• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D2512097 แม วไม ชอบล กสะใภ ทำด แค ไหนก ไม กใจส กท (ละครส น) หน งส นด BSC part2

admin79 by admin79
December 26, 2025
in Uncategorized
0
D2512097 แม วไม ชอบล กสะใภ ทำด แค ไหนก ไม กใจส กท (ละครส น) หน งส นด BSC part2

ปลดล็อกศักยภาพ: ทำไมการเปิดทางให้ “ต่างชาติซื้อบ้านจัดสรร” จึงเป็นกุญแจสำคัญสำหรับเศรษฐกิจไทยในยุค 2025+

จากประสบการณ์ในวงการอสังหาริมทรัพย์กว่าทศวรรษ ผมได้ประจักษ์ถึงพลวัตของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญกับคลื่นความท้าทายทางเศรษฐกิจหลายระลอก ตั้งแต่วิกฤตการณ์โควิด-19 ไปจนถึงภาวะเงินเฟ้อ และหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง สิ่งเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เคยเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเชื่อมั่นว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องพิจารณาทางออกเชิงกลยุทธ์ที่กล้าหาญและรอบด้าน เพื่อปลดล็อกศักยภาพที่แท้จริงของภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย หนึ่งในข้อเสนอที่ได้รับการผลักดันอย่างจริงจังจากผู้ประกอบการและผู้มีวิสัยทัศน์ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออก คือการเปิดโอกาสให้ต่างชาติซื้อบ้านจัดสรรได้อย่างถูกกฎหมาย นี่ไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาระยะสั้น แต่เป็นการวางรากฐานเพื่อสร้างความมั่นคงและเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่กำลังมองหาแหล่งลงทุนและที่อยู่อาศัยที่น่าดึงดูดใจ และผมมั่นใจว่าหากเราดำเนินการอย่างชาญฉลาด นี่จะเป็นโอกาสทองที่ประเทศไทยไม่ควรพลาด

วิกฤตการณ์และโอกาส: ทำไมต้อง “ต่างชาติซื้อบ้านจัดสรร” ตอนนี้?

สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันเปรียบเสมือนเรือที่กำลังแล่นทวนกระแส หนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 90% ของ GDP ประเทศ รวมถึงการฟื้นตัวที่ช้ากว่าที่คาดการณ์ และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว ล้วนเป็นปัจจัยกดดันที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคชาวไทยโดยตรง ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในตลาดกลาง-ล่าง ต่างประสบปัญหายอดขายตกต่ำ โครงการบ้านจัดสรรจำนวนมากต้องชะลอการลงทุน หรือแม้กระทั่งเผชิญกับภาวะซบเซา ความต้องการซื้อจากคนในประเทศลดลงอย่างเห็นได้ชัด และนี่คือจุดที่ผมมองเห็นโอกาสอันยิ่งใหญ่

ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ของโลก ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยว ผู้พำนักระยะยาว กลุ่มผู้เกษียณอายุ หรือแม้แต่นักลงทุนที่กำลังมองหาบ้านหลังที่สอง (Second Home) ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีเยี่ยมและต้นทุนที่สมเหตุสมผล การที่ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลกสำหรับชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มวัยเกษียณ สะท้อนให้เห็นถึงเสน่ห์ที่แข็งแกร่งของเรา อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดทางกฎหมายปัจจุบันที่ไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยโดยตรง (นอกเหนือจากกรณีการลงทุนขนาดใหญ่ตามเงื่อนไขที่ซับซ้อน) ได้กลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการไหลเข้าของเงินลงทุนมหาศาล

ในมุมมองของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ การเปิดทางให้ต่างชาติซื้อบ้านจัดสรรได้อย่างถูกต้อง จะเป็นการฉีดเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยตรง ไม่ใช่เพียงแค่การกระตุ้นยอดขายอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างวงจรเศรษฐกิจหมุนเวียนที่จะส่งผลดีต่อภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ธุรกิจก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ การออกแบบ บริการจัดการอสังหาริมทรัพย์ การท่องเที่ยว และธุรกิจค้าปลีกต่างๆ การตัดสินใจที่เด็ดขาดในเรื่องนี้จะช่วยพลิกฟื้นตลาดอสังหาริมทรัพย์และเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ GDP ของประเทศผงกหัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

เจาะลึกข้อเสนอภาคตะวันออก: ก้าวสำคัญสู่การปลดล็อกศักยภาพ

ข้อเสนอในการแก้ไขกฎหมายที่ผลักดันโดยผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันออก โดยเฉพาะจากจังหวัดชลบุรีและระยอง ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ภายใต้โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) สะท้อนถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงสภาพตลาดและความต้องการที่แท้จริง การรวมตัวของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในวงการ ไม่ว่าจะเป็นนายมีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ อดีตนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย, นายวัฒนพล ผลชีวิน นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดชลบุรี และนายณัฐนนท ศรีสมบูรณ์ ผู้ประกอบการในพื้นที่ รวมถึงนายชนินทร์ วานิชวงศ์ จากส่วนกลางที่เข้ามาลงทุนในพื้นที่ ชลบุรี ได้ตอกย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้

ข้อเสนอหลักที่น่าสนใจคือการนำรูปแบบการถือกรรมสิทธิ์เช่นเดียวกับคอนโดมิเนียมมาปรับใช้ นั่นคือการให้สิทธิ์ต่างชาติซื้อบ้านจัดสรรได้ไม่เกิน 49% ของพื้นที่รวมของโครงการ หรือในบางกรณีอาจพิจารณาที่จำนวนยูนิต เช่น 5-10% ของจำนวนบ้านทั้งหมดในโครงการ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สามารถควบคุมและบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีการเสนอเงื่อนไขที่ดินไม่เกิน 100 ตารางวา และกำหนดระยะเวลาในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ภายใน 3-5 ปี เพื่อประเมินผลตอบรับและผลกระทบอย่างรอบด้านก่อนขยายผล

สิ่งที่ผมมองว่าเป็นประเด็นเร่งด่วนที่สุดที่ข้อเสนอนี้จะเข้ามาแก้ไขได้อย่างเป็นรูปธรรมคือ “ปัญหานอมินี” ที่เป็นที่รู้กันในวงการว่ามีการใช้กันอย่างแพร่หลาย การที่ชาวต่างชาติที่ต้องการมีบ้านในประเทศไทยต้องอาศัยคู่สมรสคนไทย หรือใช้บริษัทนอมินีในการซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้น ไม่เพียงแต่มีความเสี่ยงทางกฎหมายที่สูงสำหรับทุกฝ่าย แต่ยังทำให้รัฐไม่สามารถเก็บภาษีได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และบิดเบือนข้อมูลการลงทุนที่แท้จริง การทำให้เรื่องนี้ “ขึ้นมาบนดิน” ผ่านการแก้ไขกฎหมาย จะเป็นการสร้างความโปร่งใส ความเชื่อมั่น และผลประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศชาติ และนักลงทุนต่างชาติจะได้รู้สึกมั่นคงในการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไทย

ในพื้นที่อย่างพัทยา ชลบุรี และระยอง ซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่สำคัญของภาคตะวันออก ความต้องการบ้านจัดสรรจากชาวต่างชาติมีสูงมาก โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการที่พักอาศัยระยะยาว หรือบ้านพักตากอากาศคุณภาพสูง การปลดล็อกข้อจำกัดนี้จะทำให้โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคนี้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดต่างประเทศได้อย่างเต็มที่ และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการพัฒนาในพื้นที่ EEC ที่ต้องการการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อเติบโตตามเป้าหมาย

ผลกระทบทางเศรษฐกิจ: พลิกฟื้น GDP และสร้างความมั่งคั่ง

ลองจินตนาการถึงสถานการณ์ที่ประเทศไทยสามารถขายบ้านจัดสรรสำหรับชาวต่างชาติได้เพียง 100,000 หลัง ในราคาเฉลี่ย 5-10 ล้านบาทต่อหลัง นั่นหมายถึงเงินลงทุนมหาศาลถึง 500,000 ล้านบาท ถึง 1 ล้านล้านบาท ที่จะไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยโดยตรง นี่คือเม็ดเงินที่จะสร้างแรงกระเพื่อมเชิงบวกอย่างมหาศาลต่อ GDP ของประเทศ และเป็นสิ่งที่นักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญอย่างผมเชื่อมั่นว่าเป็นจริงได้

การไหลเข้าของเงินลงทุนจากต่างประเทศในภาคอสังหาริมทรัพย์จะก่อให้เกิด “ผลทวีคูณ” (Multiplier Effect) ที่กว้างขวางและลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่เฉพาะการซื้อบ้าน แต่ยังรวมถึง:
การจ้างงาน: การสร้างบ้านจัดสรรจำนวนมากจะสร้างงานในภาคก่อสร้าง แรงงานฝีมือ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
อุตสาหกรรมต่อเนื่อง: ความต้องการวัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะเพิ่มขึ้น
บริการ: ความต้องการบริการจัดการอสังหาริมทรัพย์ การบำรุงรักษา บริการทำความสะอาด และการรักษาความปลอดภัยจะสูงขึ้น
ภาคการท่องเที่ยวและบริการ: ชาวต่างชาติที่มาพำนักในประเทศไทยจะใช้จ่ายในภาคการท่องเที่ยว ร้านอาหาร สปา โรงเรียนนานาชาติ และบริการสุขภาพ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนธุรกิจในท้องถิ่น
การจัดเก็บภาษี: การซื้อขายที่ถูกต้องตามกฎหมายจะทำให้รัฐสามารถจัดเก็บภาษีการโอน ภาษีโรงเรือน และภาษีอื่นๆ ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ซึ่งจะนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศ

นอกจากนี้ การอนุญาตให้ต่างชาติซื้อบ้านจัดสรรยังเป็นการดึงดูดกลุ่มนักลงทุนที่มีศักยภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อผลตอบแทนสูง กลุ่มดิจิทัลโนแมดที่มองหาบ้านในต่างประเทศสำหรับการทำงานระยะไกล หรือกลุ่มผู้เกษียณอายุที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งบุคคลเหล่านี้มักจะนำเงินลงทุนและกำลังซื้อจำนวนมากมาสู่ประเทศ การวางแผนภาษีอสังหาริมทรัพย์สำหรับชาวต่างชาติที่ชัดเจนและเป็นธรรม จะยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก

บทเรียนจากอดีตและแนวทางในอนาคต: การสร้างกลไกที่ยั่งยืน

เราได้เห็นความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการดึงดูดชาวต่างชาติมาแล้วหลายครั้ง เช่น การประกาศให้ชาวต่างชาติที่ลงทุนในประเทศไทยเกิน 40 ล้านบาท สามารถถือครองอสังหาริมทรัพย์ได้ไม่เกิน 1 ไร่ อย่างไรก็ตาม การโฟกัสเฉพาะการลงทุนขนาดใหญ่ หรือการจำกัดพื้นที่แบบ Sandbox อาจไม่ใช่แนวทางที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างได้อย่างแท้จริง

จากประสบการณ์ของผม การแก้ไขกฎหมายให้ต่างชาติซื้อบ้านจัดสรรควรจะดำเนินการอย่างรอบคอบและมีโครงสร้างที่ชัดเจน โดย:
การจัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ: ควรสานต่อข้อเสนอในการตั้งคณะกรรมการที่ประกอบด้วยตัวแทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม รวมถึงผู้ที่ไม่เห็นด้วย เพื่อเปิดเวทีปรึกษาหารืออย่างเปิดอก และหาข้อกำหนด ข้อระเบียบ และวิธีการที่เหมาะสมและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
เงื่อนไขที่ชัดเจนและควบคุมได้: การเริ่มต้นด้วยการจำกัดสัดส่วนการถือครอง เช่น 49% ของมูลค่าหรือจำนวนยูนิตในโครงการ หรือการกำหนดขนาดที่ดิน (เช่น 100 ตารางวา) เป็นการเริ่มต้นที่ดีและช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่าจะไม่มีผลกระทบต่อราคาที่ดินในภาพรวม หรือการเก็งกำไรที่รุนแรง นอกจากนี้ยังควรจำกัดประเภทของอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นบ้านจัดสรรเพื่อการอยู่อาศัยเท่านั้น ไม่รวมที่ดินเปล่า หรืออสังหาริมทรัพย์เพื่อการเกษตร
การกระจายโอกาส: แทนที่จะจำกัดการซื้อขายเฉพาะในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง เช่น EEC เพียงอย่างเดียว ควรพิจารณาการกระจายโอกาสไปยังจังหวัดอื่นๆ ที่มีศักยภาพและต้องการการลงทุน เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ หรือหัวหิน ซึ่งจะช่วยกระจายรายได้และลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ

การเปรียบเทียบกับโมเดลในต่างประเทศที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้นั้นแสดงให้เห็นว่า การมีกฎหมายที่ชัดเจนและควบคุมได้ จะนำมาซึ่งประโยชน์ทางเศรษฐกิจมหาศาล ยิ่งกฎหมายมีความโปร่งใสเท่าไร นักลงทุนต่างชาติก็จะยิ่งมีความมั่นใจในการลงทุนในประเทศไทยมากขึ้นเท่านั้น ปัญหาการเช่าระยะยาว (Leasehold) เพียง 30 ปี ซึ่งเป็นข้อจำกัดที่ทำให้ชาวต่างชาติไม่รู้สึกมั่นคงในการลงทุนระยะยาว จะถูกแก้ไขด้วยการอนุญาตให้ถือกรรมสิทธิ์ได้อย่างแท้จริง ซึ่งจะเป็นการยกระดับความน่าสนใจของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยไปอีกขั้น

โอกาสสำหรับนักลงทุนและผู้ประกอบการ: ทิศทางตลาดอสังหาฯ ไทย 2025+

หากการแก้ไขกฎหมายนี้เกิดขึ้นจริง มันจะเปิดประตูบานใหม่ให้กับทั้งนักลงทุนต่างชาติและผู้ประกอบการในประเทศ นี่คือโอกาสลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไทย 2025+ ที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง:
ตลาดพรีเมียมและลักซ์ชัวรี: ความต้องการบ้านพักตากอากาศหรู และอสังหาริมทรัพย์พรีเมียมจากกลุ่มนักลงทุนและผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อสูงจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์การมองหาที่อยู่อาศัยที่มอบประสบการณ์และคุณภาพชีวิตที่เหนือกว่า
นวัตกรรมและการพัฒนาที่ยั่งยืน: ผู้ประกอบการจะถูกกระตุ้นให้พัฒนานวัตกรรมในโครงการบ้านจัดสรรมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Smart Home, Eco-friendly Home หรือโครงการที่เน้น Wellness & Health Living เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของชาวต่างชาติ
การลงทุนในทำเลทอง: นอกจากภาคตะวันออกแล้ว ทำเลทองอื่นๆ เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต และ เชียงใหม่ ก็จะมีโอกาสในการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรคุณภาพสูงเพื่อรองรับตลาดนี้เช่นกัน
บริการเสริมครบวงจร: ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบริการจัดการอสังหาริมทรัพย์ บริการให้คำปรึกษาด้านการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ และการวางแผนภาษีอสังหาริมทรัพย์สำหรับชาวต่างชาติ จะเป็นที่ต้องการอย่างมาก

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่านี่คือจังหวะเวลาที่เหมาะสมที่สุด การที่เราต้องเผชิญกับกำลังซื้อภายในประเทศที่อ่อนแอ ทำให้เราต้องหันมามองหาแหล่งรายได้ใหม่จากภายนอก และการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศผ่านการเปิดทางให้ต่างชาติซื้อบ้านจัดสรรได้อย่างถูกกฎหมาย คือหนทางที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพที่สุดในการกอบกู้และยกระดับภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย

ผมขอเชิญชวนทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน มาร่วมกันพิจารณาข้อเสนอเชิงรุกนี้อย่างเปิดใจ เพื่ออนาคตที่สดใสของเศรษฐกิจไทย การตัดสินใจที่กล้าหาญในวันนี้ จะสร้างโอกาสและความมั่งคั่งให้ประเทศของเราอย่างยั่งยืนในวันข้างหน้า หากคุณคือผู้ที่กำลังมองหาโอกาสในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน หรือต้องการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกลยุทธ์การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย โปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อปรึกษาแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับคุณ เพราะโอกาสทองนี้รออยู่แล้ว และประเทศไทยพร้อมที่จะต้อนรับนักลงทุนจากทั่วโลกด้วยความมั่นใจและกฎหมายที่โปร่งใส.

Previous Post

D2512100 เอาต งฝากก บคนพ การ(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post

D2512091 แม เจ าบ าว เอาช ดเจ าสาวมาเผาทำไม(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post
D2512091 แม เจ าบ าว เอาช ดเจ าสาวมาเผาทำไม(ละครส น) หน งส นด BSC part2

D2512091 แม เจ าบ าว เอาช ดเจ าสาวมาเผาทำไม(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D2512126 งขอทานสกปรกกล ามาก นเค กฉ (ละครส น) หน งส นด BSC part2
  • D2512125 คะ วยหน วย (ละครส น) หน งส นด BSC part2
  • D2512124 กต วตอนน สายไปแล ว(ละครส น) หน งส นด BSC part2
  • D2512123 ใหญ กว าเจ าของร านก นน แหล ะ(ละครส น) หน งส นด BSC part2
  • D2512127 ดเจอรากไม เป นทองคำ(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.