กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ เสนาฯ: ถอดรหัส ‘Next Solution’ สร้างโอกาสสู่การมีบ้านในยุค 2025
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงผันผวนของตลาดมาหลายยุคสมัย แต่กระแสความท้าทายที่เรากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในช่วงปี 2025 นี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่ซับซ้อนและกดดันอย่างยิ่ง ภูมิทัศน์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยกำลังถูกหล่อหลอมใหม่ด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงเป็นแรงกดดัน ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนการกู้ยืม และที่สำคัญที่สุดคือปัญหาหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงจนกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการเข้าถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของคนจำนวนมาก ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไม่สามารถดำเนินธุรกิจในรูปแบบเดิมได้อีกต่อไป การปรับตัวและสร้างสรรค์นวัตกรรมจึงเป็นหัวใจสำคัญในการอยู่รอดและเติบโตอย่างยั่งยืน และนี่คือจุดที่ กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ เสนาฯ โดยเฉพาะโมเดล ‘Next Solution’ ได้เข้ามาสร้างมิติใหม่ที่น่าจับตาในวงการ
บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ไม่เพียงแค่เฝ้ารอให้ตลาดฟื้นตัว แต่กลับเลือกที่จะเดินหน้าเชิงรุกด้วยการคิดค้นโซลูชั่นที่มุ่งแก้ Pain Point ของผู้บริโภคโดยตรง โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดแมสที่เปราะบางที่สุด การก้าวข้ามข้อจำกัดเดิม ๆ ในการเป็นเจ้าของบ้านไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ เสนาฯ ได้แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความต้องการของลูกค้าและการมองเห็นโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทั้งผู้บริโภคและธุรกิจของตนเอง ในบทความนี้ ผมจะพาคุณเจาะลึกถึงเบื้องหลังแนวคิด นวัตกรรม และผลลัพธ์ของโมเดล Next Solution รวมถึงวิเคราะห์ทิศทางและวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนของเสนาฯ ที่จะกำหนดอนาคตของพวกเขาในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เพื่อทำความเข้าใจว่าทำไม กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ เสนาฯ จึงเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจสำหรับการ ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ และการพัฒนาธุรกิจในยุคที่เต็มไปด้วยความท้าทาย
วิกฤตสินเชื่อและความท้าทายที่คนซื้อบ้านต้องเผชิญ: มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ
หากมองภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน สิ่งหนึ่งที่นักพัฒนาและผู้ที่สนใจ ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ทุกคนต้องยอมรับคือ เรากำลังเผชิญกับ “วิกฤตกู้ไม่ผ่าน” ที่รุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จากข้อมูลและประสบการณ์ที่ผมสั่งสมมา ตัวเลขอัตราการปฏิเสธสินเชื่อ โดยเฉพาะในกลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบในทำเลศักยภาพสูงบางแห่ง เช่น ย่านบางใหญ่ มีการพุ่งทะยานสูงถึง 80% ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจอย่างยิ่ง สำหรับคอนโดมิเนียมเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันมากนัก ด้วยอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 50% ตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่เพียงสถิติบนกระดาษ แต่สะท้อนถึงความฝันของคนจำนวนมากที่ต้องพังทลายลง เพราะไม่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคทางการเงินไปได้
ประเด็นสำคัญที่นี่ไม่ใช่การที่ความต้องการที่อยู่อาศัยหายไป ผู้คนยังคงมีความฝันอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง แต่ปัญหาอยู่ที่ “ความสามารถในการกู้” ที่ลดลงอย่างฮวบฮาบ รายได้ของคนส่วนใหญ่เติบโตไม่ทันกับราคาบ้านที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เหลือเงินออมและศักยภาพในการผ่อนชำระน้อยลงอย่างชัดเจน ประกอบกับปัญหา หนี้ครัวเรือน ที่อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้ผู้บริโภคมีภาระผูกพันเดิมที่หนักอึ้ง จนไม่มีพื้นที่ทางการเงินสำหรับการสร้างภาระใหม่ เช่น การกู้ซื้อบ้าน การที่ธนาคารเพิ่มความระมัดระวังในการอนุมัติ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย มากขึ้น ยิ่งทำให้สถานการณ์สำหรับผู้ที่ต้องการ วางแผนการเงินซื้อบ้าน กลายเป็นเรื่องยากลำบากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ในฐานะที่ปรึกษาอสังหาฯ ผมได้เห็นมานักต่อนักว่าผู้คนจำนวนไม่น้อยติดกับดักของวงจรนี้ พวกเขาพยายามอย่างหนักในการทำงาน เก็บเงิน แต่กลับถูกระบบสินเชื่อปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า และต้องหันกลับไปเช่าที่อยู่อาศัยต่อไปอีกหลายปี ซึ่งไม่ได้ช่วยให้สถานะทางการเงินดีขึ้นแต่อย่างใด การหา เทคนิคการกู้ซื้อบ้าน จึงไม่ใช่แค่การจัดการเอกสาร แต่คือการสร้าง “เครดิตทางการเงิน” ที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือ การทำความเข้าใจพฤติกรรมทางการเงินของตนเอง การลดหนี้สินที่ไม่จำเป็น และการสร้างประวัติการชำระที่ดี คือหัวใจสำคัญที่จะปลดล็อกศักยภาพในการเป็นเจ้าของบ้าน
“Next Solution”: นวัตกรรมเปลี่ยนเกมในตลาดอสังหาฯ
จากวิกฤตที่กล่าวมาข้างต้น เสนาฯ ได้นำเสนอแนวทางที่เรียกได้ว่าเป็นการพลิกโฉมตลาด ด้วยการเปิดตัว “Next Solution” โมเดลที่บริษัทนิยามว่าเป็นการ “โยนบันไดลงไปให้ลูกค้าขึ้นมากู้บ้านได้” แทนที่จะปล่อยให้พวกเขาจมอยู่กับปัญหา กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ เสนาฯ นี้ สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลและความมุ่งมั่นในการสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ซึ่งผมมองว่าเป็นหนึ่งใน นวัตกรรมอสังหาริมทรัพย์ ที่น่าจับตาที่สุดในปี 2025
Next Solution ไม่ใช่แค่โครงการลดแลกแจกแถม แต่เป็นการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อให้ผู้บริโภคสามารถก้าวข้ามอุปสรรคทางการเงินได้ โดยมุ่งเน้นที่การเสริมสร้างศักยภาพของลูกค้าในระยะยาว ผมได้เห็นแนวคิดนี้ถูกนำมาใช้ในหลายอุตสาหกรรม แต่การนำมาปรับใช้กับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบที่เสนาฯ ทำนั้น ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดและมีความรับผิดชอบต่อสังคมสูง ในฐานะ ผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่มุ่งมั่นที่จะเป็น ‘Life Long Trusted Partner’ เสนาฯ ไม่ได้เพียงแค่ขายบ้าน แต่กำลังสร้างโอกาสและอนาคตให้กับผู้คน
โมเดลนี้ประกอบด้วยกลไกสำคัญสองส่วน ได้แก่ LivNext และ RentNext ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายและแก้ปัญหาเฉพาะจุดของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยเฉพาะผู้ที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยจริง แต่ติดขัดด้วยเงื่อนไขด้านเครดิตทางการเงิน การที่เสนาฯ ลงทุนลงแรงในการพัฒนา โซลูชั่นอสังหาริมทรัพย์ ที่ซับซ้อนเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาด และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าการเป็นเจ้าของบ้านยังคงเป็นความฝันอันดับต้น ๆ ของคนไทย
LivNext: สร้างเครดิต…สู่ความจริงของการเป็นเจ้าของ
หัวใจสำคัญของ กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ เสนาฯ ในการพลิกฟื้นกำลังซื้อคือ LivNext หรือโครงการ ‘เช่าออมบ้าน’ ซึ่งผมมองว่าเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในการเปลี่ยนยอดปฏิเสธสินเชื่อให้กลายเป็นยอดขายที่แท้จริง แนวคิดหลักคือการเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถผ่อนชำระกับโครงการในอัตราดอกเบี้ยที่จูงใจ ประมาณ 1.8% ผ่านบัญชีธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ซึ่งนี่ไม่ใช่แค่การเช่าธรรมดา แต่เป็นการผ่อนที่ “สร้างเครดิต” ไปพร้อมกัน
ในช่วงเวลา 2-3 ปีที่ลูกค้าผ่อนชำระกับโครงการ เสนาฯ ไม่ได้ปล่อยให้ลูกค้าเดินตามลำพัง แต่มีการตรวจสอบและให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดร่วมกับบริษัทเงินสดใจดีในเครือ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย การทำงานร่วมกันนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการ บริหารจัดการสินทรัพย์ ลูกค้าและการให้ความสำคัญกับ พฤติกรรมทางการเงิน ของลูกค้าอย่างเป็นระบบ มีการวิเคราะห์ศักยภาพของลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ และติดตามความคืบหน้าทุก 6 เดือน พร้อมให้คำแนะนำเรื่องการจัดการการเงินและการสร้างวินัยทางการเงินที่ดี เพื่อให้ลูกค้ามีความพร้อมสูงสุดในการยื่นขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจริงเมื่อถึงเวลา
ผลลัพธ์ของ LivNext ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขทางสถิติที่น่าประทับใจ แต่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่สำคัญ ปัจจุบันโครงการมีลูกค้าเข้าร่วมประมาณ 1,000 ยูนิต และที่น่าภาคภูมิใจคือ มีผู้ที่สามารถกู้ผ่านและโอนได้จริงแล้วถึง 100 ยูนิต ภายในระยะเวลาไม่ถึงสองปี นี่คือบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าคนที่เคยถูกปฏิเสธสินเชื่อไม่ได้ “กู้ไม่ได้ตลอดไป” แต่พวกเขาเพียงต้องการเวลา เครื่องมือ และคำแนะนำที่ถูกต้องในการปรับฐานข้อมูลทางการเงินให้แข็งแกร่งขึ้น และในเชิงธุรกิจ LivNext ได้ช่วยรักษายอดขายที่อาจสูญไปกว่า 2,000 ล้านบาทให้กับเสนาฯ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่มหาศาลของโมเดลนี้ นอกจากนี้ ฐานลูกค้าของโครงการยังเริ่มขยับจากกลุ่มราคา 1-2 ล้านบาท ไปสู่กลุ่ม 3-4 ล้านบาท ซึ่งตอกย้ำว่าความต้องการมีบ้านยังคงมีอยู่สูง เพียงแต่ติดปัญหาในเงื่อนไขด้านเครดิตเท่านั้น การมี ที่ปรึกษาอสังหาฯ และเครื่องมือที่เหมาะสม สามารถเปลี่ยนความฝันให้เป็นความจริงได้
RentNext: ความยืดหยุ่นแห่งการเช่า…ที่นำไปสู่การเป็นเจ้าของ
คู่ขนานไปกับ LivNext อีกหนึ่งกลไกสำคัญใน กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ เสนาฯ คือ RentNext ซึ่งเป็นโมเดล ‘เช่าพร้อมสิทธิ์ซื้อ’ ที่มอบความยืดหยุ่นให้ลูกค้ามากกว่าการเช่าแบบปกติทั่วไป นี่คือโซลูชั่นที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่อาจจะยังไม่แน่ใจในระยะยาว ต้องการทดลองใช้ชีวิตในโครงการ หรือกำลังรวบรวมเงินดาวน์เพิ่มเติม แต่ก็ยังคงมองหาโอกาสในการเป็นเจ้าของ
ความโดดเด่นของ RentNext คือการที่ลูกค้าสามารถนำค่าเช่ามาหักเงินต้นได้เต็ม 100% หากตัดสินใจซื้อยูนิตที่เช่าอยู่ หรือยังสามารถนำค่าเช่ามาหักเงินต้นได้ 50% หากเปลี่ยนใจไปซื้อโครงการอื่นในเครือของเสนาฯ ซึ่งถือเป็นการเพิ่มทางเลือกและลดความเสี่ยงให้กับผู้เช่าได้อย่างมาก ทำให้การเช่าไม่ใช่แค่การเสียค่าใช้จ่ายไปเปล่า ๆ แต่เป็นการลงทุนเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่ออนาคตของการมีบ้านเป็นของตัวเอง
โมเดล RentNext นี้มีประโยชน์อย่างมากในยุค 2025 ที่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยังคงสูง ผู้บริโภคหลายคนต้องการความมั่นใจก่อนที่จะผูกมัดตัวเองด้วยภาระหนี้สินระยะยาว การที่เสนาฯ เข้าใจถึงความต้องการด้านความยืดหยุ่นนี้และพัฒนาโมเดลที่สามารถแปลงค่าใช้จ่ายในการเช่าให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อได้ ถือเป็นการสร้างแรงจูงใจที่สำคัญและช่วยลดกำแพงการเข้าถึงการเป็นเจ้าของบ้านได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ยังช่วยให้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า มีความน่าสนใจและมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่แค่ปลายทางแต่เป็นสะพานเชื่อมสู่การเป็นเจ้าของ
ถอดรหัสประสิทธิภาพ: โมเดลธุรกิจที่ยั่งยืนของ Next Solution
ในฐานะนักวิเคราะห์ ผมมักจะมองหาโมเดลธุรกิจที่ไม่ใช่แค่สร้างรายได้ แต่ต้องมีประสิทธิภาพและยั่งยืนในระยะยาว ซึ่ง Next Solution ของเสนาฯ ตอบโจทย์ได้อย่างน่าทึ่ง รายได้รวมจาก LivNext และ RentNext อาจจะอยู่ราว 80-100 ล้านบาทต่อปี แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ Gross Margin หรืออัตรากำไรขั้นต้นที่สูงถึง 80% ซึ่งเป็นตัวเลขที่โดดเด่นอย่างมากในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
อัตรากำไรขั้นต้นที่สูงนี้เกิดจากการที่เสนาฯ ใช้ประโยชน์จาก “สินทรัพย์เดิม” หรือสต็อกโครงการที่สร้างเสร็จแล้วมาสร้างรายได้ใหม่ โมเดลนี้ช่วยลดต้นทุนการตลาดได้อย่างมหาศาล เพราะไม่ต้องเริ่มต้นจากการสร้างโครงการใหม่ทั้งหมด และยังเพิ่มการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด หรือที่เรียกว่า ‘Economy of Scope’ ในแง่ของการบริหารจัดการสินทรัพย์ นี่คือการใช้ทรัพยากรอย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ การคัดเลือกทำเลสำหรับโครงการในโมเดล Next Solution ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่เอื้อต่อความสำเร็จ ทำเลที่ได้รับความนิยมในการเช่าและมีความต้องการสูง มักจะอยู่ใกล้แหล่งงานและสถาบันการศึกษา เช่น พระราม 9, บางนา, นิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ และรังสิต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความต้องการเช่าค่อนข้างมาก และมีความเสี่ยงต่ำในการหาผู้เช่าหรือผู้ซื้อต่อ การเลือกทำเลที่เหมาะสมเป็นหนึ่งใน กลยุทธ์การตลาดอสังหาฯ ที่สำคัญ ซึ่งช่วยให้โมเดล Next Solution มีความแข็งแกร่งและยั่งยืนในเชิงธุรกิจ
Sena’s Vision 2026: การรัดเข็มขัดและการขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืน
ก้าวเข้าสู่ปี 2026 กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ เสนาฯ ได้ปรับทิศทางอย่างระมัดระวังและรอบคอบยิ่งขึ้น โดยมีการชะลอการเปิดโครงการใหม่ลงอย่างมีนัยสำคัญ โครงการที่เปิดส่วนใหญ่เป็นโครงการที่เลื่อนมาจากปีก่อน หรือเป็นเฟสต่อเนื่องจากโครงการเดิม แทนที่จะเป็นการขยายพอร์ตอย่าง aggressively การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการรักษาสภาพคล่องทางการเงินและเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับธุรกิจ ซึ่งเป็นแนวคิดที่สำคัญในการ การบริหารจัดการสินทรัพย์ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
เสนาฯ หันมามุ่งเน้นการบริหารจัดการและพัฒนาสินค้าคงคลังที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จแล้วกว่า 5,000 ยูนิต คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท โดยกว่า 70% ของสต็อกเหล่านี้เป็นคอนโดมิเนียม การที่ ผู้ประกอบการอสังหาฯ หันมาปรับปรุงยูนิตเดิมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การรีโนเวทเฟอร์นิเจอร์ ปรับ Layout ไปจนถึงการทำตลาดแบบตรงกลุ่มมากขึ้น แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจที่ลึกซึ้งในความต้องการจริงของผู้บริโภคในภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ได้กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า “ปกติแล้วของผู้พัฒนาโครงการจะเกิดคอนเซ็ปต์ใหม่ในโครงการใหม่ แต่เราไม่ควรต้องคิดแบบนั้น การที่เราไม่มีโครงการใหม่ไม่ได้หมายความว่าจำเป็นต้องหยุดพัฒนา” ซึ่งสะท้อนแนวคิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่โครงการใหม่ แต่รวมถึงการเพิ่มมูลค่าให้กับสินทรัพย์ที่มีอยู่
อีกหนึ่งเทรนด์สำคัญที่เสนาฯ มุ่งมั่นเดินหน้าต่อไปคือ อสังหาริมทรัพย์ยั่งยืน ซึ่งเป็นกระแสโลกที่ไม่อาจมองข้ามได้ ในปี 2025 และต่อจากนี้ไป มาตรฐานใหม่ของบ้านในกลุ่มราคาแกรนด์ของเสนาฯ ทุกหลังจะมีการติดตั้ง โซลาร์เซลล์ และ แบตเตอรี่เก็บพลังงาน นี่ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างภาพลักษณ์ แต่เป็นการลงทุนที่ตอบโจทย์ค่าครองชีพของผู้อยู่อาศัยโดยตรง ช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าในระยะยาว และยังสอดรับกับความตระหนักรู้เรื่องพลังงานสะอาดที่เพิ่มขึ้น การมุ่งมั่นในแนวทาง ‘Waste Management’ ในทุกโครงการ ยังเป็นการยกระดับบทบาทของบริษัทในฐานะองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง การ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยั่งยืน ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นที่สร้างมูลค่าเพิ่มทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่ง Smart Home Solution ในแง่ของการจัดการพลังงานถือเป็นส่วนสำคัญของแนวทางนี้
บทบาทของภาครัฐและการฟื้นฟูกำลังซื้อ
เมื่อพูดถึงภาพรวมทางเศรษฐกิจและการเมือง ผมในฐานะนักสังเกตการณ์ในอุตสาหกรรม มีความเห็นว่ามาตรการของภาครัฐมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนหรือฉุดรั้งตลาดอสังหาริมทรัพย์ มาตรการที่ส่งผลกระทบโดยตรงส่วนใหญ่ที่ผ่านมา มักจะเกี่ยวข้องกับค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง ซึ่งรัฐบาลได้มีการออกมาตรการลดหย่อนไปแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญกว่าและยังคงเป็นหัวใจหลักในการฟื้นฟูกำลังซื้อของประชาชนคือการแก้ปัญหา หนี้ครัวเรือน ที่ยังคงสูงลิ่ว และการผ่อนคลายภาวะสินเชื่อที่ตึงตัวเกินไป
หากรัฐบาลสามารถผลักดันให้เกิดการจัดตั้ง Asset Management Company (AMC) เพื่อเข้ามาซื้อหนี้เสียจากสถาบันการเงิน หรือมีกลไกในการปรับโครงสร้างหนี้ให้เกิดผลในทางปฏิบัติได้จริง จะช่วยปลดล็อกภาระให้ผู้บริโภคจำนวนมาก และเพิ่มกำลังซื้อได้อย่างมหาศาล นอกจากนี้ การพิจารณาลด อัตราดอกเบี้ย นโยบายให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ควรเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่สำคัญ เพราะมีผลโดยตรงต่อ Debt Service Ratio (DSR) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ธนาคารใช้ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ การที่ DSR อยู่ในระดับที่เหมาะสม จะช่วยให้ลูกค้ากู้ผ่านได้ง่ายขึ้น และเป็นการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้กลับมาฟื้นตัวได้อย่างเป็นรูปธรรม
ในระยะยาว การทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนในการสร้างความรู้ทางการเงินให้กับประชาชน การส่งเสริมวินัยทางการเงิน และการสนับสนุนการเข้าถึงสินเชื่ออย่างยุติธรรมและโปร่งใส จะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน การ ลดหนี้ครัวเรือน อย่างเป็นระบบและการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีบ้าน เป็นโจทย์ใหญ่ที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันแก้ไข
สรุป: อนาคตที่ยั่งยืนของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย
จากที่ได้วิเคราะห์มาทั้งหมด กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ เสนาฯ โดยเฉพาะโมเดล Next Solution ไม่ได้เป็นเพียงแค่การปรับตัวตามสถานการณ์ แต่เป็นการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่พลิกโฉมวิธีการเข้าถึงการเป็นเจ้าของบ้านสำหรับคนไทยจำนวนมาก ดร.เกษราเน้นย้ำว่าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับ ผู้ประกอบการอสังหาฯ ในช่วงเวลานี้ คือการปรับตัวเชิงรุกและมองหาวิธีที่จะช่วยให้ลูกค้ามีโอกาสก้าวเข้าสู่ระบบสินเชื่อได้มากขึ้น ซึ่งเสนาฯ ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในการดำเนินการดังกล่าว ด้วยการเดินหน้ากลยุทธ์ Next Solution เพื่อประคองกำลังซื้อในกลุ่ม Affordable และสร้างเส้นทางให้ลูกค้าได้เตรียมความพร้อมในการยื่นกู้จริง แม้ว่ากระบวนการอาจต้องใช้เวลา 2-3 ปี แต่ถือเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับผู้บริโภคในระยะยาว
ในยุคที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงต้องการเวลาในการฟื้นตัวอย่างเต็มที่ การสร้างเครื่องมือช่วยเหลือและเสริมศักยภาพให้กับลูกค้าอย่างที่ กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ เสนาฯ ได้ทำนั้น จึงเป็นบทบาทสำคัญที่ภาคธุรกิจสามารถดำเนินการได้ทันที ไม่ใช่แค่เพื่อยอดขายของบริษัท แต่เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและโอกาสที่เท่าเทียมให้กับผู้คนในการสร้างหลักประกันในชีวิต และนี่คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยกลับมาเดินหน้าได้อย่างยั่งยืนในอนาคต ทำให้การ วิเคราะห์ตลาดอสังหาฯ ในเชิงลึกเช่นนี้มีความสำคัญต่อการตัดสินใจทางธุรกิจและส่วนบุคคล
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาโอกาสในการเป็นเจ้าของบ้าน หรือเป็นนักลงทุนที่สนใจใน โอกาสลงทุนอสังหาฯ 2025 ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและวิสัยทัศน์ที่ยั่งยืน ผมขอแนะนำให้ศึกษาโมเดล Next Solution ของเสนาฯ อย่างใกล้ชิด เพราะนี่คือตัวอย่างของการมองเห็นปัญหาอย่างลึกซึ้ง และการสร้างสรรค์ทางออกที่แท้จริง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนในวงการอสังหาริมทรัพย์ควรนำไปปรับใช้และต่อยอดเพื่อสร้างอนาคตที่สดใสกว่าเดิมให้กับตลาดที่อยู่อาศัยของประเทศเรา

