• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D1912035 ไม ญญาซ อก ไม องมาด part2

admin79 by admin79
December 19, 2025
in Uncategorized
0
D1912035 ไม ญญาซ อก ไม องมาด part2

จับตา ‘สงครามราคาบ้าน’ ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย 2025: บทวิเคราะห์เชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญ

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์มายาวนานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นพลวัตของตลาดพลิกผันมาแล้วหลายครั้ง แต่สถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะในปี 2568 นี้ กำลังส่งสัญญาณที่แตกต่างออกไปอย่างมีนัยสำคัญ เรากำลังยืนอยู่บนทางแยกที่อาจนำไปสู่ปรากฏการณ์ที่หลายฝ่ายกังวล นั่นคือ ‘สงครามราคาบ้าน’ (House Price War) ซึ่งอาจไม่ใช่แค่เพียงการแข่งขันทางการตลาดธรรมดา แต่เป็นการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดที่อาจสั่นคลอนเสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวม บทความนี้จะเจาะลึกถึงสัญญาณเตือน ปัจจัยกระตุ้น และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น พร้อมนำเสนอแนวทางการปรับตัวสำหรับทั้งผู้ประกอบการ สถาบันการเงิน และผู้บริโภค เพื่อให้สามารถก้าวผ่านช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ไปได้อย่างมั่นคง โดยอ้างอิงข้อมูลล่าสุดและแนวโน้มที่กำลังจะมาถึงในปี 2025 และปีต่อ ๆ ไป

ถอดรหัสสัญญาณเตือน: เศรษฐกิจไทย ภาคการเงิน และแรงกดดันต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์

สถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่ยังคงฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าหลังวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ได้สร้างแรงกดดันมหาศาลต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดสำคัญของสุขภาพเศรษฐกิจโดยรวม จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมเห็นได้ชัดว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนตลาด แต่ในปัจจุบัน กำลังซื้อเหล่านั้นกำลังอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด ปัจจัยหลักที่บ่อนทำลายความเชื่อมั่นและการตัดสินใจซื้อบ้าน ได้แก่ หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ และอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับที่ไม่เอื้อต่อการกู้ยืมระยะยาว

สถาบันการเงินเองก็ต้องเผชิญกับความท้าทายไม่แพ้กัน คุณภาพสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ด้อยลง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ได้ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการอนุมัติสินเชื่อ สัญญาณที่ชัดเจนคือตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และสินเชื่อที่กล่าวถึงเป็นพิเศษ (SM) ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง หากสินเชื่อเหล่านี้ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ย่อมหมายถึงความเสี่ยงด้านเครดิตที่สูงขึ้น ทำให้ธนาคารต้องใช้เวลาในการประเมินและปรับปรุงความเข้มงวดของนโยบายสินเชื่อ และนั่นหมายถึงอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งจากข้อมูลของหลายธนาคารชั้นนำ ชี้ให้เห็นว่าอัตราปฏิเสธสินเชื่อบ้านใหม่ พุ่งสูงขึ้นถึง 20-30% โดยเฉพาะในกลุ่มราคาต่ำกว่า 3-4 ล้านบาท ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของตลาด

ในอดีต ปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพมักจำกัดอยู่ในกลุ่มที่อยู่อาศัยราคาต่ำ แต่ปัจจุบัน เราเริ่มเห็นสัญญาณลุกลามไปยังกลุ่มราคา 3-5 ล้านบาท และบางส่วนเริ่มเห็นผลกระทบแม้กระทั่งในกลุ่มราคา 10 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจซบเซาได้กระจายผลกระทบจากฐานรากสู่ระดับกลาง และอาจกระทบถึงกลุ่มรายได้สูงบางส่วน เป็นสถานการณ์ที่น่ากังวลและแก้ไขได้ยากกว่าที่เคย

เมื่อ “สงครามราคาบ้าน” ไม่ใช่แค่ข่าวลือ: บทเรียนจากตลาดรถยนต์และผลกระทบเชิงลึก

สิ่งที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคน รวมถึงตัวผมเอง จับตามองอย่างใกล้ชิด คือความเป็นไปได้ที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568 จะเดินตามรอยตลาดรถยนต์ในปี 2567 ที่เคยเผชิญกับ “สงครามราคา” อย่างดุเดือด จากปรากฏการณ์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เข้ามา “ดัมพ์ราคา” และการแข่งขันตัดราคาของรถยนต์ป้ายแดงเพื่อเร่งระบายสต็อก ประกอบกับกำลังซื้อที่ซบเซาและการอนุมัติสินเชื่อที่ยากขึ้น ส่งผลให้ราคารถยนต์ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง กลายเป็นหนี้เสียจำนวนมาก และใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัว

หากปรากฏการณ์ “สงครามราคาบ้าน” เกิดขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ผลกระทบจะรุนแรงและซับซ้อนกว่าตลาดรถยนต์หลายเท่าตัวนัก เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้เป็นเพียงสินค้าบริโภค แต่เป็นสินทรัพย์สำคัญที่สร้าง “Wealth Effect” หรือผลกระทบต่อความมั่งคั่งของผู้คน เมื่อมูลค่าบ้านลดลง ประชาชนจะรู้สึกว่าตนเอง “จนลง” สูญเสียความมั่นคงและความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอย สะท้อนบทเรียนจากประเทศจีนที่ราคาบ้านตกต่ำ จนทำลายความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และฉุดให้เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวลง นี่คือวัฏจักรขาลงที่น่ากลัวและยากที่จะแก้ไข

ในขณะที่โครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ในกลุ่มพรีเมียมอาจจะยังไม่ลดราคาลงอย่างรุนแรงเพื่อรักษาภาพลักษณ์และมูลค่าของแบรนด์ แต่สำหรับโครงการเก่า คอนโดมิเนียมเก่า หรือบ้านเก่า รวมถึงโครงการขนาดเล็กที่ต้องการสภาพคล่องเร่งด่วน เราเริ่มเห็นการแข่งขันลดราคาเพื่อระบายสต็อกอย่างชัดเจน นี่คือจุดเริ่มต้นของสงครามราคาที่แท้จริง ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดสภาพคล่องของผู้ประกอบการขนาดเล็กและกลาง การล้มละลาย หรือการถูกรวมกิจการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพึ่งพิงการระดมทุนผ่านตลาดหุ้นกู้สูง ความเสี่ยงก็จะยิ่งทวีคูณ

กลยุทธ์การปรับตัวของผู้ประกอบการและสถาบันการเงินในยุคความท้าทาย

ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปราะบางนี้ ทั้งผู้ประกอบการและสถาบันการเงินต่างต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วนและชาญฉลาด

สำหรับ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์:
การจัดการสต็อกและสภาพคล่อง: เป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด การลดราคาเพื่อระบายสต็อกอาจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับบางโครงการ แต่ต้องทำอย่างมีกลยุทธ์ ไม่ใช่แค่ตัดราคาจนทำลายมูลค่าตลาดโดยรวม
มุ่งเน้นตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market): แทนที่จะพัฒนาโครงการขนาดใหญ่สำหรับตลาดมวลชน ผู้ประกอบการอาจต้องหันมาพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะกลุ่มมากขึ้น เช่น บ้านสำหรับผู้สูงอายุ, โครงการที่เน้นความยั่งยืน, หรือที่อยู่อาศัยที่มาพร้อมบริการครบวงจร
การลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ: การนำเทคโนโลยีก่อสร้างใหม่ ๆ มาใช้ การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานให้มีประสิทธิภาพ และการปรับลดโครงสร้างองค์กรให้กระชับ เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อประคองธุรกิจ
พันธมิตรเชิงกลยุทธ์: การร่วมมือกับผู้ประกอบการรายอื่น หรือการร่วมทุนกับนักลงทุนที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะผู้ลงทุนต่างชาติที่ยังคงมองเห็นโอกาสในระยะยาวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย อาจช่วยเพิ่มสภาพคล่องและแบ่งเบาความเสี่ยงได้
ความยั่งยืนและ ESG: ในระยะยาว การพัฒนาโครงการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) จะเป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มมูลค่าและดึงดูดนักลงทุนและผู้ซื้อที่ใส่ใจ

สำหรับ สถาบันการเงิน:
การบริหารจัดการสินเชื่ออย่างเข้มงวด: การตั้งการ์ดสูงในการพิจารณาสินเชื่อ โดยเฉพาะการประเมินความสามารถในการชำระหนี้ (DSR) และการพิจารณาราคาประเมินอย่างรอบคอบ เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาคุณภาพพอร์ตสินเชื่อ
โฟกัสตลาดที่มีเสถียรภาพ: การขยายตัวในตลาดบ้านมือสอง (Second-hand homes) ที่มีความผันผวนน้อยกว่าตลาดบ้านใหม่ และมีกลุ่มลูกค้าที่มีความพร้อมทางการเงินมากกว่า เริ่มกลายเป็นกลยุทธ์หลักของหลายธนาคารในปัจจุบัน โดยบางธนาคารมีสัดส่วนสินเชื่อบ้านมือสองสูงถึง 30% ของพอร์ตสินเชื่อรวม
บริการ “บ้านแลกเงิน” (Home for Cash): แม้จะเป็นช่องทางในการสร้างสภาพคล่องให้ประชาชน แต่ก็เป็นสัญญาณที่ธนาคารต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะอาจบ่งชี้ถึงภาวะที่ผู้คนกำลังขาดสภาพคล่องและต้องนำสินทรัพย์มาแปลงเป็นเงิน
การจัดการ NPLs: บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) จะมีบทบาทสำคัญในการรับมือกับหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น และต้องมีกลยุทธ์ในการระบายสินทรัพย์เหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของระบบโดยรวม

พลิกวิกฤตเป็นโอกาส: ตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสองและแนวโน้มใหม่

ในภาวะที่ตลาดบ้านใหม่ชะลอตัว ตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสองกลับกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับผู้ซื้อและนักลงทุน ด้วยราคาที่มักจะต่ำกว่าโครงการใหม่ และมีตัวเลือกทำเลที่หลากหลายกว่า โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ที่มีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมอยู่แล้ว เช่น คอนโดมิเนียมย่านสุขุมวิท หรือบ้านเดี่ยวนนทบุรี ที่มีศักยภาพในการอยู่อาศัยและการลงทุน อย่างไรก็ตาม ผู้ซื้อและสถาบันการเงินเองก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในการประเมินราคาและตรวจสอบสภาพทรัพย์สิน

นอกจากตลาดมือสองแล้ว เทรนด์ใหม่ ๆ ที่กำลังเข้ามามีบทบาทในภาคอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นโอกาสที่น่าจับตาในปี 2025 และในอนาคต:
อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนทางเลือก: การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่าที่อยู่อาศัย เช่น คลังสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม หรืออสังหาริมทรัพย์ที่มีลักษณะพิเศษ (เช่น ศูนย์ข้อมูล)
เทคโนโลยี PropTech: การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการซื้อขาย การบริหารจัดการ หรือการทำการตลาดอสังหาริมทรัพย์ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ผู้บริโภค
โครงการที่เน้นสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี: ผู้คนให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น โครงการที่มีพื้นที่สีเขียว สิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขภาพ หรือใกล้โรงพยาบาล จะได้รับความนิยม
อสังหาฯ ทำเลทองใหม่: การขยายตัวของโครงข่ายคมนาคมขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้าสายใหม่ ๆ จะสร้างทำเลทองใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต

สำหรับนักลงทุน การวิเคราะห์ตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างละเอียด และการปรึกษาที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์มืออาชีพที่มีประสบการณ์ จะเป็นกุญแจสำคัญในการค้นพบโอกาสการลงทุนอสังหาฯ ที่ซ่อนอยู่ในภาวะตลาดเช่นนี้

ภาพอนาคตอสังหาริมทรัพย์ไทย 2025-2026 และปัจจัยขับเคลื่อน

จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ ผมคาดการณ์ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2568 (2025) จะยังคงอยู่ในภาวะทรงตัวหรืออาจติดลบเล็กน้อย จากแรงกดดันต่อเนื่องของกำลังซื้อที่อ่อนแอ นโยบายสินเชื่อที่เข้มงวด และสต็อกที่ยังคงค้างอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาก “สงครามราคาบ้าน” เกิดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ

อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์มีศักยภาพในการฟื้นตัว และอาจเริ่มกลับมาเป็นบวกได้ในช่วงปี 2569 (2026) ด้วยอัตราการเติบโตประมาณ 4-5% หากมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญดังต่อไปนี้:
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและกำลังซื้อ: การเติบโตของ GDP ที่แข็งแกร่งขึ้น การจ้างงานที่เพิ่มขึ้น และรายได้ที่ปรับตัวดีขึ้น จะช่วยปลุกกำลังซื้อและเรียกคืนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
นโยบายภาครัฐ: มาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ เช่น การลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง การสนับสนุนสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำสำหรับกลุ่มเป้าหมาย หรือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ จะเป็นตัวเร่งสำคัญ
การท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI): การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวและการไหลเข้าของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ จะช่วยกระตุ้นความต้องการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งเพื่อการอยู่อาศัยและเพื่อการลงทุน โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวสำคัญอย่างพัทยา หรือภูเก็ต
พลวัตประชากรและการขยายตัวของเมือง: การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร เช่น การเข้าสู่สังคมสูงวัย และการขยายตัวของเมือง จะสร้างความต้องการที่อยู่อาศัยในรูปแบบและทำเลที่แตกต่างกันไป
การจัดการหนี้อสังหาฯ ที่มีประสิทธิภาพ: ระบบการเงินที่มีกลไกในการจัดการหนี้เสียอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดความเสี่ยงและสร้างความมั่นใจให้แก่ทั้งผู้กู้และผู้ให้กู้

การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในระยะนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังและข้อมูลเชิงลึกเป็นพิเศษ แม้ภาวะตลาดจะดูท้าทาย แต่ก็มักจะมีโอกาสที่ซ่อนอยู่เสมอสำหรับผู้ที่มีวิสัยทัศน์และข้อมูลที่แม่นยำ

บทสรุปและข้อคิด

สถานการณ์ “สงครามราคาบ้าน” ที่กำลังคุกคามตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2568 นี้ เป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามได้ จากประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน ผมขอยืนยันว่านี่คือช่วงเวลาที่สำคัญยิ่งสำหรับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการที่ต้องปรับกลยุทธ์การพัฒนาและการบริหารจัดการสภาพคล่อง สถาบันการเงินที่ต้องรักษาคุณภาพสินเชื่ออย่างเข้มงวด หรือผู้บริโภคและนักลงทุนที่ต้องศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านก่อนตัดสินใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

แม้ภาพรวมจะเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ก็มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ หากทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างชาญฉลาด มีการกำกับดูแลที่เหมาะสม และเศรษฐกิจมหภาคมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น เราจะสามารถก้าวผ่านช่วงวิกฤตนี้ไปได้ และตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยจะกลับมาแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืนอีกครั้ง

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอย้ำว่าการตัดสินใจใด ๆ ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ช่วงนี้ควรอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่แม่นยำและการประเมินความเสี่ยงอย่างรอบคอบ หากคุณกำลังพิจารณาการซื้อ การขาย หรือการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม หรืออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนอื่น ๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง ผมขอแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ เพื่อรับการวิเคราะห์ตลาดอสังหาฯ เฉพาะบุคคล และวางแผนการลงทุนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณ เพื่อให้ทุกย่างก้าวของคุณเป็นไปอย่างมั่นคงและสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระยะยาว

Previous Post

D1912034 หลานเขยพ การ แกจะเอามาขอส วนบ ญเหรอ part2

Next Post

D1912036 แม มาแล นามสก ลฉ นจะด บนามสก ลแก part2

Next Post
D1912036 แม มาแล นามสก ลฉ นจะด บนามสก ลแก part2

D1912036 แม มาแล นามสก ลฉ นจะด บนามสก ลแก part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D1912059 อะไรๆพ ตค งต นไม part2
  • D1912060 แต งก บพ นขอร สอร ทนะท part2
  • D1912058 อสาม ไม มารยาทเอาซะเลย part2
  • D1912057 ไม องสนใจ จงเป นในส งท ควรเป part2
  • D1912056 บรถหร มาอวด อต องตกงาน part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.