• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D0512046 เป นคนใช ามสวยกว าค ณนาย(ละครส น) หน งส นด BSC part2

admin79 by admin79
December 6, 2025
in Uncategorized
0
D0512046 เป นคนใช ามสวยกว าค ณนาย(ละครส น) หน งส นด BSC part2

ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจไทย: กลยุทธ์ฝ่าวิกฤตสู่ยุคใหม่ ปี 2568

ในฐานะผู้คลุกคลีในแวดวงเศรษฐกิจ การเงิน และอสังหาริมทรัพย์มานานกว่าทศวรรษ ผมมองว่าประเทศไทยในปี 2568 กำลังยืนอยู่บนทางแยกที่สำคัญ ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโลกและภูมิทัศน์การเมืองภายในประเทศที่ปรับเปลี่ยนไม่หยุดนิ่ง ความท้าทายที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การประคับประคองให้รอดไปวันๆ แต่อยู่ที่การกล้าตัดสินใจ “รื้อ” และ “สร้าง” โครงสร้างเศรษฐกิจใหม่เพื่อหลุดพ้นจากหล่มของอัตราการเติบโตที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน สู่การเป็นประเทศที่มีศักยภาพการแข่งขันในเวทีโลกอย่างแท้จริง

แกะรอยปัญหาเชิงโครงสร้าง: ทำไม GDP ไทยจึงโตต่ำกว่า 1-2%?

ปัญหาสุดคลาสสิกที่ถูกพูดถึงมาหลายปี แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังคือ “GDP โตต่ำ” ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายที่บั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขันและคุณภาพชีวิตของคนไทย หากเศรษฐกิจของเรายังคงเติบโตได้เพียง 1-2% ต่อปีเช่นที่เป็นอยู่ เรากำลังเดินถอยหลังเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านในภูมิภาคและประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ รายได้ต่อหัวของคนไทยที่ยังคงอยู่ในระดับ 7,000 กว่าเหรียญสหรัฐฯ นั้น สะท้อนถึงการติดกับดักรายได้ปานกลางอย่างชัดเจน

สาเหตุหลักมาจากโครงสร้างเศรษฐกิจที่ยังพึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์และการท่องเที่ยวแบบดั้งเดิมมากเกินไป ในขณะที่อุตสาหกรรมแห่งอนาคตยังไม่เติบโตเท่าที่ควร นอกจากนี้ หนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ งบประมาณภาครัฐที่มีข้อจำกัด และระบบราชการที่ยังไม่เอื้อต่อการทำธุรกิจ ได้กลายเป็นโซ่ตรวนที่ฉุดรั้งศักยภาพในการก้าวไปข้างหน้า

ภารกิจเร่งด่วน: ปฏิรูปหนี้ครัวเรือน สู่เศรษฐกิจที่เข้มแข็ง

หนี้ครัวเรือนของไทยที่อยู่ในระดับสูงกว่า 90% ของ GDP ในปัจจุบัน ไม่ใช่แค่ตัวเลขทางสถิติ แต่เป็นบาดแผลเรื้อรังที่กัดกินกำลังซื้อของผู้บริโภคและบั่นทอนเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน ในปี 2568 หากรัฐบาลชุดปัจจุบันต้องการวางรากฐานเศรษฐกิจที่มั่นคง การลดหนี้ครัวเรือนให้กลับมาอยู่ในระดับที่ยั่งยืน เช่น เป้าหมายที่ 80% ของ GDP ถือเป็นหัวใจสำคัญ เพราะหนี้ที่สูงลิ่วทำให้การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจใดๆ ก็ตามไม่สามารถส่งผลได้เต็มที่ ผู้คนไม่มีเงินเหลือพอจับจ่ายใช้สอย การลงทุนใหม่ๆ จึงไม่เกิดขึ้น

การแก้ไขปัญหานี้ต้องอาศัยแนวทางที่รอบด้านและยั่งยืน ไม่ใช่แค่การพักชำระหนี้ระยะสั้น หรือการอัดฉีดเม็ดเงินที่หายวับไปกับตา แต่ต้องเน้นการ “ปรับโครงสร้างหนี้” อย่างเป็นระบบ ส่งเสริม “วินัยทางการเงิน” ให้แก่ประชาชน ควบคู่ไปกับการ “สร้างรายได้” และ “เพิ่มทักษะ” เพื่อให้ลูกหนี้สามารถกลับมาพยุงตัวเองได้ การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนไม่ได้ช่วยเพียงภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เผชิญปัญหาสินเชื่อปฏิเสธสูงถึง 50-70% แต่เป็นการสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับการบริโภคและการลงทุนในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ

ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI): พลิกโฉมอุตสาหกรรมไทย

การพึ่งพาแต่การลงทุนภายในประเทศเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในระยะยาว การดึงดูด FDI เข้ามาในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่แท้จริง โดยเฉพาะในกลุ่ม New S-Curve ที่เป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจแห่งอนาคต อาทิ เทคโนโลยี AI, ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ, ดิจิทัลแพลตฟอร์ม, ชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy หรือ BCG), และการแพทย์ครบวงจร ถือเป็นกุญแจสำคัญ

แต่การดึงดูด FDI ไม่ใช่แค่การออกสิทธิประโยชน์จาก BOI หรือยอดคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนบนกระดาษ สิ่งที่นักลงทุนต่างชาติมองหาในปี 2568 คือ “ความมั่นคงทางนโยบาย”, “ความชัดเจนของกฎระเบียบ”, “ความรวดเร็วในการอนุมัติ”, “คุณภาพของแรงงานที่มีทักษะ” และ “โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและโลจิสติกส์ที่ทันสมัย” การปรับปรุงกระบวนการทำงานของภาครัฐ การลดขั้นตอนที่ซับซ้อน และการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการลงทุนนวัตกรรม จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ประเทศไทยเป็น “Regional Logistics Hub” และ “Digital Economy Hub” ที่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนระดับโลก

ฟื้นฟูเครื่องยนต์เศรษฐกิจหลัก: ส่งออกและการท่องเที่ยวในมิติใหม่

แม้การส่งออกและการท่องเที่ยวจะยังคงเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจไทย แต่ภูมิทัศน์ของสองภาคส่วนนี้ได้เปลี่ยนไปอย่างมากในปี 2568 การพึ่งพิงตลาดสหรัฐฯ หรือจีนมากเกินไป อาจเป็นความเสี่ยงท่ามกลางความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลก

สำหรับการส่งออก เราต้องเน้นการสร้าง “มูลค่าเพิ่ม” และ “ความหลากหลาย” ของสินค้า ไม่ใช่แค่ปริมาณ การมุ่งสู่สินค้าและบริการที่มีเทคโนโลยีสูง สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Products) และการเจาะตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ เช่น ตลาดกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาค หรือการใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่มีอยู่ให้เต็มที่ เป็นกลยุทธ์ที่ต้องเร่งดำเนินการ ควบคู่ไปกับการยกระดับประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานให้มีความยืดหยุ่นและยั่งยืน

ส่วนภาคการท่องเที่ยว ไทยยังคงเป็น “Destination of Choice” ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก แต่เราต้องก้าวข้ามการท่องเที่ยวเชิงปริมาณ สู่ “การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ” และ “การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism)” การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการแพทย์ที่ทันสมัย การพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประสบการณ์ท้องถิ่น รวมถึงการดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงและกลุ่ม Digital Nomads ที่ต้องการพักอาศัยระยะยาว จะช่วยเพิ่มรายได้และกระจายประโยชน์สู่ชุมชนอย่างยั่งยืน

ปลดแอกนโยบายประชานิยม: สร้างคลังที่เข้มแข็งเพื่ออนาคต

ประสบการณ์ที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่านโยบายประชานิยมที่เน้นการใช้จ่ายงบประมาณจำนวนมหาศาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแบบระยะสั้น ไม่ได้นำไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืน แต่มักจะทิ้งภาระหนี้สาธารณะไว้ให้คนรุ่นหลัง ในปี 2568 การมี “วินัยทางการคลัง” จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญสูงสุด

การจัดสรรงบประมาณต้องเน้นการลงทุนในโครงการที่มี “ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคมสูง” เช่น โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (Mega Projects) ที่ทันสมัยและเชื่อมโยงภูมิภาค การลงทุนด้านการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อสร้างนวัตกรรม และการสร้างระบบสวัสดิการสังคมที่ยั่งยืน การลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี จะช่วยให้ภาครัฐมีขีดความสามารถในการลงทุนเพื่ออนาคตได้มากขึ้น และยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศว่าประเทศไทยมีการบริหารจัดการงบประมาณที่โปร่งใสและมีความรับผิดชอบ

หัวใจสำคัญของเศรษฐกิจ: ตลาดหุ้นไทยกับการระดมทุนที่มีประสิทธิภาพ

ตลาดทุน โดยเฉพาะตลาดหุ้น ถือเป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเป็นแหล่งระดมทุนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แต่ที่ผ่านมา บทบาทของตลาดหุ้นไทยยังไม่ได้รับการใช้ประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ รัฐบาลชุดใหม่ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนา “ตลาดทุนไทย” ให้แข็งแกร่งและเข้าถึงได้ง่ายสำหรับทุกคน ไม่ใช่แค่กลุ่มคนที่มีรายได้สูง

การส่งเสริมให้บริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมถึงสตาร์ทอัพ เข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ได้ง่ายขึ้น การปรับปรุงกฎระเบียบให้ทันสมัย ลดภาระที่ไม่จำเป็น และสร้างความโปร่งใสในตลาด จะช่วยดึงดูดทั้งนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนมากขึ้น หากตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้น จะเกิดปรากฏการณ์ “Wealth Effect” ที่ส่งเสริมการบริโภคและการลงทุนในระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากผู้คนมีกำไรจากหุ้นและมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายและลงทุนเพิ่มขึ้น นี่คือ “พายุหมุน” ทางเศรษฐกิจที่สามารถสร้างการเติบโตได้หลายรอบ

เสถียรภาพการเมืองและทีมเศรษฐกิจที่มีเอกภาพ: สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน

ความผันผวนทางการเมืองและการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างกะทันหัน เป็นปัจจัยสำคัญที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ การมี “รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ” และ “ทีมเศรษฐกิจที่มีเอกภาพ” โดยมี “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” ที่สามารถกำกับดูแลและประสานงานนโยบายจากทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องได้อย่างไร้รอยต่อ ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในปี 2568

นโยบายเศรษฐกิจต้องมีความต่อเนื่องและมีวิสัยทัศน์ระยะยาว ไม่ใช่การเปลี่ยนไปมาตามการเปลี่ยนตัวบุคคลหรือพรรคการเมือง การสร้างความมั่นใจว่าแผนงานต่างๆ จะเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่สะดุด จะเป็นแม่เหล็กสำคัญที่ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนระยะยาวจากต่างชาติ รวมถึงกระตุ้นการลงทุนจากภาคเอกชนภายในประเทศ การเมืองที่นิ่งและการบริหารที่มีทิศทางจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถวางกลยุทธ์ระยะยาวและแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปลดล็อกภาคอสังหาริมทรัพย์: ฟื้นฟูตลาดที่ท้าทายที่สุดในรอบ 20 ปี

ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงเผชิญความท้าทายอย่างหนักในปี 2568 โดยเฉพาะจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงลิ่ว ซึ่งส่งผลให้สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ จนมียอดปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 50-70% ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงอย่างมาก

นอกจากมาตรการแก้ไขหนี้ครัวเรือนแล้ว รัฐบาลควรพิจารณามาตรการที่ตรงจุดเพื่อกระตุ้นตลาด เช่น การขยายเวลาลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง การส่งเสริมบทบาทของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ในการเข้าซื้อหนี้เสีย (NPA) จากสถาบันการเงินเพื่อลดภาระหนี้ และการพิจารณานโยบายที่เอื้อต่อการซื้อบ้านหลังแรก หรือการปรับปรุงกฎเกณฑ์เกี่ยวกับชาวต่างชาติที่ต้องการลงทุนหรือพักอาศัยในไทยระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่มผู้เกษียณอายุที่มีกำลังซื้อสูงทั่วโลก รวมถึงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อตอบรับเมกะเทรนด์ด้านสุขภาพและการดูแลผู้สูงอายุ (Aging Society)

เพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐ: Ease of Doing Business และขจัดคอร์รัปชัน

หนึ่งในอุปสรรคสำคัญที่ฉุดรั้งการลงทุนและการทำธุรกิจในไทยคือ “ระบบราชการที่ซับซ้อน ล่าช้า และการคอร์รัปชัน” การแก้ไขปัญหาเหล่านี้เป็นสิ่งแรกๆ ที่นักธุรกิจทุกภาคส่วนเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการอย่างจริงจัง

รัฐบาลในปี 2568 ต้องผลักดันนโยบาย “Ease of Doing Business” อย่างเข้มข้น โดยการลดขั้นตอนการขอใบอนุญาต การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริการภาครัฐ (e-Government) เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ การจัดตั้ง “ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One Stop Service)” ที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง ซึ่งไม่ใช่แค่การรวมหน่วยงานแต่เป็นการบูรณาการข้อมูลและกระบวนการทำงานร่วมกัน จะช่วยลดต้นทุนแฝงในการทำธุรกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติได้อย่างมหาศาล

ยกระดับทุนมนุษย์: สร้าง S-Curve ด้วยทักษะแห่งอนาคต

หากไทยต้องการก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ เราจำเป็นต้องมี “ทุนมนุษย์” ที่มีคุณภาพและทักษะที่ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรมแห่งอนาคต การ “Upskill” และ “Reskill” คนไทยให้มีความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยี การวิเคราะห์ข้อมูล การเขียนโปรแกรม และทักษะที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม New S-Curve เช่น AI, Robotics, Biotech, และ Green Technology จึงเป็นภารกิจเร่งด่วน

การลงทุนในการศึกษาตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับอุดมศึกษา การส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต การสร้างความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษา ภาคเอกชน และภาครัฐในการพัฒนาหลักสูตรที่ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน และการดึงดูดบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญจากต่างประเทศเข้ามาทำงานและถ่ายทอดความรู้ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้อย่างก้าวกระโดด

ศักยภาพของภูเก็ตและภูมิภาค: ต้นแบบเมืองระดับโลก

กรณีของภูเก็ตสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพมหาศาลของเมืองท่องเที่ยวและเขตเศรษฐกิจสำคัญในภูมิภาค ที่สามารถสร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศ แต่กลับเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างที่ซับซ้อน ทั้งปัญหาจราจรติดขัด ขยะล้นเมือง น้ำประปาไม่เพียงพอ และความปลอดภัย

รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับการ “ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่” สำหรับเมืองหลักในภูมิภาค เช่น ถนน ทางด่วน รถไฟฟ้า การบริหารจัดการขยะอย่างยั่งยืน และระบบสาธารณูปโภคที่ทันสมัย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่และรองรับการเติบโตของนักท่องเที่ยวและนักลงทุน การพัฒนาให้ภูเก็ตเป็น “Smart City” และ “World-Class Wellness Hub” อย่างแท้จริง จะเป็นต้นแบบที่สามารถขยายผลไปยังเมืองอื่นๆ ได้

บทสรุปและอนาคตที่รออยู่

การพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยในปี 2568 และในทศวรรษหน้า ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากรัฐบาลชุดปัจจุบันมีความมุ่งมั่น กล้าหาญในการตัดสินใจ และมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล การแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างจริงจัง ตั้งแต่ระดับหนี้ครัวเรือน ไปจนถึงการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ จะนำพาประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักเดิมๆ สู่การเติบโตที่ยั่งยืนและมีคุณภาพ

ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องมองการณ์ไกลกว่าการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า มาร่วมกันสร้างอนาคตที่เข้มแข็งให้เศรษฐกิจไทย ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทุกคน ผมเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพที่เรามี ไทยจะสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำในภูมิภาคและเป็นที่ยอมรับในเวทีโลกได้อย่างแน่นอน

มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ยุคใหม่ที่มั่นคงและรุ่งเรืองไปด้วยกันเถอะครับ

Previous Post

D0512044 สอนล กให กลำบาก เม อไม เรา(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post

D0512047 ดเล อกล กเขยร านทอง(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post
D0512047 ดเล อกล กเขยร านทอง(ละครส น) หน งส นด BSC part2

D0512047 ดเล อกล กเขยร านทอง(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D0512045 ากล วกว าผ เง นในบ ญช แหล ะ(ละครส น) หน งส นด BSC part2
  • D0512047 ดเล อกล กเขยร านทอง(ละครส น) หน งส นด BSC part2
  • D0512046 เป นคนใช ามสวยกว าค ณนาย(ละครส น) หน งส นด BSC part2
  • D0512044 สอนล กให กลำบาก เม อไม เรา(ละครส น) หน งส นด BSC part2
  • D0512043 หลอกขายท เร ยนส แดง โดนหลอกกล บไม โกง (ละครส น) หน งส นด BSC part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.