• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D1512073 เด กข ามภพ บความจร งท กปกป ep2 part2

admin79 by admin79
December 16, 2025
in Uncategorized
0

จับชีพจรตลาดอสังหาฯ ไทย 2568: สัญญาณ สงครามราคาบ้าน กับกลยุทธ์ฝ่าวิกฤตความมั่งคั่ง

ในฐานะที่คลุกคลีอยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจมหภาคมานานกว่าทศวรรษ ผมเห็นวัฏจักรของตลาดปรับเปลี่ยนไปตามปัจจัยต่างๆ มากมาย และสิ่งที่กำลังก่อตัวขึ้นในตลาดอสังหาฯ ไทย ณ ปลายปี 2567 ต่อเนื่องถึงปี 2568 นี้ กำลังส่งสัญญาณที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด นั่นคือความเป็นไปได้ที่จะเกิด “สงครามราคาบ้าน” อย่างที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งอาจเป็นบททดสอบสำคัญที่ส่งผลกระทบมากกว่าแค่ตัวเลขการขาย แต่ลุกลามไปถึงความรู้สึกมั่นคงทางเศรษฐกิจและจิตใจของผู้คน หรือที่เรียกว่า Wealth Effect เลยทีเดียว การทำความเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นผู้พัฒนาโครงการ ธนาคาร สถาบันการเงิน ไปจนถึงผู้บริโภคและนักลงทุน

ภาพรวมตลาดอสังหาฯ: สัญญาณความท้าทายที่กำลังก่อตัว

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยเผชิญแรงกดดันต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยมีปัจจัยหลักมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ และความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน จากข้อมูลที่เราเฝ้าติดตาม ตัวเลขสินเชื่อที่กล่าวถึงเป็นพิเศษ (SM) และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง ทำให้ธนาคารต้องระมัดระวังในการอนุมัติสินเชื่อบ้านมากขึ้นเป็นพิเศษ แรงกดดันเหล่านี้ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง การขยับขึ้นของราคาบ้านในทำเลทองอย่างกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ เช่น ภูเก็ต หรือ เชียงใหม่ แม้จะดูสวนทาง แต่ก็เป็นการสะท้อนดีมานด์ที่จำกัดอยู่ในกลุ่มกำลังซื้อสูงและนักลงทุนต่างชาติบางกลุ่มเท่านั้น

สิ่งที่น่ากังวลคือ ปัญหาคุณภาพสินเชื่ออสังหาฯ ที่แต่เดิมเคยจำกัดอยู่ในกลุ่มบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ก็เริ่มลุกลามไปยังตลาดบ้านราคา 3-5 ล้านบาท และมีแนวโน้มจะขยายวงไปยังบ้านระดับ 10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่าเศรษฐกิจกำลังซึมลึกจากฐานรากสู่ระดับกลาง การชะลอตัวนี้ไม่ได้เกิดจากปัจจัยเฉพาะจุด แต่เป็นผลพวงจากโครงสร้างหนี้และรายได้ที่ไม่สมดุลกันในภาพรวม ส่งผลให้ธนาคารยิ่งต้องรัดกุมในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งเป็นวัฏจักรที่ฉุดรั้งตลาดให้ซบเซายิ่งขึ้น

บทเรียนจากตลาดรถยนต์: สงครามราคาบ้านที่อาจซ้ำรอย

เมื่อมองย้อนกลับไปในช่วงปี 2567 ตลาดรถยนต์เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของคำว่า “สงครามราคา” จากการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่มีการทำราคาอย่างดุเดือด ประกอบกับกำลังซื้อที่ซบเซา และความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อจากธนาคาร ทำให้ราคารถป้ายแดงในตลาดดิ่งลงอย่างรุนแรง ผู้ประกอบการต้องเร่งระบายสต็อกด้วยการหั่นราคาเพื่อรักษาการดำเนินงาน ซึ่งนำไปสู่ปัญหาหนี้เสียและการทิ้งรถจำนวนมาก สร้างความปั่นป่วนให้กับระบบสถาบันการเงินและผู้ประกอบการ การแก้ไขปัญหาดังกล่าวต้องใช้เวลาและทรัพยากรจำนวนมหาศาล

บทเรียนนี้เองที่ทำให้เราต้องจับตาตลาดอสังหาฯ ด้วยความกังวล เพราะหากเกิด สงครามราคาบ้าน ขึ้นจริง ผลกระทบจะรุนแรงและซับซ้อนกว่าตลาดรถยนต์มากนัก บ้านเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงกว่า มีการผูกพันกับภาระหนี้ระยะยาว และที่สำคัญที่สุดคือ “บ้าน” เป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงทางเศรษฐกิจและจิตใจของผู้คน เมื่อราคาบ้านตกต่ำลง ความรู้สึกมั่งคั่งและมั่นคงของผู้เป็นเจ้าของก็จะลดลงตามไปด้วย ซึ่งจะนำไปสู่ผลกระทบทางเศรษฐกิจในวงกว้าง หรือที่เรียกว่า “Wealth Effect” ในเชิงลบ

ผลกระทบต่อความมั่งคั่ง: เมื่อบ้านไม่ใช่แค่สินทรัพย์แต่คือความมั่นคง

แนวคิดของ Wealth Effect อธิบายว่าเมื่อราคาสินทรัพย์ เช่น บ้าน มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ผู้คนจะรู้สึกมั่งคั่งขึ้น มีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยและบริโภคมากขึ้น แต่ในทางกลับกัน เมื่อราคาสินทรัพย์ลดลง ผู้คนจะรู้สึกว่าความมั่งคั่งของตนเองหดหายไป กลายเป็นความรู้สึก “จนลง” และลดความกล้าในการบริโภคและการลงทุนลงตามไปด้วย

เราเห็นตัวอย่างได้จากประเทศจีนในช่วงที่ราคาอสังหาฯ ตกต่ำอย่างรุนแรง ประชาชนรู้สึกว่ามูลค่าบ้านที่เคยเป็นความภาคภูมิใจและหลักประกันชีวิตลดลงอย่างฮวบฮาบ ส่งผลให้เกิดความไม่มั่นใจในเศรษฐกิจ ไม่กล้าใช้จ่าย ไม่กล้าลงทุน ซึ่งกลายเป็นวงจรขาลงที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจให้ถดถอยลงไปเรื่อยๆ หาก สงครามราคาบ้าน เกิดขึ้นจริงในไทย ผลกระทบก็จะไม่ได้จำกัดอยู่แค่การปรับลดราคาเพื่อระบายสต็อก แต่จะกัดกร่อนความเชื่อมั่นในระยะยาว ทำลายกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่พึ่งพาการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก

แม้ว่าปี 2568 นี้ เราอาจจะยังไม่เห็นการลดราคาอย่างรุนแรงในโครงการใหม่ๆ ที่เพิ่งเปิดตัว เพราะผู้ประกอบการรายใหญ่ยังคงพยายามรักษาราคาและภาพลักษณ์ แต่สำหรับโครงการเก่า คอนโดมิเนียมเก่า หรือบ้านเก่าที่สร้างเสร็จมานานและยังไม่มีผู้ซื้อ เราเริ่มเห็นการแข่งขันลดราคาเพื่อระบายสต็อกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งนี่คือสัญญาณแรกๆ ของการเริ่มต้นของ สงครามราคาบ้าน ที่แท้จริง

ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของผู้ประกอบการ: สินค้าคงคลังและความต้องการสภาพคล่อง

สถานการณ์สินค้าคงคลังที่สูงเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้ประกอบการอสังหาฯ โดยเฉพาะโครงการขนาดเล็กที่อาจไม่มีสายป่านยาวพอ หากไม่มีสภาพคล่องเพียงพอที่จะประคับประคองการดำเนินงานในภาวะที่ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า ก็อาจจำเป็นต้องยอมลดราคาเพื่อระบายของให้ได้เงินสดกลับมา สถานการณ์เช่นนี้ยิ่งทำให้การระดมทุนในตลาดหุ้นกู้เป็นเรื่องที่ยากลำบากขึ้น เพราะนักลงทุนจะมองเห็นความเสี่ยงที่สูงขึ้น นำไปสู่ต้นทุนทางการเงินที่แพงขึ้น หรือแม้กระทั่งไม่สามารถออกหุ้นกู้ได้เลย ซึ่งจะยิ่งทำให้ปัญหาสภาพคล่องของผู้ประกอบการทวีความรุนแรงขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ที่มีสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจำนวนมาก ก็จะเผชิญความท้าทายในการบริหารจัดการและระบายสินทรัพย์เหล่านี้ออกสู่ตลาดเช่นกัน หาก สงครามราคาบ้าน เกิดขึ้นจริง มูลค่าสินทรัพย์ที่ถือครองก็จะลดลง ทำให้การขายเพื่อนำเงินสดกลับมาเป็นไปได้ยากขึ้น หรือต้องยอมขาดทุนจำนวนมาก ซึ่งกระทบต่อสภาพคล่องและผลกำไรของ AMC โดยตรง

ธนาคารกับบทบาทการประคองสถานการณ์: กลยุทธ์ปรับตัวและการบริหารความเสี่ยง

ในฟากฝั่งของธนาคาร สถานการณ์ปัจจุบันทำให้การปล่อยสินเชื่อบ้านอยู่ในโหมด “ประคับประคอง” อย่างที่ผู้บริหารธนาคารกรุงไทยได้กล่าวไว้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีแนวทางที่เข้มงวดมากขึ้นในการพิจารณาสินเชื่อ โดยเฉพาะเรื่องหนี้ต่อรายได้ (DSR) ของผู้กู้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงของระบบสถาบันการเงินในภาพรวม

ธนาคารยูโอบีเปิดเผยว่า ยอดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่หดตัวลงถึง 15% ขณะที่ยอดคงค้างทรงตัวที่ 0% สอดคล้องกับยอดขายบ้านใหม่ที่ลดลง 15-20% เมื่อเทียบปีต่อปี ทำให้ธนาคารต้องหันไปเน้นตลาดบ้านมือสองมากขึ้น เนื่องจากมีเสถียรภาพกว่าตลาดบ้านใหม่ที่ได้รับผลกระทบจากอุปทานล้นตลาดและราคาที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ธนาคารก็ยังคงต้องระมัดระวังในตลาดบ้านมือสอง โดยพิจารณาราคาประเมินอย่างเข้มงวด และตรวจสอบคุณสมบัติลูกค้าอย่างละเอียดว่าซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ไม่ใช่เพื่อการเก็งกำไรในภาวะตลาดที่ไม่แน่นอน

อัตราการปฏิเสธสินเชื่อ (Reject Rate) ที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มบ้านราคาต่ำกว่า 3-4 ล้านบาท ซึ่งอาจสูงถึง 20-30% ในบางธนาคาร สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการเข้าถึงสินเชื่อของกลุ่มผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง ในขณะที่กลุ่มบ้านราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งผู้ซื้อมีรายได้สูงกว่า (ประมาณ 70,000 – 1 แสนบาท) ยังคงมีอัตราการอนุมัติสินเชื่อที่ดีอยู่ แสดงให้เห็นถึงการแบ่งขั้วของกำลังซื้อที่ชัดเจนในตลาด

การนำสินทรัพย์มาแปลงเป็นสภาพคล่องผ่านโปรดักต์ “บ้านแลกเงิน” (Home for Cash) ก็เป็นอีกหนึ่งกลไกที่ธนาคารนำมาใช้เพื่อตอบสนองความต้องการสภาพคล่องของประชาชนที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียน แต่ขณะเดียวกันก็เป็นสัญญาณที่สะท้อนถึงความตึงเครียดทางการเงินของครัวเรือนไทย

ทิศทางปี 2568: คาดการณ์ แนวโน้ม และความแตกต่างในแต่ละพื้นที่

ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปี 2568 คาดว่าจะยังคงทรงตัวหรืออาจติดลบเล็กน้อย จากปัจจัยกดดันด้านกำลังซื้อและสินเชื่อ โดยนักวิเคราะห์หลายรายมองว่าตลาดอาจยังไม่เห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจน แต่จะกลับมาเป็นบวกได้ 4-5% ในปี 2569 หากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคเอื้ออำนวยและหนี้ครัวเรือนได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม

ในส่วนของแนวโน้มตลาดอสังหาฯ ในแต่ละพื้นที่ จะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ:
กรุงเทพฯ และปริมณฑล: ยังคงเป็นตลาดหลักที่มีการแข่งขันสูง ทั้งบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะในทำเลที่เข้าถึงระบบขนส่งมวลชนอย่างรถไฟฟ้า แต่กำลังซื้อยังคงอ่อนแอในกลุ่มระดับล่างถึงกลาง ส่วนกลุ่มลักซ์ชัวรี่และอัลตร้าลักซ์ชัวรี่ยังคงมีดีมานด์จากทั้งคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลงทุนในคอนโดให้เช่า ในทำเลศักยภาพยังคงเป็นที่น่าจับตาในกลุ่มนักลงทุน
หัวเมืองท่องเที่ยวหลัก (ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี): ยังคงได้รับแรงหนุนจากนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติ แต่ก็ต้องเผชิญกับอุปทานที่อาจมากเกินไปในบางพื้นที่ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมและวิลล่าตากอากาศ การแข่งขันด้านราคาเพื่อดึงดูดผู้ซื้อจะรุนแรงขึ้น
พื้นที่ EEC (ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก): ยังคงมีศักยภาพจากนโยบายส่งเสริมการลงทุนและโครงสร้างพื้นฐานที่กำลังพัฒนา แต่การฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมและกำลังซื้อจากแรงงานยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม
บ้านมือสอง: คาดว่าจะยังคงเป็นตลาดที่ธนาคารให้ความสนใจและมีความเคลื่อนไหวที่ดีกว่าบ้านใหม่ เนื่องจากราคาที่เข้าถึงง่ายกว่าและมีทำเลที่หลากหลายกว่า การประเมินมูลค่าทรัพย์สินอย่างรอบคอบและการพิจารณา สินเชื่อรีไฟแนนซ์ จะมีความสำคัญอย่างยิ่ง

กลยุทธ์รับมือสำหรับทุกภาคส่วน: โอกาสและความท้าทาย

ในภาวะที่ สงครามราคาบ้าน อาจใกล้เข้ามา ทุกภาคส่วนจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ที่รัดกุมและยืดหยุ่น:

สำหรับผู้พัฒนาโครงการ:
การบริหารจัดการสินค้าคงคลัง: เร่งระบายสต็อกด้วยกลยุทธ์การตลาดที่สร้างสรรค์ อาจไม่ใช่แค่การลดราคา แต่เป็นการเพิ่มมูลค่าหรือข้อเสนอพิเศษ
การพัฒนาผลิตภัณฑ์: เน้นโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการจริง (Real Demand) ของผู้บริโภค เน้นฟังก์ชันการใช้งาน ความยั่งยืน (ESG) และราคาที่จับต้องได้
การควบคุมต้นทุน: เพิ่มประสิทธิภาพในการก่อสร้างและบริหารจัดการโครงการเพื่อลดต้นทุน
การสร้างพันธมิตร: ร่วมมือกับสถาบันการเงินหรือแพลตฟอร์มการขายออนไลน์เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงลูกค้า

สำหรับธนาคารและสถาบันการเงิน:
การบริหารความเสี่ยงสินเชื่อ: เข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อ รักษาคุณภาพพอร์ต และเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามหนี้
การปรับโครงสร้างหนี้: ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีศักยภาพในการชำระหนี้ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ หรือเสนอทางเลือก เช่น บ้านแลกเงิน
การศึกษาตลาดเชิงลึก: ทำความเข้าใจแนวโน้มตลาดในแต่ละเซ็กเมนต์และทำเลเพื่อปรับกลยุทธ์การปล่อยสินเชื่อให้เหมาะสม

สำหรับผู้ซื้อบ้านและนักลงทุน:
การวางแผนการเงินสำหรับบ้าน: เตรียมความพร้อมด้านการเงินให้ดี มีวินัยในการผ่อนชำระ และคำนวณภาระหนี้ต่อรายได้ (DSR) อย่างรอบคอบ
สำรวจทางเลือก: พิจารณาทั้งบ้านใหม่และบ้านมือสอง เปรียบเทียบราคา ทำเล และคุณภาพ
การลงทุนในยุคเศรษฐกิจผันผวน: เน้นการลงทุนที่มั่นคงและมีกระแสเงินสดกลับมา เช่น การลงทุนในอสังหาฯ เพื่อเช่า หรืออสังหาฯ ในทำเลที่มีศักยภาพสูงในระยะยาว
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ขอคำแนะนำจาก ที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ หรือนักวางแผนทางการเงิน เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกและกลยุทธ์ลงทุนอสังหาฯ ที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับได้

สำหรับผู้กำหนดนโยบาย:
การกระตุ้นเศรษฐกิจ: พิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ตรงจุดเพื่อเพิ่มกำลังซื้อและสร้างความเชื่อมั่น
การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน: ดำเนินการมาตรการอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยลดภาระหนี้ของประชาชน
โครงสร้างพื้นฐาน: ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างโอกาสและกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค

สรุป: เผชิญความท้าทายด้วยความเข้าใจและกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด

ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2568 กำลังก้าวสู่จุดที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด การมาถึงของ สงครามราคาบ้าน ไม่ใช่เพียงแค่การแข่งขันทางธุรกิจ แต่เป็นสัญญาณที่สะท้อนถึงความท้าทายเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่เราต้องเผชิญในฐานะประเทศชาติ บทเรียนจากตลาดรถยนต์และสถานการณ์ในต่างประเทศเตือนเราว่าผลกระทบจากความรู้สึกมั่งคั่งที่ลดลงสามารถลุกลามสู่ปัญหาเศรษฐกิจที่ใหญ่หลวงได้

อย่างไรก็ตาม ในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ สำหรับผู้ที่มีความเข้าใจตลาด มีวินัยทางการเงิน และมองเห็นโอกาสในระยะยาว นี่คือช่วงเวลาของการปรับตัว การวางกลยุทธ์บริหารความเสี่ยง และการตัดสินใจลงทุนอย่างชาญฉลาด ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้พัฒนาโครงการที่กำลังประเมินสถานการณ์ ธนาคารที่กำลังรัดกุมการปล่อยสินเชื่อ หรือผู้บริโภคที่กำลังมองหาบ้าน การมีข้อมูลเชิงลึกและมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณนำทางผ่านช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ไปได้อย่างมั่นคง

หากคุณต้องการเจาะลึกสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ และวางแผนกลยุทธ์รับมือกับความท้าทายในปี 2568 หรือต้องการคำปรึกษาเฉพาะสำหรับ กลยุทธ์ลงทุนอสังหาฯ ของคุณในภาวะตลาดเช่นนี้ อย่าลังเลที่จะติดต่อผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอรับคำแนะนำส่วนบุคคล การตัดสินใจที่รอบคอบวันนี้ จะนำไปสู่ความมั่นคงทางการเงินที่ดีกว่าในวันพรุ่งนี้

Previous Post

D1512072 ขายเช วยเม (1) part2

Next Post

D1512074 เด กข ามภพ บความจร งท กปกป ep1 part2

Next Post
D1512074 เด กข ามภพ บความจร งท กปกป ep1 part2

D1512074 เด กข ามภพ บความจร งท กปกป ep1 part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D1512090 ไม oแบบน คงจะด part2
  • D1512089 รถม อสอง ญญาณหวง ep1 part2
  • D1512088 รถม อสอง ญญาณหวง ep2 part2
  • D1512087 nโคม แต โดนบ งค บให บบร จาคร างกาย คนเป นพ อจ งทำส งน ep1 part2
  • D1512086 กโคม แต โดนบ งค บให บบร จาคร างกาย คนเป นพ อจ งทำส งน ep2 part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.