• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D1912083 งตรงน ไว สำหร บผ part2

admin79 by admin79
December 20, 2025
in Uncategorized
0
D1912083 งตรงน ไว สำหร บผ part2

อนาคตเศรษฐกิจไทย: วิกฤตโอกาส และบทบาทเชิงกลยุทธ์ของอสังหาริมทรัพย์ในการขับเคลื่อนการเติบโตยุคใหม่

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นทั้งวัฏจักรขาขึ้นและขาลงของเศรษฐกิจไทยมาหลายครั้ง และบ่อยครั้งที่เรามักจะมองหา “จุดเปลี่ยน” หรือ “กลไกใหม่” ที่จะนำพาประเทศก้าวพ้นจากความท้าทายต่างๆ วันนี้ ผมเชื่อว่าประเทศไทยกำลังยืนอยู่บนทางแยกที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจของเรา และจำเป็นต้องมีการคิดนอกกรอบ พร้อมกับการปรับโครงสร้างเชิงรุก หากเราต้องการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสที่ยั่งยืน บทความนี้จะเจาะลึกถึงความท้าทายที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ และเสนอแนวทางเชิงกลยุทธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำ “อสังหาริมทรัพย์ไทย” มาเป็นหนึ่งในฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในทศวรรษหน้า

สถานการณ์เศรษฐกิจไทย: สัญญาณเตือนที่ไม่อาจมองข้าม

ปัจจุบัน ภาพรวมเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับพายุหลายลูกพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นแรงกดดันจากภายนอกหรือปัจจัยเชิงโครงสร้างภายในประเทศ ดร.บัณฑิต นิจถาวร อดีตรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงความกังวลว่าไทยอาจกำลังติดกับดัก “ทศวรรษที่สาบสูญ” ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างรุนแรงและยาวนาน คล้ายกับที่ญี่ปุ่นเคยเผชิญมา

สงครามการค้าและภูมิรัฐศาสตร์: ปัญหาความขัดแย้งทางการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างมหาอำนาจ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออกของไทย ซึ่งเป็นเสาหลักสำคัญของ GDP นอกจากนี้ สถานการณ์เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวและการหันไปพึ่งพาตลาดภายในประเทศมากขึ้น ยิ่งทำให้การส่งออกของไทยไปยังจีนเผชิญความท้าทาย ขณะที่สินค้าจากจีนเองก็อาจไหลบ่าเข้าสู่ตลาดเพื่อนบ้านรวมถึงไทย ทำให้เกิดการแข่งขันที่สูงขึ้น นี่คือโจทย์ใหญ่สำหรับ “การฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย” ที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก
กับดักหนี้ครัวเรือน: ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา อัตราการเติบโตของหนี้ครัวเรือนไทยพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ จากเดิมที่เคยอยู่ที่ราว 40% ของ GDP กลับพุ่งทะลุ 90% และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นอีก การพึ่งพาการบริโภคที่ขับเคลื่อนด้วยหนี้สินเป็นการเติบโตที่ไม่ยั่งยืน เพราะเป็นการดึงเงินในอนาคตมาใช้ เมื่อประชาชนมีภาระหนี้สูง กำลังซื้อภายในประเทศก็จะลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจท้องถิ่นและภาพรวมของ “ตลาดอสังหาริมทรัพย์” โดยตรง
โครงสร้างประชากรและปัญหาแรงงาน: สังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ ซึ่งหมายถึงจำนวนประชากรวัยแรงงานที่ลดลง ขณะที่ภาระในการดูแลผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น สิ่งนี้จะนำไปสู่ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน การลดลงของผลิตภาพทางเศรษฐกิจ และการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ที่ลดลง การปรับตัวให้เข้ากับโครงสร้างประชากรใหม่จึงเป็นสิ่งจำเป็น
การพึ่งพาภาคอุตสาหกรรมดั้งเดิม: แม้ไทยจะเคยเป็นฐานการผลิตสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังเป็นความท้าทายใหม่ เนื่องจากผู้ประกอบการไทยยังขาดเทคโนโลยีและศักยภาพในการผลิตชิ้นส่วนที่ป้อนให้กับอุตสาหกรรม EV ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ทำให้เราอาจเสียโอกาสในการเป็นผู้นำและผู้ผลิตชิ้นส่วนที่สำคัญในห่วงโซ่อุปทานใหม่นี้

ทั้งหมดนี้คือสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่า เราไม่สามารถดำเนินธุรกิจแบบเดิมๆ หรือพึ่งพากลไกเศรษฐกิจแบบเดิมได้อีกต่อไป หากต้องการให้ “เศรษฐกิจไทย” กลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

ถึงเวลาปฏิวัติโครงสร้างเศรษฐกิจ: มองไกลกว่าการส่งออก

การทบทวนและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจจึงเป็นวาระแห่งชาติที่เร่งด่วน ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นถึงตัวอย่างของหลายประเทศที่ประสบความสำเร็จในการพลิกโฉมเศรษฐกิจจากการพึ่งพาภาคอุตสาหกรรมดั้งเดิม ไปสู่ภาคบริการหรือเทคโนโลยีที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น

สิงคโปร์: จากเมืองท่าอุตสาหกรรม สู่ศูนย์กลางการเงินระดับโลกและฮับด้านเทคโนโลยี โดยภาคบริการมีสัดส่วนสูงถึง 70% ของ GDP ที่สร้างรายได้จากต่างประเทศมหาศาล ทั้งในด้านการเงิน, การธนาคาร, เทคโนโลยีดิจิทัล, AI และการศึกษา
เกาหลีใต้: จากอุตสาหกรรมหนัก สู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี, นวัตกรรม และอุตสาหกรรมบันเทิงที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมอย่างมหาศาล
ฮ่องกง: จากฐานการผลิตสิ่งทอ สู่ศูนย์กลางทางการเงินและการบริการระดับเอเชีย โดยมี “อสังหาริมทรัพย์” เป็นอีกหนึ่งเสาหลักที่สำคัญ
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ดูไบ): จากประเทศที่พึ่งพารายได้จากน้ำมัน สู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวหรูหรา ธุรกิจบริการ และอุตสาหกรรม MICE (การประชุม, นิทรรศการ) ซึ่งวันนี้รายได้จากน้ำมันคิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่า 30% ของ GDP
สหราชอาณาจักร: จากผู้นำการปฏิวัติอุตสาหกรรม สู่ภาคบริการที่มีสัดส่วนกว่า 80% ของ GDP โดยลอนดอนเป็นศูนย์กลางทางการเงินและเทคโนโลยีที่สำคัญของยุโรป

บทเรียนจากประเทศเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไม่ได้เป็นเพียงทางเลือก แต่เป็น “ความจำเป็น” หากเราต้องการแข่งขันในเวทีโลก และ “อสังหาริมทรัพย์ไทย” มีศักยภาพที่จะเป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้

ปลดล็อกศักยภาพ “อสังหาริมทรัพย์ไทย”: เสาหลักใหม่ของการเติบโต

ประเทศไทยมีของดีอยู่ในมือมากมายที่ชาวต่างชาติชื่นชอบและมองเห็นคุณค่า ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมที่งดงาม, อาหารที่เลื่องชื่อ, สภาพอากาศที่เป็นมิตร, ค่าครองชีพที่สมเหตุสมผล, ระบบสาธารณสุขที่ได้มาตรฐานระดับโลกในราคาที่เข้าถึงได้, ผู้คนที่เป็นมิตร และโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับการยอมรับ

จากข้อมูลปี 2024 กรุงเทพมหานครยังคงเป็นหนึ่งในเมืองที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกปรารถนาจะมาเยือนมากที่สุด ขณะที่โรงพยาบาลหลายแห่งของไทยก็ติดอันดับโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในโลก สิ่งเหล่านี้คือ “ทุนทางสังคม” และ “ทุนทางวัฒนธรรม” ที่เราสามารถต่อยอดไปสู่ “ทุนทางเศรษฐกิจ” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผมจึงมีความเชื่อมั่นว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องพิจารณาบทบาทของอสังหาริมทรัพย์อย่างจริงจัง ในฐานะกลไกสำคัญในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ และขับเคลื่อน “การฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย” ให้แข็งแกร่ง

โมเดลแห่งความสำเร็จ: เรียนรู้จากต่างประเทศ

หลายประเทศได้พิสูจน์แล้วว่าการใช้อสังหาริมทรัพย์เป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนจากต่างประเทศนั้นได้ผลจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่กำลังซื้อภายในประเทศชะลอตัวและหนี้ครัวเรือนสูง

โปรตุเกส (Golden Visa Program 2012): เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติที่ลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่า 500,000 ยูโรขึ้นไป ได้รับสิทธิพำนักในประเทศ ส่งผลให้เงินทุนไหลเข้าประเทศกว่า 7 พันล้านยูโร ช่วยฟื้นเศรษฐกิจหลังวิกฤตการเงินและกระตุ้นราคาบ้านให้กลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไทยสามารถเรียนรู้จากโมเดลนี้
สเปน (Residency by Investment): หลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 2008 สเปนได้เปิดให้นักลงทุนต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่า 500,000 ยูโรขึ้นไป เพื่อกระตุ้นตลาดบ้านที่ซบเซา ส่งผลให้ GDP ฟื้นตัว 3% ภายใน 5 ปี และดึงดูดนักลงทุนจากจีน รัสเซีย และตะวันออกกลางจำนวนมาก
กรีซ (Greece Golden Visa): อนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่า 250,000 ยูโรขึ้นไป เพื่อรับวีซ่าพำนักถาวร ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตกว่า 60% ภายใน 10 ปี และเป็นส่วนสำคัญในการฟื้นตัวจากวิกฤตหนี้ยุโรป นี่คือตัวอย่างการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์เพื่อชาติ
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (Freehold Property): เปิดให้นักลงทุนต่างชาติสามารถซื้อกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคารแบบ Freehold ได้ในบางพื้นที่ ซึ่งดึงดูดเม็ดเงินลงทุนมหาศาล ทำให้อสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยวกลายเป็นสัดส่วนกว่า 50% ของ GDP และทำให้ดูไบกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับโลก
มาเลเซีย (Malaysia My Second Home – MM2H): โครงการที่เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้ามาพำนักระยะยาว กระตุ้นตลาดบ้าน ดึงดูดผู้เกษียณและนักลงทุนจากจีนและญี่ปุ่น ซึ่งนับเป็น “โอกาสลงทุนอสังหาริมทรัพย์” ที่สำคัญของภูมิภาค

จากตัวอย่างเหล่านี้ จะเห็นได้ว่าการอนุญาตให้ต่างชาติมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสม ไม่ได้เป็นการ “ขายชาติ” แต่เป็นการ “ลงทุนเพื่อชาติ” ที่ชาญฉลาด ซึ่งจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ

อสังหาริมทรัพย์ไทย: กลไกขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืน

ผมเชื่อว่าการเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนใน “อสังหาริมทรัพย์ไทย” เพื่อการอยู่อาศัย จะเป็นหนึ่งในทางออกที่สำคัญที่สุดในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและยั่งยืน

ศักยภาพของตลาด: ประเทศไทยมีที่ดินกว่า 321 ล้านไร่ มีเอกสารสิทธิ์ราว 127 ล้านไร่ (40%) การอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาถือครองอสังหาริมทรัพย์ในสัดส่วนที่จำกัด ไม่ได้หมายความว่าที่ดินของประเทศจะถูกยึดครองไปทั้งหมด หากพิจารณาจากข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในปี 2565 มีจำนวนเกือบ 4 แสนหน่วย มูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท หากเราสามารถดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้มาซื้อบ้านในไทยได้เพียง 1 ใน 4 ของมูลค่าดังกล่าว นั่นหมายถึงเม็ดเงินกว่า 2.5 แสนล้านบาทต่อปี ที่จะไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลให้ GDP เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
กลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง: แม้รัฐบาลจะพยายามดึงดูดกลุ่มผู้มีรายได้สูงพิเศษ แต่จากประสบการณ์ในตลาดจริง กลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักในประเทศไทยส่วนใหญ่คือกลุ่มรายได้ปานกลางถึงรายได้สูง ที่มองหาคุณภาพชีวิตที่ดีในราคาที่จับต้องได้ โดยบ้านและคอนโดที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจมักอยู่ในระดับราคา 5-10 ล้านบาท ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์ที่สามารถสร้างกำลังซื้อจำนวนมากและกระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการรายย่อยได้
ผลกระทบทางเศรษฐกิจในวงกว้าง: การขายบ้านให้ชาวต่างชาติไม่ได้จบลงเพียงแค่การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อเนื่องในหลายมิติ:
ภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างและวัสดุ: ความต้องการบ้านและอาคารที่เพิ่มขึ้นจะกระตุ้นการผลิตและการนำเข้าวัสดุก่อสร้าง
การจ้างงาน: ทั้งทางตรง (ช่างก่อสร้าง, สถาปนิก, มัณฑนากร) และทางอ้อม (ธุรกิจร้านอาหาร, บริการ, การขนส่ง, แม่บ้าน)
การบริโภคภายในประเทศ: ชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่อาศัยจะมีการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร, การเดินทาง, ช้อปปิ้ง, ความบันเทิง ซึ่งล้วนแล้วแต่กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น
การลงทุนและการบริการต่อเนื่อง: เช่น บริการ “บริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์”, การบำรุงรักษา, ธุรกิจให้เช่า, ธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
การเพิ่มรายได้ภาษี: ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง, ภาษีการโอน, ภาษีธุรกิจเฉพาะ ล้วนแล้วแต่เป็นรายได้เข้ารัฐ

หากเราสามารถขายบ้านให้ชาวต่างชาติได้ 10,000 หลัง จะสามารถเพิ่ม GDP ได้ถึง 0.75% แต่หากทำได้ 100,000 หลัง ก็จะเพิ่ม GDP ได้ถึง 7% ซึ่งเป็นตัวเลขที่มหาศาลและจำเป็นอย่างยิ่งต่อ “การพัฒนาประเทศ” ในปัจจุบัน

ก้าวไปข้างหน้า: สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน

เพื่อปลดล็อก “ศักยภาพอสังหาริมทรัพย์ไทย” อย่างเต็มที่ เราจำเป็นต้องมีนโยบายที่ชัดเจนและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน โดยเฉพาะในประเด็นสำคัญดังนี้:

การปรับปรุงกฎหมายและระเบียบ: ทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการถือครองอสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติ ให้มีความยืดหยุ่นและชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น การขยายระยะเวลาการเช่า (Leasehold) ให้ยาวนานขึ้น หรือพิจารณารูปแบบกรรมสิทธิ์ Freehold ในบางพื้นที่ที่กำหนดสำหรับชาวต่างชาติโดยเฉพาะ เช่น โซนเศรษฐกิจพิเศษ หรือพื้นที่ที่เน้นการท่องเที่ยวและที่อยู่อาศัยระดับพรีเมียมอย่างภูเก็ตหรือพัทยา
โครงการวีซ่าพิเศษเพื่อการลงทุน: สร้างแพ็กเกจวีซ่าพิเศษ เช่น วีซ่านักลงทุนไทย (Investor Visa) หรือ Golden Visa ที่เชื่อมโยงกับการซื้อ “อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน” และการสร้างงานในประเทศ ซึ่งจะช่วยดึงดูดผู้มีกำลังซื้อและต้องการพำนักระยะยาว
การส่งเสริมภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ: สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างชาติเกี่ยวกับความมั่นคงทางกฎหมาย สิทธิในการครอบครอง และเสถียรภาพทางการเมือง การสื่อสารที่ชัดเจนและโปร่งใสเป็นสิ่งสำคัญ
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน: ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม, ดิจิทัล และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เพื่อรองรับการเติบโตของประชากรต่างชาติที่เข้ามาพำนัก
การสนับสนุนสินเชื่อที่อยู่อาศัยต่างชาติ: พิจารณากลไกที่ทำให้สถาบันการเงินของไทยสามารถปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้กับชาวต่างชาติได้ภายใต้หลักประกันที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อและสภาพคล่องในตลาด
การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม: สนับสนุนการพัฒนา “เทรนด์อสังหาฯ 2025” เช่น Smart Home, โครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, การใช้ AI ในการออกแบบและบริหารจัดการ ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าและดึงดูดนักลงทุนกลุ่มใหม่ๆ

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญใน “ตลาดอสังหาริมทรัพย์” ผมเห็นอย่างชัดเจนว่าการอนุโลมให้ชาวต่างชาติถือครองอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยภายใต้กรอบที่เหมาะสม ไม่ใช่เพียงการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่เป็นการวางรากฐานการเติบโตของ “อสังหาริมทรัพย์ไทย” ในระยะยาว โดยสร้างกำลังซื้อจากต่างประเทศเข้ามาเติมเต็มและขับเคลื่อนให้ภาคส่วนอื่นๆ เติบโตตามไปด้วย

อนาคตที่ต้องลงมือทำวันนี้

ถึงเวลาแล้วที่เราต้องกล้าคิด กล้าเปลี่ยน และกล้าตัดสินใจ ในอดีตเราเคยพึ่งพิงภาคการผลิตเพื่อการส่งออกเป็นหลัก แต่ในวันนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว การเปลี่ยนผ่านสู่ภาคบริการและ “อสังหาริมทรัพย์ไทย” ในฐานะตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลัก โดยอาศัยจุดแข็งและเสน่ห์ของประเทศในการดึงดูดเม็ดเงินจากทั่วโลก จึงเป็นทางออกที่สำคัญและเร่งด่วนที่สุด

ผมเชื่อมั่นว่าหากเราสามารถบริหารจัดการเรื่องนี้ได้อย่างมีวิสัยทัศน์และรอบคอบ อสังหาริมทรัพย์จะไม่ใช่แค่เพียงธุรกิจการก่อสร้างและซื้อขาย แต่จะเป็นกลไกอันทรงพลังที่นำพาประเทศไทยก้าวพ้นจากความท้าทายทางเศรษฐกิจ และสร้าง “การเติบโตของ GDP” ที่ยั่งยืนและมั่นคงในยุคถัดไป

ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะปลดล็อกศักยภาพอันมหาศาลของอสังหาริมทรัพย์เพื่ออนาคตที่สดใสยิ่งกว่าเดิม

หากท่านเป็นนักลงทุน ผู้ประกอบการ หรือผู้กำหนดนโยบายที่มองเห็นโอกาสในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยอสังหาริมทรัพย์ และต้องการเจาะลึกข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม หรือหารือเกี่ยวกับโอกาสในการลงทุนและการพัฒนาโครงการในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยที่กำลังเปลี่ยนแปลงนี้ โปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อเราเพื่อขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ

Previous Post

D1912082 เพราะฉ นไม สวย ไม ณค าใช ไหม part2

Next Post

D1912085 โรงแรมน ไม ให เข นผมก อโรงแรมซะเลย part2

Next Post
D1912085 โรงแรมน ไม ให เข นผมก อโรงแรมซะเลย part2

D1912085 โรงแรมน ไม ให เข นผมก อโรงแรมซะเลย part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D1912125 กค าต วด องเปล ยนส ผมซะให เข part2
  • D1912124 ดกะเพราเส นข นเทพ รสชาต หร อม ของสมนาค part2
  • D1912123 คนเก บของเก าคนน แหละ จะทำให เราได งาน าน part2
  • D1912122 นหร อย แพง คนเป นเพ อนเขาทำก นแบบน เหรอ part2
  • D1912121 บะหม บาท กำไรแทบจะไม แต กล าด มาซ อโรงแรมหร part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.