• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D1912143 แฟนนอนต ดเต ยง เลยเอนเอ ยงไปก กก บพยาบาล! part2

admin79 by admin79
December 22, 2025
in Uncategorized
0
D1912143 แฟนนอนต ดเต ยง เลยเอนเอ ยงไปก กก บพยาบาล! part2

หัวข้อ: อสังหาริมทรัพย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย 2025: กลยุทธ์ปฏิรูปโครงสร้างสู่ยุคใหม่ ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้ประกอบการ

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์มากว่าทศวรรษ ผมเฝ้ามองพลวัตของเศรษฐกิจไทยมาโดยตลอด เห็นทั้งช่วงขาขึ้นและช่วงที่ต้องเผชิญกับมรสุมลูกใหญ่ วันนี้เรากำลังยืนอยู่บนทางแยกที่สำคัญยิ่ง คำถามที่ว่า “เศรษฐกิจไทยถึงทางตัน โอกาสรอดอยู่ตรงไหน” ไม่ใช่เพียงคำถามปลายเปิด แต่คือเสียงสะท้อนความกังวลที่ต้องเร่งหาคำตอบอย่างจริงจัง

เมื่อพิจารณาสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน เราจะพบว่าสัญญาณเตือนดังขึ้นถี่กว่าที่เคย การพึ่งพาโครงสร้างเศรษฐกิจแบบเดิมๆ นั้นเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ครั้งใหญ่จึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็น “ความจำเป็นเร่งด่วน” ที่ไม่อาจผลัดวันประกันพรุ่ง และจากประสบการณ์ของผม ผมเชื่อมั่นว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจไทยด้วยอสังหาริมทรัพย์ จะเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพ และวางรากฐานการเติบโตที่ยั่งยืนสำหรับประเทศ

วิกฤตการณ์ที่ซับซ้อน: ปัจจัยกดดันเศรษฐกิจไทยยุคใหม่

ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยต้องเผชิญกับปัจจัยท้าทายหลายด้านที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก เริ่มจากเสียงเตือนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ชี้ว่าประเทศไทยกำลังติดกับดัก “ทศวรรษที่สาบสูญ” ซึ่งรุนแรงกว่าในอดีตมาก เราเห็นได้ชัดจากการลงทุนในตลาดหุ้นที่ไร้สัญญาณฟื้นตัว สะท้อนภาพอนาคตที่ไม่สดใสนัก

ปัจจัยภายนอกอย่าง “สงครามการค้า” ระหว่างมหาอำนาจที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อห่วงโซ่อุปทานและการส่งออกของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเศรษฐกิจจีนชะลอตัว สินค้าจากจีนที่เคยส่งออกไปตลาดตะวันตกได้กลับถูกส่งมายังประเทศใกล้เคียงมากขึ้น ทำให้เกิดการแข่งขันที่ดุเดือดและส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นอกจากนี้ ปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทยยังคงเป็นอุปสรรคขนาดใหญ่ที่กัดกินกำลังซื้อภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา หนี้ครัวเรือนไทยเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากระดับ 40% ของ GDP เป็นกว่า 90% ในปัจจุบัน (ข้อมูลล่าสุด ณ สิ้นปี 2566) ซึ่งการเติบโตนี้ไม่ได้เกิดจากประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ แต่เกิดจากการนำเงินในอนาคตมาใช้ โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นการใช้จ่ายในระยะสั้น ซึ่งจะยิ่งทำให้การเติบโตในระยะยาวเป็นเรื่องยากขึ้น การแก้ไขปัญหานี้จึงต้องทำอย่างเป็นระบบและยั่งยืน

ปัญหาโครงสร้างประชากรก็เป็นอีกหนึ่งระเบิดเวลาที่กำลังนับถอยหลัง สังคมสูงวัยที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างรวดเร็วทำให้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานที่มีทักษะและผลิตภาพสูง ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ นอกจากนี้ ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมยังคงเป็นบาดแผลเรื้อรังที่ขัดขวางการกระจายความมั่งคั่งและโอกาสอย่างทั่วถึง

ในอดีต ประเทศไทยพึ่งพาอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ลงทุนโดยญี่ปุ่นเป็นหลักในการขับเคลื่อน GDP และการส่งออก แต่ในปัจจุบัน แม้จะมีการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) มากขึ้น แต่ผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่ยังไม่สามารถผลิตชิ้นส่วนสำคัญป้อนอุตสาหกรรม EV ได้ เนื่องจากเทคโนโลยีและองค์ความรู้ยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร ทำให้เรายังคงเป็นเพียงฐานการผลิตมากกว่าจะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม

การส่งออกสินค้าอื่นๆ ที่ไทยเคยเป็น “แชมเปี้ยน” ในอดีตก็เผชิญความท้าทายอย่างหนัก กลุ่มประเทศเป้าหมายเดิมมีการเปลี่ยนแปลงรสนิยมและความต้องการ ขณะที่คู่แข่งใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้น ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นทั่วโลก เช่น ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง หรือความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ ล้วนเป็นปัจจัยที่ไม่คาดฝันและพร้อมจะกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตและการค้าโลกได้ตลอดเวลา

รัฐบาลยังคงมีความหวังกับรายได้จากการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเครื่องยนต์สำคัญที่เคยสร้างรายได้สูงสุดก่อนวิกฤตโควิด-19 แต่ต้องยอมรับว่า การจะกลับไปสู่จุดเดิมนั้นไม่ง่ายดาย โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และแนวโน้มที่จะกลับมาเป็นเช่นยุคก่อนโควิดนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ โจทย์ใหญ่คือการยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสู่ “High Value Tourism” เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและใช้จ่ายสูงขึ้น

ถอดรหัสการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง: บทเรียนจากนานาชาติเพื่ออนาคตไทย

จากสถานการณ์ทั้งหมดนี้ ทำให้เห็นชัดเจนว่าประเทศไทยไม่สามารถอยู่รอดได้ด้วยโครงสร้างเศรษฐกิจแบบเดิมๆ การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจจึงเป็นหัวใจสำคัญ เราจำเป็นต้องทบทวนโมเดลการพึ่งพิงภาคการส่งออกและอุตสาหกรรมหนักมากเกินไป และหันมาสร้างความสมดุลด้วยการเสริมสร้างศักยภาพของภาคส่วนอื่นที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างมหาศาล

เรามีตัวอย่างมากมายจากหลายประเทศที่เคยเผชิญกับสถานการณ์คล้ายคลึงกัน และประสบความสำเร็จในการพลิกโฉมเศรษฐกิจของตนเองได้อย่างน่าทึ่ง:

สิงคโปร์: จากเดิมที่เน้นภาคอุตสาหกรรม ได้เปลี่ยนผ่านไปสู่ “ภาคบริการ” อย่างเต็มตัว คิดเป็นสัดส่วนกว่า 70% ของ GDP โดยสร้างรายได้จากต่างประเทศผ่านศูนย์กลางทางการเงิน การธนาคาร เทคโนโลยี Digital Economy และการศึกษา กลยุทธ์นี้ทำให้สิงคโปร์กลายเป็น Hub ของเอเชีย
เกาหลีใต้: จากที่เคยเน้นอุตสาหกรรมหนัก ก็หันมาลงทุนในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง อุตสาหกรรมบันเทิง (K-Pop, ซีรีส์) และบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งภาคบริการแม้จะมีสัดส่วนเพียง 10% ของ GDP แต่ก็เป็นตัวขับเคลื่อนนวัตกรรมและวัฒนธรรมที่สร้างเม็ดเงินมหาศาล
ฮ่องกง: จากฐานการผลิตโรงงานทอผ้า ได้เปลี่ยนมาเป็นศูนย์กลางทางการเงิน การบริการ และภาคอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE): จากการพึ่งพารายได้จากการขุดเจาะน้ำมัน วันนี้รายได้จากน้ำมันเหลือไม่ถึง 30% ของ GDP พวกเขาพลิกโฉมประเทศด้วยการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงหรูหรา ธุรกิจบริการ และส่งเสริมอุตสาหกรรม MICE (การประชุม สัมมนา และงานแสดงสินค้า) ทำให้ดูไบกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
สหราชอาณาจักร: จากผู้นำด้านอุตสาหกรรมในอดีต ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปสู่ภาคบริการที่มีสัดส่วนกว่า 80% ของ GDP โดยกรุงลอนดอนได้กลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินและเทคโนโลยีของยุโรป

โครงสร้าง GDP ของไทยในปัจจุบัน แบ่งเป็นภาคการบริโภคภาคเอกชน 57.7%, การลงทุนภาคเอกชน 17.3%, การใช้จ่ายภาครัฐ 22.2%, การส่งออกสินค้าและบริการ 65.4% และการนำเข้าสินค้าและบริการ 63.7% ขณะที่รายได้จากการส่งออกนั้น ต้องถามว่าไทยได้รับผลประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วยแค่ไหน ในด้านการผลิต ภาคเกษตรกรรม 8.4%, ภาคอุตสาหกรรม 39.2% และภาคบริการ 52% ชี้ให้เห็นว่าภาคบริการของไทยยังมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมากหากได้รับการสนับสนุนที่ถูกจุด

ประเทศไทยมี “สิ่งดีๆ” มากมายที่ชาวต่างชาติชื่นชอบและยอมรับ ข้อมูลปี 2024 กรุงเทพมหานครยังคงติดอันดับ 1 ในเมืองที่นักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในโลก เรามีโรงพยาบาลระดับโลกถึง 5 แห่งที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในโลก คนไทยมีมนุษยสัมพันธ์ดี มี Service Mind ที่เป็นเลิศ อาหารไทยเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับระดับโลก ค่าครองชีพไม่แพง สภาพอากาศดี ระบบสาธารณสุขมีคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ และโครงข่ายอินเทอร์เน็ตคุณภาพสูง เหล่านี้คือ “จุดแข็ง” ที่เราต้องนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

อสังหาริมทรัพย์: หัวใจสำคัญของการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้พ้นวิกฤต

จากบทเรียนจากนานาชาติ และจุดแข็งที่ประเทศไทยมี ผมจึงเชื่ออย่างยิ่งว่า ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องพิจารณา “บทบาทของอสังหาริมทรัพย์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย” ในอนาคต ประเทศไทยมีศักยภาพและเสน่ห์ที่สามารถดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาอยู่อาศัยและลงทุนได้มหาศาล และนี่คือโอกาสทองที่เราจะใช้ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นเครื่องยนต์หลักในการเปลี่ยนโครงสร้าง GDP สู่ภาคบริการและภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มตัว

การกระตุ้นเศรษฐกิจไทยด้วยอสังหาริมทรัพย์ ไม่ใช่เพียงแค่การขายบ้าน แต่เป็นการสร้างระบบนิเวศทางเศรษฐกิจที่ครบวงจร ตั้งแต่การจ้างงานในภาคก่อสร้าง ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง การขนส่ง การตกแต่ง ไปจนถึงธุรกิจบริการต่อเนื่อง เช่น การดูแลรักษา บริการทำความสะอาด การท่องเที่ยว การศึกษา การแพทย์ และการบริโภคในท้องถิ่น ซึ่งล้วนแล้วแต่สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนจำนวนมหาศาลและกระจายรายได้สู่ภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ

หากเราเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้ามาถือครองอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยและเพื่อการลงทุนในไทยอย่างเป็นรูปธรรม จะเป็นการดึงเม็ดเงินจากต่างชาติเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยตรง ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อที่หายไปจากปัญหาหนี้ครัวเรือน และแก้ปัญหาการลงทุนในประเทศที่ชะลอตัว

กลไกขับเคลื่อน: อสังหาริมทรัพย์สร้างมูลค่าได้อย่างไร

กลไกการสร้างมูลค่าของภาคอสังหาริมทรัพย์นั้นมีความซับซ้อนและมีผลกระทบเชิงบวกในวงกว้าง:

การจ้างงานมหาศาล: ภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจก่อสร้างเป็นภาคส่วนที่ใช้แรงงานจำนวนมาก ทั้งแรงงานฝีมือและแรงงานทั่วไป การลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบ้าน คอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ หรือโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ จะสร้างงานโดยตรงและโดยอ้อมให้กับคนไทยหลายแสนตำแหน่ง
กระตุ้นภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่อง: การก่อสร้างต้องการวัสดุจำนวนมาก ตั้งแต่ปูนซีเมนต์ เหล็ก อิฐ กระเบื้อง สุขภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง รวมถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
เพิ่มการบริโภคในท้องถิ่น: เมื่อชาวต่างชาติเข้ามาอยู่อาศัย พวกเขาจะใช้จ่ายในประเทศ ทั้งค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าบริการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านค้า โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาล ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นและจังหวัดต่างๆ ให้คึกคัก
เพิ่มรายได้เข้ารัฐ: การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ก่อให้เกิดรายได้ในรูปของภาษีต่างๆ เช่น ภาษีการโอน ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะของประเทศ
สร้างความเชื่อมั่นและการลงทุน: การที่ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ แสดงถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศ ซึ่งจะดึงดูดการลงทุนในภาคส่วนอื่นๆ ตามมา และส่งผลให้ประเทศไทยเป็นที่น่าสนใจในสายตาของนักลงทุนทั่วโลก

ตัวอย่างเช่น การขายบ้านและอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่น ๆ ให้ชาวต่างชาติได้ 10,000 หน่วย อาจทำให้ GDP ของประเทศเพิ่มขึ้น 0.75% แต่หากสามารถผลักดันให้ถึง 100,000 หน่วย จะส่งผลให้ GDP เพิ่มขึ้นถึง 7% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ไม่เคยเห็นมานาน และปัจจุบันแม้จะมี การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ชลบุรี, อสังหาริมทรัพย์ ภูเก็ต และ อสังหาริมทรัพย์ พัทยา ที่ชาวต่างชาติถือครองอยู่ทั้งแบบถูกกฎหมายและผ่านนอมินีรวมกันหลายหมื่นหน่วยแล้ว ก็ยังถือว่ามีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมหาศาลหากมีนโยบายที่ชัดเจนและเอื้อต่อการลงทุน

กางแผนดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ: กุญแจสู่การเติบโตยั่งยืน

เพื่อปลดล็อกศักยภาพของภาคอสังหาริมทรัพย์ในการเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ผมขอเสนอแนวทางที่สำคัญดังนี้:

พิจารณาการอนุญาตให้ชาวต่างชาติถือครองที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย: ประเทศไทยมีที่ดินรวมประมาณ 321 ล้านไร่ และมีเอกสารสิทธิราว 127 ล้านไร่ (40%) การวิตกกังวลว่าที่ดินจะถูกต่างชาติยึดครองจนหมดนั้นไม่เป็นความจริง จากการคำนวณ หากเราขายบ้านให้ชาวต่างชาติได้ 200,000 หลังต่อปี ก็ยังคิดเป็นสัดส่วนที่ดินไม่ถึง 0.2% ของที่ดินทั้งหมดในประเทศไทยเลยด้วยซ้ำ การให้สิทธิ์นี้ควรมาพร้อมกับมาตรการควบคุมที่เหมาะสม เช่น กำหนดประเภทของอสังหาริมทรัพย์ หรือขนาดที่ดินที่จำกัด เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการดึงดูดการลงทุนและการรักษาผลประโยชน์ของชาติ
พัฒนานโยบายวีซ่าพิเศษสำหรับนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์: ควรมีการพิจารณาโครงการคล้าย “Golden Visa” หรือ “Residency by Investment” เช่นเดียวกับหลายประเทศที่ประสบความสำเร็จ โดยให้สิทธิพำนักระยะยาวแก่ชาวต่างชาติที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของไทยในมูลค่าที่กำหนดไว้ ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจสำคัญสำหรับนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไทย
ส่งเสริมตลาดอสังหาริมทรัพย์สำหรับชาวต่างชาติโดยเฉพาะ: กำหนดพื้นที่และประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนจากต่างชาติ เช่น อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่าง ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ หัวหิน หรือคอนโดมิเนียมต่างชาติในกรุงเทพฯ โดยอาจมีการผ่อนคลายกฎระเบียบบางอย่าง เพื่อให้กระบวนการซื้อขายและ โอนกรรมสิทธิ์ เป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว
พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการรองรับ: การที่ชาวต่างชาติเข้ามาอยู่อาศัยและทำงานมากขึ้น จำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีรองรับ เช่น โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาล ถนนหนทาง ระบบขนส่งสาธารณะ และสาธารณูปโภคที่ทันสมัย ซึ่งจะเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตโดยรวมของคนไทยด้วย
สร้างความชัดเจนและโปร่งใสของกฎหมายที่ดินและอสังหาริมทรัพย์: นักลงทุนต่างชาติให้ความสำคัญกับความชัดเจนและความมั่นคงทางกฎหมาย การสร้างระบบที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นธรรม จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดการลงทุนระยะยาว

ในปี 2565 มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ 392,858 หน่วย มูลค่ากว่า 1,065,008 ล้านบาท หากเราสามารถดึงดูดให้ชาวต่างชาติเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์คิดเป็น 1 ใน 4 ของมูลค่าดังกล่าว นั่นหมายถึงเม็ดเงินมหาศาลประมาณ 2.5 แสนล้านบาทต่อปี ที่จะไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และจากประสบการณ์ในตลาด คาดการณ์ว่ากลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาซื้อบ้านในกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางถึงสูง โดยมีกำลังซื้อบ้านในระดับราคา 5-7 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีขนาดใหญ่และเป็นไปได้จริง

กรณีศึกษาความสำเร็จจากทั่วโลก: บทพิสูจน์พลังของอสังหาริมทรัพย์

ลองมาดูกรณีตัวอย่างจากต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จในการใช้ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังวิกฤต หรือเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน:

โปรตุเกส: ในปี 2012 โปรตุเกสได้เปิดตัวโครงการ “Golden Visa” โดยอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่า 500,000 ยูโรขึ้นไป ได้รับสิทธิพำนักถาวร ผลลัพธ์คือมีเงินทุนไหลเข้าประเทศกว่า 7 พันล้านยูโร ช่วยฟื้นเศรษฐกิจจากวิกฤตหนี้สาธารณะ และกระตุ้นให้ราคาบ้านฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ
สเปน: หลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 2008 สเปนก็ใช้โมเดล “Residency by Investment” โดยเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติที่ลงทุน 500,000 ยูโรขึ้นไป ได้รับวีซ่าพำนัก ส่งผลให้ตลาดบ้านที่ซบเซากลับมาคึกคัก และ GDP ฟื้นตัว 3% ภายใน 5 ปี โดยสามารถดึงดูดนักลงทุนจากจีน รัสเซีย และตะวันออกกลางจำนวนมาก
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE): ด้วยโครงการ “Freehold Property” ที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์แบบ Freehold ได้อย่างเต็มที่ ดึงดูดนักลงทุนมหาศาลจากทั่วโลก จนภาคอสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยวคิดเป็นกว่า 50% ของ GDP ทำให้ดูไบกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับโลกอย่างแท้จริง
กรีซ: โครงการ “Greece Golden Visa” ซึ่งกำหนดให้ชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่า 250,000 ยูโรขึ้นไป เพื่อรับวีซ่าพำนักถาวร ได้ช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้เติบโตกว่า 60% ภายใน 10 ปี ฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศหลังวิกฤตหนี้ยุโรปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มาเลเซีย: โครงการ “Malaysia My Second Home (MM2H)” เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้ามาพำนักระยะยาว กระตุ้นตลาดบ้านและดึงดูดทั้งกลุ่มผู้เกษียณอายุและนักลงทุนจากจีนและญี่ปุ่น ซึ่งมีส่วนช่วยสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจ

บทเรียนจากประเทศเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจไทยด้วยอสังหาริมทรัพย์ โดยการเปิดประตูต้อนรับการลงทุนจากต่างชาติ ไม่ใช่แค่ความฝัน แต่เป็นยุทธศาสตร์ที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริง และประเทศไทยเองก็มีศักยภาพที่จะทำเช่นนั้นได้

ไทยแลนด์ 4.0 กับโอกาสของภาคอสังหาริมทรัพย์: จุดแข็งที่ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ภายใต้กรอบนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่เน้นการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี ภาคอสังหาริมทรัพย์ก็สามารถปรับตัวและเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาได้เช่นกัน การนำเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น AI, Big Data, และ IoT มาใช้ในการบริหารจัดการอาคาร การตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการสร้าง Smart City จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและมูลค่าเพิ่มให้กับภาคส่วนนี้

นอกจากนี้ จุดแข็งเฉพาะตัวของประเทศไทยยังเป็นแม่เหล็กสำคัญ:

ศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพ (Medical Hub): ด้วยโรงพยาบาลคุณภาพระดับโลกและค่ารักษาพยาบาลที่สมเหตุสมผล ทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของ “Medical Tourism” ซึ่งเป็นโอกาสในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภท Medical Condos หรือ Wellness Resorts สำหรับผู้ป่วยและผู้ดูแล
แหล่งท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์: ประเทศไทยมีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวระดับโลก และมีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ความเร่งรีบของเมืองใหญ่อย่าง กรุงเทพฯ ไปจนถึงความเงียบสงบของภูเขาทางภาคเหนืออย่าง เชียงใหม่ หรือชายหาดที่สวยงามของภูเก็ตและหัวหิน ซึ่งดึงดูดกลุ่ม Digital Nomads, ผู้เกษียณอายุ และผู้ที่ต้องการบ้านพักตากอากาศ
ค่าครองชีพที่คุ้มค่า: เมื่อเทียบกับประเทศตะวันตกหรือประเทศพัฒนาแล้ว ค่าครองชีพในไทยยังถือว่าไม่สูงมากนัก ทำให้ชาวต่างชาติสามารถใช้ชีวิตที่มีคุณภาพได้ในงบประมาณที่จำกัด
สังคมที่เป็นมิตรและวัฒนธรรมอันงดงาม: ความเป็นมิตรของผู้คนและวัฒนธรรมไทยที่โดดเด่น เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชาวต่างชาติรู้สึกอบอุ่นและอยากมาใช้ชีวิตในประเทศไทย

ดังนั้น การเชื่อมโยงจุดแข็งเหล่านี้เข้ากับนโยบาย การกระตุ้นเศรษฐกิจไทยด้วยอสังหาริมทรัพย์ จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มที่ยั่งยืน และดึงดูดนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่มองหาโอกาสระยะยาว

ข้อพิจารณาและการรับมือกับความท้าทาย: สร้างสมดุลเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน

แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ย่อมมาพร้อมกับความท้าทาย เราต้องพิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และวางแผนการรับมืออย่างมีประสิทธิภาพ:

ปัญหา affordability สำหรับคนไทย: การที่ชาวต่างชาติเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก อาจทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้น จนคนไทยบางกลุ่ม โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง ไม่สามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ รัฐบาลควรมีมาตรการรองรับ เช่น การสนับสนุนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับคนไทย การสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อสังคม หรือการกำหนดโซนสำหรับชาวต่างชาติอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้กระทบต่อ ตลาดบ้าน ของคนท้องถิ่น
ความตึงเครียดทางสังคมและวัฒนธรรม: การหลั่งไหลของชาวต่างชาติจำนวนมากอาจนำมาซึ่งความแตกต่างทางวัฒนธรรมและความไม่เข้าใจ การส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและเคารพซึ่งกันและกันจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ความเสี่ยงด้านการฟอกเงิน: การเปิดโอกาสให้มีการลงทุนจากต่างชาติ อาจมีความเสี่ยงที่เม็ดเงินผิดกฎหมายจะไหลเข้ามาในประเทศ รัฐบาลต้องมีมาตรการตรวจสอบและควบคุมที่เข้มงวดและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในเรื่องของการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไทย
ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน: การเพิ่มขึ้นของประชากรต่างชาติในบางพื้นที่ อาจทำให้เกิดปัญหาการรองรับด้านโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค เช่น การจราจรติดขัด การขาดแคลนน้ำประปาหรือไฟฟ้า การจัดการขยะ ซึ่งจำเป็นต้องมีการวางแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานล่วงหน้าอย่างรอบคอบ

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ หากเรามีการวางแผนที่รัดกุม มีกฎระเบียบที่ชัดเจนและเป็นธรรม และมีการสื่อสารกับประชาชนอย่างเข้าใจ การดำเนินการอย่างเป็นระบบจะช่วยให้เราสามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติในภาคอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งรักษาผลประโยชน์ของชาติและคุณภาพชีวิตของคนไทยไปพร้อมกัน

ก้าวต่อไป: อสังหาริมทรัพย์คืออนาคตของเศรษฐกิจไทย

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการนี้มายาวนาน ผมเชื่อมั่นว่านี่คือช่วงเวลาสำคัญที่เราต้องกล้าคิด กล้าเปลี่ยน และกล้าที่จะผลักดันยุทธศาสตร์ใหม่ๆ เพื่ออนาคตของเศรษฐกิจไทย การพึ่งพาภาคอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้เราเติบโตได้อย่างยั่งยืนอีกต่อไป

การกระตุ้นเศรษฐกิจไทยด้วยอสังหาริมทรัพย์ โดยการสร้างกำลังซื้อจากต่างประเทศ ไม่ใช่เพียงแค่ทางเลือกหนึ่ง แต่เป็น “ทางรอด” ที่จะช่วยฟื้นฟูและสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจของเราได้อย่างแท้จริง การตัดสินใจที่ชาญฉลาดในวันนี้ จะเป็นตัวกำหนดทิศทางความมั่งคั่งของประเทศในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า

ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องมองภาคอสังหาริมทรัพย์ในมุมที่กว้างขึ้น ไม่ใช่แค่การสร้างที่อยู่อาศัย แต่เป็นการสร้างโอกาส สร้างงาน สร้างรายได้ และสร้างอนาคตให้กับประเทศไทย

ผมขอเชิญชวนทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ให้มาร่วมกันพิจารณาแนวทางนี้อย่างจริงจัง ศึกษาข้อมูลจากประเทศที่ประสบความสำเร็จ และร่วมกันกำหนดนโยบายที่กล้าหาญและรอบคอบ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถก้าวข้ามความท้าทายทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน และก้าวไปสู่การเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและยั่งยืนอย่างแท้จริง มาร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่เศรษฐกิจไทย เพื่อให้ภาค อสังหาริมทรัพย์กับการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย เป็นเรื่องที่จับต้องได้และเกิดขึ้นจริงในไม่ช้า

หากท่านสนใจแนวทางการลงทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ หรือต้องการคำปรึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับโอกาสในการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย อย่าลังเลที่จะติดต่อเราเพื่อพูดคุยในรายละเอียดเพิ่มเติม เราพร้อมเป็นพันธมิตรในการสร้างการเติบโตไปด้วยกัน.

Previous Post

D1912137 แม ามาม าทรงเคร อง คบเพ อนผ ดจนเก อบซวย part2

Next Post

D1912144 รปภ

Next Post
D1912144 รปภ

D1912144 รปภ

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D2212005 เช อแต นแสหมอด าง นเราก เล กก นเถอะ! part2
  • D2212004 กาแฟฉ นแก วเด ยว งแพงกว ามาม าของแกอ ก! part2
  • D2212003 แม าราดหน กสาวใจแตก เห นผ ชายด กว าแม part2
  • D2212002 เชฟโรงแรมน ชอบช งด งเด ดท ายจบไม สวย! part2
  • D2212001 าวผ ดหน งส อพ มพ เป นแม ไม เอาเปร ยบก ไม รวย! part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.