ปลดล็อกศักยภาพสูงสุด: เทคโนโลยี Digital Twin พลิกโฉมภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย สู่ยุค AI เต็มตัว
ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญมานับไม่ถ้วน แต่มีเทคโนโลยีหนึ่งที่กำลังจะเข้ามาพลิกโฉมภูมิทัศน์ของอสังหาฯ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นั่นคือ เทคโนโลยี Digital Twin การสร้างแบบจำลองเสมือนจริงของสินทรัพย์ทางกายภาพ ซึ่งทำงานประสานกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างลงตัว ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นอนาคตที่จับต้องได้ กำลังเดินหน้าเข้ามาปฏิวัติวิธีการที่เราออกแบบ ก่อสร้าง บริหารจัดการ และเพิ่มมูลค่าให้กับอสังหาริมทรัพย์อย่างแท้จริง
โลกปัจจุบันขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและความรวดเร็วในการตัดสินใจ อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่ามหาศาลและมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง จำเป็นต้องปรับตัวและนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน เทคโนโลยี Digital Twin จึงเข้ามาตอบโจทย์นี้ ด้วยการสร้าง “คู่แฝดดิจิทัล” ที่สะท้อนสถานะและพฤติกรรมของอาคาร โรงงาน หรือแม้กระทั่งเมืองทั้งเมืองแบบเรียลไทม์ ทำให้เราสามารถมองเห็นอนาคต คาดการณ์ปัญหา และตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด บทความนี้จะเจาะลึกถึงศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของ Digital Twin และการผนึกกำลังกับ AI ในการขับเคลื่อนภาคอสังหาฯ ไทยให้ก้าวสู่ยุคใหม่แห่งประสิทธิภาพและความยั่งยืน
แก่นแท้ของเทคโนโลยี Digital Twin: มากกว่าแค่แบบจำลอง 3 มิติ
หลายท่านอาจคุ้นเคยกับ Building Information Modeling (BIM) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยสร้างแบบจำลอง 3 มิติของอาคารพร้อมข้อมูลเชิงลึก แต่ เทคโนโลยี Digital Twin นั้นก้าวล้ำไปอีกขั้น ไม่ใช่แค่แบบจำลองคงที่ แต่เป็นการจำลองที่มีชีวิต ชีพจรเต้นไปพร้อมกับวัตถุจริงอย่างต่อเนื่อง พูดง่ายๆ คือ Digital Twin คือแบบจำลองเสมือนจริงที่เชื่อมโยงกับโลกทางกายภาพผ่านเซ็นเซอร์ IoT (Internet of Things) และแหล่งข้อมูลอื่นๆ ทำให้มันสามารถรับข้อมูล วิเคราะห์ และสะท้อนสถานะปัจจุบัน ตลอดจนพฤติกรรมในอนาคตของวัตถุจริงได้แบบ Real-time เสมือนมีกระจกวิเศษที่ฉายภาพทุกแง่มุมของสินทรัพย์ที่เราต้องการบริหารจัดการ
องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ Digital Twin ทรงพลัง มีดังนี้:
การรวบรวมข้อมูลแบบ Real-time: การติดตั้งเซ็นเซอร์ IoT (เช่น เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ ความชื้น การใช้พลังงาน การเคลื่อนไหว) บนสินทรัพย์จริง ทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้อย่างต่อเนื่องและแม่นยำ นี่คือหัวใจสำคัญของการมี “ชีวิต” ของ Digital Twin
การเชื่อมโยงข้อมูลและการสร้างแบบจำลองเสมือน: ข้อมูลที่รวบรวมได้จะถูกส่งไปยังแพลตฟอร์ม Digital Twin ซึ่งจะประมวลผลและสร้างแบบจำลองเสมือนจริงในรูปแบบดิจิทัล ทำให้ข้อมูลดิบกลายเป็นภาพที่เข้าใจง่ายและเป็นรูปธรรม
การวิเคราะห์และการสร้างโมเดลคาดการณ์: ด้วยพลังของ AI, Machine Learning และ Cloud Computing ข้อมูลจาก Digital Twin จะถูกนำมาวิเคราะห์ ประมวลผล สร้างโมเดลเพื่อจำลองสถานการณ์ต่างๆ คาดการณ์แนวโน้ม หรือแม้กระทั่งระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่จะสายเกินไป นี่คือจุดที่ AI-powered building management เริ่มเข้ามามีบทบาทอย่างชัดเจน
การดำเนินการและปรับปรุงระบบ: ผลลัพธ์จากการวิเคราะห์จะถูกนำไปใช้เพื่อปรับปรุงการทำงานของวัตถุจริง เช่น การปรับระบบปรับอากาศให้มีประสิทธิภาพสูงสุด การแจ้งเตือนเพื่อบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ หรือการปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงานเพื่อลดความเสียหายและเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม สิ่งเหล่านี้ช่วยลด ต้นทุนปฏิบัติการอสังหาฯ ได้อย่างมหาศาล
นอกจากนี้ การผสานรวมกับ Geographic Information System (GIS) ยังช่วยให้ Digital Twin สามารถแสดงผลข้อมูลเชิงพื้นที่ได้อย่างแม่นยำ ทำให้การวิเคราะห์บริบททางกายภาพของโครงการอสังหาริมทรัพย์ เช่น การวางผังเมืองและการพัฒนา Smart City มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Digital Twin ในภาคอสังหาริมทรัพย์: จุดเปลี่ยนแห่งยุคสมัย
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การผลิต การแพทย์ ยานยนต์ และการทหาร ได้นำ เทคโนโลยี Digital Twin มาใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง และภาคอสังหาริมทรัพย์ก็กำลังเดินหน้าตามรอยนี้ โดยเฉพาะในโครงการอสังหาฯ เพื่อการพาณิชย์มูลค่าสูงและ Logistic hub ขนาดใหญ่ ที่ต้องการ การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอสังหาฯ และ การจัดการอาคารด้วย AI ที่แม่นยำ ในมุมมองของผม Digital Twin solution สามารถสร้างความได้เปรียบเชิงแข่งขันได้อย่างรอบด้าน:
การออกแบบและการก่อสร้างที่อัจฉริยะขึ้น:
การจำลองและคาดการณ์ผลกระทบ: ก่อนที่จะลงมือก่อสร้างจริง Digital Twin ช่วยให้เราสามารถจำลองผลกระทบจากการเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ หรือการออกแบบที่แตกต่างกันต่อต้นทุน ค่าใช้จ่าย และประสิทธิภาพการใช้งานในระยะยาวได้อย่างแม่นยำ
การติดตามความคืบหน้าและควบคุมคุณภาพ: ด้วยเซ็นเซอร์และการเชื่อมโยงข้อมูลแบบ Real-time เราสามารถติดตามความคืบหน้าของการก่อสร้าง ระบุความบกพร่องที่เกิดขึ้น ตรวจสอบการปฏิบัติตามแบบ และจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดความล่าช้าและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
การบูรณาการ BIM: ในประเทศไทย BIM เป็นรากฐานสำคัญในการสร้างฐานข้อมูลอาคาร การนำข้อมูลจาก BIM มาต่อยอดในแพลตฟอร์ม Digital Twin ทำให้เราได้แบบจำลองที่สมบูรณ์แบบพร้อมสำหรับการรับข้อมูลแบบ Real-time และการวิเคราะห์ขั้นสูง นี่คือก้าวสำคัญสู่ การพัฒนาอสังหาฯ ยั่งยืน
การดำเนินงานและการบำรุงรักษาเชิงรุก:
การตรวจสอบประสิทธิภาพแบบ Real-time: Digital Twin สามารถตรวจสอบและควบคุมประสิทธิภาพของระบบต่างๆ ภายในอาคาร เช่น ระบบปรับอากาศ ระบบไฟฟ้า ระบบสุขาภิบาล และระบบความปลอดภัยแบบ Real-time หากเกิดความผิดปกติใดๆ ระบบจะแจ้งเตือนทันที ช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ (Predictive Maintenance): แทนที่จะรอให้เกิดปัญหาแล้วค่อยซ่อมแซม Digital Twin สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อคาดการณ์ความต้องการในการบำรุงรักษาอุปกรณ์ก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้นจริง ช่วยลด Downtime ประหยัดค่าใช้จ่าย และยืดอายุการใช้งานของสินทรัพย์ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสียหายและยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ ลด ลดต้นทุนปฏิบัติการอสังหาฯ และเพิ่ม Return on Investment อสังหาฯ
การจัดการพื้นที่และผู้ใช้งาน: วิเคราะห์การใช้งานพื้นที่ภายในอาคารเพื่อปรับปรุงการจัดสรรพื้นที่ให้เหมาะสม เพิ่มความพึงพอใจของผู้เช่าหรือผู้ใช้งาน และสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้น
การควบคุมประสิทธิภาพการใช้พลังงานและความยั่งยืน:
การติดตาม Carbon Footprint: ในยุคที่สิ่งแวดล้อมเป็นหัวใจสำคัญ Digital Twin ช่วยให้เราสามารถติดตามการใช้พลังงานและ Carbon Footprint ของอาคารแบบ Real-time และคาดการณ์การใช้พลังงานในอนาคต ทำให้สามารถวางแผนเพื่อลดการใช้พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพด้านความยั่งยืน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการ เพิ่มมูลค่าอสังหาฯ ในระยะยาว
การปรับปรุงระบบพลังงานอัจฉริยะ: ด้วยข้อมูลเชิงลึก Digital Twin สามารถแนะนำการปรับปรุงระบบพลังงาน เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ การใช้ระบบแสงสว่างอัจฉริยะ หรือการปรับแต่งระบบ HVAC ให้ประหยัดพลังงานสูงสุด สิ่งเหล่านี้คือส่วนหนึ่งของ Smart property management ที่มีประสิทธิภาพ
ความปลอดภัย กฎระเบียบ และสุขอนามัย:
การติดตามคุณภาพสิ่งแวดล้อมภายในอาคาร: ตรวจสอบคุณภาพอากาศ จุดความร้อน ความชื้น หรือแม้กระทั่งการแพร่กระจายของเชื้อโรคภายในอาคารแบบ Real-time เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและถูกสุขอนามัย
การจำลองสถานการณ์ฉุกเฉิน: ด้วย เทคโนโลยี Digital Twin ผสานกับ AI เราสามารถจำลองสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ เช่น อัคคีภัย แผ่นดินไหว หรืออุทกภัย เพื่อทดสอบแผนรับมือ ประเมินผลกระทบ และวางแผนเส้นทางอพยพได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
การจัดการและการประเมินค่าสินทรัพย์:
การประเมินมูลค่าที่แม่นยำและเป็นปัจจุบัน: Digital Twin ช่วยให้สามารถประเมินมูลค่าอาคารได้อย่างแม่นยำจากข้อมูล Real-time เกี่ยวกับประสิทธิภาพการดำเนินงาน อัตราการเข้าพัก และสภาพของสินทรัพย์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีค่าสำหรับ การลงทุนอสังหาฯ อัจฉริยะ
การจัดการการเช่าและพื้นที่: วิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานพื้นที่และการเช่า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ลดพื้นที่ว่าง และเพิ่มรายได้ให้กับโครงการอย่างยั่งยืน
Digital Twin และ AI: พลังขับเคลื่อนแห่งการตอบสนองและฟื้นฟู
จุดเด่นที่สุดอย่างหนึ่งของ เทคโนโลยี Digital Twin คือความสามารถในการจำลองและคาดการณ์ แต่เมื่อผนึกกำลังกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ศักยภาพนี้จะถูกยกระดับไปอีกขั้น การที่ AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาลที่ Digital Twin รวบรวมมาได้แบบ Real-time ทำให้เกิดความสามารถในการเรียนรู้ จดจำรูปแบบ และสร้างการคาดการณ์ที่แม่นยำยิ่งขึ้นไปอีกขั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ภาคอสังหาริมทรัพย์มักเผชิญบ่อยครั้งและคาดการณ์ได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติอย่างแผ่นดินไหว อุทกภัย หรืออัคคีภัย ไปจนถึงสถานการณ์ไม่คาดฝันอย่างโรคระบาด AI สามารถนำข้อมูลจาก Digital Twin มาวิเคราะห์ผลกระทบในฉากทัศน์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและเสนอแนะแนวทางการตอบสนอง บรรเทาผลกระทบ และแก้ไขปัญหาสำหรับแต่ละเหตุการณ์ได้อย่างเหมาะสมที่สุด
ลองนึกภาพอาคารที่ถูกจำลองเป็น Digital Twin ในระหว่างเกิดแผ่นดินไหว AI จะสามารถวิเคราะห์โครงสร้างอาคารที่ได้รับผลกระทบ ประเมินความเสียหายแบบ Real-time และแนะนำเส้นทางอพยพที่ปลอดภัยที่สุด รวมถึงการแจ้งเตือนหน่วยกู้ภัยพร้อมข้อมูลที่จำเป็นได้อย่างแม่นยำ หรือในกรณีเกิดอุทกภัย ระบบ AI จะสามารถจำลองการไหลของน้ำภายในอาคาร ประเมินความเสียหายของระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์สำคัญ และวางแผนการฟื้นฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่ไม่ใช่แค่การจำลองเหตุการณ์ แต่เป็นการเตรียมพร้อมรับมือด้วยข้อมูลเชิงลึกที่ลดความเสี่ยงและ ลดต้นทุนปฏิบัติการอสังหาฯ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
การผสานรวมกันของ Digital Twin และ AI จึงเป็นเครื่องมือทรงพลังที่ไม่เพียงช่วยให้เราเข้าใจสินทรัพย์ของเราได้ลึกซึ้งขึ้น แต่ยังช่วยให้เราสามารถตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และมีประสิทธิภาพสูงสุดภายใต้ต้นทุนที่ลดลงอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยี AI ที่เข้าถึงง่ายขึ้นในปัจจุบัน
ภูมิทัศน์อสังหาริมทรัพย์ไทยกับการก้าวสู่ยุค Digital Twin
แม้ว่าศักยภาพของ เทคโนโลยี Digital Twin จะมหาศาล แต่การนำมาใช้ในภาค อสังหาฯ ไทย ในปัจจุบันยังคงอยู่ในวงจำกัด โดยส่วนใหญ่จะพบเห็นได้ในโครงการอสังหาฯ เพื่อการพาณิชย์ที่มีมูลค่าสูงและ Logistic hub ขนาดใหญ่ ดังที่กล่าวไปแล้ว สาเหตุหลักยังคงอยู่ที่ข้อจำกัดด้านการลงทุนที่อยู่ในระดับสูง ทั้งในส่วนของเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม Digital Twin, อุปกรณ์ IoT และที่สำคัญที่สุดคือการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูลและบริหารจัดการระบบขั้นสูง ซึ่งตรงกับสิ่งที่ ที่ปรึกษา Digital Twin หลายรายในประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ผมเห็นสัญญาณบวกจากบริษัทเอกชนในประเทศไทยที่เริ่มก่อตั้งขึ้นโดยมุ่งเน้นธุรกิจด้าน เทคโนโลยี Digital Twin โดยเฉพาะ ซึ่งครอบคลุมการใช้งานในด้านการบริหารอาคาร โรงงานอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรม และการวางผังเมืองในหลายพื้นที่ของ อสังหาฯ ภาคตะวันออก และ โครงการอสังหาฯ กรุงเทพฯ
นอกจากนี้ การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยี AI และราคาของอุปกรณ์ IoT ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง จะเป็นตัวเร่งสำคัญที่ช่วยลดอุปสรรคด้านต้นทุน ทำให้ เทคโนโลยี Digital Twin กลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ประกอบการในวงกว้างขึ้น ไม่ใช่แค่โครงการขนาดใหญ่เท่านั้น
ผมเชื่อว่าในระยะข้างหน้า เราจะได้เห็นการลงทุนด้าน Digital Twin ในภาค อสังหาริมทรัพย์ ที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการอสังหาฯ เพื่อการพาณิชย์ที่มีมูลค่าปานกลางลงมา โครงการอสังหาฯ เพื่อการอยู่อาศัย อาคารสำนักงานให้เช่า หรือแม้แต่โครงการ Smart City ไทย ที่กำลังได้รับการผลักดันอย่างจริงจัง เหล่านี้ล้วนต้องการ การวิเคราะห์ข้อมูลอสังหาฯ เชิงลึกเพื่อการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์
กลยุทธ์การลงทุนใน Digital Twin เพื่อ ROI ที่ยั่งยืน
สำหรับผู้ประกอบการพัฒนา อสังหาฯ และเจ้าของสินทรัพย์ที่กำลังพิจารณา ลงทุนอสังหาฯ อัจฉริยะ ด้วย เทคโนโลยี Digital Twin ผมมีคำแนะนำจากประสบการณ์ตรงว่า การเริ่มต้นศึกษาความเป็นไปได้และวางแผนอย่างรอบคอบคือสิ่งสำคัญอันดับแรก:
ประเมินความต้องการและเป้าหมาย: เริ่มต้นด้วยการระบุปัญหาที่ต้องการแก้ไข หรือโอกาสที่ต้องการคว้าไว้ เช่น ต้องการลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา เพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน หรือยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งาน การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้เลือก แพลตฟอร์ม Digital Twin และโซลูชันที่เหมาะสมได้
เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ (Pilot Project): ไม่จำเป็นต้องลงทุนใหญ่ในทันที การเริ่มต้นด้วยโครงการนำร่องขนาดเล็กในส่วนที่มีผลตอบแทนชัดเจน เช่น ระบบ HVAC หรือระบบการจัดการพลังงาน จะช่วยให้เรียนรู้และปรับปรุงได้ก่อนขยายผล
ความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญ: การทำงานร่วมกับ ที่ปรึกษา Digital Twin และพันธมิตรทางเทคโนโลยีที่มีประสบการณ์ จะช่วยลดความซับซ้อนในการติดตั้ง การเชื่อมโยงข้อมูล และการพัฒนาบุคลากร บริษัท Digital Twin ในไทย หลายแห่งก็มีความเชี่ยวชาญและพร้อมให้คำปรึกษา
การลงทุนในบุคลากร: Digital Twin ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่ยังเป็นเรื่องของคน การพัฒนาทักษะของทีมงานให้มีความเข้าใจในการวิเคราะห์ข้อมูลและการใช้เครื่องมือ Digital Twin เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของระบบ
วัดผลตอบแทนการลงทุน (ROI): กำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจนเพื่อประเมินผลตอบแทนจากการลงทุนใน Digital Twin ไม่ว่าจะเป็นการประหยัดพลังงานที่จับต้องได้ การลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา หรือการ เพิ่มมูลค่าอสังหาฯ ในระยะยาว การลงทุนใน เทคโนโลยีอสังหาฯ ล่าสุด เช่นนี้ ควรมาพร้อมกับความเข้าใจใน ROI ที่ชัดเจน
อนาคตที่สดใสของอสังหาริมทรัพย์ไทยด้วย Digital Twin
ในฐานะผู้ที่เชื่อมั่นในพลังของนวัตกรรม ผมมองเห็นอนาคตที่สดใสของภาค อสังหาริมทรัพย์ ไทยภายใต้การขับเคลื่อนของ เทคโนโลยี Digital Twin และ AI มันไม่ใช่แค่การสร้างอาคารที่ชาญฉลาดขึ้น แต่เป็นการสร้างระบบนิเวศของอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้อยู่อาศัย ผู้ใช้งาน และผู้ลงทุนได้อย่างแม่นยำ มีประสิทธิภาพ และยั่งยืนกว่าที่เคย
Digital Twin จะเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกข้อมูลเชิงลึกแบบ Real-time ที่จะเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีการตัดสินใจของผู้ประกอบการอสังหาฯ จากการคาดเดาไปสู่การตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนโครงการ การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การจัดการความเสี่ยง หรือการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า เทคโนโลยี Digital Twin พร้อมแล้วที่จะยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินทรัพย์ในระยะยาว
เรากำลังยืนอยู่บนปากเหวของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรม อสังหาฯ การเปิดรับ เทคโนโลยี Digital Twin และ AI ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือความจำเป็นในการก้าวให้ทันโลก และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในอนาคต
เราขอเชิญชวนให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทุกท่าน ผู้บริหารอาคาร และนักลงทุน ลองพิจารณาถึงศักยภาพของ เทคโนโลยี Digital Twin และ AI ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับโครงการของท่าน เพื่อยกระดับประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ และสร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้กับผู้ใช้งาน หากท่านต้องการคำปรึกษาเชิงลึก หรือต้องการเริ่มต้นการเดินทางสู่การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอสังหาฯ ด้วย Digital Twin ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรายินดีเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนความสำเร็จของท่านไปพร้อมกัน

