• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D1912152 แม าข าวแกง เป นต นเหต บแสงน กร องด part2

admin79 by admin79
December 22, 2025
in Uncategorized
0
D1912152 แม าข าวแกง เป นต นเหต บแสงน กร องด part2

อสังหาริมทรัพย์ไทย: เข็มทิศใหม่นำเศรษฐกิจฝ่าวิกฤตสู่ความรุ่งโรจน์ปี 2025+

ในฐานะที่ผมคลุกคลีอยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงทั้งขึ้นและลงของภูมิทัศน์เศรษฐกิจมานับครั้งไม่ถ้วน แต่สถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่นั้น แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เราไม่ได้อยู่แค่ทางแยกธรรมดา แต่เรากำลังยืนอยู่บนปากเหวที่ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ อดีตที่เราเคยพึ่งพาเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเดิม ๆ ไม่สามารถพาเราไปต่อได้อีกแล้ว นี่คือเวลาที่เราต้องมองหาเข็มทิศใหม่ และจากประสบการณ์ของผม ผมเชื่อมั่นว่าอสังหาริมทรัพย์ไทยคือคำตอบที่ไม่อาจมองข้ามได้ ในบทความนี้ ผมจะพาทุกท่านเจาะลึกถึงความท้าทายที่เราเผชิญอยู่ และนำเสนอแนวทางที่อสังหาริมทรัพย์ไทยสามารถเป็นกลไกสำคัญในการฟื้นฟูและสร้างความมั่งคั่งให้แก่ประเทศชาติได้อย่างยั่งยืน

เศรษฐกิจไทยถึงทางตัน: ความจริงที่เราไม่อาจปฏิเสธ

สถานการณ์เศรษฐกิจโลกปี 2025 เต็มไปด้วยความผันผวนและความไม่แน่นอน สงครามการค้าทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แรงกดดันจากภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลกระทบโดยตรงต่อห่วงโซ่อุปทานและการค้าโลก ประเทศไทยซึ่งพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก จึงได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่เพียงเท่านั้น เศรษฐกิจจีนซึ่งเคยเป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนสำคัญของภูมิภาค ก็กำลังชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ แรงกดดันจากการแข่งขันทางการค้าทำให้สินค้าจากจีนและประเทศใกล้เคียงไหลบ่าเข้ามาในตลาดมากขึ้น สร้างความท้าทายให้กับผู้ประกอบการไทย

แต่ปัจจัยภายนอกเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสมการ ปัญหาเชิงโครงสร้างภายในประเทศนั้นหยั่งรากลึกและเรื้อรัง ดร.บัณฑิต นิจถาวร อดีตรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เคยกล่าวเตือนถึง “กับดักทศวรรษที่สาบสูญ” ซึ่งสะท้อนภาพการลงทุนที่ซบเซาและสัญญาณการฟื้นตัวที่ริบหรี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดหุ้น ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจจาก 40% เป็นกว่า 90% ของ GDP ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ถือเป็นอุปสรรคสำคัญที่บั่นทอนกำลังซื้อภายในประเทศ และทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างยากลำบากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรสู่สังคมสูงวัยกำลังสร้างความท้าทายด้านแรงงานในอนาคต ประเทศไทยจะขาดแคลนแรงงานวัยหนุ่มสาวที่มีศักยภาพในการผลิต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมยังคงเป็นประเด็นที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ตลอด 20-30 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยพึ่งพาอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ลงทุนโดยญี่ปุ่นเป็นหลักในการขับเคลื่อน GDP แต่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างรวดเร็ว แม้ไทยจะเริ่มมีการลงทุนในอุตสาหกรรม EV บ้าง แต่ปัญหาคือผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่ยังไม่สามารถผลิตชิ้นส่วนสำคัญป้อนอุตสาหกรรมได้ เนื่องจากขาดเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เพียงพอ ทำให้เราอาจจะสูญเสียความได้เปรียบในระยะยาว การส่งออกสินค้าอื่น ๆ ที่เคยเป็นแชมป์ในอดีตก็เผชิญการแข่งขันที่รุนแรงและสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดไป

แม้รัฐบาลจะพยายามผลักดันภาคการท่องเที่ยวให้กลับมาเป็นความหวังในการสร้างรายได้ แต่ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน ก็ยังไม่กลับมาในระดับก่อนโควิด-19 และโอกาสที่จะกลับไปเหมือนเดิมก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยปัจจัยเหล่านี้ เราจึงต้องยอมรับว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้อง “เปลี่ยน” โครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศอย่างจริงจัง

เปลี่ยนผ่านโครงสร้าง GDP: บทเรียนจากนานาประเทศสู่โอกาสของอสังหาริมทรัพย์ไทย

การพึ่งพาโครงสร้างเศรษฐกิจแบบเดิม ๆ ที่เน้นภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกมากเกินไป ทำให้ประเทศไทยอ่อนไหวต่อปัจจัยภายนอกและขาดความยืดหยุ่น ในขณะที่ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ต่างหันมาพึ่งพาภาคบริการและนวัตกรรมมากขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางที่อสังหาริมทรัพย์ไทยสามารถเข้ามามีบทบาทสำคัญได้

สิงคโปร์: จากเดิมที่พึ่งพาภาคอุตสาหกรรม ปัจจุบันกว่า 70% ของ GDP มาจากภาคบริการ โดยเฉพาะด้านการเงิน ธนาคาร เทคโนโลยี และเศรษฐกิจดิจิทัล พวกเขาสร้างรายได้จากต่างประเทศผ่านการเป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับโลกและการส่งเสริมอุตสาหกรรมไฮเทค
เกาหลีใต้: แม้จะยังคงเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมหนัก แต่เกาหลีใต้ก็ปรับตัวอย่างรวดเร็ว หันมาเน้นเทคโนโลยี นวัตกรรม อุตสาหกรรมบันเทิง (K-Pop, K-Drama) และภาคบริการ ซึ่งมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ฮ่องกง: จากฐานการผลิตโรงงานทอผ้า พวกเขาเปลี่ยนผ่านสู่ภาคการเงิน การบริการ และอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มรูปแบบ จนกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญ
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE): เคยพึ่งพารายได้จากการขายน้ำมันเป็นหลัก แต่ปัจจุบันรายได้จากน้ำมันคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 30% ของ GDP พวกเขาหันมาส่งเสริมการท่องเที่ยวหรูหรา ธุรกิจบริการ และอุตสาหกรรม MICE (การประชุม, นิทรรศการ) โดยมีอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกเป็นแรงดึงดูด
อังกฤษ: อดีตผู้นำอุตสาหกรรมโลก ปัจจุบันภาคบริการมีสัดส่วนกว่า 80% ของ GDP ลอนดอนกลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินและเทคโนโลยีที่สำคัญของยุโรป ดึงดูดการลงทุนและบุคลากรจากทั่วโลก

โครงสร้าง GDP ของไทยปัจจุบัน การบริโภคภาคเอกชน 57.7% การลงทุนภาคเอกชน 17.3% การใช้จ่ายภาครัฐ 22.2% การส่งออกสินค้าและบริการ 65.4% และการนำเข้า 63.7% ขณะที่การผลิต ภาคเกษตรกรรม 8.4% ภาคอุตสาหกรรม 39.2% และภาคบริการ 52% คำถามที่แท้จริงคือรายได้จากการส่งออกที่เราได้รับนั้น “สุทธิ” เท่าไหร่ และเราจะสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างไร การเปลี่ยนผ่านสู่ภาคบริการและอสังหาริมทรัพย์จึงเป็นทางออกที่สมเหตุสมผลและมีศักยภาพสูงสำหรับประเทศไทย

ประเทศไทยมีต้นทุนที่ดีงามมากมายที่ชาวต่างชาติหลงใหล กรุงเทพฯ ติดอันดับเมืองที่นักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในโลก มีโรงพยาบาลชั้นนำระดับโลกหลายแห่ง คนไทยมีอัธยาศัยดี มีมนุษยสัมพันธ์และบริการที่ประทับใจ หากเราสามารถผนวกจุดแข็งเหล่านี้เข้ากับศักยภาพของอสังหาริมทรัพย์ไทย เราจะสามารถสร้างแม่เหล็กดึงดูดเม็ดเงินจากต่างชาติได้อย่างมหาศาล

กลไกขับเคลื่อนใหม่: อสังหาริมทรัพย์ไทยกับการสร้างกำลังซื้อจากต่างประเทศ

จากประสบการณ์ตรงในตลาด ผมได้เห็นว่าการดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาซื้อและลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไทย ไม่ใช่แค่การขายบ้าน แต่เป็นการสร้างระบบนิเวศทางเศรษฐกิจที่ครบวงจร ซึ่งจะนำไปสู่การบริโภคและการจ้างงานในท้องถิ่นอย่างมหาศาล เราควรเปิดโอกาสให้คนต่างชาติมาถือครองอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยในไทยมากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลว่าที่ดินของประเทศจะถูกยึดครองหมด เพราะประเทศไทยมีที่ดินถึง 321 ล้านไร่ มีเอกสารสิทธิ 127 ล้านไร่ (40%) หากสมมติว่าใน 1 ปี เราสามารถขายบ้านให้ชาวต่างชาติได้ 200,000 หลัง ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก การใช้ที่ดินสำหรับจำนวนนี้จะยังไม่ถึง 0.2% ของที่ดินทั้งหมดที่มี

ในปี 2565 มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ 392,858 หน่วย มูลค่ากว่า 1.065 ล้านล้านบาท หากเราสามารถดึงดูดให้ชาวต่างชาติเข้ามาซื้อได้เพียง 1 ใน 4 ของจำนวนนี้ คิดเป็นมูลค่าราว 2.5 แสนล้านบาท ก็จะสร้างผลกระทบเชิงบวกมหาศาลต่อระบบเศรษฐกิจ ลองจินตนาการถึงมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นวัสดุก่อสร้าง การตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และบริการต่าง ๆ นี่คือมูลค่าทางเศรษฐกิจที่รอการปลดล็อก

ชาวต่างชาติจำนวนมากต้องการมาใช้ชีวิตในประเทศไทย ด้วยเหตุผลหลายประการที่อสังหาริมทรัพย์ไทยและประเทศโดยรวมมีข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่ง:

ค่าครองชีพต่ำกว่า: เมื่อเทียบกับประเทศตะวันตกหรือประเทศพัฒนาแล้ว
คุณภาพชีวิตที่ดี: ทั้งในแง่ของสภาพอากาศ อาหาร สังคม และวัฒนธรรม
อาหารไทยระดับโลก: เป็นที่ยอมรับและชื่นชอบของคนทั่วโลก
ระบบสาธารณสุขคุณภาพสูงในราคาเข้าถึงได้: โรงพยาบาลไทยหลายแห่งมีมาตรฐานระดับสากล
ราคาอสังหาริมทรัพย์ไม่แพงเกินไป: เมื่อเทียบกับคุณภาพและทำเลที่ตั้ง
สังคมไทยเป็นมิตรและอบอุ่น: วัฒนธรรมการต้อนรับของไทยเป็นที่ประจักษ์
โครงสร้างพื้นฐานด้านอินเทอร์เน็ตคุณภาพสูง: รองรับการทำงานแบบดิจิทัล (Digital Nomads) และไลฟ์สไตล์ยุคใหม่

แม้ที่ผ่านมาจะมีการผลักดันกลุ่มผู้มีรายได้สูงพิเศษ แต่ในความเป็นจริงแล้ว กลุ่มชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อและสนใจอสังหาริมทรัพย์ไทยในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มรายได้ปานกลางถึงสูง โดยมีราคาบ้านที่พวกเขาพิจารณาอยู่ที่ระดับ 5-7 ล้านบาท ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีกลุ่ม 10 ล้านบาทขึ้นไป แต่กลุ่มกลางถึงบนนี้มีจำนวนมหาศาล และเป็นตลาดที่เราควรให้ความสำคัญ

บทเรียนจากความสำเร็จ: 5 ประเทศที่ใช้อสังหาริมทรัพย์เป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจ

หลายประเทศที่เคยเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจ กำลังซื้อภายในประเทศลดลง และหนี้ครัวเรือนสูง ได้หันมาใช้กลยุทธ์การดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์และใช้จ่ายในประเทศ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง นี่คือตัวอย่างที่ประเทศไทยสามารถนำมาปรับใช้กับอสังหาริมทรัพย์ไทยได้:

โปรตุเกส (Golden Visa 2012): หลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 2008 โปรตุเกสได้ริเริ่มโครงการ Golden Visa โดยอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่า 500,000 ยูโรขึ้นไป ได้รับสิทธิพำนักถาวร ทำให้เงินทุนไหลเข้ากว่า 7 พันล้านยูโร ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจและกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
สเปน (Residency by Investment): คล้ายกับโปรตุเกส สเปนเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติที่ลงทุน 500,000 ยูโรขึ้นไป ได้รับสิทธิพำนักถาวร โครงการนี้กระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาหลังวิกฤตปี 2008 และช่วยให้ GDP ของประเทศฟื้นตัว 3% ภายใน 5 ปี โดยเฉพาะการดึงดูดนักลงทุนจากจีน รัสเซีย และตะวันออกกลาง
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (Freehold Property): UAE อนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์แบบ Freehold (กรรมสิทธิ์สมบูรณ์) ได้อย่างอิสระ ซึ่งดึงดูดนักลงทุนมหาศาล และทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยวคิดเป็นกว่า 50% ของ GDP กลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับโลก
กรีซ (Greece Golden Visa): หลังวิกฤตหนี้สาธารณะ กรีซเปิดตัว Golden Visa โดยให้นักลงทุนต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่า 250,000 ยูโรขึ้นไป เพื่อแลกกับวีซ่าพำนัก โครงการนี้ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์กรีซเติบโตถึง 60% ภายใน 10 ปี และเป็นแรงกระตุ้นสำคัญในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
มาเลเซีย (Malaysia My Second Home – MM2H): มาเลเซียประสบความสำเร็จในการดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาพำนักระยะยาวผ่านโครงการ MM2H ซึ่งกระตุ้นตลาดบ้านอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้เกษียณอายุและนักลงทุนจากจีนและญี่ปุ่น

บทเรียนจากประเทศเหล่านี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การใช้อสังหาริมทรัพย์เป็นกลไกในการดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติ ไม่ใช่แค่เรื่องของมูลค่าทรัพย์สิน แต่ยังเป็นการสร้าง multiplier effect ที่กระจายรายได้ไปสู่ภาคส่วนอื่น ๆ ของเศรษฐกิจ

อสังหาริมทรัพย์ไทย: โอกาสทองที่ต้องคว้าในทศวรรษหน้า

การผลักดันให้มีการอนุโลมให้ชาวต่างชาติถือครองอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยในประเทศไทยนั้น จะสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างมหาศาลต่อเศรษฐกิจของเรา:

เพิ่มยอดขายอสังหาริมทรัพย์: โดยตรงต่อผู้ประกอบการ ทั้งรายใหญ่และรายย่อย ซึ่งจะทำให้เกิดการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ ๆ
กระตุ้นธุรกิจวัสดุก่อสร้างและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง: เมื่อมีการก่อสร้างและตกแต่งที่อยู่อาศัยมากขึ้น ธุรกิจเหล่านี้จะได้รับอานิสงส์เต็ม ๆ
สร้างการจ้างงานโดยตรงและทางอ้อม: ตั้งแต่แรงงานก่อสร้าง พนักงานขาย ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงแม่บ้าน พนักงานรักษาความปลอดภัย และผู้ให้บริการต่าง ๆ
เพิ่มการบริโภคในท้องถิ่น: ชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่อาศัยจะใช้จ่ายเงินไปกับสินค้าและบริการในชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร ร้านค้า ร้านอาหาร การขนส่ง และการท่องเที่ยว ซึ่งจะสร้างรายได้หมุนเวียนให้แก่เศรษฐกิจท้องถิ่น

ตัวอย่างเช่น การขายบ้าน 10,000 หลัง ให้ชาวต่างชาติ สามารถเพิ่ม GDP ได้ถึง 0.75% แต่หากเราสามารถเพิ่มยอดขายได้ถึง 100,000 หลัง จะสามารถเพิ่ม GDP ได้ถึง 7% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ทรงพลังอย่างยิ่ง ปัจจุบันนี้ แม้จะมีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในลักษณะ Nominee (นอมินี) ทั้งถูกต้องและไม่ถูกต้องอยู่แล้วจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะในภูเก็ตและพัทยา แต่หากเรามีนโยบายที่ชัดเจนและเปิดกว้าง จะสามารถดึงดูดเม็ดเงินเหล่านี้ให้เข้ามาในระบบได้อย่างโปร่งใสและเป็นทางการมากขึ้น

บทสรุปและก้าวต่อไป: อนาคตที่สดใสของอสังหาริมทรัพย์ไทย

ถึงเวลาแล้วที่เราต้องมาทบทวนและปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ จากการพึ่งพาภาคอุตสาหกรรมมาสู่การพึ่งพาภาคบริการและอสังหาริมทรัพย์ โดยใช้อสังหาริมทรัพย์เป็นกลไกสำคัญในการสร้างกำลังซื้อจากต่างประเทศ

ผมเชื่อมั่นว่าอสังหาริมทรัพย์ไทยมีศักยภาพที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต ประเทศไทยมีเสน่ห์และปัจจัยพื้นฐานที่ดีเยี่ยมที่พร้อมจะดึงดูดนักลงทุนและผู้ที่ต้องการมาใช้ชีวิตจากทั่วโลก สิ่งที่เราต้องการคือความกล้าหาญทางนโยบายและการมองเห็นโอกาสที่อยู่ตรงหน้า

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ผมขอเรียกร้องให้ภาครัฐและผู้มีอำนาจทุกภาคส่วน พิจารณาอย่างจริงจังในการออกมาตรการและนโยบายที่เอื้อต่อการลงทุนและถือครองอสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การเสนอโครงการ Golden Visa ในรูปแบบที่เหมาะสมกับบริบทของไทย การส่งเสริมการตลาดอสังหาริมทรัพย์หรูและคอนโดมิเนียมเพื่อการลงทุนในพื้นที่ศักยภาพสูงอย่างกรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา และเชียงใหม่ ไปจนถึงการอำนวยความสะดวกด้านวีซ่าพำนักระยะยาว และการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่จูงใจ โดยยังคงรักษาผลประโยชน์ของคนไทยเป็นสำคัญ การดำเนินการเชิงรุกในวันนี้ จะเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพอันมหาศาลของอสังหาริมทรัพย์ไทย และนำพาประเทศของเราให้ฟื้นตัวและเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคเศรษฐกิจใหม่

อย่ารอช้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ มาร่วมกันสร้างอนาคตที่สดใสให้แก่เศรษฐกิจไทยผ่านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยไปด้วยกัน หากท่านเป็นผู้ประกอบการ นักลงทุน หรือผู้สนใจ โปรดติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อศึกษาโอกาสการลงทุนในไทยที่พร้อมจะตอบโจทย์ความมั่งคั่งของท่านและประเทศชาติไปพร้อมกัน

Previous Post

D1912151 องเจ าบ าวส ดแสบ ใช ดขวางงานแต ง! part2

Next Post

D1912153 ทนอย ไม ได าต องคบก บแฟนตาบอด! part2

Next Post
D1912153 ทนอย ไม ได าต องคบก บแฟนตาบอด! part2

D1912153 ทนอย ไม ได าต องคบก บแฟนตาบอด! part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D2312034 สงกรานต รดน ำดำห วก นนะไอ เสร part2
  • D2312033 เพชรปลอม หญ งคนน ไม ได ไว ให ใครมาด part2
  • D2312032 โรงแรมน ไม ให เข นผมก อโรงแรมซะเลย part2
  • D2312029 เพราะฉ นไม สวย ไม ณค าใช ไหม part2
  • D2312030 งตรงน ไว สำหร บผ part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.