ยุทธศาสตร์พยัคฆ์ติดปีก: The Mall Group ผนึก SCPG Group ปูพรม SME ไทยบุกตลาดจีนยุคดิจิทัล
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมค้าปลีกและการลงทุนมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และโอกาสใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง แต่มีไม่กี่ปรากฏการณ์ที่สามารถจุดประกายความหวังและศักยภาพได้เท่ากับการจับมือกันของสองยักษ์ใหญ่ระหว่าง “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” ผู้นำค้าปลีกของไทย และ “SCPG Group” เจ้าของอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน การผนึกกำลังครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของธุรกิจ แต่เป็นยุทธศาสตร์ที่เฉียบคมในการเปิดประตูทองคำให้ SME ไทยบุกตลาดจีน ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวาระครบรอบ 50 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ที่กำลังจะมาถึงในเดือนกรกฎาคมนี้
นี่ไม่ใช่เพียงการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ แต่เป็นการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจและวัฒนธรรมข้ามพรมแดนที่ครบวงจร ซึ่งจะปฏิวัติวิธีคิดและวิธีปฏิบัติของ SME ไทยบุกตลาดจีน อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เรากำลังพูดถึงมิติใหม่ของ การค้าระหว่างประเทศ ที่ผสานเข้ากับ การตลาดดิจิทัลข้ามพรมแดน และการสร้างประสบการณ์เชิงวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง
มังกรผงาด: ทำไมตลาดจีนคือขุมทรัพย์ที่ SME ไทยไม่อาจมองข้าม
ตลาดผู้บริโภคจีนได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดและมีพลวัตมากที่สุดในโลก ด้วยจำนวนประชากรกว่า 1.4 พันล้านคน และกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มชนชั้นกลางที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ตลาดนี้จึงเป็นดั่งแม่เหล็กดึงดูดสำหรับผู้ประกอบการทั่วโลก สิ่งที่น่าสนใจคือผู้บริโภคจีนยุคใหม่ไม่ได้เพียงมองหาสินค้า แต่พวกเขากำลังมองหาเรื่องราว คุณค่า และประสบการณ์ที่แตกต่าง ซึ่งเป็นจุดแข็งของ สินค้าไทยส่งออก ที่มีเอกลักษณ์และเสน่ห์เฉพาะตัว
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเห็นว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้ SME ไทยบุกตลาดจีน เป็นเรื่องที่ต้องรีบเร่งคือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่อย่าง Tmall, JD.com หรือ Pinduoduo ไม่ได้เป็นเพียงช่องทางจำหน่าย แต่เป็นอาณาจักรแห่งการตลาดที่ต้องอาศัยกลยุทธ์เฉพาะเจาะจง นี่คือความท้าทายที่ ผู้ประกอบการไทย ต้องเผชิญ แต่ก็เป็นโอกาสมหาศาลหากเรามีพันธมิตรที่เข้าใจบริบทและสามารถนำทางเราไปในเขาวงกตแห่งตลาดนี้ได้
ความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างไทยและจีน ซึ่งกำลังเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ยิ่งเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งให้แก่ โอกาสทางธุรกิจในตลาดจีน การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจที่สั่งสมมาอย่างยาวนานได้สร้างความเชื่อมั่นและความเข้าใจอันดี ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ประเมินค่าไม่ได้สำหรับการ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ และการขยายตลาด
สถาปนิกแห่งพันธมิตร: พลังผนึกของ The Mall Group และ SCPG Group
การที่ The Mall Group ตัดสินใจจับมือกับ SCPG Group นั้นสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและเข้าใจถึงความจำเป็นในการสร้าง “สะพานเชื่อม” ที่แข็งแกร่ง SCPG Group ไม่ใช่เพียงแค่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน การลงทุนอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ในจีน ที่มีเครือข่ายศูนย์การค้า, คอมมูนิตี้มอลล์ และแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมกระจายอยู่ทั่วประเทศ ความเชี่ยวชาญของ SCPG Group ในการบริหารจัดการพื้นที่ค้าปลีก การสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า และการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคชาวจีนในระดับภูมิภาคนับเป็นกุญแจสำคัญ
ในทางกลับกัน The Mall Group ก็คือผู้บุกเบิกและผู้นำใน ตลาดค้าปลีกไทย ที่มีประสบการณ์กว่า 4 ทศวรรษในการพัฒนาและบริหารศูนย์การค้าระดับโลกอย่างสยามพารากอน, ดิ เอ็มโพเรียม, ดิ เอ็มควอเทียร์, ดิ เอ็มสเฟียร์ และเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ การที่พวกเขาสั่งสมความรู้ความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภค, การสร้างแบรนด์, และการบริหารจัดการคู่ค้า SME มาอย่างยาวนาน ทำให้การผนึกกำลังครั้งนี้ไม่ใช่แค่การรวมตัวของสองบริษัท แต่เป็นการรวมเอาสองวัฒนธรรมองค์กรและสององค์ความรู้ที่เติมเต็มซึ่งกันและกันเพื่อขับเคลื่อน กลยุทธ์การขยายธุรกิจระหว่างประเทศ ของ SME ไทยบุกตลาดจีน
นางสาวศุภลักษณ์ อัมพุช ผู้บริหารสูงสุดของเดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้เน้นย้ำถึงแก่นแท้ของความร่วมมือนี้ว่าเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการของไทยบนเวทีโลก และเป็นการเปิดโอกาสให้ SME ไทยบุกตลาดจีน ได้อย่างแท้จริง ซึ่งผมมองว่าเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด เพราะไม่ใช่แค่การนำสินค้าไปวางขาย แต่เป็นการสร้างการรับรู้และสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภคจีนอย่างยั่งยืน
“Kud-Thai Holiday”: เทศกาลแห่งวัฒนธรรมและโอกาสการค้าที่เซินเจิ้นและเซี่ยงไฮ้
การเริ่มต้นของความร่วมมืออันยิ่งใหญ่นี้คือเทศกาล “Kud-Thai Holiday” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน “Super-V SCPG Hua Hua Festival” ณ เมืองเซินเจิ้นและเซี่ยงไฮ้ ในช่วงวันที่ 18 – 27 กรกฎาคมนี้ นี่คืออีเวนต์สำคัญที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อจำลองบรรยากาศ “Kud-Thai Market” ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของกูร์เมต์ มาร์เก็ตในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อนำเสนอ “Thai Street Culture Experience” ให้กับนักท่องเที่ยวและผู้บริโภคชาวจีนได้อย่างใกล้ชิด
จากประสบการณ์ของผม การสร้างประสบการณ์เชิงวัฒนธรรม (Experiential Marketing) เป็นหัวใจสำคัญในการเข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องการเจาะตลาดต่างประเทศอย่างจีน การจัดแสดงสินค้าเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ แต่การนำเสนอเรื่องราว เบื้องหลัง และวิถีชีวิต จะช่วยสร้างความผูกพันทางอารมณ์และสร้างความแตกต่างให้กับ แบรนด์ไทยพรีเมียม
สินค้าที่คัดสรรมาจัดแสดงนั้นมีความหลากหลายและสะท้อนอัตลักษณ์ไทยได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Gourmet Thai X Butterbear ที่นำเสนอขนมไทยยอดนิยมอย่างทองม้วน ทองแผ่น ข้าวแต๋น รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น สตรอว์เบอร์รี่อบแห้ง มะม่วงอบแห้ง และสินค้ากลุ่ม Grocery Non-Food อย่างเสื้อ-กางเกงช้าง และพัดสาน นอกจากนี้ยังมีสินค้าจากแบรนด์ THAI THAI ที่โดดเด่นสะท้อนความเป็นไทยอย่างแท้จริง การคัดเลือกสินค้าเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงการนำเสนอผลิตภัณฑ์ แต่เป็นการนำเสนอ “รสชาติ” ของประเทศไทย
นอกเหนือจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์แล้ว เทศกาลนี้ยังรวมถึงการแสดงนาฏศิลป์ไทย, การสาธิตนวดแผนไทย, กิจกรรมเวิร์กช็อปเชิงวัฒนธรรม และการนำเสนอข้อมูลการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นการผสานมิติของ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เข้ากับการค้าขายได้อย่างลงตัว นี่คือสิ่งที่ทำให้ SME ไทยบุกตลาดจีน ได้อย่างมีเอกลักษณ์และแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่น การให้ผู้บริโภคได้สัมผัสและมีส่วนร่วมกับวัฒนธรรมไทย จะช่วยสร้างความทรงจำที่ดีและนำไปสู่ความต้องการสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้อง
พลิกโฉมโอกาสให้ SME ไทย: สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
สำหรับ ผู้ประกอบการไทย ขนาดกลางและขนาดย่อม การเข้าถึงตลาดจีนด้วยตัวเองนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรค ตั้งแต่ความซับซ้อนของกฎระเบียบ การทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค ไปจนถึงการแข่งขันที่ดุเดือดและต้นทุนการตลาดที่สูงลิ่ว การที่ The Mall Group และ SCPG Group เข้ามาเป็นสะพานเชื่อมจึงเป็น โซลูชันธุรกิจระหว่างประเทศ ที่ทรงพลัง
ผมมองว่าความร่วมมือนี้มอบโอกาสสำคัญหลายประการ:
ลดความเสี่ยงและต้นทุน: การได้พื้นที่จัดแสดงในศูนย์การค้าชั้นนำของจีน โดยมีพันธมิตรยักษ์ใหญ่คอยสนับสนุนด้านการตลาดและโลจิสติกส์ ย่อมช่วยลดความเสี่ยงและต้นทุนเริ่มต้นสำหรับ SME ไทยบุกตลาดจีน ได้อย่างมหาศาล
เข้าถึงฐานลูกค้าขนาดใหญ่: เครือข่ายของ SCPG Group ช่วยให้ ผู้ประกอบการไทย สามารถเข้าถึงผู้บริโภคชาวจีนในเมืองใหญ่ได้อย่างตรงจุด ซึ่งเป็นเรื่องยากหากต้องดำเนินการเอง
เรียนรู้และปรับตัว: การได้สัมผัสกับตลาดจริงและรับฟัง feedback จากผู้บริโภคโดยตรง จะช่วยให้ SME ไทย สามารถปรับปรุงผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ การตลาดดิจิทัลสำหรับธุรกิจส่งออก ให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดจีนได้
สร้างแบรนด์และภาพลักษณ์: การปรากฏตัวในงานใหญ่และศูนย์การค้าชั้นนำภายใต้การสนับสนุนของแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ จะช่วยยกระดับภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของ แบรนด์ไทยพรีเมียม ให้เป็นที่รู้จักในจีน
สร้างเครือข่ายธุรกิจ: นี่คือโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้ค้าปลีกรายใหม่, ผู้จัดจำหน่าย, และนักลงทุนในจีน ซึ่งอาจนำไปสู่ ช่องทางจัดจำหน่ายต่างประเทศ ที่หลากหลายในอนาคต
การที่ SCPG Group มีความเชี่ยวชาญในการสร้าง “ระบบนิเวศทางการค้าใหม่” โดยผสานวัฒนธรรม นวัตกรรม และกลยุทธ์การบริโภครูปแบบใหม่เข้าด้วยกัน ยิ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง การเชื่อมโยง SME ไทยบุกตลาดจีน เข้ากับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและโซเชียลคอมเมิร์ซของจีน จะเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้สินค้าไทยเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด
อนาคตที่ยั่งยืน: การสร้างระบบนิเวศการค้าและการลงทุนข้ามพรมแดน
มิสเตอร์เหยา ไฮ่ปัว ประธานกรรมการบริหาร SCPG Group ได้เน้นย้ำว่าความร่วมมือนี้ไม่ได้เป็นเพียงการจับมือกันของสองแบรนด์ยักษ์ใหญ่ แต่เป็นแรงผลักดันใหม่ให้กับตลาดผู้บริโภคจีน และเป็นการเปิดประตูการค้าให้แบรนด์ไทยที่มีเอกลักษณ์ได้เข้าสู่ตลาดจีนอย่างมั่นคง พร้อมทั้งยังเป็นต้นแบบของ “กลยุทธ์การบริโภครูปแบบใหม่ + กลยุทธ์สู่สากล” ซึ่งผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง
จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ การสร้างระบบนิเวศทางการค้าที่ยั่งยืนนั้นต้องอาศัยหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่การนำสินค้าไปวางขาย แต่ยังรวมถึง การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ ที่มีประสิทธิภาพ, การลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อ โซลูชันการค้าปลีกอัจฉริยะ, และการพัฒนาบุคลากรที่มีความเข้าใจในวัฒนธรรมและภาษาของทั้งสองประเทศ
ความร่วมมือนี้มีศักยภาพที่จะเป็นต้นแบบสำหรับภูมิภาค ในการเชื่อมโยงผู้ประกอบการขนาดเล็กเข้ากับตลาดขนาดใหญ่ระดับโลก โดยอาศัยความแข็งแกร่งของภาคเอกชนและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ผมเชื่อว่าในระยะยาว เราจะได้เห็นการพัฒนาไปสู่:
แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซร่วม: การพัฒนาหรือเชื่อมโยงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเฉพาะสำหรับ สินค้าไทยส่งออก ไปยังจีนโดยตรง
ศูนย์กระจายสินค้าอัจฉริยะ: การลงทุนในคลังสินค้าและระบบโลจิสติกส์ที่ทันสมัยในจีน เพื่อรองรับการเติบโตของ SME ไทยบุกตลาดจีน
การแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ: การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้และบุคลากรด้านการค้าและการตลาดระหว่างไทยและจีน
การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วม: การศึกษาความต้องการของตลาดจีนอย่างลึกซึ้ง เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์
นี่คือ กลยุทธ์การเติบโตธุรกิจ ที่แท้จริง ไม่ใช่แค่การขายครั้งคราว แต่เป็นการสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคต
บทสรุป: ก้าวแรกสู่ความรุ่งโรจน์ของ SME ไทยในตลาดโลก
การจับมือกันระหว่าง The Mall Group และ SCPG Group ในโอกาสครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย-จีน ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้ นี่คือการลงทุนในอนาคตของ เศรษฐกิจดิจิทัล และการขับเคลื่อน SME ไทยบุกตลาดจีน ไปสู่ระดับโลกอย่างแท้จริง เป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของภาคเอกชนไทยในการสร้างสรรค์ กลยุทธ์การตลาดจีน ที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ในฐานะผู้มีประสบการณ์ ผมกล้าพูดได้ว่า นี่คือช่วงเวลาทองที่ ผู้ประกอบการไทย ต้องคว้าไว้ให้ได้ การมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่ใช่แค่การเปิดประตู แต่เป็นการสร้างถนนไฮเวย์ให้ SME ไทยบุกตลาดจีน ได้อย่างราบรื่นและเต็มประสิทธิภาพ ผมเชื่อมั่นว่าความร่วมมือนี้จะเป็นต้นแบบของการค้าและการลงทุนข้ามพรมแดนที่ประสบความสำเร็จ และจะนำพา โอกาสทางธุรกิจในตลาดจีน มาสู่ประเทศไทยอย่างมหาศาล
อย่ารอช้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางครั้งสำคัญนี้ หากท่านคือ ผู้ประกอบการไทย ที่มีความฝันจะนำ สินค้าไทยส่งออก ที่มีคุณภาพไปสู่ตลาดโลก โดยเฉพาะตลาดจีนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว นี่คือโอกาสทองที่จะได้เรียนรู้ สร้างเครือข่าย และขยายธุรกิจไปในระดับสากล กรุณาติดต่อ The Mall Group เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโอกาสในการเข้าร่วมโครงการและกิจกรรมต่างๆ ที่จะผลักดัน SME ไทยบุกตลาดจีน ไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนอนาคตที่สดใสของ ธุรกิจ SME ไทยในตลาดจีนเริ่มต้นขึ้นแล้ววันนี้!

