• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D1712026 ไอต วเก าอร อยจ ep1 part2

admin79 by admin79
December 17, 2025
in Uncategorized
0
D1712026 ไอต วเก าอร อยจ ep1 part2

จับชีพจร ‘สงครามราคาบ้าน’ ปี 2568: ถอดรหัสสัญญาณวิกฤตและความท้าทายของตลาดอสังหาฯ ไทย

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีในวงการอสังหาริมทรัพย์และการเงินมากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวัฏจักรขึ้นลงของตลาดมาแล้วหลายครั้ง แต่สถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่นั้น แตกต่างออกไป และมีนัยยะสำคัญที่อาจนำไปสู่ปรากฏการณ์ที่เราเรียกว่า ‘สงครามราคาบ้าน’ (House Price War) ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง ย่อมส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อเศรษฐกิจโดยรวมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สัญญาณเตือนที่ปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ จากสถาบันการเงินและผู้เชี่ยวชาญในภาคส่วนต่างๆ ชี้ให้เห็นว่า ตลาดอสังหาฯ ไทยกำลังเดินเข้าสู่ช่วงเวลาที่เปราะบางและท้าทายอย่างยิ่ง บทความนี้จะเจาะลึกถึงสาเหตุ แนวโน้ม และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น พร้อมวิเคราะห์กลยุทธ์การรับมือสำหรับผู้ที่อยู่ในระบบนิเวศของอสังหาริมทรัพย์ไทย

ถอดรหัสสัญญาณเตือน: เศรษฐกิจชะลอฉุดกำลังซื้อบ้าน

ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับภาวะชะลอตัวต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แม้จะมีแรงหนุนจากการท่องเที่ยวและการส่งออกบางส่วน แต่กำลังซื้อภายในประเทศกลับอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด ปัจจัยหลักคือภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ควบคู่ไปกับอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงทรงตัวในระดับสูง ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการตัดสินใจครั้งใหญ่ เช่น การซื้อบ้าน

จากข้อมูลที่ผมได้สังเกตการณ์มาตลอด จะเห็นว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบโดยตรง ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ เริ่มแสดงความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อที่อยู่อาศัย คุณภาพสินเชื่อที่ด้อยลงสะท้อนได้จากตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสินเชื่อกล่าวถึงเป็นพิเศษ (SM) ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าความเสี่ยงด้านเครดิตกำลังทวีความรุนแรงขึ้น สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ธนาคารต้องเพิ่มความเข้มงวดในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อบ้านมากขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อ (Reject Rate) พุ่งสูงขึ้น และอัตราการอนุมัติสินเชื่อ (Approval Rate) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

เดิมที กลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือผู้กู้ที่มีรายได้น้อยหรือปานกลาง โดยเฉพาะโครงการบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ ผลกระทบเริ่มขยายวงกว้างไปยังกลุ่มราคา 3-5 ล้านบาท และแม้กระทั่ง 10 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจซึมลึกได้ลามจากฐานรากสู่ชนชั้นกลาง และอาจลามต่อไปยังกลุ่มผู้มีรายได้สูงขึ้น นี่คือสัญญาณอันตรายที่ไม่อาจมองข้ามได้ เพราะหากกำลังซื้อหดตัวลงในวงกว้าง จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้ผู้ประกอบการต้องเร่งระบายสต็อก ซึ่งเป็นชนวนสำคัญของ ‘สงครามราคาบ้าน’ ที่เรากำลังพูดถึง

ภาพหลอนจากสมรภูมิรถยนต์: บทเรียนที่อสังหาฯ ต้องเผชิญ

หลายท่านคงจำภาพการทำสงครามราคาในตลาดรถยนต์ได้ดีเมื่อปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เท “ดัมพ์ราคา” อย่างไม่เกรงใจตลาดเดิม สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่จนทำให้ราคารถยนต์ป้ายแดงร่วงลงอย่างหนัก ควบคู่ไปกับกำลังซื้อที่ซบเซาและภาวะที่ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์อย่างไม่เคยมีมาก่อน ผลลัพธ์คือการแข่งขันหั่นราคาเพื่อระบายสต็อก ทำให้เกิดปัญหาหนี้เสีย ทิ้งรถ ทิ้งสินเชื่อ ซ้ำเติมให้ตลาดชะลอตัวและบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค การฟื้นตัวจากภาวะดังกล่าวต้องใช้เวลาและนโยบายที่รอบด้าน

สิ่งที่ ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMB Thai) ได้เตือนไว้นั้น เป็นภาพสะท้อนที่น่าคิดอย่างยิ่ง หากสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ ผลกระทบจะรุนแรงและซับซ้อนกว่ามาก เพราะมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ไม่เพียงแต่เป็นสินทรัพย์ชิ้นใหญ่ที่สุดของหลายครัวเรือน แต่ยังเชื่อมโยงกับ “Wealth Effect” หรือผลกระทบต่อความมั่งคั่งของประชาชนโดยตรง

Wealth Effect: วงจรหายนะที่ต้องจับตา

ลองนึกภาพว่าหากราคาบ้านที่คุณครอบครองอยู่ลดลงอย่างฮวบฮาบ คุณจะรู้สึกอย่างไร? โดยปกติแล้ว การมีบ้านเป็นของตัวเองสร้างความรู้สึกมั่นคง ปลอดภัย และเป็นรากฐานของความมั่งคั่ง เมื่อมูลค่าบ้านเพิ่มขึ้น ผู้คนจะรู้สึกมั่งคั่งขึ้น มีความเชื่อมั่นที่จะใช้จ่ายและบริโภคมากขึ้น ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวม แต่ในทางกลับกัน หากราคาบ้านลดลง ผู้คนจะรู้สึกจนลงทันที ความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยจะลดลงอย่างฮวบฮาบ กังวลกับการใช้จ่าย และเลือกที่จะเก็บออมแทนการบริโภค นี่คือ “Wealth Effect” ในด้านลบ ที่ประเทศจีนเคยเผชิญมาแล้วและส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวอย่างหนัก

หาก ‘สงครามราคาบ้าน’ เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย ผลกระทบของ Wealth Effect จะเป็นวงจรหายนะที่หมุนลงเรื่อยๆ การบริโภคและลงทุนที่ลดลงจะฉุดรั้งเศรษฐกิจให้ถดถอยยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่การปั่นป่วนของตลาด แต่เป็นการบ่อนทำลายรากฐานความเชื่อมั่นและความมั่งคั่งของประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวกว่าสถานการณ์ในตลาดรถยนต์หลายเท่า การรับมือกับวิกฤตความเชื่อมั่นนี้ยากกว่าการแก้ไขปัญหาหนี้เสียเพียงอย่างเดียว และต้องใช้ความเข้าใจเชิงลึกและมาตรการที่รอบด้าน

สภาพตลาดปัจจุบัน: ซัพพลายล้น ดีมานด์หด ราคาบ้านเริ่มขยับ

ปัจจุบัน สัญญาณของการแข่งขันด้านราคาเริ่มปรากฏให้เห็นในบางกลุ่ม แม้โครงการบ้านใหม่ราคาแพงอาจจะยังไม่ลดราคาลงอย่างรุนแรงเพื่อเร่งระบายสต็อก แต่โครงการเก่า คอนโดมิเนียมเก่า และบ้านมือสอง เริ่มมีการทำโปรโมชั่น ลดราคา หรือเสนอเงื่อนไขพิเศษมากขึ้น เพื่อดึงดูดผู้ซื้อและเร่งระบายยูนิตที่เหลืออยู่ นี่คือจุดเริ่มต้นของ ‘สงครามราคาบ้าน’ ในมิติที่ต่างกัน

การชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะผู้ซื้อและสถาบันการเงินเท่านั้น แต่ยังสร้างความท้าทายครั้งใหญ่ให้กับผู้ประกอบการอสังหาฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้พัฒนาโครงการขนาดเล็กที่อาจมีสภาพคล่องทางการเงินไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร หากต้องเผชิญกับการลดราคาอย่างหนักเพื่อระบายสต็อก อาจทำให้กระแสเงินสดตึงตัว การระดมทุนเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ หรือแม้แต่การบริหารจัดการโครงการปัจจุบันก็จะทำได้ยากขึ้น ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ก็เป็นอีกประเด็นที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะจะส่งผลกระทบต่อตลาดทุนโดยรวม

นอกจากนี้ บริษัทบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company – AMC) ที่มีสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ที่ยึดมาจากลูกหนี้จำนวนมาก ก็จะเผชิญกับความยากลำบากในการระบายสินทรัพย์เหล่านี้ หากราคาตลาดลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องและผลประกอบการของ AMC เอง การแก้ไขปัญหา NPL อสังหาฯ จึงไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องอาศัยกลไกตลาดและนโยบายที่เหมาะสม

เสียงสะท้อนจากภาคธนาคาร: การปรับกลยุทธ์รับมือ

ธนาคารพาณิชย์ในฐานะผู้ให้สินเชื่อหลัก ต่างแสดงความเห็นและปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ได้กล่าวถึงการเปิดโครงการใหม่ที่ลดลง สอดคล้องกับความต้องการซื้อที่หดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ ธนาคารเริ่มเห็นปรากฏการณ์ที่ประชาชนนำสินทรัพย์ โดยเฉพาะบ้าน ไปแปลงเป็นสภาพคล่องมากขึ้นผ่านผลิตภัณฑ์ เช่น “บ้านแลกเงิน” (Home for Cash) ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นทางการเงินของประชาชน และการบริหารจัดการ NPL ของกลุ่มสินเชื่อที่อยู่อาศัยยังคงอยู่ในโหมด “ประคับประคอง” ซึ่งหมายถึงการบริหารจัดการอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายลง

ด้านนายยุทธชัย เตยะราชกุล กรรมการผู้จัดการ บุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ชี้ให้เห็นตัวเลขที่น่ากังวล โดยยอดปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ (New Loan) หดตัวลงถึง 15% ขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างทรงตัวที่ 0% สอดคล้องกับยอดขายบ้านใหม่ที่ลดลง 15-20% เมื่อเทียบกับปีก่อน ธนาคารยูโอบีจึงได้ปรับกลยุทธ์โดยหันไปให้ความสำคัญกับการขยายสินเชื่อในตลาดบ้านมือสองมากขึ้น เนื่องจากมองว่าเป็นตลาดที่มีเสถียรภาพกว่า อย่างไรก็ตาม การอนุมัติสินเชื่อบ้านมือสองก็ไม่ได้ง่ายดายนัก ธนาคารยังคงต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยพิจารณาจากราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอย่างถี่ถ้วน และเข้มงวดในคุณสมบัติของผู้กู้ เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้ากู้เพื่ออยู่อาศัยจริง ไม่ใช่การซื้อเพื่อเก็งกำไรในภาวะตลาดที่ไม่แน่นอน

จากประสบการณ์ ผมเห็นว่าธนาคารต่างๆ ต้องเผชิญกับอัตราส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ (DSR) ของลูกค้าที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Reject Rate สูงขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มบ้านราคาต่ำกว่า 3-4 ล้านบาท ที่มีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อสูงมาก สะท้อนถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนและความสามารถในการชำระหนี้ อย่างไรก็ตาม สำหรับกลุ่มบ้านราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งผู้กู้มีรายได้ตั้งแต่ 70,000-100,000 บาทขึ้นไป ยังคงมี Approval Rate ที่ดีอยู่ แสดงให้เห็นว่ากลุ่มนี้ยังมีความสามารถในการชำระหนี้ที่ดีกว่า

อนาคตอสังหาฯ ไทย 2568-2569: แสงสว่างปลายอุโมงค์ หรือพายุลูกใหญ่กว่าเดิม?

สถานการณ์สินเชื่อบ้านในปัจจุบันถือเป็นช่วงเวลาที่ “ดาวน์” ที่สุดครั้งหนึ่ง อาจจะแย่กว่าช่วงวิกฤตโควิด-19 ด้วยซ้ำ เพราะปัจจุบันมีสต็อกบ้านและคอนโดมิเนียมเหลืออยู่ในตลาดจำนวนมาก แต่กลับขายไม่ออก ท่ามกลางภาวะกำลังซื้อที่อ่อนแรงและมาตรการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวด

การคาดการณ์แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2568 จึงดูเหมือนจะยังคงทรงตัวหรือติดลบ โดย ‘สงครามราคาบ้าน’ อาจจะยังไม่ปะทุขึ้นอย่างเต็มรูปแบบในทุกเซกเมนต์ แต่อย่างน้อยการแข่งขันเพื่อระบายสต็อกในโครงการเก่าและตลาดบ้านมือสองจะยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง และอาจทวีความรุนแรงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าตลาดจะมืดมิดไปเสียทั้งหมด ผู้เชี่ยวชาญหลายคน รวมถึงผมเอง ยังคงมองเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ในปี 2569 ที่คาดการณ์ว่าตลาดอาจจะกลับมาเติบโตเป็นบวกได้ 4-5% ปัจจัยที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ได้แก่:

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและไทย: หากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวได้ดี การส่งออกและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จะเข้ามามากขึ้น ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยและการจ้างงาน ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อ
นโยบายภาครัฐ: มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์จากภาครัฐ เช่น การลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง การผ่อนปรนเกณฑ์การให้สินเชื่อ หรือการสนับสนุนโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย อาจช่วยพยุงและกระตุ้นตลาดได้
การปรับลดอัตราดอกเบี้ย: หากอัตราเงินเฟ้อลดลงและธนาคารกลางสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับผู้ซื้อบ้าน ทำให้สินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำเป็นจริงมากขึ้น และเพิ่มความน่าสนใจในการลงทุนอสังหาฯ
นวัตกรรมและการปรับตัวของผู้ประกอบการ: ผู้ประกอบการที่สามารถปรับตัว สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคใหม่ เช่น บ้านประหยัดพลังงาน บ้านอัจฉริยะ หรือโครงการที่เน้นพื้นที่สีเขียว จะยังคงมีโอกาสในตลาด

บทสรุปและข้อเสนอแนะ: ทิศทางการอยู่รอดในยุคที่ท้าทาย

‘สงครามราคาบ้าน’ ไม่ใช่แค่สถานการณ์ที่ต้องเผชิญ แต่เป็นบทเรียนสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องเรียนรู้และปรับตัว

สำหรับผู้ซื้อ: ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสทองสำหรับผู้ที่พร้อมทางการเงิน การศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน การประเมินราคาบ้านอย่างถี่ถ้วน และการวางแผนการเงินที่รัดกุมเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง การปรึกษาสินเชื่อบ้านกับธนาคารหลายแห่งเพื่อหาสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำและเงื่อนไขที่ดีที่สุดเป็นสิ่งที่ควรทำ มองหาบ้านมือสองคุณภาพดีในทำเลทอง หรือโครงการบ้านใหม่ที่มีโปรโมชั่นพิเศษ จะช่วยให้คุณได้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนหรือเพื่ออยู่อาศัยในราคาที่คุ้มค่า แต่ต้องระวังกับความเสี่ยงเรื่องสภาพคล่องของโครงการและผู้ประกอบการ
สำหรับผู้ขาย/ผู้ประกอบการ: การปรับกลยุทธ์การตลาดให้เข้ากับสถานการณ์เป็นสิ่งจำเป็น การเน้นจุดเด่นของโครงการ การสร้างมูลค่าเพิ่ม และการบริหารจัดการสต็อกอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้รอดพ้นจากภาวะการแข่งขันนี้ การพิจารณาขายบ้านด่วนอาจเป็นทางออกสำหรับผู้ที่ต้องการสภาพคล่อง การพัฒนาโครงการอสังหาฯ ต้องคำนึงถึงความต้องการที่แท้จริงของตลาด และประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตของลูกค้าอย่างรอบคอบ รวมถึงการบริหารจัดการสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทให้แข็งแกร่ง
สำหรับสถาบันการเงิน: การบริหารหนี้เสียอย่างใกล้ชิด การวิเคราะห์ความเสี่ยงที่แม่นยำ และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ยืดหยุ่น เช่น รีไฟแนนซ์บ้าน หรือบ้านแลกเงิน เพื่อช่วยบรรเทาภาระให้กับลูกหนี้ เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาคุณภาพพอร์ตสินเชื่อโดยรวม การประเมินราคาบ้านอย่างเป็นธรรมและทันต่อสถานการณ์ตลาดก็เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเชื่อว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงมีศักยภาพ แต่ต้องอาศัยความเข้าใจสถานการณ์อย่างถ่องแท้ การวางแผนกลยุทธ์ที่รอบคอบ และการปรับตัวที่รวดเร็ว การลงทุนอสังหาฯ ในช่วงเวลานี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังและข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อให้สามารถคว้าโอกาสท่ามกลางความท้าทาย

หากคุณต้องการเจาะลึกข้อมูลตลาด หรือต้องการที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์มืออาชีพ เพื่อวางแผนการซื้อ ขาย หรือลงทุนในสถานการณ์ตลาดที่ไม่แน่นอนนี้ เราพร้อมให้คำปรึกษาและนำเสนอโซลูชั่นที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ โปรดติดต่อเราเพื่อรับคำแนะนำเฉพาะบุคคลที่จะช่วยให้คุณก้าวผ่านช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ไปได้อย่างมั่นคงและประสบความสำเร็จ

Previous Post

D1712025 ไอต วเก าอร อยจ ep part2

Next Post

D1512027 วงแบบไม เกรงใจ แม ยายก ไม เว ep1 part1

Next Post
D1512027 วงแบบไม เกรงใจ แม ยายก ไม เว ep1 part1

D1512027 วงแบบไม เกรงใจ แม ยายก ไม เว ep1 part1

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D1512031 แอบส อง ระยะเผาขน EP1 part1
  • D1512030 แอบส อง ระยะเผาขน EP2 part1
  • D1512029 กาโม หลอกม จได part1
  • D1512028 คลอดล กช ในว นแต งงาน!! ep1 part1
  • D1512027 วงแบบไม เกรงใจ แม ยายก ไม เว ep1 part1

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.