• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D1912157 แฟนไม าม กาวด กช อย ในรองเท า! part2

admin79 by admin79
December 22, 2025
in Uncategorized
0
D1912157 แฟนไม าม กาวด กช อย ในรองเท า! part2

พลิกวิกฤตเศรษฐกิจไทย: อสังหาริมทรัพย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยยุค 2025 กับกลยุทธ์ดึงดูดกำลังซื้อต่างชาติ

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจมานานกว่าทศวรรษ ผมมองว่าประเทศไทยกำลังยืนอยู่บนทางแยกที่สำคัญยิ่ง ท่ามกลางกระแสความผันผวนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์โลกที่รุนแรงขึ้นทุกวัน คำถามที่ว่า “อนาคตเศรษฐกิจไทยจะก้าวต่อไปทางใด” จึงไม่ใช่แค่คำถามเชิงทฤษฎี แต่เป็นโจทย์เร่งด่วนที่ต้องการคำตอบและทางออกที่ชัดเจน การพึ่งพาโมเดลเศรษฐกิจแบบเดิมๆ ที่เคยสร้างความสำเร็จในอดีต อาจไม่เพียงพออีกต่อไปสำหรับบริบทโลกปี 2025 และปีต่อๆ ไป ผมเชื่อมั่นว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ และหนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะช่วยพลิกฟื้นและยกระดับศักยภาพของประเทศได้อย่างยั่งยืน นั่นคือการใช้ภาคอสังหาริมทรัพย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างมีกลยุทธ์

พายุเศรษฐกิจที่โหมกระหน่ำ: ถอดรหัสวิกฤตการณ์ที่ซับซ้อน

สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันเปรียบเสมือนเรือที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ไม่ใช่แค่พายุลูกเดียว แต่เป็นพายุหลายลูกที่โหมกระหน่ำเข้ามาพร้อมกัน จากมุมมองของผมที่เป็นนักปฏิบัติการในธุรกิจจริง นี่คือภาพสะท้อนของความท้าทายที่เรากำลังเผชิญ:

วิกฤตเชิงโครงสร้างและกับดัก “ทศวรรษที่สาบสูญ”: ดร.บัณฑิต นิจถาวร อดีตรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เคยกล่าวเตือนถึง “กับดักทศวรรษที่สาบสูญ” ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่หนักหนาสาหัสกว่าที่หลายคนคิด การลงทุนในตลาดหุ้นที่ไร้สัญญาณฟื้นตัวสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในอนาคตที่ยังไม่กลับมาเต็มที่ การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาจึงไม่ได้มาจากผลิตภาพที่แท้จริง แต่ถูกขับเคลื่อนด้วยการก่อหนี้ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือนที่พุ่งทะลุ 90% ของจีดีพี และเคยสูงถึง 126% ของจีดีพีในอดีต ซึ่งเป็นการดึงเงินในอนาคตมาใช้ ย่อมหมายถึงข้อจำกัดในการเติบโตในระยะยาว

มรสุมจากภายนอก: สงครามการค้าและเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน: หนังสือพิมพ์ดิอีโคโนมิสต์ได้ชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยเคยพึ่งพาอุตสาหกรรมยานยนต์และการลงทุนจากญี่ปุ่นเป็นหลักในการขับเคลื่อนจีดีพี ทว่าปัจจุบัน เราต้องเผชิญกับ สงครามการค้า ที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่เพียงกระทบต่อการส่งออกของเราโดยตรง แต่ยังรวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศจีนที่ชะลอตัว ทำให้สินค้าจากจีนที่ถูกเทรดวอร์ไหลทะลักเข้ามาในภูมิภาค เป็นการสร้างแรงกดดันเพิ่มเติมให้แก่ผู้ผลิตภายในประเทศ นอกจากนี้ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วก็เป็นอีกปัจจัยที่ไม่อาจมองข้ามได้

ขีดความสามารถที่ถดถอยและปัญหาเชิงประชากร: แม้เราจะพยายามผลักดันการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) แต่ปัญหาสำคัญคือผู้ประกอบการไทยยังขาดศักยภาพในการผลิตชิ้นส่วนสำคัญ เนื่องจากเทคโนโลยีของเรายังตามหลังประเทศชั้นนำ นอกจากนี้ การส่งออกสินค้าอื่นๆ ก็ประสบปัญหาในการแข่งขันในตลาดโลกที่เราเคยเป็น “แชมเปี้ยน” ในอดีต ปัญหาโครงสร้างประชากรที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ ยังเป็นอีกหนึ่งความท้าทายใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพแรงงานในอนาคต ซึ่งจะลดทอนขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

ความหวังจากการท่องเที่ยวที่ยังไม่เต็มใบ: รัฐบาลได้คาดหวังรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นกลไกหลักในการฟื้นเศรษฐกิจ แต่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ยังไม่สามารถกลับมาได้เท่ากับช่วงก่อนเกิดวิกฤตการณ์โควิด-19 ทำให้รายได้จากภาคการท่องเที่ยวที่เคยเป็นเสาหลักของเรายังไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร

จากภาพรวมเหล่านี้ ผมขอยืนยันว่าการเดินหน้าด้วยโครงสร้างเศรษฐกิจแบบเดิมๆ ที่เน้นการส่งออกและอุตสาหกรรมหนักมากเกินไปนั้น ถึงทางตันแล้ว และถึงเวลาที่ต้องมองหา “ทางออก” ที่กล้าหาญและแตกต่าง

บทเรียนจากการพลิกโฉม: แรงบันดาลใจจากนานาประเทศ

การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจไม่ใช่เรื่องใหม่ หลายประเทศทั่วโลกได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การปรับเปลี่ยนเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ คือกุญแจสู่ความยั่งยืนในอนาคต ตัวอย่างเหล่านี้ควรเป็นแรงบันดาลใจให้ประเทศไทย:

สิงคโปร์: จากประเทศที่เน้นภาคอุตสาหกรรม สู่การเป็นศูนย์กลางทางการเงิน การบริการ เทคโนโลยี ดิจิทัลอีโคโนมี และการศึกษา ระดับโลก สัดส่วนภาคบริการในจีดีพีสูงถึง 70% แสดงให้เห็นถึงการสร้างรายได้จากต่างประเทศอย่างมหาศาล
เกาหลีใต้: ปรับเปลี่ยนจากการเน้นอุตสาหกรรมหนัก สู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี อุตสาหกรรมบันเทิง และภาคบริการ ซึ่งกลายเป็น “ซอฟต์พาวเวอร์” ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล
ฮ่องกง: จากฐานการผลิตโรงงานทอผ้า สู่การเป็นศูนย์กลางทางการเงิน การบริการ และอสังหาริมทรัพย์ที่ดึงดูดการลงทุนทั่วโลก
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE): จากการพึ่งพารายได้จากการขายน้ำมันที่เคยคิดเป็นสัดส่วนสูง ปัจจุบันรายได้จากน้ำมันเหลือไม่ถึง 30% ของจีดีพี พวกเขาพลิกโฉมสู่การเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวหรูหรา ธุรกิจบริการ และส่งเสริมอุตสาหกรรม MICE (การประชุม การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล การประชุมนานาชาติ และการจัดนิทรรศการ) อย่างจริงจัง โดยมีภาคอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนเป็นกลไกสำคัญ
อังกฤษ: จากผู้นำด้านอุตสาหกรรมในอดีต ปัจจุบันภาคบริการมีสัดส่วนเกิน 80% ของจีดีพี กรุงลอนดอนกลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินและเทคโนโลยีของยุโรป

ประเทศเหล่านี้ชี้ให้เห็นทิศทางที่ชัดเจนว่า การปรับโครงสร้างไปสู่ภาคบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง การดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ และการใช้ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ คือทางออกที่พิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จ

ศักยภาพที่ซ่อนอยู่: ทำไมประเทศไทยถึงพร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่าน?

แม้จะเผชิญความท้าทาย แต่ประเทศไทยมี “ของดี” ที่หลายชาติไม่มี และสิ่งเหล่านี้คือฐานรากสำคัญในการพลิกโฉมเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดึงดูดชาวต่างชาติและ ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไทย เพื่อเป็นกลไกหลักในการ อสังหาริมทรัพย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย :

คุณภาพชีวิตและค่าครองชีพที่เหนือกว่า: ประเทศไทยมีค่าครองชีพที่ต่ำกว่าประเทศตะวันตกอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ยังคงมีคุณภาพชีวิตที่ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก สภาพอากาศที่อบอุ่นตลอดปี และสังคมไทยที่เป็นมิตร โอบอ้อมอารี สิ่งเหล่านี้คือแม่เหล็กชั้นดีที่ดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาอยู่อาศัยและจับจ่ายใช้สอย
ระบบสาธารณสุขระดับโลก: ประเทศไทยมีโรงพยาบาลหลายแห่งติดอันดับดีที่สุดในโลก พร้อมให้บริการทางการแพทย์ในราคาที่เข้าถึงได้มากกว่าหลายประเทศ สิ่งนี้ดึงดูดทั้งกลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องการเกษียณอายุอย่างมีคุณภาพ และกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องการการรักษาพยาบาลที่ดีเยี่ยม
การยอมรับในระดับสากล: กรุงเทพฯ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในโลกติดต่อกันหลายปี รวมถึงภูเก็ต พัทยา และชลบุรี ก็เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม สิ่งเหล่านี้ยืนยันถึงความน่าดึงดูดใจของประเทศไทยในสายตาชาวโลก
ศักยภาพของอสังหาริมทรัพย์: ราคาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยยังไม่แพงจนเกินไปเมื่อเทียบกับคุณภาพและทำเลที่ตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงสูง ที่มีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก อินเทอร์เน็ตคุณภาพสูงและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เช่นใน ชลบุรี และ ระยอง ยังเป็นปัจจัยเสริมที่สำคัญ

ด้วยศักยภาพเหล่านี้ ผมมองว่าเรามีต้นทุนที่ดีพอที่จะปรับเปลี่ยนจากการพึ่งพาภาคอุตสาหกรรมหนัก สู่การเป็นศูนย์กลางภาคบริการระดับโลกที่เชื่อมโยงกับภาค อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ ซื้อบ้านในประเทศไทยสำหรับชาวต่างชาติ

ปลดล็อกศักยภาพ 1 ล้านล้านบาท: ข้อเสนอเพื่อ “อสังหาริมทรัพย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย”

ประเด็นสำคัญที่ผมเชื่อว่าจะสามารถเป็นเครื่องมือหลักในการ อสังหาริมทรัพย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ คือการ “เปิดโอกาส” ให้ชาวต่างชาติเข้ามาถือครองอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยในประเทศไทยได้อย่างเป็นทางการและโปร่งใส โดยมีข้อควรพิจารณาดังนี้:

แก้ข้อกังวลเรื่องการยึดครองที่ดิน: ประเทศไทยมีที่ดินกว่า 321 ล้านไร่ มีเอกสารสิทธิราว 127 ล้านไร่ (40%) หากเราขายบ้านให้ชาวต่างชาติปีละ 2 แสนหลัง ซึ่งเป็นจำนวนที่มากพอที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างมหาศาล ก็ยังคิดเป็นสัดส่วนการใช้ที่ดินไม่ถึง 0.2% ของที่ดินทั้งหมดที่มี การกังวลว่าชาวต่างชาติจะเข้ามายึดครองที่ดินทั้งหมดจึงไม่เป็นความจริง แต่เราต้องมีกฎหมายที่ดินสำหรับชาวต่างชาติที่รัดกุมและชัดเจน
เม็ดเงินมหาศาลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ: ในปี 2565 มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศเกือบ 4 แสนหน่วย คิดเป็นมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท หากเราสามารถดึงดูดให้ชาวต่างชาติเข้ามา ซื้อคอนโดในไทย หรือบ้าน และคิดเป็นสัดส่วนเพียง 1 ใน 4 ของการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด นั่นจะหมายถึงเม็ดเงินมหาศาลราว 2.5 แสนล้านบาทต่อปีไหลเข้าสู่ระบบ ซึ่งเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของมูลค่าเพิ่มในห่วงโซ่อุปทาน
กลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูง: แม้ภาครัฐจะเคยผลักดันกลุ่มผู้มีรายได้สูงพิเศษ แต่จากประสบการณ์ของผม กลุ่มชาวต่างชาติที่มีความสนใจเข้ามาอยู่อาศัยในประเทศไทย มักจะเป็นกลุ่มรายได้ปานกลางถึงสูง ที่มีกำลังซื้อบ้านในระดับราคา 5-7 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่สมเหตุสมผลและสามารถสร้างแรงกระเพื่อมให้กับตลาดได้อย่างดี
ผลกระทบทางเศรษฐกิจในวงกว้าง: การขายบ้านให้ชาวต่างชาติเพียง 1 หมื่นหลัง สามารถทำให้จีดีพีเติบโตได้ถึง 0.75% หากสามารถขยายไปถึง 1 แสนหลังได้ จีดีพีจะเติบโตถึง 7% ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง ผลกระทบเหล่านี้ไม่ได้จำกัดแค่การขายอสังหาริมทรัพย์ แต่ยังรวมถึง:
ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง: ได้รับอานิสงส์โดยตรง
การจ้างงาน: ทั้งทางตรงและทางอ้อมในภาคการก่อสร้าง บริการ และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
การบริโภคในท้องถิ่น: ชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่อาศัยจะจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน ซึ่งสร้างรายได้ให้กับร้านค้า ร้านอาหาร และธุรกิจบริการในชุมชนนั้นๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวอย่าง ภูเก็ต และ พัทยา ที่มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่จำนวนมากอยู่แล้ว
การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น จะสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการ

บทเรียนจากนานาชาติ: หลายประเทศที่เผชิญปัญหากำลังซื้อภายในประเทศลดลงและหนี้ครัวเรือนสูง ได้ใช้กลยุทธ์ดึงดูดชาวต่างชาติผ่านโครงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และ วีซ่านักลงทุนไทย หรือที่เรียกว่า Golden Visa ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง เช่น โปรตุเกส สเปน กรีซ (เสนอซื้ออสังหาฯ 250,000-500,000 ยูโรแลกสิทธิพำนัก) และมาเลเซีย (โครงการ MM2H) ที่กระตุ้นตลาดบ้านและดึงดูดผู้เกษียณและนักลงทุนจากจีน ญี่ปุ่น เข้าไปในประเทศ สิ่งเหล่านี้คือพิมพ์เขียวที่เราสามารถศึกษาและปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของไทยได้ โดยต้องมี ที่ปรึกษาการลงทุนอสังหา เข้ามาช่วยให้ข้อมูลอย่างถูกต้อง

สร้างระบบนิเวศอสังหาริมทรัพย์ที่ครอบคลุมสำหรับปี 2025+

การเปิดให้ชาวต่างชาติถือครองอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยเป็นเพียงจุดเริ่มต้น การทำให้ อสังหาริมทรัพย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ได้อย่างเต็มศักยภาพ ต้องมาพร้อมกับระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยและนโยบายที่ครบวงจร ผมมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมดังนี้:

กฎหมายและระเบียบที่ชัดเจน: สิ่งสำคัญคือการพัฒนากฎหมายและระเบียบที่โปร่งใส ชัดเจน และเป็นสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการ การขอใบอนุญาตที่อยู่อาศัย หรือการขอ วีซ่านักลงทุนไทย ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การพิจารณาเรื่อง สิทธิการเช่าระยะยาว สำหรับชาวต่างชาติยังเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ
ส่งเสริมตลาดอสังหาริมทรัพย์หรูและบ้านพักตากอากาศ: ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับ ตลาดอสังหาริมทรัพย์หรู และ บ้านพักตากอากาศประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่อย่างภูเก็ต พัทยา และเกาะสมุย การส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มนี้จะดึงดูดกำลังซื้อและเม็ดเงินระดับพรีเมียมเข้ามาในประเทศ
การบูรณาการกับภาคส่วนอื่น: ภาคอสังหาริมทรัพย์ควรถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับภาคบริการอื่นๆ เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism), ศูนย์กลางสำหรับ Digital Nomads, หรือชุมชนผู้เกษียณอายุ (Retirement Community) การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบโจทย์กลุ่มเหล่านี้โดยเฉพาะจะเพิ่มมูลค่าและดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูง
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและ EEC: การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน หรือท่าเรือแหลมฉบัง จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจของพื้นที่ ชลบุรี และ ระยอง สำหรับการ ลงทุนธุรกิจในไทย และ ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยตรง
การบริหารจัดการและการตลาดเชิงรุก: เราต้องการ การจัดการอสังหาริมทรัพย์ ที่มีมาตรฐานระดับสากล และการทำการตลาดเชิงรุกเพื่อประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางที่น่าลงทุนและน่าอยู่อาศัย การให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ผลตอบแทนการลงทุนอสังหาฯ และนโยบายที่เกี่ยวข้อง เช่น ภาษีอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติ อย่างครบถ้วน จะช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
เศรษฐกิจดิจิทัลประเทศไทย: การนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่การค้นหาข้อมูล การทำธุรกรรม ไปจนถึงการบริหารจัดการ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและดึงดูดนักลงทุนยุคใหม่ที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี

ถึงเวลาแล้วที่ต้องลงมือทำ

ในฐานะผู้มีประสบการณ์ในวงการ ผมขอย้ำว่านี่ไม่ใช่เวลาของการลังเลอีกต่อไป เราต้องกล้าที่จะทบทวนและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจจากเดิมที่พึ่งพาภาคอุตสาหกรรมหนักและการส่งออก สู่การเป็นประเทศที่ใช้ภาค อสังหาริมทรัพย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยการสร้างกำลังซื้อจากต่างประเทศอย่างจริงจัง

โอกาสทางเศรษฐกิจในการอนุโลมให้ชาวต่างชาติถือครองอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยนั้น มีนัยยะสำคัญอย่างยิ่งต่อการพลิกฟื้นและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การเปิดกว้างมากขึ้น จะไม่เพียงช่วยเพิ่มเม็ดเงินลงทุนโดยตรง แต่ยังสร้างงาน สร้างรายได้ และกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศอย่างมหาศาล เป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยหลุดพ้นจากกับดักที่เผชิญอยู่ และก้าวไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต

ผมขอเชิญชวนผู้กำหนดนโยบาย ภาคเอกชน และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย มาร่วมกันศึกษา วางแผน และผลักดันให้แนวคิดนี้กลายเป็นรูปธรรม เพื่อปลดล็อกศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของประเทศไทย และสร้างอนาคตที่สดใสกว่าเดิมร่วมกัน หากท่านสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม หรือต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์นี้ โปรดติดต่อเราเพื่อร่วมหารือและวางแผนกลยุทธ์เชิงปฏิบัติการต่อไป

Previous Post

D1912156 าตอบแทนหน งล าน แลกก บการขายบ านผ พระค ณ! part2

Next Post

D1912158 เก ยวหม เด งราดน ำจ มซ ดประกายอาช พสาวออฟฟ ศ! part2

Next Post
D1912158 เก ยวหม เด งราดน ำจ มซ ดประกายอาช พสาวออฟฟ ศ! part2

D1912158 เก ยวหม เด งราดน ำจ มซ ดประกายอาช พสาวออฟฟ ศ! part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D2212005 เช อแต นแสหมอด าง นเราก เล กก นเถอะ! part2
  • D2212004 กาแฟฉ นแก วเด ยว งแพงกว ามาม าของแกอ ก! part2
  • D2212003 แม าราดหน กสาวใจแตก เห นผ ชายด กว าแม part2
  • D2212002 เชฟโรงแรมน ชอบช งด งเด ดท ายจบไม สวย! part2
  • D2212001 าวผ ดหน งส อพ มพ เป นแม ไม เอาเปร ยบก ไม รวย! part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.