ปูพรมโอกาส: เดอะมอลล์-SCPG ผนึกกำลังยกระดับ SME ไทยบุกตลาดจีนอย่างยั่งยืนในยุค 2025+
ในฐานะที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงธุรกิจค้าปลีกและการค้าระหว่างประเทศมากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตของตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดจีน ซึ่งเปรียบเสมือนมหาสมุทรแห่งโอกาสที่ทั้งกว้างใหญ่และท้าทาย สำหรับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม SME การจะก้าวเข้าสู่สมรภูมินี้ด้วยลำพังไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยทั้งวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล กลยุทธ์ที่เฉียบคม และที่สำคัญที่สุดคือพันธมิตรที่แข็งแกร่ง วันนี้ผมจะมาเจาะลึกถึงความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญที่กำลังจะพลิกโฉมภูมิทัศน์การค้าของไทย นั่นคือการผนึกกำลังครั้งประวัติศาสตร์ระหว่าง บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของไทย และ SCPG Group ผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์จากจีน ซึ่งไม่ใช่แค่การร่วมมือทางธุรกิจธรรมดา แต่เป็นการสร้างระบบนิเวศใหม่ที่จะเปิดประตูให้ SME ไทยบุกตลาดจีน ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
ความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นในห้วงเวลาสำคัญ นั่นคือการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นหมุดหมายที่ตอกย้ำถึงมิตรภาพและความร่วมมืออันยาวนานระหว่างสองชาติ เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในฐานะผู้บริหารศูนย์การค้าชั้นนำอย่าง สยามพารากอน, ดิ เอ็มโพเรียม, ดิ เอ็มควอเทียร์, ดิ เอ็มสเฟียร์ และเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ รวมถึงโครงการในอนาคตอย่างบางกอกมอลล์ ได้มองเห็นศักยภาพอันมหาศาลในการเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์และวัฒนธรรมไทยสู่ผู้บริโภคจีน และตัดสินใจจับมือกับ SCPG Group ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการลงทุน พัฒนา และบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ทั่วประเทศจีน ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้จึงเป็นมากกว่าแค่การขยายช่องทางการค้า แต่เป็นการวางรากฐานอันแข็งแกร่งให้ SME ไทยบุกตลาดจีน ได้อย่างมีประสิทธิภาพและไร้รอยต่อ
ตลาดจีน: ขุมทรัพย์ที่ต้องเข้าใจก่อนการลงทุนต่างประเทศ
ทำไมตลาดจีนจึงเป็นเป้าหมายที่ไม่อาจมองข้าม? คำตอบคือขนาดและพลวัตทางเศรษฐกิจที่หาใดเทียบได้ ด้วยประชากรกว่า 1.4 พันล้านคน และชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดกำลังซื้ออันมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินค้าพรีเมียมและสินค้าที่มีเอกลักษณ์ ผู้บริโภคจีนในยุค 2025+ ไม่ได้มองหาแค่ราคาถูกอีกต่อไป แต่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ แบรนด์สตอรี่ และประสบการณ์ การที่ SME ไทยบุกตลาดจีน ในช่วงเวลานี้จึงเป็นจังหวะที่เหมาะสม หากมีกลยุทธ์ที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ตลาดจีนยังมีความซับซ้อนในเรื่องวัฒนธรรม กฎระเบียบ และการแข่งขันที่สูง การเข้าสู่ตลาดด้วยตัวเองอาจเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ทั้งเรื่องการทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค การสร้างช่องทางการจัดจำหน่าย การทำการตลาดดิจิทัลที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และการจัดการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ
นี่คือจุดที่ความร่วมมือระหว่าง เดอะมอลล์ กรุ๊ป และ SCPG Group เข้ามาเติมเต็มช่องว่างนี้ SCPG Group มีเครือข่ายศูนย์การค้าและคอมมูนิตี้มอลล์ที่แข็งแกร่งทั่วประเทศจีน ทำให้การเข้าถึงพื้นที่ค้าปลีกชั้นนำไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ขณะที่ เดอะมอลล์ กรุ๊ป มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 4 ทศวรรษในการคัดสรรสินค้าคุณภาพ พัฒนาแบรนด์ และสร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งที่น่าประทับใจ การรวมพลังของสองยักษ์ใหญ่จึงเปรียบเสมือนการเปิดช่องทางด่วนให้ SME ไทยบุกตลาดจีน ได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง
ถอดรหัสความแข็งแกร่ง: กลยุทธ์การตลาดระหว่างประเทศที่เหนือชั้น
จากมุมมองของที่ปรึกษาธุรกิจจีนและผู้เชี่ยวชาญด้านการขยายธุรกิจระหว่างประเทศ ผมมองว่าความร่วมมือนี้มีมิติที่ลึกซึ้งกว่าแค่การเช่าพื้นที่ ความพิเศษอยู่ตรงที่การผสานจุดแข็งของทั้งสององค์กรเข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ:
การคัดสรรและยกระดับสินค้าไทย (Curated Selection & Brand Enhancement): เดอะมอลล์ กรุ๊ป มีชื่อเสียงในการคัดสรรสินค้าคุณภาพสูงและมีเอกลักษณ์ผ่านกิจกรรมอย่าง “Kud-Thai Market” ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์อีเวนต์ของกูร์เมต์ มาร์เก็ต การนำเสนอสินค้าภายใต้แบรนด์ที่น่าเชื่อถืออย่าง Gourmet Thai X Butterbear หรือแบรนด์ THAI THAI ที่สะท้อนอัตลักษณ์ไทยแท้ จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคจีนได้ทันที สินค้าอย่างทองม้วน ข้าวแต๋น สตรอว์เบอร์รี่อบแห้ง มะม่วงอบแห้ง หรือแม้แต่เสื้อผ้าและของใช้ที่มีกลิ่นอายไทยอย่างเสื้อกางเกงช้าง พัดสาน ล้วนมีศักยภาพในการเจาะตลาดจีนได้อย่างดีเยี่ยม
ช่องทางการจัดจำหน่ายระดับพรีเมียม (Premium Distribution Channels): SCPG Group นำเสนอพื้นที่ในศูนย์การค้าชั้นนำในเมืองยุทธศาสตร์อย่างเซินเจิ้นและเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงและเปิดรับวัฒนธรรมต่างชาติ การที่ SME ไทยบุกตลาดจีน ผ่านช่องทางเหล่านี้ ไม่ใช่แค่การวางสินค้าบนชั้นวาง แต่เป็นการนำเสนอแบรนด์ในบริบทที่สร้างภาพลักษณ์ที่ดี ทำให้ผู้บริโภครับรู้ถึงคุณค่าและคุณภาพ
การสร้างประสบการณ์เชิงวัฒนธรรม (Cultural Immersion Experience): การจัดเทศกาล “Kud-Thai Holiday” ภายใต้แนวคิด Thai Street Culture Experience ไม่ใช่แค่การขายสินค้า แต่เป็นการนำเสนอวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทยที่น่าหลงใหล การจำลองบรรยากาศงาน Kud-Thai การแสดงนาฏศิลป์ไทย การสาธิตนวดแผนไทย หรือเวิร์กช็อปเชิงวัฒนธรรม จะช่วยสร้างการจดจำและผูกพันทางอารมณ์กับแบรนด์ไทย ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ทรงพลังในการสร้างแบรนด์ระดับโลกในระยะยาว
การลดภาระและอุปสรรค (Reduced Barriers to Entry): สำหรับ SME การเข้าถึงตลาดต่างประเทศเต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งเรื่องกฎหมาย การตลาด การนำเข้าส่งออก และการทำความเข้าใจตลาดท้องถิ่น ความร่วมมือนี้จะช่วยลดภาระเหล่านี้ลงอย่างมาก เพราะมีพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญทั้งสองฝ่ายคอยสนับสนุน ทำให้ SME ไทยบุกตลาดจีน ได้โดยมีพี่เลี้ยงที่แข็งแกร่ง
กลยุทธ์ “การบริโภครูปแบบใหม่ + กลยุทธ์สู่สากล” (New Consumption Strategy + Internationalization Strategy): Mr. Yao Haibo, CEO ของ SCPG Group ได้เน้นย้ำถึงแนวคิดนี้ ซึ่งชี้ให้เห็นว่านี่ไม่ใช่แค่การนำสินค้าไปขาย แต่เป็นการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่แสวงหาประสบการณ์และความแปลกใหม่ ขณะเดียวกันก็เป็นการผลักดันแบรนด์จีนออกสู่เวทีโลกในอนาคตด้วย
โอกาสทางการค้าจีนที่จับต้องได้: “Kud-Thai Holiday” ที่เซินเจิ้นและเซี่ยงไฮ้
เทศกาล “Super-V SCPG Hua Hua Festival” ซึ่งเป็นเทศกาลใหญ่ประจำฤดูร้อนของ SCPG ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 – 27 กรกฎาคม นี้ ณ เมืองเซินเจิ้นและเซี่ยงไฮ้ คือบทพิสูจน์แรกของความร่วมมือนี้ ภายใต้แนวคิด “Kud-Thai Holiday” พื้นที่ในศูนย์การค้าของ SCPG จะถูกเนรมิตให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางแห่งวัฒนธรรมไทย ผู้บริโภคจีนจะได้สัมผัสกับ:
ผลิตภัณฑ์คุณภาพจาก SME ไทย: ไม่ว่าจะเป็นผลไม้อบแห้ง อาหารแปรรูป สินค้าแฟชั่น ผลิตภัณฑ์หัตถกรรมจาก SME ท้องถิ่น ซึ่งคัดสรรมาอย่างดี
ประสบการณ์วัฒนธรรมไทยแท้: การแสดงนาฏศิลป์ไทยอันวิจิตร การสาธิตนวดแผนไทยอันผ่อนคลาย และกิจกรรมเวิร์กช็อปเชิงวัฒนธรรมที่เปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้และลงมือทำ
โอกาสการท่องเที่ยว: กิจกรรมเหล่านี้ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยไปในตัว สร้างแรงบันดาลใจให้นักท่องเที่ยวจีนมาเยือนประเทศไทย
ในฐานะนักวิเคราะห์ตลาด ผมมองว่างานนี้คือการทดลองตลาด (Market Validation) ที่สำคัญอย่างยิ่ง เป็นการเปิดโอกาสให้ SME ไทยบุกตลาดจีน ได้รับฟีดแบ็กโดยตรงจากผู้บริโภค และเรียนรู้ถึงพฤติกรรมการซื้อจริง ซึ่งจะเป็นข้อมูลอันล้ำค่าสำหรับการวางแผนกลยุทธ์ในระยะยาว
อนาคตที่ยั่งยืน: การสร้างระบบนิเวศการค้าใหม่
ความร่วมมือระหว่าง เดอะมอลล์ กรุ๊ป และ SCPG Group ไม่ได้มุ่งหวังเพียงแค่ผลลัพธ์ในระยะสั้น แต่เป็นการมองไปถึงการสร้างระบบนิเวศทางการค้าใหม่ที่ผสานอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมและนวัตกรรมเข้าไว้ด้วยกันอย่างยั่งยืน การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ลูกค้า การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายธุรกิจเพื่อสร้างโอกาสและขยายฐานลูกค้าร่วมกัน รวมถึงการเชื่อมโยงกับผู้ค้าปลีกรายใหม่ จะเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนโมเดลนี้
สำหรับ SME ไทยบุกตลาดจีน นี่หมายถึงโอกาสในการเข้าถึงตลาดที่ใหญ่ขึ้น สร้างแบรนด์ที่เป็นที่รู้จัก และที่สำคัญคือการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าการส่งออกสินค้าไทย การสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก และการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยสู่เวทีโลก
สิ่งที่ผมอยากเน้นย้ำคือ การเจาะตลาดใหม่ ไม่ว่าจะเป็นตลาดใดก็ตาม จำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่อง “คน” และ “วัฒนธรรม” ตลาดค้าปลีกจีนเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ผู้บริโภคมีการศึกษามากขึ้น มีข้อมูลมากขึ้น และมีรสนิยมที่หลากหลายขึ้น การมีพาร์ทเนอร์ธุรกิจจีนอย่าง SCPG Group ที่เข้าใจตลาดในประเทศอย่างแท้จริง จึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ การที่ เดอะมอลล์ กรุ๊ป เลือกที่จะไม่แค่ลงทุนด้านพื้นที่ แต่ยังลงทุนในความสัมพันธ์และการสร้าง “ประสบการณ์” คือสิ่งที่ทำให้ความร่วมมือนี้โดดเด่นและมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง
นอกจากนี้ การสร้างแบรนด์ระดับโลกสำหรับสินค้าไทย ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การมีหน้าร้านในต่างประเทศ แต่ยังต้องรวมถึงการตลาดดิจิทัล การสร้างเรื่องราวของแบรนด์ (Brand Storytelling) และการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่พันธมิตรทั้งสองฝ่ายสามารถนำมาเสริมกันได้เป็นอย่างดี เพื่อให้ SME ไทยบุกตลาดจีน ได้อย่างครบวงจรและมีประสิทธิภาพสูงสุด
บทสรุปและก้าวต่อไป
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการนี้ ผมเชื่อมั่นว่าการผนึกกำลังครั้งประวัติศาสตร์ระหว่าง เดอะมอลล์ กรุ๊ป และ SCPG Group จะเป็นดั่งแสงสว่างนำทางและเป็นต้นแบบที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม SME ที่ต้องการขยายศักยภาพและ SME ไทยบุกตลาดจีน ตลาดที่มีทั้งโอกาสและความท้าทายในตัว การสร้างระบบนิเวศทางการค้าที่ผสานวัฒนธรรม นวัตกรรม และความเชี่ยวชาญจากทั้งสองประเทศ จะไม่เพียงแต่เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย-จีน แต่ยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจของทั้งสองชาติในระยะยาว
นี่คือช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับธุรกิจไทย การมองเห็นโอกาสและกล้าที่จะก้าวออกจากกรอบเดิมๆ ด้วยการพึ่งพาพันธมิตรที่แข็งแกร่ง จะนำมาซึ่งความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ หากคุณคือผู้ประกอบการ SME ที่มีสินค้าหรือบริการอันเป็นเอกลักษณ์ของไทย และกำลังมองหาช่องทางในการขยายธุรกิจสู่ตลาดโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดจีนที่ไม่เคยหลับใหล ผมขอแนะนำให้ศึกษาและติดตามความเคลื่อนไหวจากความร่วมมือครั้งนี้อย่างใกล้ชิด เพราะนี่คือแผนที่นำทางสู่โอกาสทางการค้าจีนที่คุณไม่อาจมองข้ามได้ และหากคุณพร้อมที่จะรับโอกาสนี้ อย่าลังเลที่จะเริ่มต้นค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการและโอกาสที่คุณจะสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางอันน่าตื่นเต้นนี้ได้ทันที เพื่อก้าวไปเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการสร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ไทยบนเวทีโลก.
