พลิกวิกฤตเป็นโอกาส: เชียงแสนในยุคทองของเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำคิงส์โรมัน (ปี 2025)
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในแวดวงการพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนและการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคนี้มากว่าทศวรรษ ผมได้เฝ้าจับตามองการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของสามเหลี่ยมทองคำมาอย่างใกล้ชิด และสิ่งที่ปรากฏขึ้น ณ ฝั่งตรงข้ามอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย คือปรากฏการณ์ที่ไม่อาจมองข้ามได้ นั่นคือการผงาดขึ้นของ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ หรือที่รู้จักกันในนาม “คิงส์โรมัน” (Kings Roman) ดินแดนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพียงป่ารกทึบของเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว วันนี้ได้กลายสภาพเป็นมหานครแห่งการลงทุนและศูนย์กลางความบันเทิงระดับโลก ที่มีพลวัตการเติบโตราวกับถูกเร่งเครื่องด้วยพลังแห่งยุคดิจิทัล และกำลังจะก้าวเข้าสู่มิติใหม่ในปี 2025
การลงทุนมหาศาลภายใต้การนำของกลุ่มดอกงิ้วคำ โดยเจ้าเหว่ย ผู้พลิกโฉมพื้นที่กว่า 63,750 ไร่ ด้วยสัญญาเช่าระยะยาว 99 ปีจากรัฐบาล สปป.ลาว ได้สร้างอาณาจักรที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้า โรงแรมหรู กาสิโน สนามกอล์ฟ และโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย สัญญาณเหล่านี้มิได้เป็นเพียงการพัฒนาบนแผนที่ แต่เป็นการสะท้อนวิสัยทัศน์ที่ต้องการสร้างศูนย์กลางเศรษฐกิจที่ครบวงจร ตั้งแต่การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมียม การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์บนแม่น้ำโขง การพัฒนาเกษตรแปรรูปสมัยใหม่ ไปจนถึงการเป็นหมุดหมายของธุรกิจบริการและสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนมีมูลค่าการลงทุนหลักแสนล้านบาท และกำลังส่งแรงกระเพื่อบไปทั่วภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่ออำเภอเชียงแสนที่ตั้งอยู่ประจันหน้า
คิงส์โรมัน: ศูนย์กลางการลงทุนและการใช้ชีวิตแห่งใหม่
เมื่อมองจากฝั่งเชียงแสน ภาพของ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำคิงส์โรมัน ในยามค่ำคืนนั้นราวกับเมืองในฝันที่เจิดจรัสด้วยแสงสี ตึกสูงระฟ้าเรียงรายริมฝั่งแม่น้ำโขง ทั้งอาคารชุด คอนโดมิเนียม และโรงแรมหรูนับสิบแห่งที่ผุดขึ้นอย่างรวดเร็ว บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุนจากจีน ที่มองเห็นศักยภาพของพื้นที่นี้ในการเป็นศูนย์กลางสำหรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากทั่วโลก ภายในตัวเมือง คิงส์โรมัน มีทุกสิ่งที่รองรับการใช้ชีวิตและการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว บ่อนกาสิโนที่ดึงดูดนักเสี่ยงโชคจากนานาชาติ คอนโดมิเนียมและอาคารชุดเพื่อการอยู่อาศัยที่ทันสมัย สำนักงานบริษัทห้างร้าน ภัตตาคารหรู ร้านอาหารหลากหลายสัญชาติ สถานบันเทิงยามค่ำคืน ตลาดปลอดภาษี (ดอนซาว) ไชน่าทาวน์ที่คึกคัก โรงเรียนนานาชาติ วัดจีน สวนสาธารณะ สนามกอล์ฟ และที่สำคัญที่สุดคือท่าอากาศยานนานาชาติบ่อแก้วที่เพิ่งเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการ
ปัจจุบัน เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ แห่งนี้มีประชากรทั้งภายในและต่างประเทศอาศัยอยู่รวมกันประมาณ 60,000 คน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด่านตรวจคนเข้าเมืองของ สปป.ลาว รายงานตัวเลขผู้เดินทางเข้า-ออกที่สูงถึง 278,231 คนจาก 85 สัญชาติ ในช่วงปี 2565-2566 สะท้อนถึงการเป็นศูนย์กลางการคมนาคมและการค้าที่สำคัญ ผู้ที่เข้ามาส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจชาวจีน รวมถึงแรงงานชาวเมียนมาที่เข้ามาทำงานในภาคก่อสร้าง ส่วนชาวลาวส่วนใหญ่เข้ามาทำงานด้านบริการและไกด์นำเที่ยว สิ่งนี้ตอกย้ำภาพของการเป็น “มณฑลแห่งหนึ่งของจีน” ที่ตั้งอยู่บนชายแดนไทย-ลาวอย่างแท้จริง
โครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตขั้นสูงสุด
การเติบโตของ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำคิงส์โรมัน ไม่ได้มาจากเพียงแค่การลงทุนในอาคารสถานที่ แต่เป็นการวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งและครบวงจร ซึ่งจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวของภูมิภาค
ท่าอากาศยานนานาชาติบ่อแก้ว (Bokeo International Airport): ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 225 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 ถือเป็นสนามบินขนาดใหญ่อันดับ 3 ของ สปป.ลาว รองรับเครื่องบินขนาดไม่เกิน 200 ที่นั่งได้อย่างสบาย การมีสนามบินแห่งนี้ช่วยเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์และนักธุรกิจจากทั่วโลกโดยตรง ทำให้การเข้าถึง คิงส์โรมัน สะดวกสบายและรวดเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสในการพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริการเช่าเหมาลำส่วนตัว (Private Jet Charter services) ที่จะรองรับความต้องการของกลุ่มนักลงทุนและนักท่องเที่ยวระดับวีไอพี
ท่าเรือแม่น้ำโขงและการเชื่อมโยงโลจิสติกส์: การลงทุนก่อสร้างท่าเรือแห่งใหม่ รวมถึงท่าเรือท่องเที่ยวเกาะดอนซาว ซึ่งมีเป้าหมายรองรับผู้โดยสารรวม 600,000 คนต่อปี และท่าเรือน้ำลึกริมแม่น้ำโขงที่รองรับเรือขนาด 500 ตัน หรือ 10,000 ตันสินค้าต่อปี บ่งชี้ถึงวิสัยทัศน์ที่ต้องการให้ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์สำคัญบนแม่น้ำโขง โครงการเดินเรือสำราญในแม่น้ำโขงที่เชื่อมโยงระหว่างจีน ลาว เมียนมา และไทย ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในปีนี้ จะยิ่งเสริมศักยภาพด้านการท่องเที่ยวทางน้ำและธุรกิจบริการโลจิสติกส์ครบวงจรให้คึกคักยิ่งขึ้น
อสังหาริมทรัพย์และธุรกิจบริการ: การลงทุนในโครงการตลาดน้ำมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ที่เนรมิตบรรยากาศคล้ายมาเก๊า พร้อมโรงแรม คาเฟ่ และสถานบันเทิง เป็นการตอกย้ำการเป็นศูนย์รวมความบันเทิงและแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ นอกจากนี้ สนามกอล์ฟภูกิ่วลม 36 หลุม ที่มีโรงแรมและที่พักมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ก็พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบกีฬากอล์ฟจากอาเซียนและทั่วโลก
การพัฒนาเกษตรกรรมสมัยใหม่: การเร่งถางดอยเพื่อปลูกทุเรียนรองรับความต้องการของตลาดจีนที่เพิ่มขึ้น ถือเป็นยุทธศาสตร์ที่ชาญฉลาดในการสร้างห่วงโซ่อุปทานอาหารให้แก่ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ และส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศในอนาคต ซึ่งรวมถึงพื้นที่ปศุสัตว์และพืชผลทางการเกษตรอื่นๆ ที่ช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหารและโอกาสในการลงทุนเกษตรแปรรูป
เชียงแสน: จุดเปลี่ยนจาก “เมืองผ่าน” สู่ “เมืองท่าและประตูเศรษฐกิจ”
จากประสบการณ์ของผม อำเภอเชียงแสนในปัจจุบันยังคงรับบทบาทเป็นเพียง “เมืองผ่าน” สำหรับนักท่องเที่ยวคนไทยและนักลงทุนที่จะเดินทางข้ามไปยัง เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำคิงส์โรมัน แม้จะอยู่ประจันหน้า แต่ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจโดยตรงที่เชียงแสนได้รับยังอยู่ในวงจำกัด ผู้ประกอบการรถรับจ้างและเรือข้ามฟากเป็นกลุ่มหลักที่ได้อานิสงส์นี้
ทว่า นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่เชียงแสนต้องพลิกกระบวนทัศน์ จากแค่เป็นจุดผ่าน ต้องเปลี่ยนเป็นศูนย์กลางที่สามารถดึงดูดและรักษาเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวและนักลงทุนไว้ให้ได้มากที่สุด ในปี 2025 และปีต่อๆ ไป ทิศทางการพัฒนาของเชียงแสนต้องเริ่มจากการมองภาพรวมให้ขาด และกำหนดบทบาทใหม่ที่ชัดเจน
สร้างจุดแข็งที่ไม่ใช่แค่วิว: แม้การมีร้านอาหารและโรงแรมใหม่ๆ ริมแม่น้ำโขงที่อาศัยจุดชมวิวแสงสีของคิงส์โรมันฝั่งตรงข้ามจะเป็นก้าวแรกที่ดี แต่เชียงแสนต้องมีมากกว่านั้น ผมมองว่าเชียงแสนมีศักยภาพในการเป็น “Wellness City” หรือเมืองแห่งการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ด้วยจุดเด่นด้านภูมิประเทศ วัฒนธรรม และอากาศที่ดี สามารถพัฒนาบริการสปาพรีเมียม ศูนย์สุขภาพธรรมชาติ หรือแม้กระทั่งการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) ที่สามารถเป็นส่วนเสริมและดึงนักท่องเที่ยวจากคิงส์โรมันให้มาพักค้างคืนและใช้จ่ายเพิ่มเติมในฝั่งไทย
ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของตนเอง: การที่ค่าเช่าที่ดินริมแม่น้ำโขงฝั่งเชียงแสนพุ่งสูงถึง 100,000 บาทต่อเดือน (สำหรับพื้นที่ขนาด 25 เมตร x ลึกถึงริมแม่น้ำ) สะท้อนถึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ แต่การพัฒนาภาคเอกชนเป็นไปได้ค่อนข้างช้าเนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณ รัฐบาลไทยจำเป็นต้องเข้ามามีบทบาทในการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ อาทิ การพิจารณาสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่เชื่อมกับเชียงแสน ซึ่งต้องศึกษาอย่างรอบคอบทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง และผลประโยชน์ที่เชียงแสนจะได้รับอย่างแท้จริง รวมถึงการพัฒนาสถานบันเทิงครบวงจร (Integrated Entertainment Complex) ที่ถูกเสนอมาโดยหอการค้าจังหวัดเชียงราย ก็เป็นแนวคิดที่น่าสนใจหากดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมายที่ชัดเจน เพื่อสร้างแม่เหล็กดึงดูดการลงทุนและความบันเทิงให้เกิดขึ้นในฝั่งไทย
ยกระดับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์: เชียงแสนเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีโบราณสถานและวัฒนธรรมที่งดงาม ควรผลักดันให้เป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สามารถเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวสมัยใหม่ของคิงส์โรมัน นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยว เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ อาจต้องการสัมผัสกับเสน่ห์ดั้งเดิมและวิถีชีวิตแบบไทยๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่คิงส์โรมันไม่มี
การพัฒนาบุคลากรและธุรกิจบริการคุณภาพสูง: เพื่อรองรับการไหลเวียนของนักท่องเที่ยวและนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น เชียงแสนจำเป็นต้องพัฒนาทักษะบุคลากรในภาคบริการ ทั้งไกด์นำเที่ยว พนักงานโรงแรม ร้านอาหาร ที่มีความรู้ความเข้าใจในภาษาจีนและภาษาอังกฤษ สามารถให้บริการได้ตามมาตรฐานสากล การส่งเสริมผู้ประกอบการท้องถิ่นให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนและความรู้เพื่อยกระดับธุรกิจให้มีคุณภาพและมีความหลากหลาย ถือเป็นหัวใจสำคัญ
การเชื่อมโยงกับระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ (NEC): แผนยุทธศาสตร์ระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ ที่ครอบคลุมเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และเชียงราย ต้องมองเชียงรายและเชียงแสนเป็นประตูเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจจีนขนาดใหญ่ผ่าน เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ และถนน R3A การวางยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในการดึงเม็ดเงินลงทุนและหมุนเวียนเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคเหนืออย่างเป็นรูปธรรม จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ การผนวกเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะ Digital Transformation ในธุรกิจท่องเที่ยวและโลจิสติกส์ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
ความท้าทายและโอกาสในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ
ในฐานะที่ผมอยู่ในแวดวงนี้มานาน ผมเห็นทั้งโอกาสอันมหาศาลและความท้าทายที่ซับซ้อน การที่ คิงส์โรมัน เติบโตอย่างก้าวกระโดด ทำให้เชียงแสนต้องเร่งปรับตัวอย่างไม่เคยมีมาก่อน
การแข่งขันและความร่วมมือ: คิงส์โรมันเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งในด้านการท่องเที่ยวและบริการ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งที่มาของนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง หากเชียงแสนสามารถสร้างบริการที่เสริมและเติมเต็มกันได้ เช่น การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ หรือแม้กระทั่งการเป็นฐานสำหรับกิจกรรมเชิงธุรกิจที่ส่งเสริมการค้าชายแดน ก็จะสามารถสร้างรายได้ร่วมกันได้
การบริหารจัดการชายแดนและการลงทุน: การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีน ต้องมาพร้อมกับการบริหารจัดการความสัมพันธ์ชายแดนอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการท่องเที่ยว การสร้างความมั่นใจในด้านกฎหมายและระเบียบปฏิบัติ จะเป็นสิ่งสำคัญ
การพัฒนาอย่างยั่งยืน: ท่ามกลางการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งสองฝั่งจำเป็นต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม การพัฒนาที่ยั่งยืน การรักษาสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรม จะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จในระยะยาว
มองไปข้างหน้าถึงปี 2025 และเกินกว่านั้น
ผมเชื่อว่าศักยภาพของ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำคิงส์โรมัน ยังคงมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และบทบาทของเชียงแสนจะมิใช่เพียง “เมืองผ่าน” อีกต่อไป หากประเทศไทย โดยเฉพาะภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในจังหวัดเชียงราย สามารถวางยุทธศาสตร์ที่เฉียบคมและลงมือทำอย่างจริงจัง เราจะสามารถพลิกวิกฤตความท้าทายนี้ให้เป็นโอกาสทองในการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น เชื่อมโยงกับห่วงโซ่มูลค่าระดับภูมิภาค และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน การบูรณาการระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม จะเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดในการก้าวข้ามผ่านบททดสอบนี้
ในอนาคตอันใกล้ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ จะยังคงเป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุนและนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นโอกาสที่เชียงแสนจะต้องไขว่คว้าให้ได้ มิใช่แค่หวังผลจาก “แสงสี” ฝั่งตรงข้าม แต่ต้องสร้าง “มูลค่า” ของตัวเองให้โดดเด่นและเป็นที่ต้องการของตลาดโลก
หากองค์กรของคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยวางแผนกลยุทธ์การลงทุน หรือต้องการคำปรึกษาเชิงลึกด้านการพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนในภูมิภาคนี้ เพื่อคว้าโอกาสจากพลวัตการเติบโตของ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำคิงส์โรมัน และยกระดับศักยภาพของเชียงแสน โปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อเราเพื่อหารือแนวทางร่วมกัน เราพร้อมแบ่งปันประสบการณ์และข้อมูลเชิงลึก เพื่อนำพาธุรกิจของคุณสู่ความสำเร็จในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้

