กลยุทธ์เหนือชั้น: ถอดรหัสความสำเร็จและการลงทุนคอนโดมิเนียม 2.6 หมื่นล้านของแสนสิริ สวนกระแสเศรษฐกิจ 2025
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ไทยมายาวนานกว่าทศวรรษ ผมได้เฝ้าสังเกตและวิเคราะห์พลวัตของตลาดมาโดยตลอด และหากจะเอ่ยถึงปรากฏการณ์ที่โดดเด่นและน่าจับตามองที่สุดในช่วงกลางปี 2567 ที่ผ่านมาไปจนถึงแนวโน้มในปี 2568 คงหนีไม่พ้นการประกาศแผน การลงทุนคอนโดมิเนียม ครั้งใหญ่ของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ด้วยมูลค่ามหาศาลถึง 26,000 ล้านบาท สำหรับ 20 โครงการใหม่ทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในอุตสาหกรรมอสังหาฯ ปีมังกรทองนี้ การเคลื่อนไหวอันแข็งแกร่งนี้เกิดขึ้นในจังหวะที่หลายภาคส่วนยังคงเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่เฉียบคมและกลยุทธ์ที่ผ่านการตกผลึกอย่างลึกซึ้งของผู้นำตลาดอย่าง แสนสิริ คอนโดมิเนียม ที่ไม่เพียงแต่พร้อมรับมือกับทุกโอกาสและความเสี่ยง แต่ยังสามารถเติบโตได้อย่างน่าประหลาดใจ ผมจะพาผู้อ่านทุกท่านดำดิ่งสู่แก่นแท้ของความสำเร็จนี้ พร้อมถอดรหัสกลยุทธ์ทั้ง 8 ที่ทำให้ แสนสิริ คอนโดมิเนียม ยืนหนึ่งในสมรภูมิอสังหาฯ และยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่มองหา การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ผลตอบแทนสูง รวมถึงผู้ที่กำลังมองหาที่ปรารถนาอยากเป็นเจ้าของ คอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี หรือแม้กระทั่ง คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ ที่กำลังเป็นเทรนด์ในปัจจุบัน
ภูมิทัศน์เศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2567-2568: ความท้าทายที่กลายเป็นโอกาส
ก่อนที่เราจะเจาะลึกไปถึงแผนการของ แสนสิริ คอนโดมิเนียม เรามาทำความเข้าใจภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยกันเสียก่อน ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 และต่อเนื่องถึงปี 2568 เศรษฐกิจไทยยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันจากปัจจัยภายนอก เช่น ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก เงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงทรงตัวในระดับสูง รวมถึงปัจจัยภายในอย่างปัญหาหนี้ครัวเรือน และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ฟื้นตัวไม่เต็มที่ อย่างไรก็ตาม ภาคการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยประคองเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นในบางเซกเมนต์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวหลักๆ ด้วยประสบการณ์กว่าทศวรรษ ผมมองว่าในภาวะเช่นนี้ การที่นักพัฒนาอสังหาฯ รายใดจะกล้าประกาศ การลงทุนคอนโดมิเนียม ขนาดใหญ่เช่นนี้ ย่อมต้องอาศัยความมั่นใจอย่างสูงในการวิเคราะห์ตลาดและมองเห็นโอกาสที่ซ่อนอยู่ในความท้าทาย การที่ แสนสิริ เลือกที่จะเดินหน้าด้วยยุทธศาสตร์เชิงรุก บ่งชี้ว่าพวกเขามองเห็นศักยภาพที่แท้จริงในกลุ่มผู้บริโภคและทำเลที่ถูกคัดสรรมาอย่างดีเยี่ยม ซึ่งนี่คือหัวใจสำคัญของการ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ให้ประสบความสำเร็จในยุคที่การแข่งขันสูง
แสนสิริ: 40 ปีแห่งประสบการณ์และการเป็นผู้นำตลาดที่แท้จริง
นายองอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้ย้ำถึงการที่บริษัทดำเนินธุรกิจครบรอบ 40 ปี ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งและประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่าองค์กรที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจมาหลากหลายรูปแบบ ย่อมมีภูมิคุ้มกันและความเข้าใจในตลาดที่ลึกซึ้งกว่า การที่ แสนสิริ คอนโดมิเนียม สามารถยืนหยัดและเติบโตได้อย่างมั่นคง สะท้อนถึงการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เป็นเลิศ และการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว พอร์ต คอนโดมิเนียม สะสมเกือบ 200 โครงการ มูลค่ารวม 290,000 ล้านบาท พร้อมการส่งมอบห้องชุดกว่า 81,000 ยูนิต ภายใต้ 20 แบรนด์ที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์และทุกโปรดักต์แนวสูง คือข้อบ่งชี้ถึงความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ตั้งแต่กลุ่ม Affordable ไปจนถึง Super Luxury ซึ่งทำให้ แสนสิริ เป็นผู้เล่นรายสำคัญที่ยากจะละสายตา
เป้าหมายยอดขาย (พรีเซล) คอนโดมิเนียม ที่ 21,000 ล้านบาท และเป้าหมายยอดโอนที่ 13,000 ล้านบาทนั้น แม้จะดูเป็นตัวเลขที่ท้าทาย แต่เมื่อพิจารณาจากจำนวนโครงการที่พร้อมเปิดขายและโอนในปีนี้ถึง 14 โครงการ มูลค่ารวม 15,700 ล้านบาท ผนวกกับกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง ทำให้ผมมั่นใจว่าเป้าหมายเหล่านี้มีโอกาสเป็นจริงสูง และยังตอกย้ำถึงศักยภาพของ แสนสิริ อสังหาริมทรัพย์ ในการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
แกะรอย 8 กลยุทธ์พิชิตตลาดของ แสนสิริ คอนโดมิเนียม
อะไรคือเบื้องหลังความกล้าหาญในการลงทุน 26,000 ล้านบาทท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง? นายองอาจได้ให้คำตอบไว้ชัดเจนว่าหัวใจสำคัญคือโมเดลธุรกิจที่เน้นการเลือกเฟ้น ทำเลศักยภาพ หรือ Strategic Location และการมี Strategic Partners หรือพันธมิตรธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้รับเหมาก่อสร้างชั้นนำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ แสนสิริ สามารถรักษามาตรฐานและคุณภาพการก่อสร้างที่สูงได้เสมอ นี่คือสิ่งที่นัก พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทุกคนพึงตระหนักถึง
ทีนี้เรามาเจาะลึก 8 กลยุทธ์อันเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตของ แสนสิริ คอนโดมิเนียม กัน:
สานต่อความสำเร็จในตลาดซูเปอร์ลักซ์ชัวรี: การลงทุนใน “ที่สุด” ของที่อยู่อาศัย
กลยุทธ์นี้สะท้อนความเข้าใจในตลาดระดับบนอย่างลึกซึ้ง แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่กำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าระดับสูงยังคงแข็งแกร่งและมองหา คอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เฉพาะตัว โครงการ Talk of the Town บนทำเลชิดลม ที่มีการจองซื้อเพนต์เฮาส์มูลค่าเกือบ 500 ล้านบาทตั้งแต่ยังไม่เปิดพรีเซล โดยที่ลูกค้ายังไม่เห็นห้องตัวอย่าง ถือเป็นบทพิสูจน์ถึงความเชื่อมั่นและ Loyalty ที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ แสนสิริ คอนโดมิเนียม อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นผลมาจากการสร้างสรรค์ดีไซน์คุณภาพสูง และ บริการจัดการทรัพย์สิน ที่เป็นเลิศ การมุ่งเน้นตลาดนี้ยังเป็นการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและภาพลักษณ์พรีเมียมให้กับบริษัทอีกด้วย
ขยายฐานสู่หัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว: การมองเห็นโอกาสในภาคภูมิภาค
แสนสิริ เล็งเห็นศักยภาพการเติบโตในต่างจังหวัด โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวและหัวเมืองเศรษฐกิจที่ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการค้า การเปิด 9 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 11,800 ล้านบาท ในทำเลทองอย่าง คอนโด ภูเก็ต, คอนโด เชียงใหม่, คอนโด พัทยา, คอนโด หัวหิน, พื้นที่ EEC (ชลบุรี, ระยอง, ฉะเชิงเทรา) และขอนแก่น เป็นการกระจายความเสี่ยงและเข้าถึงกำลังซื้อในท้องถิ่นที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะโครงการ “Canvas เชิงทะเล” มูลค่า 1,600 ล้านบาท ในภูเก็ต ซึ่งมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่นิยมการพักระยะยาว (Long-Stay) ยิ่งตอกย้ำความเข้าใจในเทรนด์ตลาดโลก และโอกาสในการ ซื้อคอนโดต่างชาติ ในทำเลที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์
ปักหมุดทำเลทองในกรุงเทพฯ: พลิกโฉมที่ดินหายากสู่ “Via” ซีรีส์ใหม่
ในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะโซน CBD ที่ดินเปล่าแทบไม่เหลือแล้ว การที่ แสนสิริ สามารถหาที่ดินใน ทำเลศักยภาพ สูงอย่างสุขุมวิท 34, สุขุมวิท 61 และสุขุมวิท 36 (ตรงข้ามทองหล่อ) เพื่อพัฒนาโครงการ “Via” ซีรีส์ใหม่ มูลค่ารวม 2,600 ล้านบาท เป็นเครื่องยืนยันถึงความเชี่ยวชาญในการจัดหาที่ดินและการมองเห็นโอกาสที่ซ่อนอยู่ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่าโครงการในทำเลเหล่านี้มี Demand ที่แข็งแกร่งเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเศรษฐกิจใดก็ตาม และเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหา การลงทุนคอนโดมิเนียม ในระยะยาว
บุกตลาด “Pets Welcome Condo”: เข้าใจไลฟ์สไตล์ Pet Parent ยุคใหม่
กระแส Pet Parent หรือผู้ที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัวกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด การที่ แสนสิริ พัฒนาซีรีส์ คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ ภายใต้แคมเปญ Pets Welcome Condo อย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในเทรนด์และไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยยุคใหม่ โครงการ “พินน์ ศูนย์วิจัย” ใกล้โรงพยาบาลกรุงเทพ มูลค่า 260 ล้านบาท ที่เน้นห้องชุดขนาดใหญ่และดีไซน์ที่รองรับการใช้ชีวิตร่วมกับสัตว์เลี้ยงได้อย่างครบฟังก์ชัน เป็นการสร้างความแตกต่างและตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเฉพาะทางได้อย่างตรงจุด ซึ่งเป็นแนวทางที่สำคัญในการสร้างความผูกพันกับแบรนด์ในระยะยาว
พลิกโฉม “เดอะเบส” สู่มาตรฐานใหม่: การปรับตัวของแบรนด์ไอคอน
แบรนด์ “เดอะเบส” เป็นที่รู้จักมายาวนานและมีพอร์ตถึง 20 โครงการ มูลค่ารวม 37,000 ล้านบาท การที่ แสนสิริ ตัดสินใจ “รีเซต” แบรนด์ด้วยการขยายพื้นที่แปลนใหม่ เพิ่มพื้นที่สีเขียว และดีไซน์ห้องแบบลอฟต์ รวมถึงการนำเสนอ คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ ในแบรนด์เดอะเบสเป็นครั้งแรกใน 2 โครงการใหม่ เช่น “เดอะเบส ไรส์” คอนโด ภูเก็ต มูลค่า 900 ล้านบาท ที่มีราคาเริ่มต้นไม่ถึง 2 ล้านบาท/ยูนิต แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการอัปเดตและปรับปรุงแบรนด์ให้ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป และยังคงความสามารถในการแข่งขันในตลาด Mid-Market ได้อย่างยั่งยืน
ต่อยอด “ดีคอนโด” เจาะตลาดท้องถิ่น: คอนโดเพื่อคนในพื้นที่
แบรนด์ “ดีคอนโด” ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการเจาะตลาดท้องถิ่นและเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่อย่างแท้จริง การวางแผนเปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่า 3,900 ล้านบาท ควบคู่กับการเตรียมโอน 6 โครงการ มูลค่า 6,500 ล้านบาทในปีนี้ แสดงให้เห็นถึงความต่อเนื่องและความสำเร็จของโมเดลนี้ โครงการเช่น “ดีคอนโด เซนส์” บางแสน คอนโด ชลบุรี ใกล้ ม.บูรพา หรือ “ดีคอนโด คาล์ม” รามคำแหง 10 คอนโด รามคำแหง มูลค่า 820 ล้านบาท สะท้อนถึงการเลือกทำเลที่เข้าใจพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการเดินทางของคนในพื้นที่ ทำให้ ดีคอนโด เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหา คอนโดพร้อมเข้าอยู่ ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตจริง
เดินหน้าพัฒนา Affordable Condo รองรับมาตรการรัฐ: โอกาสสำหรับผู้มีรายได้น้อย
การสนับสนุนมาตรการรัฐที่ส่งเสริม คอนโด BOI ราคาขายไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง การที่ แสนสิริ เดินหน้าพัฒนาเซกเมนต์ Affordable Condo อย่างต่อเนื่อง ผ่าน 2 แบรนด์หลักคือ “คอนโด มี-Vay” ซึ่งเน้น คอนโด ใกล้นิคมอุตสาหกรรม และแหล่งงาน โดยวางแผนเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1,110 ล้านบาท เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและยังช่วยขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสให้คนจำนวนมากได้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการเข้าถึงที่อยู่อาศัย
ตอกย้ำประสบการณ์ 40 ปี: คุณภาพการบริการและการสร้างความเชื่อมั่นที่ยั่งยืน
นายองอาจได้กล่าวไว้ว่า “ในวงการคอนโดฯ ดีเวลอปเปอร์ระดับท็อป 5 ทำได้เหมือนกันหมด แต่จุดที่ทำให้แสนสิริมายืนอันดับหนึ่ง และอยู่นานถึง 40 ปี คือความโดดเด่นเรื่องการบริการที่เข้าใจการใช้ชีวิต เข้าใจไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย รวมถึง บริการหลังการขาย หรือการบริหารนิติบุคคลอาคารชุด ที่ทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่น จนกระทั่งซื้อเพนต์เฮาส์เกือบ 500 ล้านบาท ซื้อเราในกระดาษ” ผมไม่สามารถเห็นด้วยได้มากกว่านี้อีกแล้ว เพราะนี่คือแก่นแท้ของการสร้างแบรนด์ที่ยั่งยืน การบริหารจัดการซัพพลายเชนและพันธมิตรธุรกิจระดับมืออาชีพในทุกรายละเอียด รวมถึงการใส่ใจใน บริการจัดการทรัพย์สิน และดูแลชุมชนหลังการขาย คือสิ่งที่สร้างความแตกต่างอย่างแท้จริง การบริการที่ยอดเยี่ยมสร้าง Trust และ Loyalty ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ประเมินค่าไม่ได้ในระยะยาว และเป็นสิ่งที่ทำให้ แสนสิริ คอนโดมิเนียม แตกต่างจากคู่แข่งและเป็นที่ยอมรับในทุกระดับตลาด
บทสรุปและอนาคตของ แสนสิริ คอนโดมิเนียม
การประกาศแผน การลงทุนคอนโดมิเนียม มูลค่า 26,000 ล้านบาท ของ แสนสิริ ในปี 2567 และต่อเนื่องไปถึงปี 2568 ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขที่น่าประทับใจ แต่เป็นการประกาศเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการเป็นผู้นำตลาดที่พร้อมจะเติบโตและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย กลยุทธ์ทั้ง 8 ประการที่กล่าวมาข้างต้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่แผนงาน แต่เป็นการแสดงถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในตลาด การปรับตัวอย่างรวดเร็ว และการยึดมั่นในหลักการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดให้กับผู้อยู่อาศัย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของความสำเร็จตลอด 4 ทศวรรษที่ผ่านมา ด้วยความมุ่งมั่นในการเลือก ทำเลศักยภาพ, การผนึกกำลังกับพันธมิตรที่แข็งแกร่ง, การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์, และที่สำคัญที่สุดคือการมอบ บริการหลังการขาย ที่เหนือความคาดหมาย ทำให้ แสนสิริ คอนโดมิเนียม ยังคงเป็นแบรนด์ที่ทรงพลังและน่าจับตาในทุกๆ มิติ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่กำลังมองหา คอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี เพื่อการอยู่อาศัย, นักลงทุนที่แสวงหา การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ผลตอบแทนสูง, หรือผู้ที่ต้องการ คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ ที่ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ แสนสิริ ได้วางรากฐานเพื่อรองรับทุกความต้องการอย่างครบวงจร
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมั่นใจว่าด้วยวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลและกลยุทธ์ที่เฉียบคมเช่นนี้ แสนสิริ จะยังคงสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ให้กับ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ต่อไป และยังคงเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ ที่มอบทั้งคุณค่าและการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับทั้งผู้ซื้อและนักลงทุน
หากคุณต้องการเจาะลึกข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ แสนสิริ คอนโดมิเนียม หรือปรึกษาเกี่ยวกับโอกาส การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่เหมาะสมกับคุณที่สุด ผมขอเชิญชวนให้คุณติดต่อทีมงานผู้เชี่ยวชาญของแสนสิริ หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ เพื่อค้นพบประสบการณ์การอยู่อาศัยและการลงทุนที่เหนือระดับที่รอคุณอยู่

