแกร่ง ยั่งยืน และเป็นธรรม พร้อมรับมือกับทุกความท้าทายและคว้าทุกโอกาสในยุคใหม่

ผมขอเชิญชวนทุกท่าน มาร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนครั้งสำคัญนี้ ไม่ว่าท่านจะเป็นนักลงทุน ผู้ประกอบการ หรือพลเมืองไทย การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นที่เราทุกคนวันนี้ การมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น การสนับสนุนนโยบายที่สร้างสรรค์ และการปรับตัวให้ทันต่อโลกที่เปลี่ยนไป ล้วนเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะขับเคลื่อนประเทศของเราสู่ “อนาคตเศรษฐกิจไทย” ที่สดใส และเป็นความภาคภูมิใจร่วมกันของคนทั้งชาติครับ

Previous Post

D0512084 อผ กได ไอโฟน(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post

D0512083 มรดกมรณะ(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post
D0512083 มรดกมรณะ(ละครส น) หน งส นด BSC part2

D0512083 มรดกมรณะ(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D0512083 มรดกมรณะ(ละครส น) หน งส นด BSC part2
  • D0512082 เธอถ กบ งค บให แต งงานก บเจ าชายน ทรา(ละครส น) หน งส นด BSC part2
  • D0512081 แม ใจย กษ งล กไปย งจะมาขอเง น(ละครส น) หน งส นด BSC part2
  • D0512080 าดาเจอทายาทต วจร งท หายไป(ละครส น) หน งส นด BSC part2
  • D0512079 เอาต งฝากก บคนพ การ(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.