• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D1912141 BM ไปออกเดทส ดหร แต เจอเน อค เป นคนซ อมมอเตอร ไซค part2

admin79 by admin79
December 22, 2025
in Uncategorized
0
D1912141 BM ไปออกเดทส ดหร แต เจอเน อค เป นคนซ อมมอเตอร ไซค part2

อสังหาริมทรัพย์: ขุมพลังใหม่พลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย สู่ทศวรรษแห่งโอกาส

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยมานานกว่าทศวรรษ ผมเฝ้ามองพลวัตทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศและระดับโลกอย่างใกล้ชิด ความรู้สึกหนึ่งที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ คือ ประเทศไทยกำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญ เศรษฐกิจของเราเผชิญกับคลื่นลมที่ถาโถมจากทุกทิศทาง จนหลายคนเริ่มตั้งคำถามถึงทิศทางและโอกาสในการอยู่รอด นี่ไม่ใช่เพียงวิกฤตชั่วคราว แต่เป็นการส่งสัญญาณถึงความจำเป็นในการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ และสำหรับผมแล้ว ภาคอสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่แค่ตัวสะท้อนสถานการณ์ แต่คือ ‘หัวใจดวงใหม่’ ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ก้าวพ้นจากภาวะชะงักงันสู่ทศวรรษแห่งความรุ่งเรือง

คลื่นพายุที่ถาโถม: เศรษฐกิจไทยในภาวะเปราะบาง

เราต้องยอมรับว่าช่วง 10-15 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่ได้เติบโตจากรากฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเท่าในอดีต แต่ส่วนหนึ่งมาจากการก่อหนี้เพื่อกระตุ้นการบริโภค สิ่งที่เราเห็นคือ หนี้ครัวเรือนที่พุ่งทะยานจากราว 40% ของ GDP เมื่อทศวรรษก่อน สู่ระดับที่น่าตกใจในปัจจุบัน ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนภัยขนาดใหญ่ถึงเสถียรภาพทางการเงินของประชาชน และเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการบริโภคภายในประเทศ

สถานการณ์โลกภายนอกก็ซับซ้อนไม่แพ้กัน ‘สงครามการค้า’ ระหว่างมหาอำนาจยังคงเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ที่กระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เศรษฐกิจของจีน ซึ่งเคยเป็นหัวจักรสำคัญของภูมิภาค ก็กำลังเผชิญกับความท้าทายภายใน ส่งผลให้สินค้าจำนวนมากถูกระบายเข้าสู่ตลาดประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงไทย ทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมเรายิ่งอ่อนแอลง นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขการส่งออก แต่หมายถึงผลกระทบต่อภาคการผลิตและการจ้างงานในวงกว้าง

ยิ่งไปกว่านั้น เสียงเตือนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่บ่งชี้ว่าประเทศไทยกำลังติดกับดัก “ทศวรรษที่สาบสูญ” ก็เป็นสิ่งที่เราไม่อาจมองข้าม สัญญาณการลงทุนที่ซบเซาในตลาดหุ้น สะท้อนความไม่เชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต หากเรายังคงพึ่งพารูปแบบเศรษฐกิจแบบเดิมๆ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมยานยนต์และการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ที่เคยเป็นเสาหลัก การกลับมาเติบโตอย่างยั่งยืนก็คงเป็นเรื่องยากลำบบ

ปัญหาเชิงโครงสร้างประชากรก็เป็นอีกหนึ่งระเบิดเวลาที่กำลังนับถอยหลัง เรากำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนแรงงานลดลง ประสิทธิภาพการผลิตโดยรวมถดถอย และภาระการดูแลผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมก็ยังคงเป็นปัญหาฝังรากลึกที่บั่นทอนศักยภาพของประเทศ

แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามผลักดันการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรายได้หลัก แต่การฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับไปสู่ระดับก่อนโควิด-19 โดยเฉพาะจากตลาดจีน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเดินทางและปัจจัยทางเศรษฐกิจของประเทศต้นทาง ทำให้เราต้องคิดใหม่ทำใหม่กับยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว

บทเรียนจากนานาชาติ: การปรับโครงสร้างเพื่อความอยู่รอด

เมื่อเผชิญกับวิกฤต ประเทศที่ชาญฉลาดจะมองหาโอกาสในการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง นี่คือสิ่งที่หลายประเทศทั่วโลกได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจนั้นเป็นไปได้และจำเป็นอย่างยิ่ง หากต้องการอยู่รอดและเติบโตในโลกยุคใหม่

ลองดูตัวอย่างที่น่าสนใจ:
สิงคโปร์: จากประเทศที่เคยพึ่งพาภาคอุตสาหกรรมอย่างหนัก ได้พลิกโฉมตัวเองสู่การเป็นศูนย์กลางภาคบริการระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการเงิน, เทคโนโลยี, และนวัตกรรม โดยภาคบริการคิดเป็นสัดส่วนกว่า 70% ของ GDP พวกเขาไม่ได้แค่ให้บริการ แต่ยังดึงดูดการลงทุนระดับสูง, ส่งเสริม Digital Economy และกลายเป็นฐานสำคัญสำหรับ AI และการศึกษา นโยบายที่มุ่งเน้นการดึงดูด ‘Talent’ และ ‘Capital’ เข้ามาอย่างชาญฉลาด ทำให้การลงทุนต่างชาติหลั่งไหล
เกาหลีใต้: จากที่เน้นอุตสาหกรรมหนัก ก็ได้เบนเข็มมาสู่เทคโนโลยีขั้นสูง, อุตสาหกรรมบันเทิง (K-Pop, ซีรีส์) และภาคบริการที่สร้างมูลค่าเพิ่มมหาศาล พวกเขาลงทุนในนวัตกรรมและวัฒนธรรมอย่างจริงจัง จนกลายเป็น Soft Power ที่ส่งออกไปทั่วโลก
ฮ่องกง: แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ก็เปลี่ยนจากฐานการผลิตสิ่งทอมาเป็นศูนย์กลางทางการเงิน, การบริการ และอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกได้อย่างไร้รอยต่อ พวกเขาใช้ข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์และกฎหมายที่เอื้อต่อธุรกิจเพื่อดึงดูดนักลงทุนและผู้อยู่อาศัยระดับสูง
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE): จากประเทศที่พึ่งพารายได้จากน้ำมันเป็นหลัก (ปัจจุบันเหลือน้อยกว่า 30% ของ GDP) ได้เปลี่ยนผ่านสู่การท่องเที่ยวหรูหรา, ธุรกิจบริการ, และการส่งเสริมอุตสาหกรรม MICE (การประชุม, นิทรรศการ) อย่างมหาศาล โดยมีอสังหาริมทรัพย์หรูเป็นองค์ประกอบสำคัญในการดึงดูดกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูงและนักลงทุน
สหราชอาณาจักร: อดีตผู้นำอุตสาหกรรม ได้เปลี่ยนไปสู่ภาคบริการที่มีสัดส่วนกว่า 80% ของ GDP โดยลอนดอนได้กลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินและเทคโนโลยีที่สำคัญของยุโรป

บทเรียนเหล่านี้ชี้ชัดว่า การพึ่งพาเศรษฐกิจแบบเดิมๆ นั้นไม่เพียงพออีกต่อไป ประเทศไทยจำเป็นต้องกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง และหันมาพิจารณาถึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายในประเทศ

ปลดล็อกศักยภาพ: อสังหาริมทรัพย์กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

เมื่อพิจารณาโครงสร้าง GDP ของไทย เราจะเห็นว่าภาคบริการมีสัดส่วนราว 52% ขณะที่ภาคอุตสาหกรรม 39.2% และเกษตรกรรม 8.4% หากเราต้องการปรับโครงสร้างเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ภาคบริการคือจุดแข็งที่เราควรต่อยอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผนวกเข้ากับภาคอสังหาริมทรัพย์

ประเทศไทยมีสิ่งดีๆ มากมายที่ชาวต่างชาติชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็น:
ค่าครองชีพที่ไม่สูงเกินไป เมื่อเทียบกับคุณภาพชีวิตที่ดีเยี่ยม
อาหารไทย ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
สภาพภูมิอากาศที่อบอุ่น และหลากหลายทางธรรมชาติ
ระบบสาธารณสุขและบริการทางการแพทย์ ที่มีคุณภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้ โรงพยาบาลไทยหลายแห่งติดอันดับโลก และกรุงเทพฯ ยังคงเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดแห่งหนึ่ง
อสังหาริมทรัพย์ ที่มีคุณภาพดีและราคาที่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ในประเทศพัฒนาแล้ว
สังคมไทยที่เป็นมิตร มีวัฒนธรรมการบริการที่ดีเยี่ยม
โครงสร้างพื้นฐานด้านอินเทอร์เน็ต ที่มีคุณภาพ

สิ่งเหล่านี้คือ “แม่เหล็ก” ที่ดึงดูดชาวต่างชาติจำนวนมาก ไม่ใช่แค่มาเที่ยว แต่ต้องการเข้ามาพำนักอาศัยและทำงานในระยะยาว และนี่คือโอกาสทองสำหรับอสังหาริมทรัพย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

บทบาทของนักลงทุนต่างชาติ: กรณีศึกษาความสำเร็จจากทั่วโลก

ในอดีต หลายประเทศที่เผชิญกับกำลังซื้อภายในประเทศลดลง หนี้ครัวเรือนสูง และรายได้ไม่เติบโต ได้พลิกวิกฤตด้วยการดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาลงทุนอสังหาริมทรัพย์และใช้จ่ายในประเทศผ่านโครงการที่สร้างแรงจูงใจเป็นพิเศษ:

โปรตุเกส (Golden Visa 2012): เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่า 500,000 ยูโรขึ้นไป แลกกับสิทธิ์พำนัก ส่งผลให้เงินทุนไหลเข้ากว่า 7 พันล้านยูโร ช่วยฟื้นเศรษฐกิจหลังวิกฤต และกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัยให้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
สเปน (Residency by Investment): หลังวิกฤตปี 2008 ได้เปิดให้ต่างชาติลงทุน 500,000 ยูโรขึ้นไป ช่วยกระตุ้นตลาดบ้านที่ซบเซา GDP ของประเทศฟื้นตัว 3% ภายใน 5 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากนักลงทุนชาวจีน รัสเซีย และตะวันออกกลาง
กรีซ (Greece Golden Visa): อนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่า 250,000 ยูโรขึ้นไป แลกกับวีซ่าพำนัก ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตกว่า 60% ภายใน 10 ปี ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป
มาเลเซีย (Malaysia My Second Home – MM2H): โครงการพำนักระยะยาวสำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาใช้ชีวิตในมาเลเซีย ช่วยกระตุ้นตลาดบ้านและดึงดูดผู้เกษียณอายุและนักลงทุนจากจีนและญี่ปุ่น

กรณีศึกษาเหล่านี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้ามาถือครองอสังหาริมทรัพย์ของต่างชาติเพื่ออยู่อาศัย เป็นหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ผลจริงและสร้างมูลค่ามหาศาล

ทำไมต้องเป็นประเทศไทย? ข้อได้เปรียบที่ไม่อาจมองข้าม

ผมเชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องทบทวนนโยบายและกล้าที่จะเปิดกว้างมากขึ้นสำหรับชาวต่างชาติในการถือครองอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย ไม่ต้องกังวลว่าที่ดินจะถูกต่างชาติยึดครองจนหมด เพราะประเทศไทยมีที่ดินมากมายถึง 321 ล้านไร่ มีเอกสารสิทธิ์ประมาณ 127 ล้านไร่ หากในหนึ่งปีเราสามารถขายบ้านให้ชาวต่างชาติได้ 2 แสนหลัง ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงมาก ก็ยังคิดเป็นสัดส่วนของที่ดินที่ใช้ไปไม่ถึง 0.2% ของที่ดินทั้งหมดที่มี

ข้อมูลจากปี 2565 แสดงให้เห็นว่ามีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ 392,858 หน่วย มูลค่ากว่า 1.065 ล้านล้านบาท หากเราสามารถดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาซื้อได้เพียง 1 ใน 4 ของจำนวนนี้ จะมีมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 2.5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นเม็ดเงินมหาศาลที่จะเข้ามาหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจ

นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาในไทยไม่ได้จำกัดแค่กลุ่มผู้มีรายได้สูงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกลุ่มคนรายได้ปานกลางถึงสูงที่มองหาบ้านในระดับราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าประเทศของตน โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ในระดับราคา 5-7 ล้านบาท ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในพื้นที่ศักยภาพสูงอย่างอสังหาริมทรัพย์ ภูเก็ต, อสังหาริมทรัพย์ พัทยา, และอสังหาริมทรัพย์ ชลบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับและมีชุมชนต่างชาติอยู่แล้ว

ผลกระทบเชิงบวกที่หลากหลายจากการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยอสังหาฯ:
กระตุ้นยอดขายบ้าน: เพิ่มกำลังซื้อจากภายนอก ซึ่งเป็นสิ่งที่เราขาดแคลนในขณะนี้
อานิสงส์ต่อธุรกิจเกี่ยวเนื่อง: ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง, เฟอร์นิเจอร์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, และบริการตกแต่งได้รับผลประโยชน์โดยตรง
สร้างการจ้างงาน: ทั้งทางตรงในภาคก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ และทางอ้อมในภาคบริการอื่นๆ
กระตุ้นการบริโภคในท้องถิ่น: ชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักจะใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร, ค่าเดินทาง, ค่าบริการต่างๆ ซึ่งจะช่วยหมุนเวียนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค
เพิ่มรายได้ให้รัฐ: ผ่านภาษีอากรต่างๆ เช่น ภาษีการซื้อขาย, ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง, และภาษีมูลค่าเพิ่ม

การขายบ้านเพียง 10,000 หลัง อาจทำให้ GDP เพิ่มขึ้น 0.75% แต่หากเราสามารถเพิ่มยอดขายให้ชาวต่างชาติได้ถึง 100,000 หลัง GDP ของประเทศก็มีโอกาสเติบโตได้ถึง 7% นี่คือศักยภาพอันมหาศาลที่ภาคอสังหาริมทรัพย์สามารถมอบให้ได้

แนวทางเชิงกลยุทธ์สำหรับปี 2025 และอนาคต

การเปลี่ยนแปลงนี้ต้องมาพร้อมกับมาตรการที่ชัดเจนและรอบคอบ:
กรอบกฎหมายที่ชัดเจน: กำหนดเงื่อนไขและประเภทของอสังหาริมทรัพย์ที่ต่างชาติสามารถถือครองได้อย่างโปร่งใส เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อและป้องกันการเก็งกำไรที่ไม่เหมาะสม
มาตรการจูงใจที่น่าสนใจ: อาจพิจารณาวีซ่าทองคำหรือโครงการพำนักระยะยาวที่เชื่อมโยงกับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ตามโมเดลของประเทศที่ประสบความสำเร็จ
ส่งเสริมอสังหาริมทรัพย์หรูและเฉพาะทาง: เช่น บ้านพักตากอากาศระดับไฮเอนด์, ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Retirement Living), หรืออสังหาริมทรัพย์ที่รองรับ Medical Tourism
การบริหารสินทรัพย์และการวางแผนการลงทุนสำหรับชาวต่างชาติอย่างมืออาชีพ เพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนของพวกเขาจะได้รับผลตอบแทนการลงทุนที่คุ้มค่า
พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน: โดยเฉพาะในพื้นที่เป้าหมายอย่างอสังหาริมทรัพย์ ชลบุรี (พัทยา), ภูเก็ต, เชียงใหม่ เพื่อรองรับการขยายตัวของกลุ่มผู้อยู่อาศัยต่างชาติ
สร้างแพลตฟอร์มข้อมูลที่เข้าถึงง่าย: เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายอสังหาริมทรัพย์, ภาษีอสังหาริมทรัพย์ และขั้นตอนการซื้อขายสำหรับชาวต่างชาติ

การผลักดันให้ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นเครื่องยนต์ใหม่ของเศรษฐกิจไทย ไม่ใช่แค่การขายบ้าน แต่คือการสร้างระบบนิเวศทางเศรษฐกิจที่ครบวงจร ที่ดึงดูดเม็ดเงินลงทุน, สร้างงาน, และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในประเทศ นี่คือการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่า และต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ, ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และที่ปรึกษาการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้วิสัยทัศน์นี้เป็นจริง

ถึงเวลาแล้วที่ต้องลงมือทำ

จากประสบการณ์กว่าทศวรรษในอุตสาหกรรมนี้ ผมเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพอันยิ่งใหญ่ที่ยังไม่ได้ถูกปลดล็อกอย่างเต็มที่ เราไม่อาจปล่อยให้เศรษฐกิจไทยติดหล่มแห่ง “ทศวรรษที่สาบสูญ” ได้อีกต่อไป ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องกล้าคิดนอกกรอบ และใช้จุดแข็งของเราอย่างชาญฉลาด

การเปลี่ยนผ่านจากการพึ่งพาภาคอุตสาหกรรมแบบเดิมๆ มาสู่การใช้ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยการสร้างกำลังซื้อจากต่างประเทศ คือทางออกที่ชัดเจนและเป็นไปได้ นี่ไม่ใช่แค่การมองหาโอกาส แต่คือการสร้างอนาคต

ดังนั้น ผมจึงขอเชิญชวนทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน มาร่วมกันพิจารณาและผลักดันแนวคิดนี้อย่างจริงจัง เพื่อให้อสังหาริมทรัพย์ได้ทำหน้าที่เป็นขุมพลังใหม่ ที่จะนำพาประเทศไทยก้าวพ้นจากความท้าทาย และมุ่งหน้าสู่ความเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนในทศวรรษหน้า หากท่านสนใจข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม หรือต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนโอกาสครั้งสำคัญนี้ กรุณาติดต่อเราเพื่อร่วมหารือถึงโอกาสลงทุนอสังหาริมทรัพย์และแนวทางในการพัฒนาพอร์ตการลงทุนของท่านให้เติบโตไปพร้อมกับอนาคตที่สดใสของประเทศไทย

Previous Post

D1912140 แม าล กช นทอด ความส ขท งย นค อกำไรของคนด part2

Next Post

D1912142 พล กด นส ดาว แม ไม ใช กในไส ณ! part2

Next Post
D1912142 พล กด นส ดาว แม ไม ใช กในไส ณ! part2

D1912142 พล กด นส ดาว แม ไม ใช กในไส ณ! part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D2312067 ยำมาม าหม นไม ได จนต องขอโดนจ างออกเลยหรอ part2
  • D2312066 หม งน ำจ มแซ สาม คนน แค ธนาคารส วนต part2
  • D2312065 ได แล วล มต หมดส นม ตรภาพท เคยม มา part2
  • D2312064 าวต มทรงเคร อง คำว ารวยของคนม นไม เท าก part2
  • D2312063 งานแต งระด บผ ดการ กล าเอาข าวเหน ยวมาก นได ไง part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.