• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D1912151 องเจ าบ าวส ดแสบ ใช ดขวางงานแต ง! part2

admin79 by admin79
December 22, 2025
in Uncategorized
0
D1912151 องเจ าบ าวส ดแสบ ใช ดขวางงานแต ง! part2

วิกฤตเศรษฐกิจไทย 2025: ปลดล็อกศักยภาพภาคอสังหาริมทรัพย์ สู่การฟื้นฟูอย่างยั่งยืน

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในแวดวงอสังหาริมทรัพย์และการพัฒนาเศรษฐกิจมานานกว่าทศวรรษ ผมเฝ้ามองสถานการณ์ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ด้วยความกังวล แต่ก็เห็นถึงโอกาสอันมหาศาลหากเรากล้าที่จะเปลี่ยนผ่านจากแนวคิดเดิมๆ ที่เคยนำพาเรามาถึงจุดนี้ ณ ปี 2025 นี้ คำถามที่ว่า “เศรษฐกิจไทยถึงทางตัน โอกาสรอดอยู่ตรงไหน” ไม่ใช่แค่คำถามของนักวิชาการหรือผู้ประกอบการเท่านั้น แต่เป็นประเด็นที่คนไทยทุกคนสัมผัสได้ถึงผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ประเทศไทยกำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญ โครงสร้างเศรษฐกิจที่เคยเป็นเสาหลักกำลังสั่นคลอนจากปัจจัยภายในและภายนอกที่ซับซ้อน การพึ่งพาภาคส่วนเดิมๆ อาจไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป แต่การมองหาแนวทางใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย อาจเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำพาประเทศออกจากกับดักความท้าทายในปัจจุบันและสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคต

เผชิญหน้ากับความจริง: พายุเศรษฐกิจลูกใหญ่ที่ถาโถมประเทศไทย

เราต้องยอมรับว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยไม่ได้เติบโตอย่างมีคุณภาพ แต่เป็นการเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วยหนี้สินและอิงแอบกับสถานการณ์โลกที่ผันผวนอย่างหนัก คำเตือนจาก IMF ที่ชี้ว่าไทยกำลังติดกับดักทศวรรษที่สาบสูญนั้น เป็นสัญญาณอันตรายที่เราไม่อาจมองข้ามได้ ปัญหาเชิงโครงสร้างที่ซ่อนอยู่กำลังปรากฏให้เห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

ประการแรก เราไม่อาจหนีพ้นผลกระทบจาก สงครามการค้า ที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออกของเรา ประเทศไทยซึ่งเคยพึ่งพาอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนที่ลงทุนโดยต่างชาติอย่างญี่ปุ่นมานานหลายทศวรรษ กำลังประสบภาวะกดดันมหาศาล สินค้าจีนที่ถูกเทรดวอร์กำลังไหลทะลักเข้ามาในภูมิภาค ทำให้ไทยต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในตลาดส่งออกและตลาดภายในประเทศของเราเอง แม้เราจะพยายามผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) แต่ด้วยข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีและห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ผู้ประกอบการไทยยังไม่สามารถผลิตชิ้นส่วนสำคัญป้อนอุตสาหกรรมนี้ได้อย่างเต็มศักยภาพ การส่งออกสินค้าอื่นๆ ที่ไทยเคยเป็นแชมเปี้ยนก็กำลังเสื่อมถอยลงอย่างน่าใจหาย

ประการที่สอง ปัญหาหนี้ครัวเรือนพุ่งสูงอย่างน่าตกใจ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการบริโภคภายในประเทศ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว หนี้ครัวเรือนไทยอยู่ที่ประมาณ 40% ของ GDP แต่ปัจจุบันกลับพุ่งทะลุ 90% (หรือตามแหล่งข่าวเดิมระบุ 126% หากเทียบจากอัตรา 10 ปีที่แล้ว) ซึ่งสะท้อนถึงการนำเงินในอนาคตมาใช้ในปริมาณมหาศาล การอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยไม่ได้แก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง จึงเป็นเพียงการสร้างภาระหนี้ระยะยาวที่ยากจะแก้ไข ทำให้โอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนลดน้อยลงอย่างมาก

ประการที่สาม เรากำลังเผชิญกับวิกฤตโครงสร้างประชากรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สังคมผู้สูงอายุที่กำลังมาถึง ส่งผลให้จำนวนแรงงานวัยหนุ่มสาวลดลงอย่างต่อเนื่อง นำไปสู่ปัญหาการขาดแคลนแรงงานมีฝีมือ และลดทอนขีดความสามารถในการสร้างผลิตภาพ (productivity) ของประเทศในระยะยาว ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมยังคงเป็นเงาตามตัว บั่นทอนความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

และสุดท้าย แม้รัฐบาลจะคาดหวังรายได้จากการท่องเที่ยวเพื่อ ฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย แต่ความเป็นจริงก็คือ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่กลับมาในระดับก่อนโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเคยเป็นกลุ่มหลัก ก็มีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะกลับมาในจำนวนมหาศาลเช่นเดิม ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจและนโยบายภายในของจีนที่เปลี่ยนไป ทำให้รายได้จากภาคการท่องเที่ยวที่เคยเป็นความหวังสูงกลับกลายเป็นความไม่แน่นอน

จากทั้งหมดนี้ เป็นที่ประจักษ์ว่าประเทศไทยไม่สามารถพึ่งพิงโครงสร้างเศรษฐกิจเดิมๆ ได้อีกต่อไป เราจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ หากต้องการ ฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ให้กลับมาเข้มแข็งและเติบโตอย่างยั่งยืน

พลิกเกมเศรษฐกิจ: บทเรียนจากนานาชาติ สู่การเปลี่ยนผ่านโครงสร้าง GDP

เมื่อมองไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่เคยเผชิญหน้ากับความท้าทายทางเศรษฐกิจในลักษณะเดียวกัน เราจะเห็นว่าหลายประเทศประสบความสำเร็จในการพลิกโฉมตัวเองด้วยการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง GDP ครั้งใหญ่ ไม่ได้ยึดติดกับภาคส่วนเดิมๆ ที่เคยเป็นแกนหลัก:

สิงคโปร์: จากประเทศที่เน้นภาคอุตสาหกรรมหนัก พลิกโฉมสู่การเป็นศูนย์กลางบริการระดับโลก ด้วยสัดส่วนภาคบริการสูงถึง 70% ของ GDP สร้างรายได้จากต่างประเทศมหาศาลในด้านการเงิน, ธนาคาร, เทคโนโลยี, เศรษฐกิจดิจิทัล, AI และการศึกษา ซึ่งถือเป็นการ ลงทุนระยะยาว ในทรัพยากรมนุษย์และนวัตกรรม
เกาหลีใต้: แม้จะยังคงแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมหนัก แต่ได้ขยายบทบาทสู่ภาคเทคโนโลยีล้ำสมัย อุตสาหกรรมบันเทิง (K-Pop, ซีรีส์) และภาคบริการ ซึ่งกลายเป็น soft power ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล
ฮ่องกง: จากฐานการผลิตสิ่งทอ เปลี่ยนผ่านสู่การเป็นศูนย์กลางทางการเงิน การบริการ และภาคอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก ที่ดึงดูด การลงทุนต่างชาติ อย่างมหาศาล
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์: เคยพึ่งพารายได้จากการขุดเจาะน้ำมันเป็นหลัก ปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากน้ำมันเหลือไม่ถึง 30% ของ GDP พวกเขาหันมาเน้นการท่องเที่ยวหรูหรา ธุรกิจบริการ และส่งเสริมอุตสาหกรรม MICE (การประชุม, การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล, การประชุมนานาชาติ, นิทรรศการ) อย่างจริงจัง โดยมีภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นหัวใจสำคัญในการรองรับ
สหราชอาณาจักร: อดีตผู้นำอุตสาหกรรมในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ปัจจุบันภาคบริการมีสัดส่วนเกิน 80% ของ GDP โดยเฉพาะกรุงลอนดอนที่กลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินและเทคโนโลยีของยุโรป

บทเรียนจากประเทศเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า การยึดติดกับโครงสร้างเศรษฐกิจแบบเดิมๆ เป็นความเสี่ยง การกล้าที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่ภาคส่วนที่มีมูลค่าเพิ่มสูงและสามารถดึงดูด การลงทุนต่างชาติ ได้คือหนทางสู่ความอยู่รอดและความมั่งคั่ง ประเทศไทยมีศักยภาพที่ซ่อนอยู่มากมาย ทั้งด้านการบริการ การท่องเที่ยว วัฒนธรรม และอัธยาศัยไมตรี ซึ่งชาวต่างชาติทั่วโลกล้วนชื่นชอบ

ข้อมูลชี้ชัดว่ากรุงเทพฯ ยังคงติดอันดับเมืองที่นักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในโลก มีโรงพยาบาลติดอันดับโลกหลายแห่ง คนไทยมีมนุษยสัมพันธ์ดี บริการประทับใจ หากเราสามารถเชื่อมโยงจุดแข็งเหล่านี้เข้ากับการผลักดันภาคบริการและที่สำคัญคือ ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย ให้กลายเป็นเครื่องจักรสำคัญในการ ฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

อสังหาริมทรัพย์: หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนการฟื้นตัวของไทย

ในฐานะที่คลุกคลีอยู่ในวงการ อสังหาริมทรัพย์ไทย มาอย่างยาวนาน ผมเชื่อมั่นว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการพิจารณาแนวคิดที่กล้าหาญ: การเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติสามารถถือกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยในประเทศไทยได้อย่างเปิดกว้างและโปร่งใสมากขึ้น

บางคนอาจกังวลว่าที่ดินของประเทศจะถูกต่างชาติยึดครอง แต่จากข้อมูล ประเทศไทยมีที่ดินกว่า 321 ล้านไร่ มีเอกสารสิทธิ 127 ล้านไร่ (ประมาณ 40%) หากเราสามารถขายบ้านให้ชาวต่างชาติได้ 200,000 หลังต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก ก็ยังคิดเป็นสัดส่วนการใช้ที่ดินไม่ถึง 0.2% ของที่ดินทั้งหมดที่มีอยู่ นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ เมื่อเทียบกับประโยชน์มหาศาลที่จะได้รับ

ในปี 2565 มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศกว่า 392,858 หน่วย มูลค่ารวม 1.065 ล้านล้านบาท หากเราสามารถดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาซื้อได้เพียง 1 ใน 4 ของจำนวนนี้ จะสร้างมูลค่าการซื้อขายได้ถึง 2.5 แสนล้านบาท (ตามตัวเลขเดิม 1 ล้านล้านบาท หากใช้มูลค่าเฉลี่ยของบ้านที่ต่างชาติซื้อ) ซึ่งจะเป็นเม็ดเงินมหาศาลที่หลั่งไหลเข้ามาในระบบเศรษฐกิจ

ทำไมชาวต่างชาติจึงต้องการมาอยู่ประเทศไทย? เพราะเรามีข้อได้เปรียบที่โดดเด่น:
ค่าครองชีพต่ำ คุณภาพชีวิตดี: เมื่อเทียบกับประเทศตะวันตก
อาหารไทย: ได้รับการยอมรับทั่วโลก
สภาพอากาศดี: มีความหลากหลายทางภูมิประเทศ
ระบบสาธารณสุข: มีคุณภาพดีและราคาถูกกว่าหลายประเทศ
ราคาอสังหาริมทรัพย์: ยังคงเข้าถึงได้เมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ในต่างประเทศ
สังคมไทย: เป็นมิตรและมีอัธยาศัยดี
อินเทอร์เน็ตคุณภาพ: รองรับการทำงานและการใช้ชีวิตยุคใหม่

กลุ่มเป้าหมายไม่ใช่แค่ผู้มีรายได้สูงพิเศษเท่านั้น แต่รวมถึงกลุ่มคนรายได้ปานกลางถึงสูงที่มองหาโอกาสในการ ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือที่อยู่อาศัยในราคาที่เหมาะสม โดยเฉพาะบ้านพักอาศัยระดับราคา 5-7 ล้านบาท ซึ่งเป็นช่วงราคาที่กลุ่มนี้มีกำลังซื้อ ไม่ใช่แค่คอนโดมิเนียม

ผลกระทบจากการผลักดันนโยบายนี้จะส่งผลดีในหลายมิติ:
กระตุ้นยอดขายบ้านและคอนโด: ทำให้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง: ได้รับอานิสงส์เต็มที่จากความต้องการสร้างและตกแต่งที่อยู่อาศัย
การจ้างงาน: ทั้งทางตรงและทางอ้อมในภาคก่อสร้าง ภาคบริการ และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
การบริโภคในท้องถิ่น: ชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่อาศัยจะมีการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ทั้งค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าบริการต่างๆ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนและท้องถิ่น
เพิ่ม GDP ไทย: การขายบ้าน 10,000 หลัง อาจส่งผลให้ GDP ไทย เพิ่มขึ้น 0.75% แต่หากสามารถขายได้ถึง 100,000 หลัง จะทำให้ GDP ขยายตัวได้ถึง 7% ซึ่งเป็นตัวเลขที่มีนัยสำคัญอย่างยิ่งต่อ การฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย

นอกจากนี้ การส่งเสริม พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ตอบโจทย์ชาวต่างชาติ เช่น โครงการบ้านพักตากอากาศใน ภูเก็ต, พัทยา, หัวหิน หรือคอนโดมิเนียมใน กรุงเทพ จะสร้าง โอกาสลงทุน ที่น่าสนใจและเป็นช่องทางในการดึงดูดเม็ดเงินใหม่ๆ เข้าประเทศ

ถอดบทเรียนจากโมเดลระดับโลก: สร้างนโยบายที่ดึงดูดการลงทุนอย่างแท้จริง

หลายประเทศได้พิสูจน์แล้วว่า การใช้นโยบายที่เอื้อต่อ การถือกรรมสิทธิ์ของต่างชาติ ในอสังหาริมทรัพย์ สามารถเป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการ ฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ได้:

โปรตุเกส: โครงการ Golden Visa ปี 2012 ดึงดูดเงินลงทุนกว่า 7 พันล้านยูโร ด้วยการอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่า 500,000 ยูโรขึ้นไป ได้สิทธิพำนัก ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤตอย่างรวดเร็ว
สเปน: โครงการ Residency by Investment หลังวิกฤตปี 2008 ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติลงทุน 500,000 ยูโรขึ้นไป กระตุ้นตลาดบ้านที่ซบเซาและทำให้ GDP ไทย (ขออภัย แก้เป็น GDP สเปน) ฟื้นตัว 3% ภายใน 5 ปี โดยเฉพาะจากนักลงทุนจีน รัสเซีย และตะวันออกกลาง
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์: นโยบาย Freehold Property ที่อนุญาตให้ต่างชาติซื้อบ้านแบบกรรมสิทธิ์สมบูรณ์ ดึงดูดนักลงทุนมหาศาล ทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยวมีสัดส่วนถึง 50% ของ GDP และเปลี่ยนดูไบให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับโลก
กรีซ: โครงการ Greece Golden Visa ที่กำหนดให้ชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่า 250,000 ยูโรขึ้นไป แลกกับวีซ่าพำนัก ทำให้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ เติบโตกว่า 60% ภายใน 10 ปี ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจหลังวิกฤตหนี้ยุโรปได้อย่างมีนัยสำคัญ
มาเลเซีย: โครงการ Malaysia My Second Home (MM2H) เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติพำนักระยะยาว กระตุ้นตลาดบ้านและดึงดูดผู้เกษียณอายุและนักลงทุนจากจีนและญี่ปุ่น

บทเรียนจากประเทศเหล่านี้ชัดเจนว่า นโยบายเศรษฐกิจ ที่สร้างแรงจูงใจและอำนวยความสะดวกให้ การลงทุนต่างชาติ ในภาคอสังหาริมทรัพย์ สามารถสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าและเป็นประโยชน์ต่อประเทศในระยะยาว สิ่งสำคัญคือการมีกรอบกฎหมายที่ชัดเจน โปร่งใส และสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน

ถึงเวลาแล้วที่เราต้องมองข้ามความกังวลเดิมๆ และใช้โอกาสนี้ในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพื่อ ฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง การเปลี่ยนผ่านจากการพึ่งพาภาคอุตสาหกรรมหนักสู่การใช้ ภาคอสังหาริมทรัพย์ เป็นแกนหลักในการสร้างกำลังซื้อจากต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการยกระดับภาคบริการและเทคโนโลยี จะเป็นเส้นทางที่นำพาประเทศไทยไปสู่ความมั่งคั่งและยั่งยืน

ในฐานะ ผู้ประกอบการอสังหาฯ และผู้เชี่ยวชาญในภาคส่วนนี้ ผมขอยืนยันว่า ศักยภาพประเทศไทย ในการดึงดูดนักลงทุนและผู้อยู่อาศัยต่างชาติมีสูงมาก หากเรามี นโยบายเศรษฐกิจ ที่กล้าหาญและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน เราจะสามารถเปลี่ยนความท้าทายให้เป็น โอกาสลงทุน ที่ยิ่งใหญ่ได้

ก้าวต่อไป: สร้างอนาคตเศรษฐกิจไทยด้วยวิสัยทัศน์ใหม่

สถานการณ์ปัจจุบันเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าเราไม่อาจดำเนินธุรกิจแบบ “ทำอย่างที่เคยทำ” ได้อีกต่อไป ถึงเวลาที่เราต้องทบทวนโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศอย่างจริงจัง และกล้าที่จะปรับเปลี่ยนให้ทันกับพลวัตของโลกปี 2025 และปีต่อๆ ไป การปลดล็อกศักยภาพของ ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย ไม่ได้เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาระยะสั้น แต่เป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตในอนาคต

การเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้ามาถือกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย ไม่ได้หมายถึงการขายชาติ แต่เป็นการเชื้อเชิญพันธมิตรทางเศรษฐกิจเข้ามาแบ่งปันโอกาสและช่วยกันสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับประเทศ ผ่านการ ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ การใช้จ่าย และการสร้างงานในท้องถิ่น โมเดลนี้ได้พิสูจน์ความสำเร็จมาแล้วทั่วโลก และประเทศไทยก็มีศักยภาพที่จะทำได้ดียิ่งกว่า

ผมเชื่อมั่นว่าการรวมพลังของภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน จะเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดัน นโยบายเศรษฐกิจ ที่เอื้อต่อการลงทุนและสร้างสภาพแวดล้อมที่ดึงดูด การลงทุนต่างชาติ การมีกฎหมายที่ชัดเจนและเป็นธรรม จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและดึงดูดเม็ดเงินเข้าสู่ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ และนำไปสู่การ ฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย อย่างแท้จริง

ถึงเวลาที่เราต้องไม่เพียงแค่พูดถึงการเปลี่ยนแปลง แต่ต้องลงมือทำอย่างจริงจัง

หากท่านเป็นผู้ที่เห็นถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ และต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอนาคตของเศรษฐกิจไทย หรือกำลังมองหา โอกาสลงทุน ที่มั่นคงใน ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย เราขอเชิญชวนให้ทุกท่านร่วมกันศึกษา อภิปราย และผลักดันแนวคิดนี้ให้เป็นจริง เพื่อสร้างประเทศไทยที่แข็งแกร่ง มั่นคง และยั่งยืนสำหรับคนรุ่นหลัง โปรดติดต่อเราเพื่อแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์และก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน

Previous Post

D1912150 เด กเส ฟใจกล แอบขโมยอาหารร านหร part2

Next Post

D1912152 แม าข าวแกง เป นต นเหต บแสงน กร องด part2

Next Post
D1912152 แม าข าวแกง เป นต นเหต บแสงน กร องด part2

D1912152 แม าข าวแกง เป นต นเหต บแสงน กร องด part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D2312062 เพ อนใจใหญ ทำอะไรก องใหญ ไว อน part2
  • D2312061 งมาม ดใต โต เด กคนน พยายามจะบอกอะไรก นแน part2
  • D2312060 ไส กรอกอ สาน งท หว งไว คงร บหร เพราะม คด ดต part2
  • D2312059 าวแกงแลกขวด อวดรวยจนไม ใครให part2
  • D2312058 งานเล ยงส ดหร พาเด กท ไหนก ไม เข ามาก นเน ยนะ part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.