ถอดรหัสยุทธศาสตร์: แสนสิริผงาดนำตลาดคอนโดมิเนียมไทย ท่ามกลางกระแสท้าทายปี 2025
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นพัฒนาการและพลวัตของตลาดที่อยู่อาศัยในประเทศไทยมากมายหลายช่วงเวลา แต่มีไม่กี่ครั้งที่ผู้ประกอบการรายใดจะแสดงวิสัยทัศน์และความกล้าหาญในการลงทุนได้อย่างโดดเด่นและสวนกระแสเท่าที่ “แสนสิริ” กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน การประกาศแผนการลงทุนคอนโดมิเนียมมูลค่ามหาศาลกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท สำหรับ 20 โครงการใหม่ในปี 2567 ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่ายักษ์ใหญ่อย่างแสนสิริไม่ได้เพียงแค่ “อยู่รอด” แต่กำลัง “ผงาด” ขึ้นเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง
การตัดสินใจครั้งสำคัญนี้เกิดขึ้นท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ฟื้นตัวไม่เต็มที่ และการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาด แต่ คอนโดมิเนียมแสนสิริ กลับเดินหน้าลงทุนอย่างมั่นใจ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพระยะยาวของตลาดอสังหาริมทรัพย์และกลยุทธ์ที่ผ่านการตกผลึกมาอย่างดีจากประสบการณ์กว่า 40 ปี ผมจะพาคุณผู้อ่านไปเจาะลึกถึงเบื้องหลังความสำเร็จและกลยุทธ์อันชาญฉลาดที่ทำให้แสนสิริยังคงยืนหนึ่งในสมรภูมิตลาดคอนโดมิเนียมได้อย่างไร พร้อมฉายภาพเทรนด์สำคัญที่จะกำหนดทิศทางของอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2025
เจาะลึกอาณาจักรคอนโดมิเนียมแสนสิริ: ผู้นำที่บ่มเพาะประสบการณ์ 4 ทศวรรษ
หากมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ชื่อของแสนสิริได้ประทับอยู่คู่กับความสำเร็จและการฝ่าฟันวิกฤตมาโดยตลอด จากจุดเริ่มต้นเมื่อ 40 ปีก่อน จนถึงปัจจุบัน แสนสิริได้สร้างพอร์ตโฟลิโอคอนโดมิเนียมสะสมเกือบ 200 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 290,000 ล้านบาท พร้อมส่งมอบห้องชุดไปแล้วกว่า 81,000 ยูนิต ภายใต้แบรนด์คอนโดมิเนียมที่หลากหลายถึง 20 แบรนด์ ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ ตั้งแต่กลุ่ม Affordable ไปจนถึงระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี การเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากโชคช่วย แต่มาจากรากฐานที่แข็งแกร่งและปรัชญาการทำธุรกิจที่ยึดมั่นในคุณภาพและความเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง
นายองอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้ย้ำถึงความมั่นใจในการตั้งเป้ายอดขาย (พรีเซล) คอนโดมิเนียมที่ 21,000 ล้านบาท และเป้ายอดโอน (รับรู้รายได้) ที่ 13,000 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่แค่ความคาดหวัง แต่มาจากการวางแผนเชิงรุกและศักยภาพของโครงการที่เปิดขายและพร้อมโอน 14 โครงการ มูลค่ารวม 15,700 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนถึงการบริหารจัดการที่เข้มแข็งและวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่การเป็นผู้นำตลาด คอนโดมิเนียมแสนสิริ อย่างแท้จริง
หัวใจแห่งความสำเร็จ: ทำเลทองและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์
สิ่งที่ทำให้แสนสิริกล้าลงทุนอย่างมหาศาลท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจนั้น ไม่ใช่เพียงแค่เงินทุน แต่เป็น “คีย์สำคัญ” ในโมเดลธุรกิจที่มุ่งเน้นการเลือกสรรทำเลการลงทุนที่เป็น Strategic Location หรือ “ทำเลทอง” ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงและตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ การมี Strategic Partners หรือพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีชื่อเสียงและประสบการณ์ยาวนานกว่า 10-20 ปี ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แสนสิริสามารถรักษามตรฐานการก่อสร้างระดับสูง และส่งมอบโครงการที่มีคุณภาพตามมาตรฐานแสนสิริได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในตลาด อสังหาริมทรัพย์ไทย ที่มีการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรง
ความสัมพันธ์อันยาวนานกับผู้รับเหมาคุณภาพสูงเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงด้านการก่อสร้าง แต่ยังช่วยให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้การพัฒนาโครงการเป็นไปตามกำหนดเวลาและงบประมาณ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการ บริหารความเสี่ยงอสังหา ในระดับองค์กรขนาดใหญ่ และการมีพันธมิตรที่ไว้ใจได้เหล่านี้ยังช่วยให้แสนสิริสามารถขยายพอร์ต การลงทุนอสังหาฯ ได้อย่างมั่นคงและรวดเร็ว
ถอดรหัส 8 กลยุทธ์พิชิตตลาดคอนโดมิเนียม: ก้าวที่เหนือกว่าในทุกมิติ
เพื่อรับมือกับปัจจัยเสี่ยงและคว้าโอกาสในการเติบโต แสนสิริได้วาง 8 กลยุทธ์หลักในการพัฒนา คอนโดมิเนียมแสนสิริ ซึ่งผมมองว่าเป็นแผนงานที่ครอบคลุมและตอบโจทย์เทรนด์ตลาดอนาคตได้อย่างน่าสนใจ:
สานต่อสินค้าซูเปอร์ลักซ์ชัวรี: การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ผลตอบแทนสูง ที่เหนือความคาดหมาย
แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่ตลาด คอนโดหรู ระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรีกลับยังคงเติบโตได้ดี เนื่องจากกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจน้อยกว่า และมองหา “สินทรัพย์ปลอดภัย” ที่มีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าระยะยาว แสนสิริได้เปิดตัวโครงการเรือธงบนทำเลชิดลม ซึ่งแม้ยังไม่เปิดพรีเซล แต่ก็สามารถปิดการขายเพนต์เฮาส์ยูนิตพิเศษที่มีฟังก์ชันสระว่ายน้ำส่วนตัว มูลค่าเกือบ 500 ล้านบาท ได้จากลูกค้าที่มีความภักดีต่อแบรนด์ นี่ไม่ใช่แค่การขายอสังหาฯ แต่เป็นการขายความเชื่อมั่นและเอกสิทธิ์เฉพาะตัว ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความสำเร็จของ กลยุทธ์การตลาดอสังหา ที่เข้าใจกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง และเป็นเครื่องยืนยันว่า การลงทุนระยะยาวอสังหา ในกลุ่มลักซ์ชัวรียังคงให้ผลตอบแทนที่น่าประทับใจ
ขยายอาณาจักรคอนโดมิเนียมสู่ต่างจังหวัด: ตอบรับการเติบโตของเมืองท่องเที่ยวและศูนย์กลางเศรษฐกิจภูมิภาค
การขยายการลงทุนสู่ต่างจังหวัดด้วย 9 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 11,800 ล้านบาท ในหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยวอย่าง คอนโดภูเก็ต, คอนโดเชียงใหม่, คอนโดพัทยา, คอนโดหัวหิน, พื้นที่ EEC (ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา) และ คอนโดขอนแก่น ถือเป็นการมองเห็นโอกาสจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว การค้าขาย และการเติบโตของแหล่งงานและสถานศึกษา ผมเห็นว่านี่เป็นเทรนด์สำคัญที่สะท้อนถึงการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค โดยเฉพาะใน คอนโดภูเก็ต แบรนด์ใหม่ “Canvas เชิงทะเล” มูลค่า 1,600 ล้านบาท ที่เจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวยุโรปที่นิยมการพักแบบลองสเตย์ เป็นการจับเทรนด์ตลาดใหม่ที่น่าสนใจและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ในต่างจังหวัด
ปักหมุดทำเลในเมืองกรุงเทพฯ: มูลค่าเหนือกาลเวลาบนพื้นที่ที่หาได้ยาก
การลงทุนในคอนโดมิเนียมบนสุดยอดทำเลในเมืองกรุงเทพฯ ที่มีดีมานด์สูงแต่ซัพพลายที่ดินเปล่าเหลือน้อยแล้ว แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ในการมองหา “ทำเลทอง” ที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว แสนสิริได้นำเสนอแบรนด์ “Via” 3 ทำเลรวด ย่าน คอนโดสุขุมวิท ทั้งสุขุมวิท 34, สุขุมวิท 61 มูลค่ารวม 2,600 ล้านบาท และโครงการใหม่บนทำเลสุขุมวิท 36 ตรงข้ามซอยทองหล่อ นี่คือการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าใจถึงแก่นแท้ของความต้องการในตลาดระดับบน ที่ให้ความสำคัญกับทำเลเป็นอันดับแรก การได้ครอบครอง คอนโดสุขุมวิท ในทำเลหายากเหล่านี้ ถือเป็นการลงทุนที่มั่นคงและมีศักยภาพในการเติบโตของราคาอย่างต่อเนื่อง
บุกตลาด Pets Welcome Condo: ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ Pet Parent ที่กำลังมาแรง
กระแส Pet Parent ที่ดูแลสัตว์เลี้ยงเหมือนลูกหลานกำลังเป็นเมกะเทรนด์ทั่วโลก และแสนสิริได้ประสบความสำเร็จจากการพัฒนาซีรีส์ คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ มาแล้วหลายโครงการ การเปิดตัวโครงการใหม่ “พินน์ ศูนย์วิจัย” ใกล้โรงพยาบาลกรุงเทพ มูลค่า 260 ล้านบาท ที่เน้นห้องชุดขนาดใหญ่ และการดีไซน์ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยร่วมกับสัตว์เลี้ยง แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป แสนสิริไม่ได้แค่สร้างที่อยู่อาศัย แต่สร้าง “บ้าน” ที่ตอบโจทย์ทุกมิติของชีวิต ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มยอดขายและสร้างความแตกต่างในตลาด คอนโดเพื่ออยู่อาศัย
พลิกโฉมแบรนด์ “เดอะเบส”: รีเซ็ตสู่ความทันสมัยและตอบโจทย์คนรุ่นใหม่
แบรนด์ “เดอะเบส” เป็นที่รู้จักมายาวนาน และการที่แสนสิริเตรียมบุกเพิ่ม 4 โครงการใหม่ มูลค่า 5,700 ล้านบาท พร้อมกับการ “รีเซ็ต” แบรนด์ ไม่ใช่แค่ปรับปรุง แต่ขยายพื้นที่ ออกแบบแปลนใหม่ เพิ่มพื้นที่สีเขียว และดีไซน์ห้องแบบลอฟต์ แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย นอกจากนี้ การนำเสนอ คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ ภายใต้แบรนด์เดอะเบสเป็นครั้งแรกใน 2 โครงการ รวมถึง “เดอะเบส ไรส์” คอนโดภูเก็ต ที่มีราคาเริ่มต้นไม่ถึง 2 ล้านบาท/ยูนิต ยิ่งตอกย้ำการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายและสร้างความสดใหม่ให้กับแบรนด์
ต่อยอดความสำเร็จแบรนด์ “ดีคอนโด”: คอนโดมิเนียมคุณภาพที่เข้าถึงง่ายในทำเลศักยภาพ
แบรนด์ “ดีคอนโด” ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการเข้าถึงตลาดในพื้นที่ (Local Demand) ด้วยแผนเปิดใหม่ 4 โครงการ มูลค่า 3,900 ล้านบาท และเตรียมโอน 6 โครงการ มูลค่า 6,500 ล้านบาทในปีนี้ โมเดลธุรกิจที่เน้นฟาซิลิตี้ที่ตอบสนองการใช้ชีวิตของคนในพื้นที่อย่าง “ดีคอนโด เซนส์” บางแสน ชลบุรี ใกล้ ม.บูรพา หรือ “ดีคอนโด คาล์ม” รามคำแหง 10 สะท้อนถึงการวิเคราะห์ตลาดอย่างละเอียดและเลือกทำเลที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้ออย่างแท้จริง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการสร้าง คอนโดให้เช่า หรือ คอนโดเพื่ออยู่อาศัย ที่ตอบโจทย์การใช้งานของกลุ่มเป้าหมายในระยะยาว
เดินหน้าพัฒนาเซ็กเมนต์ Affordable Condo: สนับสนุนมาตรการรัฐและตอบโจทย์กำลังซื้อฐานราก
การเดินหน้าพัฒนาเซ็กเมนต์ Affordable Condo อย่างต่อเนื่อง ผ่าน 2 แบรนด์หลักคือ “คอนโด มี-Vay” ที่เน้นทำเลใกล้แหล่งงานและนิคมอุตสาหกรรม และการวางแผนเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1,110 ล้านบาท เป็นการตอบรับมาตรการรัฐที่สนับสนุน คอนโด BOI ราคาขายไม่เกิน 1.5 ล้านบาท การโฟกัสในกลุ่มนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น แต่ยังเป็นการสร้างความเติบโตที่ยั่งยืนให้กับแสนสิริ โดยการเข้าถึงตลาดฐานรากและขยายฐานลูกค้าในวงกว้าง ซึ่งผมมองว่าเป็นการลงทุนที่สำคัญต่อภาพรวมของ ตลาดคอนโด
ตอกย้ำประสบการณ์ 40 ปี: คุณภาพการบริการที่เหนือชั้นคือหัวใจของความเชื่อมั่น
สิ่งที่เป็น “จุดแข็ง” ที่สุดของแสนสิริ และเป็นสิ่งที่ทำให้แสนสิริยังคงยืนหยัดเป็นอันดับหนึ่งในวงการอสังหาริมทรัพย์มายาวนานถึง 40 ปี คือ “ความโดดเด่นเรื่องการบริการ” ที่เข้าใจการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย รวมถึง บริการหลังการขาย ที่ใส่ใจ และการ บริหารนิติบุคคลอาคารชุด ที่มีประสิทธิภาพ สิ่งเหล่านี้สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้อย่างมหาศาล จนนำไปสู่การซื้อเพนต์เฮาส์มูลค่าเกือบ 500 ล้านบาท “บนกระดาษ” โดยที่ยังไม่เห็นห้องตัวอย่างจริง ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ถึงความน่าเชื่อถือและคุณภาพที่แสนสิริส่งมอบ นี่คือสิ่งที่สร้างความแตกต่างและยกระดับแสนสิริให้เป็นมากกว่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั่วไป แต่เป็นผู้ส่งมอบ “คุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด” ในการพักอาศัยให้กับลูกค้าทุกคน และเป็นสิ่งที่ทำให้แสนสิริแข็งแกร่งอย่างแท้จริงใน การวิเคราะห์ตลาดอสังหา
มองไปข้างหน้า: เทรนด์อสังหาริมทรัพย์ไทย ปี 2025 และบทบาทของคอนโดมิเนียมแสนสิริ
จากแผนการลงทุนและกลยุทธ์ทั้ง 8 ข้อของแสนสิริ ผมมองเห็นเทรนด์สำคัญที่จะเข้ามาขับเคลื่อนตลาด อสังหาริมทรัพย์ไทย ในปี 2025 และอนาคตอันใกล้:
ความยั่งยืนและการใช้ชีวิตสีเขียว: แม้ยังไม่ได้เน้นย้ำมากนักในข่าวนี้ แต่ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเชื่อว่าคอนโดมิเนียมในอนาคตจะให้ความสำคัญกับนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การประหยัดพลังงาน และพื้นที่สีเขียวที่มากขึ้น ซึ่งแสนสิริเองก็มีการปรับปรุงดีไซน์ “เดอะเบส” ให้มีพื้นที่สีเขียวมากขึ้น ซึ่งสอดรับกับเทรนด์นี้
เทคโนโลยี Smart Living และ IoT: การผสานเทคโนโลยีอัจฉริยะเข้ากับการใช้ชีวิตในคอนโดมิเนียม จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ ไม่ว่าจะเป็นระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ การควบคุมอุปกรณ์ภายในห้องผ่านสมาร์ทโฟน หรือการเชื่อมต่อกับบริการต่างๆ เพื่อความสะดวกสบายสูงสุด
ความยืดหยุ่นของพื้นที่และการทำงานแบบ Hybrid: การออกแบบห้องชุดที่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานได้หลากหลาย รองรับการทำงานจากที่บ้าน หรือ Co-working Space ภายในโครงการ จะเป็นที่ต้องการมากขึ้น ตอบรับวิถีชีวิตแบบ Hybrid Work ที่ยังคงอยู่หลังโควิด-19
การดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Wellness): คอนโดมิเนียมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขภาพ เช่น ฟิตเนสที่ครบครัน พื้นที่สำหรับโยคะ สระว่ายน้ำเพื่อสุขภาพ หรือแม้กระทั่งการเป็น คอนโดใกล้โรงพยาบาลกรุงเทพ อย่างโครงการพินน์ ศูนย์วิจัย จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
ตลาดเช่าและนักลงทุนต่างชาติ: การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจโลกจะนำไปสู่ความต้องการ คอนโดให้เช่า ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวและเขตเศรษฐกิจพิเศษ แผนของแสนสิริในการเจาะตลาดต่างชาติในภูเก็ต สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของกลุ่มนี้ในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน
บทสรุป: แสนสิริ ผู้สร้างมาตรฐานใหม่แห่งคอนโดมิเนียมไทย
การลงทุนคอนโดมิเนียมมูลค่า 2.6 หมื่นล้านบาท ของแสนสิริในปี 2567 ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขที่น่าประทับใจ แต่เป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่น วิสัยทัศน์ และประสบการณ์ที่สั่งสมมานานกว่า 40 ปี ผมเชื่อว่าด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งทั้ง 8 ด้านนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเจาะตลาดซูเปอร์ลักซ์ชัวรี การขยายสู่ตลาดต่างจังหวัด การเน้นทำเลทองในกรุงเทพฯ การตอบรับเทรนด์ Pet Parent การรีแบรนด์ที่ชาญฉลาด การรักษาฐานตลาด Affordable และที่สำคัญที่สุดคือการมอบ บริการหลังการขาย ที่เหนือชั้น แสนสิริจะยังคงเป็นผู้เล่นหลักที่กำหนดทิศทางของ ตลาดคอนโดมิเนียม ในประเทศไทยต่อไป และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์
ในฐานะนักลงทุนหรือผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัย การศึกษาแผนงานและกลยุทธ์ของผู้นำตลาดอย่างแสนสิริ จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมและเข้าใจถึงปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนความสำเร็จใน การลงทุนอสังหาฯ ได้อย่างถ่องแท้ และไม่ว่าคุณจะกำลังมองหา คอนโดเพื่ออยู่อาศัย หรือ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน พอร์ตโฟลิโอของ คอนโดมิเนียมแสนสิริ ที่ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์และทำเลสำคัญทั่วประเทศ ย่อมมีตัวเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคุณได้อย่างแน่นอน
หากคุณพร้อมที่จะสำรวจโอกาสการลงทุนหรือค้นหาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์อนาคต อย่ารอช้าที่จะศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โครงการคอนโดใหม่ ของแสนสิริ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตไปพร้อมกับผู้นำในตลาด คอนโดมิเนียมแสนสิริ วันนี้ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและการลงทุนที่ยั่งยืนในวันข้างหน้า

