พลิกวิกฤตเป็นโอกาส: ถอดรหัส 8 กลยุทธ์สุดล้ำ ‘แสนสิริ’ ผู้นำอสังหาฯ กับการลงทุนคอนโดมิเนียมมูลค่า 2.6 หมื่นล้านบาท เพื่อพิชิตตลาดปี 2568
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยมากว่าทศวรรษ ผมได้เฝ้าติดตามและวิเคราะห์พลวัตของตลาดมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ความท้าทายทางเศรษฐกิจผันผวน การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่จึงเป็นเสมือนเข็มทิศชี้วัดทิศทางของอุตสาหกรรม และในปี 2567-2568 นี้ ไม่มีใครโดดเด่นไปกว่า “แสนสิริ” ที่ได้ประกาศแผนการลงทุนคอนโดมิเนียมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยเม็ดเงินมหาศาลกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท เพื่อรังสรรค์ 20 โครงการใหม่ทั่วประเทศ สะท้อนวิสัยทัศน์ที่ไม่ธรรมดาและกลยุทธ์อันแข็งแกร่งในการฝ่ามรสุมเศรษฐกิจ นี่ไม่ใช่เพียงแค่การขยับตัวตามกระแส แต่เป็นการขับเคลื่อนตลาดด้วยนวัตกรรมและความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
แสนสิริ กับบทพิสูจน์ความเป็นผู้นำในภาวะตลาดผันผวน
ขณะที่หลายภาคส่วนยังคงต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและกำลังซื้อที่จำกัด “แสนสิริ” กลับแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินลงทุนที่สูงที่สุดในบรรดาผู้ประกอบการรายใหญ่ โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาและตอกย้ำตำแหน่งผู้นำในตลาดคอนโดมิเนียม การประกาศเดินหน้าด้วยโครงการใหม่ถึง 20 แห่ง มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาทนั้น ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขที่น่าสนใจ แต่เป็นการสะท้อนถึงบทเรียนและประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอด 40 ปีของการดำเนินธุรกิจ องค์กรที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจมาหลายครั้ง ย่อมมี “ภูมิคุ้มกัน” และ “ความเชี่ยวชาญ” ในการประเมินสถานการณ์และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงเวลา นี่คือจุดแข็งที่ทำให้แสนสิริสามารถ “โตสวนกระแส” และสร้างโอกาสจากความท้าทายที่ผู้อื่นมองว่าเป็นอุปสรรค
พอร์ตโฟลิโอคอนโดมิเนียมของแสนสิริที่พัฒนามาแล้วเกือบ 200 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 290,000 ล้านบาท พร้อมกับการส่งมอบห้องชุดไปแล้วกว่า 81,000 ยูนิต และมีแบรนด์คอนโดมิเนียมที่หลากหลายถึง 20 แบรนด์ ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์และทุกโปรดักต์แนวสูง ถือเป็นฐานที่มั่นที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ในปีนี้ แสนสิริตั้งเป้ายอดขายคอนโดมิเนียมไว้ที่ 21,000 ล้านบาท และเป้ารับรู้รายได้ 13,000 ล้านบาท ซึ่งจากข้อมูลและกลยุทธ์ที่วางไว้ ผมมองว่าตัวเลขเหล่านี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะบรรลุเป้าหมายที่วางไว้
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เสริมสร้างความมั่นใจในการลงทุนครั้งใหญ่ของแสนสิริ คือความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับพันธมิตรทางธุรกิจเชิงกลยุทธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้รับเหมาก่อสร้างชั้นนำ ทั้งที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และผู้รับเหมาที่มีประวัติร่วมงานกับแสนสิริมานานนับสิบปี ความร่วมมือดังกล่าวไม่เพียงแต่ช่วยให้โครงการต่างๆ เป็นไปตามแผนงานและมาตรฐานคุณภาพที่สูง แต่ยังเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการส่งมอบคอนโดมิเนียมคุณภาพเยี่ยมให้แก่ลูกค้า
ถอดรหัส 8 กลยุทธ์พิชิตตลาดคอนโดมิเนียมของแสนสิริในปี 2568
การที่แสนสิริกล้าเดินหน้าลงทุนอย่างเต็มกำลังท่ามกลางภาวะตลาดที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ย่อมมีเบื้องหลังที่มาที่ไปที่น่าสนใจยิ่ง โดยหัวใจสำคัญคือ 8 กลยุทธ์อันเป็นผลึกทางความคิดและประสบการณ์ที่แสนสิริสั่งสมมาตลอด 40 ปี ซึ่งผมจะเจาะลึกในแต่ละข้อพร้อมมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ:
สานต่อความสำเร็จในตลาดซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ (Super Luxury):
ตลาดคอนโดมิเนียมหรูหราพิเศษยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ในภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย นี่คือเซ็กเมนต์ที่มีกำลังซื้อสูงจากกลุ่ม UHNWI (Ultra High Net Worth Individuals) และกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่มองหาอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ เพื่อการลงทุนหรือเป็นบ้านหลังที่สอง แสนสิริตอกย้ำความเป็นผู้นำด้วยโครงการระดับ Talk of the Town บนทำเลชิดลม ซึ่งแม้จะยังไม่เปิดพรีเซลและอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา แต่กลับได้รับการจองซื้อเพนต์เฮาส์ยูนิตพิเศษที่มีฟังก์ชันสระว่ายน้ำส่วนตัว มูลค่าเกือบ 500 ล้านบาท โดยลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ นี่คือบทพิสูจน์ถึงความเชื่อมั่นในแบรนด์แสนสิริอย่างแท้จริง สะท้อนว่าคุณค่าของแบรนด์และคุณภาพที่ได้รับจากประสบการณ์ในอดีตสำคัญกว่าการได้เห็นห้องตัวอย่างเสียอีก การลงทุนในกลุ่มนี้เป็นการสร้างแบรนด์รอยัลตี้และการันตีผลตอบแทนการลงทุนระยะยาว
ขยายอาณาจักรคอนโดมิเนียมสู่หัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว (Provincial Expansion):
การกระจายความเสี่ยงและคว้าโอกาสในต่างจังหวัดเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด แสนสิริเล็งเห็นศักยภาพของหัวเมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยว จึงเตรียมเปิด 9 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 11,800 ล้านบาท ในจังหวัดสำคัญ อาทิ ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา หัวหิน พื้นที่ EEC (ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา) และขอนแก่น การขยายตัวนี้สอดรับกับเทรนด์การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว การเติบโตของภาคการค้าและอุตสาหกรรม ตลอดจนกำลังซื้อของคนท้องถิ่นที่เพิ่มขึ้น โครงการไฮไลต์อย่าง “Canvas เชิงทะเล” มูลค่า 1,600 ล้านบาท ในภูเก็ต ซึ่งถือเป็น New CBD ของจังหวัด ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับดีมานด์จากลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะชาวยุโรปที่นิยมการพักระยะยาว (Long-Stay) ซึ่งสร้างรายได้ต่อเนื่องให้แก่ผู้ประกอบการและนักลงทุนระยะยาว
ปักหมุดทำเลทองใจกลางกรุงเทพฯ ด้วยแบรนด์ “Via” (Prime Bangkok Locations):
ที่ดินเปล่าในทำเลใจกลางเมืองกรุงเทพฯ โดยเฉพาะย่านสุขุมวิท แทบจะหาไม่ได้แล้ว การที่แสนสิริสามารถหาที่ดินและพัฒนาคอนโดมิเนียมในทำเลเหล่านี้ได้ จึงเป็นแต้มต่อที่สำคัญ แสนสิริเปิดตัว 3 โครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ “Via” บนทำเลสุขุมวิท 34, สุขุมวิท 61 และสุขุมวิท 36 ตรงข้ามซอยทองหล่อ มูลค่ารวม 2,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นทำเลที่เต็มไปด้วยดีมานด์แต่ไม่มีซัพพลายใหม่เข้ามาเติมเต็มมานาน คอนโดมิเนียมในย่านเหล่านี้มีศักยภาพในการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Capital Gain) ได้อย่างมหาศาล และเป็นที่ต้องการของนักลงทุนคอนโดให้เช่า รวมถึงผู้อยู่อาศัยที่ต้องการความสะดวกสบายในการเดินทางและไลฟ์สไตล์แบบ Urban Living
บุกตลาดคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ (Pets Welcome Condo):
กระแส Pet Parent หรือการดูแลสัตว์เลี้ยงประดุจสมาชิกในครอบครัว กำลังเป็นเมกะเทรนด์ที่สำคัญ แสนสิริเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกตลาดนี้และประสบความสำเร็จอย่างงดงามจากหลายโครงการก่อนหน้า เช่น The Standard หัวหิน, Mekin House เชียงใหม่ การเปิดตัว “พินน์ ศูนย์วิจัย” ใกล้โรงพยาบาลกรุงเทพฯ มูลค่า 260 ล้านบาท จึงเป็นการตอกย้ำความเข้าใจในความต้องการเฉพาะกลุ่มนี้ โครงการนี้เน้นห้องชุดขนาดใหญ่และจำนวนยูนิตที่ไม่มาก เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยและสัตว์เลี้ยงมีพื้นที่ใช้สอยที่เพียงพอ พร้อมการดีไซน์ที่รองรับการใช้ชีวิตร่วมกับสัตว์เลี้ยงได้อย่างครบฟังก์ชัน นี่คือตลาด Niche Market ที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มเติบโตสูงในอนาคต
พลิกโฉมแบรนด์ “เดอะเบส” สู่ยุคใหม่ (The Base Revamp):
“เดอะเบส” เป็นแบรนด์คอนโดมิเนียมที่ลูกค้าคุ้นเคยมายาวนาน ด้วยการพัฒนามาแล้วกว่า 20 โครงการ มูลค่ารวม 37,000 ล้านบาท ในปีนี้ แสนสิริได้รีเซ็ตแบรนด์นี้ ไม่ใช่แค่การปรับปรุง แต่เป็นการขยายพื้นที่แปลนใหม่ หน้ากว้าง เพิ่มพื้นที่สีเขียว และดีไซน์ห้องแบบลอฟต์ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ พร้อมเปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่า 5,700 ล้านบาท ที่น่าจับตาคือการเปิดตัวเดอะเบส 2 โครงการแรกที่เลี้ยงสัตว์ได้ ซึ่งรวมถึง “เดอะเบส ไรส์” ภูเก็ต มูลค่า 900 ล้านบาท ในราคาเริ่มต้นไม่ถึง 2 ล้านบาท/ยูนิต การปรับโฉมครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของแสนสิริในการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น และสร้างคุณค่าใหม่ให้กับแบรนด์ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว
ต่อยอดความสำเร็จแบรนด์ “ดีคอนโด” (dCondo Success):
แบรนด์ “ดีคอนโด” ถือเป็นคอนโดมิเนียมที่เน้นตอบโจทย์ความต้องการของคนในพื้นที่ ทั้งทำเลและการใช้ชีวิต แสนสิริเตรียมเปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่า 3,900 ล้านบาท ควบคู่ไปกับการโอนกรรมสิทธิ์ 6 โครงการ มูลค่า 6,500 ล้านบาทในปีนี้ ตัวอย่างเช่น “ดีคอนโด เซนส์” บางแสน ชลบุรี ใกล้ ม.บูรพา มูลค่า 880 ล้านบาท และ “ดีคอนโด คาล์ม” รามคำแหง 10 มูลค่า 820 ล้านบาท โครงการเหล่านี้มีฟาซิลิตี้ครบครันในราคาที่จับต้องได้ ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักศึกษา พนักงานออฟฟิศ หรือผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยใกล้แหล่งงานและสถานศึกษา การพัฒนาที่ตอบโจทย์ Local Demand เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในตลาดระดับภูมิภาค
เดินหน้าพัฒนาคอนโดมิเนียมราคาเข้าถึงได้ภายใต้มาตรการรัฐ (Affordable Condo & BOI):
เพื่อรองรับนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนการลงทุนคอนโดมิเนียม BOI ซึ่งมีราคาขายไม่เกิน 1.5 ล้านบาท แสนสิริเดินหน้าพัฒนาเซ็กเมนต์ Affordable Condo อย่างต่อเนื่อง ผ่าน 2 แบรนด์หลักคือ “คอนโด มี” และ “Vay” ที่เน้นทำเลใกล้แหล่งงานและนิคมอุตสาหกรรมเป็นหลัก โดยวางแผนเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1,110 ล้านบาท กลยุทธ์นี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสทางการตลาดที่ใหญ่หลวง และเป็นการยืนยันบทบาทของแสนสิริในการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ใส่ใจทุกกลุ่มผู้บริโภค การลงทุนในกลุ่มนี้ยังมีสิทธิประโยชน์ BOI ที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความน่าสนใจให้กับโครงการ
ตอกย้ำประสบการณ์ 40 ปี: ผู้นำด้านดีไซน์ คุณภาพ และการบริการ (40 Years of Excellence):
ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา แสนสิริได้พิสูจน์ตัวเองในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ที่โดดเด่นทั้งด้านดีไซน์และคุณภาพการบริการ เบื้องหลังความสำเร็จในการพัฒนาคอนโดมิเนียมแต่ละโครงการคือการบริหารจัดการซัพพลายเชนและพันธมิตรธุรกิจระดับมืออาชีพในทุกรายละเอียด อย่างที่ทราบกันดีว่า ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมระดับท็อป 5 อาจมีความสามารถในการสร้างได้ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่สิ่งที่ทำให้แสนสิริแตกต่างและยืนหยัดเป็นผู้นำมาได้ยาวนานคือ “ความเข้าใจในชีวิต” และ “ความเข้าใจในไลฟ์สไตล์” ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย รวมถึง “บริการหลังการขาย” และ “การบริหารจัดการนิติบุคคลอาคารชุด” ที่ยอดเยี่ยม สิ่งเหล่านี้สร้างความเชื่อมั่นและความภักดีของลูกค้า จนนำไปสู่การตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมระดับราคาเกือบ 500 ล้านบาท โดยที่ยังไม่เห็นห้องตัวอย่าง นี่คือบทพิสูจน์ถึงคุณค่าที่แสนสิริส่งมอบให้ลูกค้า และเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้แบรนด์แข็งแกร่งอย่างแท้จริงในตลาดคอนโดมิเนียม
แสนสิริ กับอนาคตของตลาดคอนโดมิเนียมไทย
จากกลยุทธ์ทั้งแปดประการที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้เรามองเห็นภาพรวมที่ชัดเจนว่า แสนสิริไม่ได้เพียงแค่สร้างคอนโดมิเนียม แต่กำลังสร้างระบบนิเวศการอยู่อาศัยที่ตอบสนองความต้องการที่ซับซ้อนและหลากหลายของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันและอนาคต การลงทุนครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงความมั่นใจในศักยภาพของเศรษฐกิจไทยระยะยาว และความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่าความสำเร็จของแสนสิริไม่ได้มาจากแค่การลงทุนเม็ดเงินที่สูง แต่มาจากความสามารถในการ “อ่านเกม” ตลาดได้อย่างเฉียบคม การทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างละเอียด การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างและมีคุณค่า และที่สำคัญที่สุดคือการรักษามาตรฐานด้านคุณภาพและการบริการในระดับสากล นวัตกรรมด้าน Smart Home และการออกแบบที่ยั่งยืน (Sustainable Design) อาจเป็นส่วนเสริมที่แสนสิริจะนำมาใช้ในโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ๆ เพื่อตอบรับกับเทรนด์โลกและสร้างจุดเด่นให้กับแบรนด์ในอนาคต
สำหรับนักลงทุนคอนโดให้เช่าหรือผู้ที่กำลังมองหาโอกาสในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในคอนโดมิเนียม แผนการของแสนสิริถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่น่าจับตา การมีคอนโดมิเนียมใหม่ๆ ที่หลากหลายเซ็กเมนต์และทำเล จะช่วยเพิ่มตัวเลือกให้กับนักลงทุนและผู้ซื้ออย่างมหาศาล และด้วยชื่อเสียงของแสนสิริ คอนโดมิเนียมที่พัฒนาโดยบริษัทนี้มักจะมีผลตอบแทนการลงทุนที่ดีและมีศักยภาพในการสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว
บทสรุปคือ แสนสิริได้วางรากฐานอันมั่นคงและกลยุทธ์ที่รอบด้าน เพื่อรับมือกับทุกความท้าทายและคว้าทุกโอกาสในตลาดคอนโดมิเนียม การเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าใจในทุกมิติของชีวิต คือกุญแจสำคัญที่ทำให้แสนสิริยังคงยืนหนึ่งและก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกคน พร้อมเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญสำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2568 และในทศวรรษต่อจากนี้
หากคุณกำลังมองหาคอนโดมิเนียมคุณภาพเยี่ยมเพื่อการอยู่อาศัยหรือการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียมหรูหราใจกลางกรุงเทพฯ คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ หรือคอนโดราคาเข้าถึงได้ในทำเลศักยภาพทั่วประเทศ แผนการลงทุนของแสนสิริในปีนี้มีตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างแน่นอน อย่าพลาดโอกาสในการค้นพบโครงการที่ใช่สำหรับคุณ และสัมผัสประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีที่สุดกับแสนสิริ เยี่ยมชมเว็บไซต์หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญโครงการแสนสิริ เพื่อเริ่มต้นก้าวสู่การเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในฝันของคุณวันนี้.

