เปิดมุมมองผู้เชี่ยวชาญ: กลยุทธ์ฝ่าวิกฤติ กู้บ้านไม่ผ่าน – เมื่อเสนาฯ พลิกเกมให้คนไทยมีบ้านจริง
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการพลิกผันของตลาดมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่รู้สึก “ทรหด” เท่ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงวัฏจักรขาลงตามปกติ แต่เป็นการผสมผสานของหลายปัจจัยกดดันที่ซับซ้อนและเรื้อรัง จนทำให้ความฝันในการมีบ้านของคนจำนวนมากกลายเป็นเรื่องที่ยากเกินเอื้อม โดยเฉพาะปัญหาใหญ่ที่ผมเห็นเด่นชัดคือ อัตราการกู้บ้านไม่ผ่าน ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ ซึ่งไม่ใช่แค่ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ แต่ยังสะท้อนถึงโครงสร้างรายได้และภาระหนี้ครัวเรือนของคนไทยที่อยู่ในระดับเปราะบางอย่างยิ่ง
วันนี้ ผมจะพาไปเจาะลึกถึงกลยุทธ์ที่น่าสนใจของหนึ่งในผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำอย่าง บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ “เสนาฯ” ที่ไม่ได้เพียงแต่นั่งรอให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่เลือกที่จะ “พลิกเกม” ด้วยการทำความเข้าใจ Pain Point ของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง และสร้างสรรค์ “Next Solution” โมเดลใหม่ที่ไม่เพียงช่วยลูกค้าแก้ปัญหา สินเชื่อบ้านไม่ผ่าน ได้จริง แต่ยังเป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว
ฉากทัศน์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2025: วิกฤติซ้อนวิกฤติที่ต้องเผชิญ
หากมองภาพรวมของ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2025 จะพบว่าเรากำลังเผชิญกับพายุเศรษฐกิจที่สมบูรณ์แบบ (Perfect Storm) จากหลายทิศทาง ปัจจัยกดดันที่สำคัญที่สุดคือ:
หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง: นี่คือมัจจุราชเงียบที่กัดกร่อน กำลังซื้ออสังหาฯ ของผู้บริโภคมานานหลายปี ปัจจุบันหนี้ครัวเรือนของไทยยังคงอยู่ในระดับสูงใกล้ 90% ต่อ GDP ทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการอนุมัติ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย อย่างเข้มงวด ส่งผลโดยตรงต่อการที่ผู้บริโภคจำนวนมากต้องพบกับคำว่า “กู้บ้านไม่ผ่าน” แม้จะมีรายได้ประจำ
รายได้ไม่เติบโตทันราคาบ้าน: แม้ราคาอสังหาริมทรัพย์จะปรับตัวขึ้นไม่หวือหวาเท่าช่วงก่อน แต่การเติบโตของค่าแรงและรายได้เฉลี่ยของคนส่วนใหญ่ยังคงต่ำกว่าอัตราการขึ้นของราคาบ้านอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ความสามารถในการผ่อนชำระต่อเดือน (DSR – Debt Service Ratio) ของผู้กู้ลดลง และกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการขอ สินเชื่อบ้านไม่ผ่าน
การเข้มงวดของสถาบันการเงิน: ด้วยภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนและความไม่แน่นอนภายในประเทศ ธนาคารจึงต้องบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรัดกุม ส่งผลให้เกณฑ์การพิจารณา สินเชื่อที่อยู่อาศัย เข้มงวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผู้ที่เคยมีโอกาสกู้ผ่านง่าย ๆ ในอดีต วันนี้อาจต้องเผชิญกับความท้าทายมากขึ้น การเช็คเครดิตบูโรอย่างละเอียด การพิจารณาแหล่งที่มาของรายได้ที่ชัดเจน และการประเมินความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้หลายคนต้องผิดหวังเมื่อต้องการ กู้บ้านไม่ผ่าน
ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังคงมีอยู่จริง: สิ่งที่น่าสนใจคือ ปัญหาไม่ได้เกิดจากความต้องการบ้านที่หายไป แต่เกิดจาก “ความสามารถในการกู้” ที่ลดลงอย่างหนัก สถิติจากหลายแหล่งชี้ว่าในบางทำเล โดยเฉพาะตลาดแนวราบราคาเข้าถึงง่าย เช่น บางใหญ่ หรือคอนโดมิเนียมในย่านเศรษฐกิจที่ได้รับความนิยม อัตราการปฏิเสธสินเชื่อพุ่งสูงถึง 50-80% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นี่คือสัญญาณที่บอกว่ายังมีผู้ที่ต้องการมีบ้านเป็นของตัวเองจำนวนมาก แต่ติดขัดที่ข้อจำกัดด้านการเงินและการเข้าถึง บริการสินเชื่อบ้าน
ในสภาพตลาดเช่นนี้ ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จจะต้องไม่ใช่แค่ “สร้าง” แต่ต้อง “เข้าใจ” และ “ช่วยแก้ปัญหา” ให้ลูกค้า เสนาฯ เลือกเส้นทางนี้ด้วยการนำเสนอสิ่งที่มากกว่าแค่บ้าน แต่คือ “บันได” ที่จะพาคนไทยก้าวผ่านอุปสรรคในการมีบ้าน
“Next Solution”: บันไดก้าวข้ามปัญหา กู้บ้านไม่ผ่าน สู่การเป็นเจ้าของบ้านอย่างยั่งยืน
ผมขอชื่นชมวิสัยทัศน์ของ ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ที่มองเห็นแก่นแท้ของปัญหา และริเริ่มโมเดล “Next Solution” ซึ่งประกอบด้วย 2 กลไกสำคัญที่เข้ามาตอบโจทย์คนต้องการบ้านได้อย่างตรงจุด นั่นคือ “LivNext” (เช่าออมบ้าน) และ “RentNext” (เช่าพร้อมสิทธิ์ซื้อ)
LivNext: โมเดล “เช่าออมบ้าน” – สร้างเครดิต พลิกวิกฤติ กู้บ้านไม่ผ่าน ให้เป็นโอกาส
แนวคิดของ LivNext ถือเป็นการปฏิวัติตลาด อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน และเพื่อการอยู่อาศัย เพราะมันคือการเปลี่ยน “ยอดปฏิเสธสินเชื่อ” ให้กลายเป็น “ยอดขายที่มีศักยภาพ” ดร.เกษราเปรียบเทียบว่านี่คือการ “โยนบันไดลงไปให้ลูกค้าขึ้นมากู้บ้านได้”
สร้างเครดิตให้แข็งแกร่ง: หัวใจสำคัญของ LivNext คือการช่วยให้ลูกค้าที่ “กู้บ้านไม่ผ่าน” มีเวลาและโอกาสในการสร้างประวัติทางการเงินที่ดีขึ้น ระหว่างที่ผ่อนชำระค่าเช่ากับโครงการในอัตราดอกเบี้ยพิเศษประมาณ 1.8% ผ่านบัญชีของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่เน้น สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย โดยตรง การผ่อนชำระอย่างสม่ำเสมอตรงเวลานี้เอง จะเป็นบันทึกประวัติที่ดีในเครดิตบูโร เมื่อเวลาผ่านไป 2-3 ปี เครดิตสกอร์ของลูกค้าจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพิ่มโอกาสในการอนุมัติ สินเชื่อที่อยู่อาศัย
คำแนะนำทางการเงินแบบใกล้ชิด: เสนาฯ ไม่ได้ปล่อยให้ลูกค้าเดินตามลำพัง แต่ยังมีบริษัทเงินสดใจดี ซึ่งเป็นสถาบันการเงินภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย เข้ามาช่วยวิเคราะห์ศักยภาพทางการเงิน ให้คำแนะนำด้านพฤติกรรมการใช้จ่าย และติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดทุก 6 เดือน ซึ่งเป็นบริการที่ทรงคุณค่ามาก เพราะหลายคนประสบปัญหา “กู้บ้านไม่ผ่าน” ไม่ใช่เพราะไม่มีรายได้ แต่ขาดความเข้าใจในการบริหารจัดการหนี้และสร้างวินัยทางการเงินที่ถูกต้อง
ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม: โมเดล LivNext ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิด แต่พิสูจน์แล้วว่าใช้งานได้จริง ปัจจุบันมีลูกค้าเข้าร่วมโครงการกว่า 1,000 ยูนิต และที่น่าประทับใจคือมีผู้ที่สามารถ ปรึกษากู้บ้าน สำเร็จและโอนบ้านได้จริงแล้วถึง 100 ยูนิตภายในเวลาไม่ถึงสองปี นี่คือหลักฐานเชิงประจักษ์ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ที่เคยถูกปฏิเสธสินเชื่อไม่ได้ “กู้บ้านไม่ผ่าน ตลอดไป” แต่ต้องการเพียงเวลาและเครื่องมือในการปรับฐานข้อมูลทางการเงินให้เข้าที่เข้าทาง โมเดลนี้ช่วยรักษายอดขายที่อาจสูญไปกว่า 2,000 ล้านบาทให้กับเสนาฯ และยังขยายฐานลูกค้าจากกลุ่มบ้านราคา 1-2 ล้านบาท ไปสู่กลุ่ม 3-4 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่อยู่อาศัยในตลาด บ้านราคาจับต้องได้ ที่ยังคงแข็งแกร่ง
RentNext: โมเดล “เช่าพร้อมสิทธิ์ซื้อ” – ความยืดหยุ่นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่
ควบคู่ไปกับ LivNext คือ RentNext ซึ่งเป็นโมเดลเช่าที่ยืดหยุ่นกว่าการเช่าทั่วไป โดยมอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนใจซื้อเป็นเจ้าของได้ โดยนำค่าเช่าที่จ่ายไปมาหักเป็นเงินต้น 100% หากตัดสินใจซื้อยูนิตเดิม หรือ 50% หากย้ายไปซื้อโครงการอื่นในเครือเสนาฯ
ลดความเสี่ยงของผู้ซื้อ: RentNext เหมาะสำหรับลูกค้าที่ยังไม่แน่ใจว่าจะปักหลักที่ใดนาน หรือต้องการทดลองใช้ชีวิตในโครงการก่อนตัดสินใจซื้อจริง เป็นการลดความเสี่ยงในการลงทุนก้อนใหญ่ และเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่อาจจะยังไม่พร้อมด้านเครดิตในการ กู้บ้านไม่ผ่าน ได้มีที่อยู่อาศัยชั่วคราวพร้อมทางเลือกในการเป็นเจ้าของในอนาคต
เพิ่มประสิทธิภาพการใช้สินทรัพย์ของนักพัฒนา: จากมุมมองของผู้ประกอบการ RentNext ช่วยเพิ่ม Utilization Rate ของโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว โดยเฉพาะในทำเลที่ได้รับความนิยมในการเช่าสูงและมีความเสี่ยงต่ำ เช่น ย่านพระราม 9, บางนา, นิคมอุตสาหกรรม หรือรังสิต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความต้องการเช่าสูงจากกลุ่มคนทำงานและนักศึกษา ส่งผลให้มีรายได้รวมจากทั้งสองโมเดลราว 80-100 ล้านบาทต่อปี และที่สำคัญคือ Gross Margin สูงถึง 80% เนื่องจากเป็นการนำทรัพย์สินเดิมที่มีอยู่มาใช้สร้างรายได้ใหม่ ลดต้นทุนการตลาด และเพิ่มการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ (Economy of Scope) อย่างมีประสิทธิภาพ
กลยุทธ์อสังหาฯ ปี 2025: รัดเข็มขัด พัฒนาสินทรัพย์เดิม เพิ่มมูลค่าอย่างยั่งยืน
จากสภาพตลาดที่ท้าทาย เสนาฯ ได้ปรับ กลยุทธ์อสังหาฯ สำหรับปี 2025 อย่างชาญฉลาด โดยเลือกที่จะ “รัดเข็มขัด” และมุ่งเน้นการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แทนการเปิดโครงการใหม่จำนวนมาก ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ในการบริหารจัดการความเสี่ยงและสภาพคล่องอย่างรอบคอบ
ชะลอการเปิดโครงการใหม่ มุ่งเน้นระบายสต็อก: เสนาฯ จะเปิดโครงการใหม่ลดลง โดยส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่เลื่อนมาจากปีก่อน หรือเป็นเฟสต่อเนื่องจากโครงการเดิม เพื่อรักษาสภาพคล่องและเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด เป้าหมายหลักคือการระบายสินค้าคงคลังที่มีอยู่กว่า 5,000 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งกว่า 70% เป็นคอนโดมิเนียม
ปรับปรุงและ Re-Marketing สินค้าคงคลัง: ดร.เกษรากล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า “ปกติแล้วของผู้พัฒนาโครงการจะเกิดคอนเซ็ปต์ใหม่ในโครงการใหม่ แต่เราไม่ควรต้องคิดแบบนั้น การที่เราไม่มีโครงการใหม่ไม่ได้หมายความว่าจำเป็นต้องหยุดพัฒนา” ซึ่งผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง เสนาฯ ยังคงดำเนินการปรับปรุงยูนิตเดิมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการรีโนเวทเฟอร์นิเจอร์ ปรับ Layout ให้ทันสมัย และทำการตลาดแบบตรงกลุ่มมากขึ้น เพื่อให้สินค้าสอดรับกับความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่เปลี่ยนไป การลงทุนใน การจัดการสินทรัพย์อสังหาฯ ที่มีอยู่เป็นการเพิ่มมูลค่าและตอบโจทย์ลูกค้าได้เร็วกว่าการเริ่มจากศูนย์
อสังหาริมทรัพย์ยั่งยืน: มาตรฐานใหม่ของการอยู่อาศัย: อีกหนึ่งเทรนด์ที่เสนาฯ ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องคือ อสังหาริมทรัพย์ยั่งยืน ซึ่งไม่ใช่แค่กระแส แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญ เสนาฯ ได้ประกาศให้บ้านในกลุ่มราคาแกรนด์ทุกหลังมีการติดตั้ง โซลาร์เซลล์บ้าน และแบตเตอรี่เก็บพลังงานเป็นมาตรฐานใหม่ ซึ่งเป็นการช่วยลดภาระค่าครองชีพด้านพลังงานให้กับผู้อยู่อาศัยโดยตรง และตอบโจทย์ความตระหนักเรื่องพลังงานสะอาด ผมมองว่านี่คือการลงทุนในอนาคตที่ชาญฉลาด เพราะนอกจากจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว และยังมีการเดินหน้าแนวทาง Waste Management ในทุกโครงการ เพื่อยกระดับบทบาทของบริษัทในฐานะ “Life Long Trusted Partner” ที่ไม่เพียงพัฒนาอสังหาฯ แต่ดูแลคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในมิติต่างๆ
บทบาทของภาครัฐ: ปลดล็อกศักยภาพ กำลังซื้ออสังหาฯ
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเชื่อว่ามาตรการภาครัฐมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยพยุงและฟื้นฟู ตลาดอสังหาฯ ดร.เกษราได้ให้มุมมองที่น่าคิดว่า แม้ภาครัฐจะมีมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนองออกมาแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญกว่าและมีผลกระทบระยะยาวกว่าคือการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนและสินเชื่อที่ตึงตัวเกินไป
แก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนและสินเชื่อ: หากรัฐบาลสามารถจัดตั้ง AMC (Asset Management Company) เพื่อซื้อหนี้เสียจากสถาบันการเงิน หรือปรับโครงสร้างหนี้ของผู้บริโภคให้เกิดผลจริงจัง จะเป็นกลไกสำคัญในการเพิ่ม กำลังซื้ออสังหาฯ ของผู้บริโภคได้อย่างมหาศาล เพราะเมื่อภาระหนี้เดิมลดลง ผู้บริโภคจะมีพื้นที่ทางการเงินมากขึ้นในการขอ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
ลดอัตราดอกเบี้ย: การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ เพราะมีผลโดยตรงต่อ DSR ของผู้กู้ ทำให้ภาระผ่อนต่อเดือนลดลง และช่วยให้ลูกค้าที่เคย “กู้บ้านไม่ผ่าน” จากข้อจำกัด DSR สามารถผ่านเกณฑ์ได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะกระตุ้นการตัดสินใจซื้อในตลาด บ้านราคาจับต้องได้ ได้อย่างรวดเร็วและเป็นวงกว้าง
สู่ความยั่งยืน: ผู้ประกอบการต้องปรับตัวเชิงรุก
ในท้ายที่สุด ดร.เกษราได้เน้นย้ำถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ประกอบการในช่วงเวลานี้ คือการปรับตัวเชิงรุกและมองหาวิธีช่วยให้ลูกค้ามีโอกาสก้าวเข้าสู่ระบบสินเชื่อได้มากขึ้น ซึ่งผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง เสนาฯ ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในการคิดค้น “Next Solution” เพื่อประคองกำลังซื้อในกลุ่ม Affordable และสร้างเส้นทางให้ลูกค้าได้เตรียมความพร้อมในการยื่น สินเชื่อบ้านไม่ผ่าน ให้ผ่านได้จริง แม้จะต้องใช้เวลา 2-3 ปี แต่ถือเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับผู้บริโภคในระยะยาว
บทเรียนจากเสนาฯ ครั้งนี้ สอนเราว่าในวิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ หากเรากล้าที่จะคิดต่าง เข้าใจปัญหาของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง และสร้างสรรค์โซลูชั่นที่ตอบโจทย์อย่างแท้จริง การพัฒนา กลยุทธ์การตลาดอสังหาฯ ที่ไม่เพียงแต่ขายบ้าน แต่ยังขาย “ทางออก” และ “ความหวัง” ให้กับลูกค้า จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในยุคที่ความท้าทายถาโถม
สรุปและก้าวต่อไปสำหรับผู้บริโภคและนักลงทุน
สถานการณ์ กู้บ้านไม่ผ่าน ที่เป็นประเด็นหลักในตลาด อสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบัน ไม่ได้เป็นเพียงอุปสรรค แต่ยังเป็นตัวเร่งให้เกิดนวัตกรรมและโซลูชั่นใหม่ๆ อย่างที่เสนาฯ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่กำลังฝันอยากมีบ้านหลังแรก หรือเป็นนัก ลงทุนอสังหาฯ ที่มองหาโอกาสในตลาด การทำความเข้าใจโมเดลอย่าง LivNext และ RentNext จะช่วยให้คุณเห็นภาพอนาคตของตลาดอสังหาฯ ที่ไม่หยุดนิ่งและปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค
สำหรับผู้ที่กำลังประสบปัญหา สินเชื่อบ้านไม่ผ่าน อย่าเพิ่งท้อแท้ มีหลายช่องทางที่คุณสามารถปรึกษาและเตรียมความพร้อมได้ อาทิ:
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อ: ติดต่อ บริการสินเชื่อบ้าน จากสถาบันการเงินต่างๆ หรือผู้พัฒนาโครงการที่มีโปรแกรมช่วยเหลือ
ปรับปรุงเครดิตบูโร: เริ่มต้นจากการสร้างวินัยทางการเงิน ชำระหนี้ตรงเวลา และหลีกเลี่ยงการสร้างภาระหนี้ที่ไม่จำเป็น เพื่อให้ประวัติเครดิตของคุณน่าเชื่อถือมากขึ้น
พิจารณาทางเลือกเช่า-ซื้อ: โมเดลอย่าง LivNext หรือ RentNext สามารถเป็นสะพานสำคัญที่จะพาคุณไปสู่การเป็นเจ้าของบ้านได้ในที่สุด
วางแผนการเงินส่วนบุคคล: ขอคำแนะนำจาก ที่ปรึกษาการเงิน เพื่อวางแผนการออม การลดหนี้ และการสร้างรายได้เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความสามารถในการกู้ในอนาคต
อสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นรากฐานสำคัญของความมั่นคงในชีวิต การร่วมมือกันระหว่างผู้ประกอบการ ภาครัฐ และสถาบันการเงิน ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและนโยบายที่สนับสนุนการเข้าถึงที่อยู่อาศัย จะเป็นกุญแจสำคัญในการพลิกฟื้น ตลาดอสังหาฯ ให้กลับมาแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
หากท่านเป็นผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยและเผชิญกับความท้าทายด้านสินเชื่อ หรือเป็นนักลงทุนที่สนใจในโมเดลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นวัตกรรมใหม่ที่ตอบโจทย์ยุคสมัย ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “Next Solution” หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเสนาฯ ได้โดยตรง เพื่อค้นหา “บันได” ที่จะพาคุณไปสู่เป้าหมายในการเป็นเจ้าของบ้านที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง.

