กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ไทยยุคใหม่: SENA กางแผนพลิกวิกฤตสู่โอกาสสำหรับคนอยากมีบ้าน
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ไทยมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของตลาดมาแล้วหลายระลอก ทั้งช่วงรุ่งโรจน์และช่วงวิกฤต แต่สถานการณ์ปัจจุบันที่ภาคอสังหาฯ กำลังเผชิญหน้าอยู่นั้น ผมกล้ากล่าวได้ว่ามีความท้าทายที่ซับซ้อนและลึกซึ้งยิ่งกว่าครั้งใดๆ ที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่เพียงวัฏจักรขาลงตามปกติ แต่เป็นการสั่นคลอนที่เกิดจากแรงกดทับเชิงโครงสร้างและเศรษฐกิจมหภาคที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำลังซื้อและความสามารถในการเข้าถึงสินเชื่อของผู้บริโภค ปัญหา “กู้ซื้อบ้านไม่ผ่าน” ได้กลายเป็นวาระเร่งด่วนที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไทยต้องเร่งหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ และหนึ่งในผู้เล่นที่โดดเด่นในการฉายภาพถึงทิศทางใหม่ของ กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ไทย คือ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ที่ได้เปิดตัวโมเดล “Next Solution” ซึ่งไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่เป็นการวางรากฐานเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
ภูมิทัศน์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยที่สั่นคลอน: โจทย์ใหญ่ที่ต้องถอดรหัส
ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2568-2569 ยังคงเต็มไปด้วยความผันผวน ตัวเลขหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงติดเพดาน ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์เข้มงวดกับการอนุมัติสินเชื่อบ้านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อัตราปฏิเสธสินเชื่อในบางทำเล โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดแมสหรือบ้านระดับราคาเข้าถึงง่าย เช่น บางใหญ่ พุ่งสูงถึง 80% ซึ่งเป็นสถิติที่ไม่น่าพึงประสงค์อย่างยิ่งสำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย แม้กระทั่งคอนโดมิเนียมเองก็มีตัวเลขเฉลี่ยอยู่ที่ 50% ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้บ่งชี้ว่าความต้องการที่อยู่อาศัยของคนไทยลดลงเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเรื่องของ “ความสามารถในการกู้” ที่ลดลงอย่างฮวบฮาบ เมื่อรายได้ของผู้บริโภคส่วนใหญ่เติบโตไม่ทันราคาบ้านที่ขยับขึ้น ประกอบกับภาระหนี้เดิมที่รัดตัว ทำให้ความฝันที่จะมีบ้านหลังแรกดูเหมือนจะห่างไกลออกไปทุกที นี่คือแก่นแท้ของปัญหาที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องเผชิญหน้า และ SENA ได้แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในการออกแบบ กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ไทย เพื่อตอบสนองต่อปัญหานี้
ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่าวิกฤตสินเชื่อบ้านครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงผลกระทบจากปัจจัยเศรษฐกิจภายนอกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางการเงินของผู้บริโภคหลังวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา ทำให้สถาบันการเงินต้องเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อเพื่อลดความเสี่ยงหนี้เสีย นี่คือบริบทที่ทำให้การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันมีความซับซ้อนขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง
Next Solution: นวัตกรรมการเงินอสังหาฯ เพื่อปลดล็อกโอกาสซื้อบ้านไทย
SENA ตระหนักดีว่าการจะไปต่อในตลาดที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดเช่นนี้ จำเป็นต้องคิดนอกกรอบ จึงได้เปิดตัว “Next Solution” โมเดลที่บริษัทนิยามว่าเป็นการ “โยนบันไดลงไปให้ลูกค้าขึ้นมากู้บ้านได้” แทนที่จะปล่อยให้ลูกค้าที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อต้องกลับไปเช่าที่อยู่อาศัยต่อไปอีกหลายปี ด้วยการนำเสนอทางเลือกที่ชาญฉลาด ซึ่งประกอบด้วย LivNext (เช่าออมบ้าน) และ RentNext (เช่าพร้อมสิทธิ์ซื้อ) โมเดลเหล่านี้คือหัวใจสำคัญของ กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ไทย ที่ SENA เลือกใช้เพื่อฟื้นฟูกำลังซื้อและสร้างโอกาสให้ผู้บริโภค
LivNext: กลไกสร้างเครดิตและเส้นทางสู่การเป็นเจ้าของบ้าน
LivNext หรือ “เช่าออมบ้าน” คือนวัตกรรมทางการเงินอสังหาริมทรัพย์ที่ออกแบบมาเพื่อพลิกยอดปฏิเสธสินเชื่อให้กลายเป็นยอดขาย โดยให้ลูกค้าสามารถผ่อนชำระกับโครงการได้ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษประมาณ 1.8% ผ่านบัญชีของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการมีที่อยู่อาศัยให้กับประชาชน โมเดลนี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างประวัติเครดิตทางการเงินที่ดีขึ้นระหว่างรอความพร้อมในการยื่นกู้จริงในอีก 2-3 ปีข้างหน้า กระบวนการทุกขั้นตอนจะถูกตรวจสอบและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดร่วมกับบริษัทเงินสดใจดีในเครือ SENA ซึ่งเป็นสถาบันการเงินภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อวิเคราะห์ศักยภาพของลูกค้า ติดตามความคืบหน้าทุก 6 เดือน และให้คำแนะนำเรื่องพฤติกรรมทางการเงินอย่างละเอียด
จากประสบการณ์ของผม LivNext ไม่ได้เป็นเพียงแค่การขายบ้าน แต่เป็นการลงทุนในความเชื่อมั่นของผู้บริโภค การที่ SENA เข้าใจว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่การไม่มีเงินผ่อน แต่เป็นการไม่มี “ประวัติทางการเงิน” ที่ดีพอที่จะกู้ผ่าน เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง ผลลัพธ์ที่ปรากฏชัดเจนคือ ปัจจุบันโครงการ LivNext มีลูกค้าประมาณ 1,000 ยูนิต และมีผู้ที่สามารถกู้ผ่านและโอนกรรมสิทธิ์ได้จริงแล้ว 100 ยูนิต ภายในระยะเวลาไม่ถึงสองปี นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าคนที่เคยถูกปฏิเสธสินเชื่อไม่ได้หมายความว่าจะ “กู้ไม่ได้ตลอดไป” แต่พวกเขาแค่ต้องการเวลาและโอกาสในการปรับฐานข้อมูลทางการเงินให้ถูกต้อง โมเดลนี้ช่วยรักษายอดขายที่อาจสูญเสียไปกว่า 2,000 ล้านบาทให้กับ SENA และยังช่วยขยับฐานลูกค้าจากกลุ่มราคา 1-2 ล้านบาท ขึ้นมาสู่กลุ่ม 3-4 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความต้องการมีบ้านยังคงมีอยู่สูง แต่ติดปัญหาเพียงเงื่อนไขด้านเครดิตเท่านั้น การเข้าถึงสินเชื่อบ้านด้วยแนวทางที่ยืดหยุ่นเช่นนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของ กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ไทย ที่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์ร่วมกัน
RentNext: เช่าที่ใช่ ซื้อที่ชอบ ลดภาระเงินต้น 100%
คู่ขนานกับ LivNext คือ RentNext โมเดลเช่าที่ยืดหยุ่นกว่าการเช่าทั่วไป โดยมอบความพิเศษให้กับลูกค้าในการเปลี่ยนใจเป็นเจ้าของได้ โดยนำค่าเช่าที่จ่ายไปหักลดเงินต้นได้ 100% หากตัดสินใจซื้อยูนิตเดิม หรือ 50% หากเลือกย้ายไปซื้อโครงการอื่นในเครือของ SENA นี่คืออีกหนึ่งรูปแบบของ กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ไทย ที่มุ่งตอบโจทย์ความยืดหยุ่นและลดความเสี่ยงให้กับผู้บริโภคในภาวะที่ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถผูกมัดตัวเองกับการซื้อบ้านได้ในทันที
รายได้รวมจาก LivNext และ RentNext อยู่ราว 80-100 ล้านบาทต่อปี แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคืออัตรา Gross Margin ที่สูงถึง 80% เนื่องจากเป็นการนำทรัพย์สินเดิมที่มีอยู่แล้วมาใช้สร้างรายได้ใหม่ ซึ่งช่วยลดต้นทุนทางการตลาดได้อย่างมหาศาล และยังเป็นการเพิ่มการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ (Economy of Scope) ในทำเลที่ได้รับความนิยมในการเช่าสูงอยู่แล้ว เช่น พื้นที่ใกล้แหล่งงานและสถาบันการศึกษาอย่างพระราม 9, บางนา, นิคมอุตสาหกรรม และรังสิต ซึ่งมีความต้องการเช่าค่อนข้างมากและมีความเสี่ยงต่ำ แนวคิดนี้ไม่เพียงสร้างรายได้ แต่ยังช่วยให้ SENA สามารถบริหารจัดการสต็อกได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว
ในบริบทของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินที่มีอยู่ให้เกิดมูลค่าสูงสุดเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องพิจารณาอย่างจริงจัง การที่ SENA สามารถสร้างกระแสรายได้ใหม่จากคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ที่มีอยู่เดิม ผ่านโมเดลเช่าออมบ้านและเช่าพร้อมสิทธิ์ซื้อนี้ ถือเป็นการพลิกโฉม “ตลาดบ้านเช่า” ให้กลายเป็นช่องทางสู่การเป็นเจ้าของบ้านที่จับต้องได้จริง เป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญของนวัตกรรมการเงินเพื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญสำหรับ กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ไทย ในอนาคต
กลยุทธ์รัดเข็มขัดและพัฒนาอสังหาฯ ยั่งยืนในปี 2569
สำหรับปี 2569 SENA ได้วาง กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ไทย ที่เน้นความระมัดระวังและประสิทธิภาพสูงสุด โดยจะมีการชะลอการเปิดโครงการใหม่ลง ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่เลื่อนมาจากปีก่อนหน้า หรือเป็นโครงการเฟสต่อเนื่องจากโครงการเดิม แทนที่จะเป็นการขยายพอร์ตเพิ่มเติม การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงความจำเป็นในการรักษาสภาพคล่องและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสินค้าคงคลังที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
SENA มีคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จแล้วกว่า 5,000 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท โดยมากกว่า 70% เป็นคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ ทางบริษัทไม่ได้แค่ปล่อยให้สต็อกเหล่านี้คงค้างอยู่ แต่ดำเนินการปรับปรุงยูนิตเดิมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การรีโนเวตเฟอร์นิเจอร์ ปรับ Layout ไปจนถึงการทำตลาดแบบตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เพื่อให้สินค้าสอดรับกับความต้องการจริงของผู้บริโภคในภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ เคยกล่าวไว้ว่า “ปกติแล้วผู้พัฒนาโครงการจะเกิดคอนเซ็ปต์ใหม่ในโครงการใหม่ แต่เราไม่ควรต้องคิดแบบนั้น การที่เราไม่มีโครงการใหม่ไม่ได้หมายความว่าจำเป็นต้องหยุดพัฒนา” ซึ่งผมเห็นด้วยอย่างยิ่งในฐานะผู้เชี่ยวชาญ การปรับปรุงและยกระดับคุณค่าของทรัพย์สินที่มีอยู่เดิมเป็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ชาญฉลาดและยั่งยืน
อีกหนึ่งเทรนด์สำคัญที่ SENA มุ่งมั่นเดินหน้าต่อไปคือ “ความยั่งยืน” นี่ไม่ใช่แค่เพียงคำพูดสวยหรู แต่ถูกนำไปปฏิบัติจริงในทุกโครงการ โดยเฉพาะในบ้านกลุ่มราคาแกรนด์ทุกหลังที่ได้ติดตั้งโซลาร์เซลล์และแบตเตอรี่เก็บพลังงานเป็นมาตรฐานใหม่ ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ค่าครองชีพที่สูงขึ้นของผู้บริโภคและกระแสความตระหนักเรื่องพลังงานสะอาดที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นี่คือแนวคิดของ “บ้านประหยัดพลังงาน” ที่ไม่เพียงช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าในระยะยาว แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่อโลกที่ดีขึ้น การที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เริ่มให้ความสำคัญกับ ESG (Environmental, Social, Governance) โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม ถือเป็นทิศทางที่ถูกต้องของ กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ไทย ในปัจจุบันและอนาคต
นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าแนวทาง Waste Management ในทุกโครงการ เพื่อยกระดับบทบาทของบริษัทในฐานะ “Life Long Trusted Partner” ที่ไม่เพียงพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่ยังดูแลคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในมิติต่างๆ การสร้างที่อยู่อาศัยที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มที่ยั่งยืน และเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคมองหาในการตัดสินใจซื้อบ้านยุคใหม่
นโยบายรัฐและการจัดการหนี้ครัวเรือน: กุญแจสำคัญสู่การฟื้นฟูตลาดอสังหาฯ
เมื่อกล่าวถึงมุมมองด้านสภาพเศรษฐกิจและการเมือง ดร.เกษรา ได้เน้นย้ำถึงบทบาทของภาครัฐในการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อ กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ไทย มาตรการรัฐที่เคยออกมาส่วนใหญ่เป็นการลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนอง ซึ่งแม้จะช่วยกระตุ้นได้บ้าง แต่ยังไม่เพียงพอ สิ่งที่สำคัญกว่าคือการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนและสินเชื่อที่ตึงตัวเกินไป หากรัฐบาลสามารถตั้ง AMC (Asset Management Company) เพื่อซื้อหนี้เสียจากสถาบันการเงิน หรือปรับโครงสร้างหนี้ให้เกิดผลจริง จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภคได้อย่างมหาศาล และเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ผู้คนสามารถเข้าถึงสินเชื่อบ้านได้ง่ายขึ้น
อีกหนึ่งเครื่องมือที่สำคัญคือการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งมีผลโดยตรงต่อ DSR (Debt Service Ratio) และช่วยให้ลูกค้ากู้ผ่านได้ง่ายขึ้น ผมเห็นด้วยว่ามาตรการเหล่านี้มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วน การลดดอกเบี้ยนโยบายจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยของหนี้ครัวเรือนที่มีอยู่ ทำให้มีสภาพคล่องเหลือมากขึ้นสำหรับผู้บริโภค และยังช่วยลดต้นทุนการกู้ใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้ สินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำ กลายเป็นจริงได้มากขึ้นสำหรับผู้ที่ต้องการมีบ้าน
การจัดการหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืนและการสร้างความยืดหยุ่นในการเข้าถึงสินเชื่อเป็นหัวใจสำคัญของการพลิกฟื้นตลาด การวิเคราะห์ตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างรอบด้านและการนำเสนอนโยบายที่ตรงจุดจากภาครัฐ จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไทยสามารถดำเนิน กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ไทย ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเติบโตไปพร้อมกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ
มองไปข้างหน้า: สร้างความแข็งแกร่งให้ตลาดอสังหาฯ ไทย
บทเรียนจากสถานการณ์ปัจจุบันคือความจำเป็นที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต้องปรับตัวเชิงรุกและมองหาวิธีช่วยให้ลูกค้ามีโอกาสก้าวเข้าสู่ระบบสินเชื่อได้มากขึ้น ดังเช่นที่ SENA ได้ดำเนินการผ่าน กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ไทย ด้วยโมเดล Next Solution เพื่อประคองกำลังซื้อในกลุ่ม Affordable และสร้างเส้นทางให้ลูกค้าได้เตรียมความพร้อมในการยื่นกู้จริง แม้อาจต้องใช้เวลา 2-3 ปี แต่ถือเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับผู้บริโภคในระยะยาว
ในอนาคตอันใกล้ ผมเชื่อว่าผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จคือผู้ที่เข้าใจ Pain Point ของลูกค้าอย่างแท้จริง และสามารถนำเสนอนวัตกรรมทั้งด้านผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงนวัตกรรมการเงินเพื่อที่อยู่อาศัย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่ไม่หยุดนิ่ง การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันต้องเป็นมากกว่าแค่การสร้างอาคาร แต่คือการสร้าง “โซลูชันเพื่อชีวิต” ที่ครอบคลุมทั้งด้านการเงิน คุณภาพชีวิต และความยั่งยืน การบริหารจัดการสต็อกอย่างมีประสิทธิภาพ การปรับปรุงคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ให้ตรงตามความต้องการของตลาด และการมุ่งเน้นความยั่งยืน เช่น บ้านประหยัดพลังงาน จะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนตลาด
ท่ามกลางสภาพตลาดที่ยังคงต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว การสร้างเครื่องมือช่วยเหลือและเสริมศักยภาพให้ลูกค้าจึงเป็นบทบาทที่ภาคธุรกิจสามารถทำได้ทันที และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยกลับมาเดินหน้าอย่างยั่งยืน ผมมองว่าโมเดลอย่าง LivNext และ RentNext ไม่ใช่แค่การพลิกวิกฤตของ SENA เท่านั้น แต่เป็นพิมพ์เขียวสำหรับ กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ไทย ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งและโอกาสสำหรับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรม การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในยุคนี้จึงต้องมาพร้อมกับความเข้าใจที่ลึกซึ้งถึงความต้องการของผู้บริโภคและกลไกตลาดที่เปลี่ยนไปอย่างแท้จริง
สรุปและก้าวต่อไป
สถานการณ์ที่ท้าทายในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยเฉพาะปัญหาการเข้าถึงสินเชื่อบ้าน ได้ผลักดันให้ผู้ประกอบการต้องคิดค้น กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ไทย ที่แตกต่างและยืดหยุ่น เสนาดีเวลลอปเม้นท์ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์โมเดล “Next Solution” ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยแก้ไขปัญหาการกู้ไม่ผ่าน แต่ยังสร้างโอกาสในการมีบ้านให้กับคนไทยจำนวนมาก ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการสต็อกอย่างมีประสิทธิภาพและมุ่งมั่นสู่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ยั่งยืน การปรับตัวเชิงรุกเช่นนี้ ไม่เพียงเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กร แต่ยังเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนภาพรวมของอุตสาหกรรมให้ก้าวผ่านความท้าทายไปได้
หากท่านคือหนึ่งในผู้ที่กำลังมองหาโอกาสในการเป็นเจ้าของบ้าน หรือกำลังมองหาที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าใจในกลไกตลาดและนวัตกรรมการเงินเพื่อที่อยู่อาศัยอย่างลึกซึ้ง หรือสนใจลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบโจทย์ความยั่งยืนในระยะยาว ผมขอแนะนำให้ศึกษาโมเดลและแนวทางที่ SENA กำลังดำเนินการอยู่ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของท่าน และหากต้องการคำแนะนำเฉพาะบุคคล หรือต้องการสำรวจทางเลือกบ้านประหยัดพลังงานในทำเลศักยภาพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคอนโดแนวรถไฟฟ้า บ้านจัดสรรคุณภาพ หรือสนใจแผนการเงินเพื่อซื้อบ้านที่เหมาะสมกับสถานะของท่านในปัจจุบัน โปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ เพื่อวางแผนอนาคตที่มั่นคงให้กับคุณและครอบครัวได้ตั้งแต่วันนี้.

