• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D0512055 นไหนไม แม แล วแกจะร ก(ละครส น) หน งส นด BSC part2

admin79 by admin79
December 8, 2025
in Uncategorized
0
D0512055 นไหนไม แม แล วแกจะร ก(ละครส น) หน งส นด BSC part2

พลิกโฉมเศรษฐกิจไทย 2025: ปลดล็อกศักยภาพสู่การเติบโตยั่งยืน เหนือกว่า 1%

ประเทศไทยกำลังยืนอยู่บนทางแยกที่สำคัญ ท่ามกลางภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวนและเต็มไปด้วยโอกาสใหม่ๆ ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการการเงินและการลงทุนกว่า 10 ปี ผมมองเห็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าการดำเนินงานแบบเดิมๆ จะไม่เพียงพออีกต่อไป ปี 2025 ไม่ใช่แค่ตัวเลขบนปฏิทิน แต่คือห้วงเวลาแห่งการกำหนดทิศทางอนาคตของชาติ เราต้องกล้ารื้อถอนโครงสร้างเก่าที่ฉุดรั้ง และสร้างรากฐานใหม่ที่แข็งแกร่ง เพื่อให้เศรษฐกิจไทยก้าวข้ามกับดักการเติบโตต่ำกว่า 1-2% สู่ยุคแห่งความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้น คือโอกาสทองที่เราต้องคว้าไว้ เพื่อผลักดันนโยบายที่ตรงจุด เน้นการลงทุน และเลิกพึ่งพิงประชานิยมที่บั่นทอนขีดความสามารถทางการคลัง การดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) อย่างชาญฉลาด การปฏิรูปตลาดทุนให้เป็นกลไกขับเคลื่อนที่แท้จริง และการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างจริงจัง คือหัวใจสำคัญของการสร้าง “พายุหมุนทางเศรษฐกิจ” ครั้งใหม่นี้

แกะรอยปัญหาเชิงโครงสร้าง: วิกฤต GDP ต่ำ และการแข่งขันระดับโลก

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเผชิญกับภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจที่น่ากังวล ดัชนีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่วนเวียนอยู่เพียง 1-2% สะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่ฝังลึก ซึ่งไม่เพียงพอต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตประชากรและการก้าวสู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคต่างเร่งพัฒนาและดึงดูดเม็ดเงินลงทุนใหม่ๆ ไทยกลับเผชิญกับความท้าทายในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่เทคโนโลยีก้าวล้ำอย่างรวดเร็วและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นวาระสำคัญระดับโลก รายได้ต่อหัวประชากรที่ยังคงต่ำกว่า 7,000 เหรียญสหรัฐฯ คือเครื่องเตือนใจว่าเรากำลังถอยห่างจากมาตรฐานสากล เราจำเป็นต้องมีภาวะผู้นำที่กล้าหาญในการเผชิญหน้ากับความจริง และมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างยั่งยืน ไม่ใช่แค่การบรรเทาอาการชั่วคราว การปฏิรูปจะต้องครอบคลุมตั้งแต่ภาคการผลิตไปจนถึงภาคบริการ โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการเพิ่มมูลค่าเพิ่มของสินค้าและบริการ สร้างนวัตกรรม และปรับตัวให้เข้ากับ Mega Trends ของโลก อาทิ เศรษฐกิจดิจิทัล, เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) และอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (Future Industries) การขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาวะเช่นนี้จึงต้องใช้ทั้งความเข้าใจเชิงลึกและความกล้าหาญในการตัดสินใจเชิงนโยบายที่มุ่งไปที่ประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติในระยะยาว

กับดักหนี้ครัวเรือน: โซ่ตรวนฉุดรั้งการบริโภคและการลงทุน

ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ถือเป็น “กับดัก” สำคัญที่ขัดขวางการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยอย่างรุนแรง ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเห็นมาตลอดว่าหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงกว่า 90% ของ GDP เป็นภาระหนักอึ้งที่กัดกินกำลังซื้อของประชาชน และส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่เผชิญกับยอดปฏิเสธสินเชื่อที่สูงถึง 50-70% ซึ่งสะท้อนถึงความเปราะบางของฐานะทางการเงินของผู้บริโภค หากปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยมาตรการอื่นใดก็จะไร้ผล เพราะผู้คนไม่มีกำลังจับจ่ายใช้สอย รัฐบาลใหม่จึงต้องให้ความสำคัญกับการลดหนี้ครัวเรือนลงมาในระดับที่เหมาะสม เช่น 80% ของ GDP โดยไม่ใช้วิธีที่ซับซ้อนหรือเร่งรัดจนเกินไป แต่ต้องมีกลไกที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม อาทิ การส่งเสริมการปรับโครงสร้างหนี้ การให้ความรู้ทางการเงิน การควบคุมสินเชื่อรายย่อยให้มีความรับผิดชอบ และการสร้างโอกาสในการสร้างรายได้ใหม่ๆ ให้แก่ประชาชน ควบคู่ไปกับการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างเป็นธรรม สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงช่วยภาคอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่ยังช่วยปลดปล่อยกำลังซื้อของทุกครัวเรือน ทำให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตอย่างแท้จริง ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อเสถียรภาพทางการเงินส่วนบุคคลและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม

พลิกโฉมการดึงดูด FDI: สู่ยุคแห่งการลงทุนคุณภาพสูง

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) คือหัวใจสำคัญที่จะช่วยเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย เราต้องเปลี่ยนจากการเน้นปริมาณไปสู่การเน้นคุณภาพของการลงทุน โดยมุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ไทยต้องการอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่การสร้างตัวเลขการขอสิทธิประโยชน์จาก BOI แต่ต้องทำให้เกิดการลงทุนจริงและเกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ FDI ในยุค 2025 ควรเน้นไปที่อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (High Value-Added Industries) เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotech) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) และเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) ของประเทศ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ รัฐบาลต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนอย่างครบวงจร ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย การพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะตรงตามความต้องการ (Reskill & Upskill) การอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) ไปจนถึงการสร้างความชัดเจนและต่อเนื่องของนโยบาย การแข่งขันเพื่อดึงดูด FDI ในภูมิภาคนี้รุนแรงขึ้นทุกวัน ไทยจึงต้องมีจุดเด่นที่ชัดเจนและแตกต่าง เพื่อก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการลงทุนแห่งใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะนำมาซึ่งการจ้างงานที่มีคุณภาพ การพัฒนาเทคโนโลยี และการเชื่อมโยงไทยเข้ากับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) โลกที่มีมูลค่าสูง

ขับเคลื่อนเครื่องยนต์หลัก: นวัตกรรมนำการส่งออก ท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ

ภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว ยังคงเป็นสองเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทย แต่ในยุค 2025 เราต้องยกระดับและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเครื่องยนต์ทั้งสองนี้ การส่งออกจะต้องไม่พึ่งพาตลาดเดิมๆ มากเกินไป โดยเฉพาะสหรัฐฯ เราต้องแสวงหาตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ (Emerging Markets) และพัฒนาสินค้าบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลกยุคใหม่ เน้นสินค้าที่มีนวัตกรรม ความยั่งยืน และความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัลในการเข้าถึงผู้บริโภคทั่วโลก การท่องเที่ยวหลังวิกฤตโควิด-19 ได้กลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง แต่เราต้องเปลี่ยนจากการเน้นปริมาณไปสู่การเน้นคุณภาพและการท่องเที่ยวเชิงคุณค่า (Value-Based Tourism) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริม “Wellness Tourism” และ “Medical Tourism” ซึ่งเป็นจุดแข็งของไทยที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้มหาศาล และดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงและพักอาศัยระยะยาว นอกจากนี้ การส่งเสริม “Digital Nomad” และ “Workation” จะเป็นอีกหนึ่งโอกาสในการดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถจากทั่วโลกเข้ามาสร้างสรรค์และใช้จ่ายในประเทศไทย การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการท่องเที่ยวคุณภาพ การรักษามาตรฐานบริการ และการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน จะเป็นปัจจัยสำคัญในการคงสถานะของไทยในฐานะ “World’s Best Destination” และสร้างรายได้เข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง

ยุติประชานิยม: สร้างเสถียรภาพทางการคลังระยะยาว

หนึ่งในบทเรียนที่สำคัญจากประสบการณ์เศรษฐกิจที่ผ่านมาคือ นโยบายประชานิยมมักให้ผลดีเพียงชั่วคราว แต่สร้างภาระทางการคลังในระยะยาว ในฐานะผู้บริหารที่รับผิดชอบเม็ดเงินมหาศาล ผมเห็นว่าข้อจำกัดด้านงบประมาณของประเทศเป็นสิ่งที่เราต้องตระหนัก การทุ่มเงินไปกับนโยบายที่ไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นตอ เปรียบเสมือนการให้ยาแก้ปวดที่บรรเทาอาการได้เพียง 4 ชั่วโมง โดยที่โรคร้ายยังคงอยู่ รัฐบาลชุดใหม่ในปี 2025 จะต้องหลีกเลี่ยงนโยบายที่เน้นการใช้จ่ายอย่างไร้ทิศทาง และหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างวินัยทางการคลัง การจัดสรรงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ และการลงทุนในโครงการที่มีผลตอบแทนสูงในระยะยาว นโยบายที่มุ่งเน้นการสร้างรายได้ การลดต้นทุน และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ จะเป็นหนทางที่ยั่งยืนกว่า การมีความรับผิดชอบทางการคลังจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะสะท้อนไปในทิศทางที่ดีต่อตลาดหุ้นและเสถียรภาพของค่าเงินบาท การเปลี่ยนผ่านจากวัฒนธรรมประชานิยมไปสู่วัฒนธรรมของการลงทุนอย่างชาญฉลาดและการสร้างโอกาส จะเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับเศรษฐกิจไทยในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยมีทรัพยากรเพียงพอในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา และสาธารณสุข เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างแท้จริง

ตลาดทุน: หัวใจของการระดมทุนและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นและตลาดทุนโดยรวม คือแหล่งระดมทุนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุด แต่ที่ผ่านมาบทบาทของตลาดทุนไทยยังไม่ได้รับการใช้ประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ รัฐบาลใหม่ในปี 2025 ควรให้ความสำคัญกับตลาดทุนมากกว่าที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้ตลาดทุนเป็นของทุกคน ไม่ใช่แค่กลุ่มผู้มีรายได้สูง การบริหารจัดการตลาดหุ้นให้โปร่งใส มีธรรมาภิบาล และมีนวัตกรรม จะดึงดูดทั้งนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันเข้ามาร่วมลงทุนมากขึ้น เมื่อตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้น จะเกิดปรากฏการณ์ “Wealth Effect” ที่ส่งผลให้กำลังซื้อและการบริโภคในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะผู้ที่ได้รับกำไรจากการลงทุนหุ้นมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายเงินมากขึ้น การส่งเสริมการลงทุนในกองทุนรวม การเข้าถึงข้อมูลการลงทุนที่เข้าใจง่าย และการสร้างผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย เช่น ตราสารหนี้ หุ้นกู้ ที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มนักลงทุน จะช่วยขยายฐานผู้ลงทุนและเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดทุน นอกจากนี้ การสนับสนุนบริษัทสตาร์ทอัพและธุรกิจขนาดเล็กให้เข้าถึงแหล่งระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ จะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการสร้างนวัตกรรมและการเติบโตของเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งเป็นการสร้างความมั่งคั่งให้เกิดขึ้นอย่างทั่วถึงและยั่งยืน

เสถียรภาพการเมือง: รากฐานของความเชื่อมั่นนักลงทุน

ความเคลื่อนไหวทางการเมืองและเสถียรภาพของรัฐบาลมีผลอย่างยิ่งต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงนโยบายบ่อยครั้งตามการเปลี่ยนผ่านของรัฐบาล ทำให้ขาดความต่อเนื่องและสร้างความไม่แน่นอน ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการตัดสินใจลงทุนในระยะยาวของนักลงทุนต่างชาติ ในมุมมองของผม รัฐบาลชุดใหม่ในปี 2025 จะต้องมีเสถียรภาพทางการเมือง และมีทีมเศรษฐกิจที่มีเอกภาพ สามารถขับเคลื่อนนโยบายได้อย่างต่อเนื่องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน การมีพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่สามารถดูแลกระทรวงเศรษฐกิจหลักได้อย่างไร้รอยต่อ จะช่วยให้การกำหนดและดำเนินนโยบายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตรงจุด หัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่มีอำนาจและวิสัยทัศน์ที่ครอบคลุมทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนว่าประเทศไทยมีทิศทางที่ชัดเจนและมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างจริงจัง ความมั่นคงทางการเมืองไม่ได้หมายถึงการปราศจากความเห็นต่าง แต่หมายถึงการสามารถบริหารจัดการความเห็นต่างเหล่านั้นเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาประเทศ การสร้างสภาพแวดล้อมที่คาดการณ์ได้และมีธรรมาภิบาล จะเป็นแรงดึงดูดสำคัญที่ทำให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้ามา และทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถกลับมาเติบโตได้ 3-4% ซึ่งเป็นอัตราที่เหมาะสมสำหรับประเทศที่กำลังก้าวเดินหน้า

อสังหาริมทรัพย์ 2025: ท้าทายและโอกาสในยุคใหม่

ภาคอสังหาริมทรัพย์เผชิญความท้าทายสูงสุดในรอบสองทศวรรษ ทั้งอุปทานและอุปสงค์ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ตัวเลขการโอนกรรมสิทธิ์ที่ต่ำกว่า 3 แสนหน่วยในปี 2025 จากที่เคยอยู่ที่ 4 แสนหน่วยก่อนโควิด-19 สะท้อนถึงภาวะ “ปรับฐาน” ที่รุนแรง ปัญหาหนี้ครัวเรือนและเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อที่เข้มงวดของสถาบันการเงิน ส่งผลให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่งสูงถึง 50-70% ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตของภาคส่วนนี้ อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความท้าทายนี้ ยังมีโอกาสสำหรับผู้ประกอบการที่ปรับตัว การออกนโยบายที่ตรงจุด เช่น การลดค่าโอนและจดจำนอง การสนับสนุนให้ AMC เข้ามาซื้อหนี้เสีย (NPA) จากสถาบันการเงิน เพื่อช่วยลดภาระหนี้ครัวเรือน และกระตุ้นการเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัย จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อตลาด นอกจากนี้ ผู้ประกอบการควรหันมาพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคในยุคใหม่ เช่น ที่อยู่อาศัยที่เน้นสุขภาพ (Wellness Residence) โครงการแบบผสมผสาน (Mixed-Use Development) ที่อยู่อาศัยที่ยั่งยืน (Sustainable Living) และบ้านอัจฉริยะ (Smart Home) โดยเฉพาะในทำเลที่มีศักยภาพและโครงสร้างพื้นฐานรองรับ การทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อบ้าน จะเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ และทำให้ภาคส่วนนี้กลับมาเป็นหนึ่งในเสาหลักของการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ยกระดับ Ease of Doing Business และขจัดคอร์รัปชั่น

เพื่อดึงดูดการลงทุนและส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจในไทย รัฐบาลใหม่ในปี 2025 จะต้องให้ความสำคัญกับการปรับปรุง “Ease of Doing Business” อย่างจริงจัง โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ประกอบการทั้งคนไทยและนักลงทุนต่างชาติสามารถทำธุรกิจได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และราบรื่น ซึ่งรวมถึงการลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการยื่นขอใบอนุญาตต่างๆ และการลดเวลาในการอนุมัติ นอกจากนี้ การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นในระบบราชการอย่างเด็ดขาด ถือเป็นวาระเร่งด่วน การมี “ต้นทุนแฝง” ในการติดต่อราชการไม่เพียงแต่สร้างความไม่เป็นธรรม แต่ยังบั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และลดทอนความน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติ รัฐบาลควรจัดตั้ง “ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One Stop Service)” ที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นแกนหลัก เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถติดต่อและยื่นเอกสารกับทุกหน่วยงานภาครัฐได้ในที่เดียว และมีระบบติดตามสถานะที่โปร่งใส การสร้างระบบราชการที่โปร่งใส มีธรรมาภิบาล และให้บริการด้วยความรวดเร็ว จะไม่เพียงช่วยลดต้นทุนและเวลาในการดำเนินธุรกิจ แต่ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในเวทีโลก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดการลงทุนที่มีคุณภาพและยั่งยืน

ศักยภาพแรงงานแห่งอนาคต: อัพสกิล-รีสกิลเพื่อ New S-Curve

เศรษฐกิจไทยจะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว หากเราสามารถเพิ่มศักยภาพของ “คนไทย” ให้เป็นทรัพยากรบุคคลที่ผู้ประกอบการทั่วโลกต้องการ การลงทุนในการ “Upskill” และ “Reskill” ประชากรไทยเพื่อรองรับอุตสาหกรรม “New S-Curve” เป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติ (Automation) กำลังเข้ามาเปลี่ยนโฉมตลาดแรงงาน ทักษะที่จำเป็นในอนาคตจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เราต้องเตรียมความพร้อมด้านแรงงานสำหรับอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ดิจิทัล โลจิสติกส์อัจฉริยะ และเทคโนโลยีชีวภาพ นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีจุดแข็งในภาคบริการและ “Wellness” ซึ่งเราควรส่งเสริมให้คนไทยมี “Service Mind” ที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับระดับโลก ควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะด้านภาษาและดิจิทัล การสร้างระบบการศึกษาและฝึกอบรมที่ยืดหยุ่นและตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงานจริง จะช่วยให้ไทยสามารถก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางบุคลากรที่มีคุณภาพในภูมิภาค และดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ซึ่งจะนำมาซึ่งการสร้างงานที่มีรายได้สูงและยั่งยืนให้แก่คนไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในรากฐานที่สำคัญที่สุดของการพัฒนาประเทศ

ภูเก็ต: ต้นแบบเมืองท่องเที่ยวระดับโลกกับการแก้ปัญหาโครงสร้าง

จังหวัดภูเก็ตในฐานะเมืองท่องเที่ยวระดับโลกและเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักลงทุนต่างชาติจากทั่วโลก เผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างที่ซับซ้อน ซึ่งสะท้อนภาพรวมความท้าทายของประเทศ การเติบโตอย่างรวดเร็วของนักท่องเที่ยวทำให้โครงสร้างพื้นฐานไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด ขยะล้นเมือง การขาดแคลนน้ำประปา และปัญหาด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ปัญหาเหล่านี้ฉุดรั้งศักยภาพของภูเก็ตในการเป็น “เมืองน่าอยู่และเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างแท้จริง” รัฐบาลใหม่ในปี 2025 ต้องเร่งแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะการลงทุนในเมกะโปรเจกต์ด้านคมนาคมขนส่ง เช่น ถนน ทางด่วน และรถไฟฟ้า เพื่อจัดระเบียบการจราจร การบริหารจัดการขยะและน้ำอย่างยั่งยืน และการยกระดับความปลอดภัยให้เป็นมาตรฐานสากล ข้อเสนอในการจัดตั้ง “ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One Stop Service)” สำหรับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติก็เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อลดความล่าช้าและเพิ่มความสะดวกในการติดต่อราชการ การทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยภูเก็ตเท่านั้น แต่ยังจะเป็นต้นแบบและบทเรียนสำหรับการพัฒนาเมืองท่องเที่ยวและเขตเศรษฐกิจพิเศษอื่นๆ ทั่วประเทศ การแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างในภูเก็ตอย่างเป็นรูปธรรม จะเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกที่สำคัญถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการพัฒนาประเทศ และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในเวทีโลก ซึ่งเป็นรากฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจส่วนภูมิภาคและประเทศโดยรวม

พลิกวิกฤตเป็นโอกาส: วิสัยทัศน์สู่ประเทศไทย 2025 ที่แข็งแกร่ง

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่เฝ้ามองเศรษฐกิจไทยมายาวนานกว่าทศวรรษ ผมเชื่อมั่นว่าปี 2025 คือช่วงเวลาที่ไทยมีโอกาสทองในการพลิกฟื้นและสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่เราต้องกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง การยึดติดกับแนวทางเดิมๆ จะนำไปสู่ผลลัพธ์แบบเดิมๆ ที่ไม่เพียงพออีกต่อไป การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน การดึงดูดการลงทุนคุณภาพสูง การเลิกพึ่งพานโยบายประชานิยม การปฏิรูปตลาดทุนให้เป็นกลไกหลัก การสร้างเสถียรภาพทางการเมือง และการพัฒนาคุณภาพชีวิตและศักยภาพของบุคลากรไทย คือเสาหลักที่เราต้องเร่งสร้างให้แข็งแกร่ง ความท้าทายเหล่านี้ไม่ใช่ภาระ แต่คือโอกาสที่เราจะแสดงให้โลกเห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงของประเทศไทย การปรับปรุงระบบราชการให้โปร่งใส มีประสิทธิภาพ และส่งเสริม Ease of Doing Business จะเป็นแรงผลักดันสำคัญ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม New S-Curve ควบคู่ไปกับการใช้จุดแข็งด้านการท่องเที่ยวและ Wellness จะนำไทยไปสู่ยุคแห่งความมั่งคั่งที่ยั่งยืน

อนาคตของเศรษฐกิจไทยในปี 2025 และปีต่อๆ ไป ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและการดำเนินการของเราในวันนี้ มาร่วมสร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ให้ประเทศไทย ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในภูมิภาค ด้วยเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ยั่งยืน และเป็นธรรมสำหรับทุกคน ผมขอเชิญชวนทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทุกคน มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์นี้ให้เป็นจริง เพื่ออนาคตที่สดใสของประเทศไทยที่เราภาคภูมิใจร่วมกัน

Previous Post

D0512054 งยายตกอ บไปลอกส ตรก วยเต ยว(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post

D0512056 แม สาม ไม ายค าส นสอด เจอล กสะใภ เอาค (ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post
D0512056 แม สาม ไม ายค าส นสอด เจอล กสะใภ เอาค (ละครส น) หน งส นด BSC part2

D0512056 แม สาม ไม ายค าส นสอด เจอล กสะใภ เอาค (ละครส น) หน งส นด BSC part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D1912059 อะไรๆพ ตค งต นไม part2
  • D1912060 แต งก บพ นขอร สอร ทนะท part2
  • D1912058 อสาม ไม มารยาทเอาซะเลย part2
  • D1912057 ไม องสนใจ จงเป นในส งท ควรเป part2
  • D1912056 บรถหร มาอวด อต องตกงาน part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.