• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D1512048 ผมก บแม องทนม อทนต นพ ออ กนานแค ไหน EP3 part2

admin79 by admin79
December 16, 2025
in Uncategorized
0
D1512048 ผมก บแม องทนม อทนต นพ ออ กนานแค ไหน EP3 part2

พลิกวิกฤตสู่โอกาส: เจาะลึกกลยุทธ์ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ รับมือตลาดปี 2025 และอนาคต

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวของตลาดมาหลายยุคสมัย แต่ในห้วงเวลาปัจจุบัน ตั้งแต่ปี 2023 เรื่อยมาจนถึงภาพฉายของปี 2025 ผมกล้ากล่าวว่าเรากำลังเผชิญกับบริบทที่ไม่เหมือนเดิมอย่างแท้จริง แรงกดดันทางเศรษฐกิจมหภาค หนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง และความเข้มงวดของสถาบันการเงิน ทำให้ความฝันในการเป็นเจ้าของบ้านของคนจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดแมส กลายเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมหาศาล และนี่คือหัวใจสำคัญที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพื่อหาวิธีแก้ไข “Pain Point” ของลูกค้าให้ได้จริง

สถานการณ์ตลาดในปัจจุบันเรียกได้ว่า “ท้าทายยิ่งกว่าวิกฤตการณ์ครั้งใด” ที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่การชะลอตัวตามวัฏจักรปกติ แต่เป็นการหดตัวที่ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ตลอดทั้ง Supply Chain ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่สถาบันการเงินที่เข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อบ้าน ไปจนถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ ข้อมูลที่น่าตกใจคืออัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อบ้าน ในตลาดแนวราบบางทำเล อาทิ สินเชื่อบ้านบางใหญ่ พุ่งสูงถึง 80% และยังคงสูงกว่า 50% สำหรับโครงการคอนโดมิเนียม นี่ไม่ใช่ปัญหาที่ความต้องการที่อยู่อาศัยหายไป แต่เป็นปัญหาที่ “ความสามารถในการกู้” ของผู้บริโภคที่ลดลงอย่างน่าเป็นห่วง เนื่องจากการเติบโตของรายได้ไม่ทันกับราคาบ้านที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงประวัติการณ์ ได้รัดคอผู้บริโภคจนแทบไม่มีพื้นที่สำหรับการสร้างภาระใหม่ ส่งผลให้ความฝันของ “บ้านหลังแรก” กลายเป็นภาพลวงตาสำหรับคนจำนวนมาก

เจาะลึกวิกฤตการณ์ “กู้ไม่ผ่าน” และผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์

ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารไหลบ่า ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับวิกฤต สินเชื่อบ้าน จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง จากการวิเคราะห์ของผม สาเหตุหลักที่ทำให้ลูกค้า “กู้ไม่ผ่าน” ไม่ได้มาจากเจตนาที่ไม่ต้องการชำระหนี้ แต่มาจากปัจจัยเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ซับซ้อน ได้แก่:

ภาระหนี้เก่า: ระดับหนี้ครัวเรือนที่สูง ทำให้สัดส่วนหนี้ต่อรายได้ (DSR) ของผู้กู้เกินเกณฑ์ที่สถาบันการเงินกำหนด
รายได้ไม่สอดคล้อง: รายได้ที่แท้จริงของผู้บริโภคหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มพนักงานบริษัทหรือผู้มีรายได้ประจำระดับกลางและล่าง ไม่ได้เติบโตในอัตราเดียวกับอัตราเงินเฟ้อและราคาอสังหาริมทรัพย์
การขาดความรู้ทางการเงิน: ผู้บริโภคจำนวนมากยังขาดความเข้าใจในการสร้างประวัติเครดิตที่ดี การวางแผนการเงินเพื่อขอสินเชื่อบ้าน ทำให้พลาดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
ความเข้มงวดของสถาบันการเงิน: ธนาคารมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อบ้านมากขึ้น เพื่อควบคุมความเสี่ยงในพอร์ตสินเชื่อของตนเอง

ผลกระทบของวิกฤต “กู้ไม่ผ่าน” ได้ส่งผลสะเทือนไปทั่วทั้ง ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในวงกว้าง ไม่ใช่แค่ผู้ซื้อที่พลาดโอกาส แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้พัฒนาโครงการที่ต้องเผชิญกับยอดขายที่ชะลอตัว สต็อกสินค้าคงเหลือที่เพิ่มขึ้น และแรงกดดันในการบริหารจัดการต้นทุนและสภาพคล่อง การทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงสาเหตุเหล่านี้ เป็นก้าวแรกที่สำคัญในการออกแบบโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน

“Next Solution”: นวัตกรรมอสังหาริมทรัพย์ เพื่อปลดล็อกการเป็นเจ้าของบ้าน

ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความท้าทายเช่นนี้ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำอย่าง เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ได้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความเข้าใจในปัญหาของตลาดอย่างลึกซึ้ง ด้วยการเปิดตัวโมเดล “Next Solution” ซึ่งผมมองว่าเป็นหนึ่งใน นวัตกรรมอสังหาริมทรัพย์ ที่น่าจับตามองและสามารถเป็นต้นแบบให้กับวงการได้ โมเดลนี้ไม่ใช่แค่การขายบ้าน แต่เป็นการ “โยนบันได” ให้ลูกค้าที่ติดขัดเรื่องสินเชื่อบ้าน ได้ก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยได้จริง แทนที่จะปล่อยให้พวกเขาต้องติดอยู่ในวงจรการเช่าไปอีกนานหลายปี

หัวใจสำคัญของ “Next Solution” คือสองกลไกหลัก ได้แก่ LivNext และ RentNext:

LivNext (เช่าออมบ้าน): สร้างเครดิต ปลดล็อกสินเชื่อ
หลักการ: LivNext เป็นโครงการที่ออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนยอดปฏิเสธสินเชื่อบ้าน ให้กลายเป็นยอดขายที่แท้จริง โดยให้ลูกค้าผ่อนกับโครงการในอัตราดอกเบี้ยต่ำผ่านบัญชีของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินภาครัฐที่มุ่งเน้นช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง
การสร้างเครดิต: หัวใจของ LivNext คือการสร้างประวัติการชำระหนี้ที่ดีให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาสินเชื่อบ้านในอนาคต เสนาฯ ได้ทำงานร่วมกับบริษัทเงินสดใจดี ซึ่งเป็นสถาบันการเงินภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อวิเคราะห์ศักยภาพของลูกค้าอย่างละเอียด ติดตามความคืบหน้าทุก 6 เดือน และให้คำแนะนำด้านพฤติกรรมทางการเงินอย่างใกล้ชิด
ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม: ภายในเวลาไม่ถึงสองปี โครงการ LivNext มีลูกค้าเข้าร่วมกว่า 1,000 ยูนิต และที่สำคัญคือ มีลูกค้าสามารถกู้ผ่านและโอนกรรมสิทธิ์ได้จริงแล้วกว่า 100 ยูนิต นี่คือข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า ผู้ที่เคยถูกปฏิเสธสินเชื่อบ้าน ไม่ได้หมายความว่าจะ “กู้ไม่ได้ตลอดไป” แต่พวกเขาต้องการเวลาและกลไกในการปรับฐานข้อมูลทางการเงินให้ถูกต้อง ซึ่ง LivNext ตอบโจทย์นี้ได้อย่างยอดเยี่ยม ในเชิงธุรกิจ โมเดลนี้ช่วยรักษาโอกาสการขายที่อาจสูญไปกว่า 2,000 ล้านบาท และยังขยายฐานลูกค้าจากกลุ่มราคา 1-2 ล้านบาท ไปสู่กลุ่ม 3-4 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าความต้องการการเป็นเจ้าของบ้านยังคงสูง เพียงแต่ติดปัญหาเงื่อนไขด้านเครดิตเท่านั้น

RentNext (เช่าพร้อมสิทธิ์ซื้อ): ความยืดหยุ่นเพื่อการเป็นเจ้าของบ้าน
หลักการ: RentNext เป็นโมเดลการเช่าที่ยกระดับไปอีกขั้น ด้วยการมอบความยืดหยุ่นให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนใจซื้อเป็นเจ้าของได้ โดยนำค่าเช่าที่จ่ายไปแล้วมาหักเงินต้นได้เต็ม 100% หากตัดสินใจซื้อยูนิตเดิม หรือ 50% หากเลือกซื้อโครงการอื่นในเครือของเสนาฯ
ประโยชน์ต่อลูกค้า: โมเดลนี้ช่วยลดความเสี่ยงในการตัดสินใจซื้อบ้านให้กับลูกค้า ทำให้พวกเขามีโอกาสทดลองใช้ชีวิตในโครงการจริงก่อนตัดสินใจลงทุนระยะยาว อีกทั้งยังไม่เสียเปล่ากับค่าเช่าที่จ่ายไป ซึ่งถือเป็นการลงทุนอสังหาริมทรัพย์รูปแบบหนึ่งที่ชาญฉลาดสำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมซื้อทันที
ประโยชน์ต่อผู้พัฒนา: RentNext ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ (Economy of Scope) โดยเฉพาะในทำเลที่ได้รับความนิยมในการเช่าสูงและมีความเสี่ยงต่ำ เช่น คอนโดมิเนียมพระราม 9, บางนา, นิคมอุตสาหกรรม, และโครงการอสังหาริมทรัพย์รังสิต ทำให้เกิดรายได้ใหม่จากทรัพย์สินเดิม ลดต้นทุนการตลาด และเพิ่ม Gross Margin ได้สูงถึง 80% ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจ

โมเดล “Next Solution” จึงเป็นมากกว่าแค่ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน แต่เป็นการแสดงออกถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในปัญหาของลูกค้าและการปรับตัวเชิงรุกของ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ที่จะแก้ปัญหาซื้อบ้านให้ลูกค้าในสถานการณ์วิกฤติ

กลยุทธ์อสังหาฯ ปี 2025: รัดเข็มขัด สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

จากประสบการณ์ของผม ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จในระยะยาวมักจะเป็นผู้ที่สามารถปรับกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็วและชาญฉลาด ซึ่งเสนาฯ ได้แสดงให้เห็นถึงทิศทางนี้อย่างชัดเจนสำหรับแผนงานปี 2025 ด้วย กลยุทธ์อสังหาฯ ที่เน้นความระมัดระวังและประสิทธิภาพสูงสุด:

ชะลอการเปิดโครงการใหม่ เน้นบริหารจัดการสต็อก: แทนที่จะเร่งเปิดโครงการใหม่ เสนาฯ เลือกที่จะชะลอการขยายพอร์ต และหันมามุ่งเน้นการบริหารจัดการและระบายสต็อกสินค้าคงเหลือที่มีอยู่กว่า 5,000 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งมากกว่า 70% เป็นคอนโดมิเนียม นี่คือการตัดสินใจที่ถูกต้องในการรักษาสภาพคล่องและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์เดิม โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึง แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ 2025 ที่ยังคงเผชิญความไม่แน่นอน
ปรับปรุงและยกระดับสินค้าคงคลัง: “การไม่มีโครงการใหม่ไม่ได้หมายความว่าต้องหยุดพัฒนา” เป็นวลีที่สะท้อนแนวคิดการตลาดที่ลึกซึ้ง เสนาฯ ยังคงดำเนินการปรับปรุงยูนิตเดิมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การรีโนเวทเฟอร์นิเจอร์ ปรับ Layout ไปจนถึงการทำตลาดแบบเจาะกลุ่มเป้าหมาย (Segmentation Marketing) มากขึ้น เพื่อให้สินค้าสอดรับกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น การนำคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จแล้วมาปรับปรุงเป็น บ้านพร้อมอยู่บางนา หรือปรับปรุงห้องชุดให้เหมาะกับการใช้ชีวิตในเมืองที่ต้องการความคล่องตัว ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินทรัพย์เดิมอย่างชาญฉลาด
มุ่งสู่ อสังหาริมทรัพย์ยั่งยืน: นี่คือหนึ่งในเทรนด์ที่สำคัญที่สุดที่ผมเห็นว่ากำลังขับเคลื่อนวงการ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ไปข้างหน้าอย่างก้าวกระโดด เสนาฯ ได้วางมาตรฐานใหม่โดยการติดตั้ง โซลาร์เซลล์บ้าน และแบตเตอรี่เก็บพลังงานในบ้านกลุ่มราคา Grand ทุกหลัง ซึ่งไม่เพียงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้กับผู้อยู่อาศัย แต่ยังเป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและตอบรับความต้องการของตลาดที่ตระหนักเรื่องพลังงานสะอาดมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าแนวทาง Waste Management ในทุกโครงการ เพื่อยกระดับบทบาทในฐานะ “Life Long Trusted Partner” ที่ไม่เพียงแค่สร้างอสังหาริมทรัพย์ แต่ยังดูแลคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในทุกมิติ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการ ESG (Environmental, Social, Governance) ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ

บทบาทภาครัฐและการมองไปข้างหน้า

ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ ผมเชื่อว่าภาครัฐมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการประคองและขับเคลื่อน ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ให้กลับมาแข็งแกร่ง มาตรการที่ผ่านมา เช่น การลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนอง แม้จะช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการแก้ปัญหาซื้อบ้านในเชิงโครงสร้างที่ยั่งยืน ได้แก่:

การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน: หากรัฐบาลสามารถจัดตั้ง AMC (Asset Management Company) เพื่อซื้อหนี้เสีย หรือปรับโครงสร้างหนี้ภาคครัวเรือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภคได้อย่างมหาศาล และเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพของสินเชื่อบ้าน
การปรับลดอัตราดอกเบี้ย: อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีผลโดยตรงต่อการคำนวณ DSR (Debt Service Ratio) ของผู้กู้ หากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ลูกค้ามีโอกาสกู้ไม่ผ่านน้อยลง และเข้าถึงสินเชื่อบ้านได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินที่สำคัญ
การสนับสนุนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย: ควรมีนโยบายสนับสนุนการเข้าถึง สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง โดยอาจพิจารณาการขยายระยะเวลาผ่อนชำระ หรือการจัดทำโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษร่วมกับสถาบันการเงิน เพื่อช่วยลดภาระรายเดือน

ท้ายที่สุดแล้ว ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไทยยังคงอยู่ในช่วงฟื้นตัว สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้ประกอบการคือการปรับตัวเชิงรุก มองหาช่องทางและวิธีการใหม่ๆ ในการช่วยเหลือลูกค้าให้มีโอกาสก้าวเข้าสู่ระบบการเงินอสังหาริมทรัพย์ได้มากขึ้น ดังเช่นที่เสนาฯ ได้บุกเบิก “Next Solution” เพื่อประคองกำลังซื้อในกลุ่ม Affordable และสร้างเส้นทางให้ลูกค้าได้เตรียมความพร้อมในการยื่นสินเชื่อบ้านจริง แม้จะต้องใช้เวลา 2-3 ปี แต่ถือเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเป็นเจ้าของบ้านของคนไทยในระยะยาว

โอกาสลงทุนอสังหาฯ ในยุคแห่งการปรับตัว

สำหรับนักลงทุนและผู้ที่กำลังมองหา โอกาสลงทุนอสังหาฯ ในยุคนี้ การทำความเข้าใจในกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นความยืดหยุ่น การสร้างสรรค์ และความยั่งยืน ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การลงทุนในโครงการที่นำเสนอโซลูชันที่แท้จริงให้กับลูกค้า เช่น โมเดลเช่าออม หรือเช่าพร้อมสิทธิ์ซื้อ จะไม่เพียงแต่สร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว แต่ยังเป็นการลงทุนที่มีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนสังคมให้ก้าวไปข้างหน้า การเลือกที่ปรึกษาด้าน สินเชื่อบ้าน ที่มีความเชี่ยวชาญ และการศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังปรับเปลี่ยน

สรุปและก้าวต่อไป

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่ต้องการมากกว่าแค่การสร้างและขาย แต่ต้องการความเข้าใจใน Pain Point ของผู้บริโภค การสร้างสรรค์โซลูชันที่แท้จริง และการปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตอบรับเทรนด์ แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ 2025 และความยั่งยืนในระยะยาว การทำงานร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการ ภาครัฐ และสถาบันการเงิน จะเป็นกุญแจสำคัญในการคลี่คลายวิกฤต สินเชื่อบ้าน และสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับคนไทยได้มีบ้านเป็นของตัวเอง

หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่กำลังประสบปัญหาในการขอสินเชื่อบ้าน หรือกำลังมองหาที่อยู่อาศัยในสภาวะตลาดปัจจุบัน อย่าเพิ่งหมดหวัง โซลูชั่นนวัตกรรมและโอกาสใหม่ๆ กำลังเกิดขึ้นเสมอ และเราในฐานะผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและนำทางคุณไปสู่การเป็นเจ้าของบ้านในฝัน

อย่ารอช้าที่จะค้นพบหนทางสู่บ้านในฝันของคุณ! ติดต่อที่ปรึกษาด้านสินเชื่อบ้านของเราวันนี้ เพื่อประเมินความพร้อมและสำรวจโซลูชันที่เหมาะกับคุณโดยเฉพาะ เพื่อให้คุณไม่พลาดทุกโอกาสสำคัญในการสร้างอนาคตที่มั่นคง.

Previous Post

D1512047 แค ลงอ าง ตเปล ยน EP1 part2

Next Post

D1512049 ผมก บแม องทนม อทนต นพ ออ กนานแค ไหน EP2 part2

Next Post
D1512049 ผมก บแม องทนม อทนต นพ ออ กนานแค ไหน EP2 part2

D1512049 ผมก บแม องทนม อทนต นพ ออ กนานแค ไหน EP2 part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D1512090 ไม oแบบน คงจะด part2
  • D1512089 รถม อสอง ญญาณหวง ep1 part2
  • D1512088 รถม อสอง ญญาณหวง ep2 part2
  • D1512087 nโคม แต โดนบ งค บให บบร จาคร างกาย คนเป นพ อจ งทำส งน ep1 part2
  • D1512086 กโคม แต โดนบ งค บให บบร จาคร างกาย คนเป นพ อจ งทำส งน ep2 part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.