ถอดรหัส แสนสิริ ลงทุนคอนโด 2.6 หมื่นล้าน: แผนแม่บทฝ่ามรสุมเศรษฐกิจ สู่ความเป็นผู้นำอสังหาฯ ไทยปี 2025
ในฐานะที่คลุกคลีอยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวของตลาดมาอย่างนับครั้งไม่ถ้วน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนจากปัจจัยนานัปการ ไม่ว่าจะเป็นภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงสร้างแรงกดดัน อัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวในระดับสูง และกำลังซื้อที่เปราะบาง ท่ามกลางภาพรวมที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความระมัดระวัง แต่กลับมีผู้เล่นรายใหญ่อย่าง “แสนสิริ” ที่ประกาศแผนการลงทุนอันกล้าหาญและสวนกระแส ด้วยเม็ดเงินมหาศาลกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ถึง 20 โครงการ ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่สูงสุดในอุตสาหกรรมอสังหาฯ ในปี 2567 นี้ แผนการ แสนสิริ ลงทุนคอนโด ครั้งใหญ่ไม่ได้เป็นเพียงการประกาศตัวเลข แต่เป็นการสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ที่เฉียบคมและกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งของผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยระดับแนวหน้า ที่พร้อมรับมือและสร้างการเติบโตในทุกสภาวะ ผมจะพาคุณเจาะลึกถึงเบื้องหลังและความหมายที่ซ่อนอยู่ภายใต้แผนการนี้ เพื่อทำความเข้าใจว่าทำไม แสนสิริ ลงทุนคอนโด อย่างมหาศาลในวันนี้ ถึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในวันพรุ่งนี้
สัญญาณจากผู้นำ: มุมมองตลาดคอนโดมิเนียมไทยปี 2025
สถานการณ์เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 เผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ทั้งจากภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง และความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวบางส่วน แม้รัฐบาลจะพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยมาตรการต่างๆ แต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือด แบรนด์ต่างๆ ต้องช่วงชิงกำลังซื้อที่จำกัด แต่ในวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอสำหรับผู้ที่มีวิสัยทัศน์และการเตรียมพร้อมที่ดีพอ แสนสิริในฐานะองค์กรที่สั่งสมประสบการณ์ยาวนานถึง 40 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมากับวิกฤตเศรษฐกิจมาแล้วหลายครั้ง จึงมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงธรรมชาติของตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค การประกาศ แสนสิริ ลงทุนคอนโด สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จึงไม่ใช่การเดินหมากที่ไร้ซึ่งการพิจารณา แต่เป็นการเดินเกมที่เปี่ยมด้วยความมั่นใจและกลยุทธ์ที่ผ่านการตกผลึกมาเป็นอย่างดี โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และตอกย้ำตำแหน่งผู้นำในตลาดคอนโดมิเนียมของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองไปถึงแนวโน้มของตลาดในปี 2025 ที่คาดการณ์ว่ากำลังซื้อจะทยอยฟื้นตัวควบคู่ไปกับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
เมื่อพิจารณาในภาพรวมของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทย ผู้พัฒนาอสังหาฯ รายใหญ่รายอื่นก็ยังคงลงทุนต่อเนื่อง แต่ในขนาดที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างเช่น ค่ายออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ที่วางแผนลงทุน 15 โครงการ มูลค่า 20,000 ล้านบาท หรือเอพี ไทยแลนด์ ที่มี 6 โครงการใหม่ มูลค่า 12,500 ล้านบาท ตัวเลขเหล่านี้ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าการ แสนสิริ ลงทุนคอนโด ด้วยเม็ดเงินถึง 2.6 หมื่นล้านบาทนั้น แสดงถึงความเชื่อมั่นที่เด็ดเดี่ยวในศักยภาพของตลาด และความพร้อมที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้กุมส่วนแบ่งตลาดที่สำคัญในหลากหลายเซ็กเมนต์
ถอดรหัสยุทธศาสตร์ 2.6 หมื่นล้าน: มากกว่าแค่ตัวเลข
หัวใจสำคัญที่ทำให้แสนสิริกล้าเดินหน้าแผนการ แสนสิริ ลงทุนคอนโด อย่างเต็มตัวในสภาวะเช่นนี้ มาจากองค์ประกอบที่แข็งแกร่งและครบวงจร พวกเขามีพอร์ตคอนโดมิเนียมสะสมที่พัฒนาแล้วเกือบ 200 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมสูงถึง 290,000 ล้านบาท และส่งมอบห้องชุดให้ลูกค้าไปแล้วกว่า 81,000 ยูนิต ครอบคลุมถึง 20 แบรนด์คอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่ลูกค้ากลุ่ม Affordable ไปจนถึงระดับซูเปอร์ลักชัวรี ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งนี้ ทำให้แสนสิริมีความยืดหยุ่นสูงในการปรับตัวและเข้าถึงดีมานด์ในแต่ละเซ็กเมนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับเป้าหมายในปี 2567 นี้ แสนสิริตั้งเป้ายอดขาย (Presale) คอนโดมิเนียมไว้ที่ 21,000 ล้านบาท และเป้ายอดโอน (Revenue) ที่ 13,000 ล้านบาท ซึ่งจากประสบการณ์ของผม ตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่เป้าหมายที่มาจากการคาดเดา แต่มีพื้นฐานจากโครงการที่พร้อมเปิดขายและพร้อมโอนจำนวน 14 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 15,700 ล้านบาท ซึ่งเป็นเสมือนแบ็คล็อกที่สร้างความมั่นใจในการรับรู้รายได้ ผมยังคงเชื่อมั่นว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้ แสนสิริ ลงทุนคอนโด ได้อย่างต่อเนื่องและประสบความสำเร็จนั้น ไม่ใช่เพียงแค่ขนาดเงินทุนหรือจำนวนโครงการ แต่คือกลยุทธ์ที่ลึกซึ้งและประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน
คุณองอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้เน้นย้ำถึงบทพิสูจน์ความเป็นผู้นำ ซึ่งสะท้อนผ่านการเติบโตถึง 44% ในปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และเล่าถึงตำนานของโครงการ “บ้านไข่มุก หัวหิน” คอนโดมิเนียมติดชายหาดที่เป็นแฟล็กชิปแห่งแรกของแสนสิริ ซึ่งปัจจุบันราคาเปลี่ยนมือสูงขึ้นถึง 1,000% เหตุผลเบื้องหลังการเพิ่มขึ้นของมูลค่ามหาศาลนี้ ไม่ได้มาจากทำเลเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการดูแลด้านบริการหลังการขายที่เหนือกว่า การบริหารจัดการนิติบุคคลที่ได้มาตรฐาน และการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าระยะยาว ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ลูกค้าเกิดความไว้วางใจ และพร้อมที่จะลงทุนในโครงการของแสนสิริแม้กระทั่งการซื้อแบบ “บนกระดาษ” อย่างที่ปรากฏในโครงการซูเปอร์ลักชัวรีล่าสุด
นอกจากนี้ การมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีชื่อเสียงและคุณภาพระดับสูง ซึ่งบางรายร่วมงานกับแสนสิริมานานกว่า 10-20 ปี ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้แสนสิริสามารถรักษามาตรฐานการก่อสร้างและส่งมอบโครงการคุณภาพให้กับลูกค้าได้อย่างสม่ำเสมอ ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงในการพัฒนาโครงการ และช่วยให้การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานเป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
8 กลยุทธ์พิชิตตลาดคอนโดมิเนียม: แผนแม่บทแห่งอนาคต
การที่ แสนสิริ ลงทุนคอนโด ด้วยเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้ ย่อมมาพร้อมกับกลยุทธ์ที่รัดกุมและมองการณ์ไกลถึง 8 ด้าน เพื่อรับมือกับทุกโอกาสและความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในปี 2025 และปีต่อๆ ไป
สานต่อความเหนือระดับในเซ็กเมนต์ซูเปอร์ลักชัวรี:
ตลาดคอนโดมิเนียมหรูยังคงเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจน้อยกว่า การลงทุนในโครงการระดับ “Talk of the Town” บนทำเลชิดลม ซึ่งแม้จะยังไม่เปิดพรีเซล แต่ก็มีลูกค้าผู้ภักดีต่อแบรนด์แสนสิริ (Loyalty Customer) ทำสัญญาจองซื้อเพนต์เฮาส์ยูนิตพิเศษพร้อมสระว่ายน้ำ มูลค่าเกือบ 500 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่ไร้ข้อกังขาในมูลค่าของแบรนด์และคุณภาพของโครงการ การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในเซ็กเมนต์นี้ ไม่ใช่แค่การขายที่อยู่อาศัย แต่เป็นการส่งมอบสถานะทางสังคมและผลตอบแทนการลงทุน (ROI) ในระยะยาวที่น่าพึงพอใจ
รุกตลาดต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว:
แสนสิริเล็งเห็นศักยภาพของตลาดคอนโดต่างจังหวัด ด้วยการเปิด 9 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 11,800 ล้านบาท ในทำเลทองอย่างภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา หัวหิน พื้นที่ EEC และขอนแก่น ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว การค้า และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โครงการไฮไลต์อย่าง “Canvas เชิงทะเล” ในภูเก็ต ซึ่งเป็น New CBD ใหม่ของจังหวัด มีมูลค่าสูงถึง 1,600 ล้านบาท และเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่นิยมการพักแบบลองสเตย์ (Long-stay) การ แสนสิริ ลงทุนคอนโด ในตลาดต่างจังหวัดอย่าง คอนโดภูเก็ต, คอนโดเชียงใหม่ จึงเป็นการกระจายความเสี่ยงและเข้าถึงดีมานด์ที่แตกต่างกัน
ปักหมุดทำเลสุดยอดในเมืองกรุงเทพฯ:
ความท้าทายของการพัฒนาคอนโดกรุงเทพฯ ในปัจจุบันคือการหาที่ดินเปล่าในทำเลศักยภาพที่แทบไม่หลงเหลือ แสนสิริจึงตอบโจทย์ด้วยการนำเสนอคอนโดมิเนียมแบรนด์ “Via” ใน 3 ทำเลรวดบนย่านสุขุมวิท ได้แก่ สุขุมวิท 34, สุขุมวิท 61 และโครงการใหม่บนสุขุมวิท 36 ตรงข้ามซอยทองหล่อ มูลค่ารวม 2,600 ล้านบาท กลยุทธ์นี้สะท้อนความเชี่ยวชาญในการหาที่ดินที่ซ่อนเร้นและพัฒนาให้เกิดมูลค่าสูงสุด ซึ่งเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาวสำหรับทั้งผู้ซื้อและนักลงทุน
พลิกโฉมวงการด้วย Pets Welcome Condo:
กระแส Pet Parent ที่มองสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัวกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แสนสิริได้เล็งเห็นเทรนด์นี้และพัฒนาซีรีส์คอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ภายใต้แคมเปญ Pets Welcome Condo ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากในหลายโครงการที่ผ่านมา ล่าสุดกับการเปิดตัวโครงการ “พินน์ ศูนย์วิจัย” ใกล้โรงพยาบาลกรุงเทพ มูลค่า 260 ล้านบาท ที่เน้นการออกแบบพื้นที่และฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยร่วมกับสัตว์เลี้ยงอย่างแท้จริง การ แสนสิริ ลงทุนคอนโด ที่เข้าใจไลฟ์สไตล์เฉพาะกลุ่มเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดที่เหนือกว่า
Re-imagine แบรนด์ “The Base” สู่มิติใหม่:
“The Base” เป็นแบรนด์คอนโดมิเนียมที่ลูกค้ารู้จักมายาวนาน และมีการพัฒนามาแล้วกว่า 20 โครงการ มูลค่ารวม 37,000 ล้านบาท ในปีนี้ แสนสิริเตรียมบุกตลาดด้วย 4 โครงการใหม่ มูลค่า 5,700 ล้านบาท ด้วยการรีเซ็ตไม่ใช่แค่การปรับปรุง แต่เป็นการขยายพื้นที่และออกแบบแปลนห้องใหม่ให้มีความหน้ากว้าง เพิ่มพื้นที่สีเขียว และดีไซน์ห้องแบบลอฟต์ ที่สำคัญคือ การเปิดตัว “The Base” ที่เป็นคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้เป็นครั้งแรกถึง 2 โครงการ ซึ่งรวมถึง “The Base Rise” คอนโดภูเก็ต ที่ตั้งราคาเริ่มต้นไม่ถึง 2 ล้านบาท/ยูนิต การปรับโฉมครั้งนี้สะท้อนถึงการปรับตัวของแบรนด์ให้เข้ากับเทรนด์และความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่
ต่อยอดความสำเร็จ “dCondo” ตอบโจทย์คนในพื้นที่:
แบรนด์ “dCondo” ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และตอบสนองดีมานด์ของคนในพื้นที่ได้อย่างตรงจุด ยังคงเป็นหัวใจสำคัญ โดยมีแผนเปิดใหม่ 4 โครงการ มูลค่า 3,900 ล้านบาท ควบคู่ไปกับการเตรียมโอน 6 โครงการ มูลค่า 6,500 ล้านบาทในปีนี้ ตัวอย่างเช่น “dCondo Sense” บางแสน คอนโดบางแสน ที่อยู่ในโซนแคมปัสคอนโด ใกล้ ม.บูรพา หรือ “dCondo Calm” รามคำแหง คอนโดรามคำแหง ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมือง การ แสนสิริ ลงทุนคอนโด ในกลุ่ม dCondo เป็นการตอกย้ำความเข้าใจในความต้องการระดับท้องถิ่น
สนับสนุน Affordable Condo และมาตรการรัฐ BOI:
การพัฒนาคอนโดมิเนียมในเซ็กเมนต์ Affordable อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการที่เข้าร่วมมาตรการรัฐ BOI ซึ่งมีราคาขายไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ผ่าน 2 แบรนด์หลักคือ “คอนโด มี-เวย์” (Condo Me-Vay) ใกล้แหล่งงานและนิคมอุตสาหกรรม การเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1,110 ล้านบาทนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น แต่ยังเป็นการร่วมมือกับภาครัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวม การลงทุนคอนโด BOI ถือเป็นการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มีโอกาสในการเติบโตสูงและตอบโจทย์นโยบายภาครัฐ
ตอกย้ำประสบการณ์ 40 ปี: ผู้นำด้านดีไซน์ คุณภาพ และบริการ:
สุดท้าย แต่สำคัญที่สุด คือการบริหารจัดการซัพพลายเชนและพันธมิตรธุรกิจระดับมืออาชีพในทุกรายละเอียด รวมถึงบริการหลังการขาย และการบริหารจัดการนิติบุคคลอาคารชุด ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจและไว้วางใจ แสนสิริเชื่อว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่างจากดีเวลอปเปอร์รายอื่นใน Top 5 คือความโดดเด่นเรื่องการบริการที่เข้าใจวิถีชีวิตและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างแท้จริง การสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าผ่านการบริการที่เป็นเลิศ ไม่ใช่แค่การรักษาฐานลูกค้าเดิม แต่ยังเป็นการสร้าง Advocacy Marketing ที่แข็งแกร่งที่สุด นี่คือหัวใจสำคัญที่ทำให้แสนสิริสามารถดำรงความเป็นผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยมายาวนานถึง 4 ทศวรรษ และเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคต
นอกเหนือจากกลยุทธ์: พลังขับเคลื่อนที่มองไม่เห็น
นอกจากกลยุทธ์ทั้ง 8 ข้อแล้ว ยังมีปัจจัยภายในอีกหลายประการที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับการ แสนสิริ ลงทุนคอนโด อย่างมหาศาลนี้ นั่นคือวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นการเรียนรู้และพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง การนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการดำเนินงาน ตั้งแต่การออกแบบ การก่อสร้าง ไปจนถึงการบริหารจัดการทรัพย์สินหลังการขาย (Property Management) การให้ความสำคัญกับแนวคิด ESG (Environmental, Social, Governance) และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ไม่เพียงแต่สร้างภาพลักษณ์ที่ดี แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงและสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว นอกจากนี้ การมีฐานข้อมูลลูกค้าที่กว้างขวางและลึกซึ้ง ทำให้แสนสิริสามารถวิเคราะห์เทรนด์และทำความเข้าใจความต้องการของตลาดได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญในการวางแผนและพัฒนาโครงการให้ตรงใจกลุ่มเป้าหมายในยุคที่ผู้บริโภคมีความต้องการที่ซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น
สรุปและก้าวต่อไป
จากภาพรวมที่ได้วิเคราะห์มาทั้งหมด จะเห็นได้ว่าการ แสนสิริ ลงทุนคอนโด ด้วยเม็ดเงิน 2.6 หมื่นล้านบาทในวันนี้ ไม่ใช่เพียงการเดิมพันที่กล้าหาญ แต่เป็นผลลัพธ์จากการวางแผนเชิงกลยุทธ์ที่รอบคอบ การเข้าใจตลาดอย่างลึกซึ้ง และการมีรากฐานที่แข็งแกร่งจากการสั่งสมประสบการณ์กว่า 40 ปี พวกเขาไม่เพียงมองเห็นโอกาสในวิกฤต แต่ยังสามารถสร้างโอกาสเหล่านั้นให้เป็นจริงด้วยการนำเสนอนวัตกรรมและบริการที่ตอบโจทย์ทุกเซ็กเมนต์ การลงทุนครั้งใหญ่นี้จึงเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า แสนสิริพร้อมแล้วที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาดคอนโดมิเนียมไทยอย่างเต็มภาคภูมิ และพร้อมที่จะกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2025 และปีต่อๆ ไป
สำหรับผู้ที่กำลังจับตามองตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยอย่างใกล้ชิด หรือกำลังมองหาโอกาสในการลงทุนที่มั่นคงและมีศักยภาพ แผนการ แสนสิริ ลงทุนคอนโด ครั้งนี้มอบทั้งบทเรียนและโอกาสอันล้ำค่า หากท่านคือนักลงทุนที่กำลังมองหาการลงทุนที่คุ้มค่าในตลาดอสังหาริมทรัพย์ หรือผู้ที่กำลังค้นหาคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในฝัน การศึกษาโครงการและกลยุทธ์ของแสนสิริในครั้งนี้คือจุดเริ่มต้นอันชาญฉลาดในการตัดสินใจ เพื่อก้าวเข้าสู่โอกาสทองของการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างสรรค์และเปี่ยมด้วยคุณภาพจากผู้นำตัวจริงในวงการ

