• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D1210021 จฉาคนอ ไม วเอง [ตอนจบ] part2

admin79 by admin79
December 11, 2025
in Uncategorized
0
D1210021 จฉาคนอ ไม วเอง [ตอนจบ] part2

ถอดรหัสวิกฤตการเจรจาภาษีไทยสหรัฐฯ: บทเรียนและกลยุทธ์สำหรับภาคธุรกิจไทยในภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลก 2025

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในแวดวงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการค้าระหว่างประเทศมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นพลวัตที่ซับซ้อนระหว่างอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองมานับครั้งไม่ถ้วน การประกาศระงับการเจรจาภาษีไทยสหรัฐฯ ชั่วคราว ซึ่งเชื่อมโยงกับประเด็นข้อตกลงสันติภาพระหว่างไทยกับกัมพูชา ถือเป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงภูมิทัศน์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจนในปี 2025 ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของการค้าเสรีหรือมาตรการทางภาษี แต่เป็นภาพสะท้อนของความท้าทายที่ประเทศไทยต้องเผชิญในการสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ความมั่นคงของชาติ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ละเอียดอ่อน บทความนี้จะเจาะลึกถึงเบื้องหลังของสถานการณ์นี้ ผลกระทบเชิงลึกต่อภาคธุรกิจไทย และแนวทางเชิงกลยุทธ์ที่เราควรพิจารณาเพื่อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในระยะยาว

ปมปัญหาที่ซับซ้อน: เมื่อการค้าถูกเชื่อมโยงกับความมั่นคง

จุดเริ่มต้นของเรื่องราวนี้คือการที่สหรัฐฯ โดยรองผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ได้แจ้งแก่ประเทศไทยถึงการระงับการเจรจาภาษีไทยสหรัฐฯ ภายใต้กรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทนเป็นการชั่วคราว โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือประเทศไทยจะต้องปฏิบัติตามถ้อยแถลงสู่สันติภาพกับกัมพูชา ประเด็นนี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า ทำไมชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ จึงเลือกเชื่อมโยงประเด็นการค้าซึ่งเป็นเรื่องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเข้ากับประเด็นความมั่นคงชายแดนที่เปราะบาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากมุมมองของประเทศไทยที่ยืนยันมาโดยตลอดว่าทั้งสองเรื่องควรแยกพิจารณาจากกัน

จากประสบการณ์ ผมมองว่าการที่สหรัฐฯ นำประเด็นเหล่านี้มาเชื่อมโยงกันอย่างเปิดเผย เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าแนวคิดเรื่อง “การค้าอิสระ” (Free Trade) กำลังถูกแทนที่ด้วย “การค้าที่สอดคล้องกับคุณค่าและยุทธศาสตร์” (Values-Aligned and Strategic Trade) มากขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้บริบทของความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์โลก การค้าระหว่างประเทศไม่ได้เป็นเพียงกลไกทางเศรษฐกิจอีกต่อไป แต่กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายต่างประเทศและธำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพในระดับภูมิภาค ท่าทีของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เคยโพสต์บน Truth Social อย่างชัดเจนว่า หากไทยกับกัมพูชายังสู้รบกันอยู่ สหรัฐฯ ก็ไม่สามารถเจรจาการค้ากับทั้งสองประเทศได้ ยิ่งตอกย้ำถึงแนวคิดนี้ ประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน ความมั่นคง และธรรมาภิบาล ได้กลายเป็นปัจจัยที่ถูกนำมาพิจารณาร่วมกับการค้ามากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวและทำความเข้าใจถึงปัจจัยเหล่านี้อย่างลึกซึ้ง

เสียงสะท้อนจากกรุงเทพฯ: ความผิดหวังและจุดยืนที่แน่วแน่

นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แสดงความผิดหวังต่อท่าทีของสหรัฐฯ โดยยืนยันว่าประเด็นความมั่นคง โดยเฉพาะข้อพิพาททวิภาคีกับกัมพูชา ควรแยกออกจากประเด็นการเจรจาภาษีไทยสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน การที่สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีตอบโต้ในอัตรา 19% เท่ากับกัมพูชา ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในกรอบความตกลงฯ เดิม ยิ่งทำให้ความพยายามในการสรุปข้อตกลงการค้าภายในปี 2025 ต้องล่าช้าออกไป

ในสายตาของนักกลยุทธ์ด้านการค้า นี่คือความท้าทายที่ประเทศไทยต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประเด็นทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนที่ไทยระบุว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลงและมีการติดตั้งใหม่นั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและเกี่ยวข้องกับอธิปไตยของชาติโดยตรง การที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการลาดตระเวน ยิ่งทำให้ไทยจำเป็นต้องแสดงจุดยืนที่แข็งกร้าว นายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล ได้ชี้แจงกับประธานาธิบดีทรัมป์อย่างชัดเจนว่าไทยยึดมั่นในสันติภาพ แต่กัมพูชาต้องยอมรับข้อเท็จจริงและแสดงความรับผิดชอบ รวมถึงเปิดพื้นที่ 13 แห่งให้ไทยเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของข้อตกลงสันติภาพ แนวทางของไทยที่เชิญผู้สังเกตการณ์อาเซียนลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความโปร่งใสและความพยายามในการแก้ไขปัญหาภายใต้กลไกระหว่างประเทศ

การเผชิญหน้าในครั้งนี้ตอกย้ำว่าประเทศไทยในฐานะประเทศที่มีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ สูงเป็นอันดับ 10 ของโลก โดยในปี 2024 ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ มูลค่า 57,700 ล้านดอลลาร์ และนำเข้า 16,200 ล้านดอลลาร์ ทำให้เกินดุลประมาณ 41,500 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.3 ล้านล้านบาท) มักจะตกเป็นเป้าหมายของการตรวจสอบและมาตรการทางการค้า การแก้ไขปัญหานี้ต้องใช้ทั้งการทูตที่ชาญฉลาดและการสื่อสารที่ชัดเจนถึงจุดยืนของประเทศ

ผลกระทบต่อภาคธุรกิจไทย: ความเสี่ยงและโอกาสที่ซ่อนอยู่

การระงับการเจรจาภาษีไทยสหรัฐฯ ย่อมส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจไทยในหลายมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ส่งออกสินค้าไปยังตลาดสหรัฐฯ ที่ต้องแบกรับภาระภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น การขาดความคืบหน้าของกรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทน อาจทำให้ความได้เปรียบในการแข่งขันของสินค้าไทยลดลง เมื่อเทียบกับคู่แข่งจากประเทศที่ได้ลงนามข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ แล้ว เช่น กัมพูชา ซึ่งลงนามไปเมื่อ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา

ในมุมมองของผู้บริหารระดับสูงที่ต้องรับผิดชอบเรื่องกลยุทธ์การค้าและการลงทุน ผมเห็นว่านี่คือช่วงเวลาที่ภาคธุรกิจต้องเร่งประเมินผลกระทบและปรับกลยุทธ์อย่างรอบด้าน:

การปรับโครงสร้างต้นทุนและราคา: ผู้ส่งออกจะต้องทบทวนโครงสร้างต้นทุนและราคาของผลิตภัณฑ์ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน ภาระภาษีที่เพิ่มขึ้นอาจบีบให้ต้องลดกำไร หรือหาทางลดต้นทุนการผลิตในส่วนอื่นๆ ซึ่งอาจรวมถึงการพิจารณาแหล่งวัตถุดิบทางเลือกหรือเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต

การกระจายความเสี่ยงตลาดส่งออก: การพึ่งพิงตลาดสหรัฐฯ มากเกินไปกลายเป็นความเสี่ยงที่ชัดเจน ภาคธุรกิจไทยควรเร่งสำรวจและขยายตลาดส่งออกใหม่ๆ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียที่มีการเติบโตสูง รวมถึงตลาดเกิดใหม่อื่นๆ การลงทุนในการวิจัยตลาดและการสร้างเครือข่ายธุรกิจในตลาดใหม่ๆ จะเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง

การเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน: ในระยะยาว การลงทุนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง การนำนวัตกรรมเทคโนโลยีการค้าเข้ามาใช้ เช่น AI หรือ Blockchain เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในโซ่อุปทานโลก และการพัฒนาแบรนด์สินค้าไทยให้แข็งแกร่ง จะช่วยให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นและลดการพึ่งพิงมาตรการทางภาษี

การบริหารความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์: ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคและการบริหารความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ เพื่อคาดการณ์และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการค้า การลงทุนต่างประเทศ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้อย่างทันท่วงที นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของกรมศุลกากร แต่เป็นเรื่องของกลยุทธ์การค้าโลกแบบองค์รวม

การแสวงหาโอกาสจาก FTA และกรอบความร่วมมืออื่นๆ: แม้การเจรจาภาษีไทยสหรัฐฯ จะหยุดชะงัก แต่ไทยยังมีนโยบายขยายผลในโอกาสทางเศรษฐกิจผ่านการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศคู่ค้าอื่นๆ และการเข้าร่วมกรอบความร่วมมือเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เช่น RCEP หรือ CPTPP การเปิดตลาดใหม่ๆ เหล่านี้จะช่วยชดเชยความท้าทายจากสหรัฐฯ ได้

การฟื้นฟูความสัมพันธ์และภาพใหญ่ของภูมิรัฐศาสตร์

ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ที่มีมายาวนานกว่า 200 ปี กำลังถูกทดสอบอย่างหนัก ก่อนหน้านี้เราเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นจากการลงนามข้อตกลงในกรอบการค้าฯ และความร่วมมือด้านแร่หายากในงานอาเซียนซัมมิตที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ การที่ไทยมีศักยภาพในการเป็นแหล่งแร่ธาตุสำคัญ (Critical Minerals) เป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนาภาคส่วนนี้ ซึ่งสหรัฐฯ ให้ความสำคัญอย่างมากเพื่อสร้างความมั่นคงในโซ่อุปทานของตนเอง

ในฐานะพันธมิตรสนธิสัญญาเพียงหนึ่งในสองประเทศของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไทยมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์มาโดยตลอด ทั้งจากสนธิสัญญามะนิลาปี 1954 ที่เป็นรากฐานความสัมพันธ์ด้านความมั่นคง และสนธิสัญญาไมตรีปี 1966 ที่ส่งเสริมการลงทุนของสหรัฐฯ สิ่งเหล่านี้ได้หล่อหลอมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและการส่งออกที่สำคัญ

อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์นี้มักถูกทดสอบด้วยพลวัตทางการเมืองภายในของไทย ทั้งวัฏจักรของการรัฐประหารและความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งนายสีหศักดิ์เคยกล่าวไว้ว่า “ประเทศไทยไม่โดดเด่นบนเรดาร์ของสหรัฐฯ มากนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเมืองของเราไร้เสถียรภาพ” การแก้ไขรัฐธรรมนูญและการจัดการเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะมาถึง เป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างเสถียรภาพและฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนานาชาติ

จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ ผมเห็นว่าการจะ “รีเซ็ต” ความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ให้กลับมาดีดังเดิมนั้น ต้องอาศัยมากกว่าแค่การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องการเจรจาภาษีไทยสหรัฐฯ แต่ต้องเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของไทยในการธำรงไว้ซึ่งหลักธรรมาภิบาล ประชาธิปไตย และการเคารพสิทธิมนุษยชน ควบคู่ไปกับการรักษาบทบาทเชิงรุกในเวทีโลก ไทยจำเป็นต้องสื่อสารจุดยืนและผลประโยชน์ของตนเองอย่างชัดเจนและสอดคล้องกันทุกภาคส่วน ทั้งภาคเศรษฐกิจและภาคความมั่นคง

บทบาทของมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนก็มีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยเป็นผู้ประสานงานและหาแนวทางให้กระบวนการสันติภาพระหว่างไทยกับกัมพูชาเดินหน้าต่อไปได้ โดยที่สหรัฐฯ และมาเลเซียต่างยืนยันว่าไม่ประสงค์แทรกแซง แต่พร้อมสนับสนุนกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในความซับซ้อนของปัญหาและความต้องการของไทยที่ต้องการแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง

ก้าวต่อไปของประเทศไทย: กลยุทธ์เชิงรุกเพื่ออนาคต

การรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบันและการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตอันใกล้ของปี 2025 และต่อๆ ไป จำเป็นต้องใช้แนวทางเชิงรุกที่ผสมผสานทั้งการทูต การค้า และการพัฒนาภายในประเทศ:

การทูตเชิงรุกและกลไกทวิภาคี: กระทรวงการต่างประเทศจะต้องเดินหน้าหารือกับกัมพูชาอย่างต่อเนื่องภายใต้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อแก้ไขปัญหาทุ่นระเบิดและสร้างความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน การแสดงจุดยืนที่มั่นคงแต่ยืดหยุ่นต่อสหรัฐฯ ว่าไทยมุ่งมั่นในสันติภาพแต่ก็พร้อมปกป้องอธิปไตยเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ ควรใช้โอกาสในการปรึกษาหารือกับผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำประเทศที่สามอย่างมาเลเซีย เพื่อสร้างความเข้าใจและระดมการสนับสนุนระหว่างประเทศ

ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการลงทุน: แม้การเจรจาภาษีไทยสหรัฐฯ จะชะงักงัน แต่ยังมีโอกาสในการส่งเสริมการลงทุนต่างประเทศโดยเฉพาะในภาคส่วนที่สหรัฐฯ ให้ความสนใจ เช่น พลังงานสะอาด เทคโนโลยีดิจิทัล และแร่หายาก การยกระดับห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาคให้มีประสิทธิภาพและยืดหยุ่น จะช่วยเพิ่มเสน่ห์ในการเป็นฐานการผลิตและส่งออก

การลงทุนในนวัตกรรมและการพัฒนาเทคโนโลยี: เพื่อลดการพึ่งพิงการผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มต่ำและเผชิญกับแรงกดดันด้านภาษี การลงทุนในการวิจัยและพัฒนา นวัตกรรมเทคโนโลยีการค้า และการยกระดับขีดความสามารถของแรงงาน จะช่วยให้สินค้าไทยมีความได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาว

การสื่อสารและสร้างความเข้าใจ: รัฐบาลและภาคเอกชนควรทำงานร่วมกันในการสื่อสารข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และความมุ่งมั่นของไทยในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ ให้ประชาคมโลกได้รับทราบอย่างโปร่งใสและสม่ำเสมอ การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในเวทีโลกเป็นสิ่งสำคัญต่อการค้าและการลงทุน

การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและแพลตฟอร์มการค้าใหม่ๆ: การเร่งผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลและการใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเพื่อเข้าถึงตลาดโลกโดยตรง จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถลดผลกระทบจากมาตรการทางภาษีและข้อจำกัดทางการค้าแบบดั้งเดิม

สรุปและก้าวต่อไป

สถานการณ์การระงับการเจรจาภาษีไทยสหรัฐฯ ครั้งนี้ เป็นบททดสอบสำคัญสำหรับประเทศไทยในการบริหารจัดการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ซับซ้อน และสะท้อนถึงยุคที่การค้าและการลงทุนถูกผูกโยงเข้ากับประเด็นทางภูมิรัฐศาสตร์และความมั่นคงอย่างแยกไม่ออก ในฐานะผู้มีประสบการณ์ในวงการ ผมเชื่อว่าด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในพลวัตเหล่านี้ และการวางกลยุทธ์ที่รอบคอบ ทั้งในด้านการทูต การค้า และการพัฒนาขีดความสามารถภายในประเทศ ประเทศไทยจะสามารถก้าวผ่านความท้าทายนี้ไปได้ และรักษาผลประโยชน์ของชาติได้อย่างยั่งยืน

วิกฤตครั้งนี้เป็นโอกาสให้เราได้ทบทวนและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจและทางการเมือง ทำให้เรามีความแข็งแกร่งและยืดหยุ่นมากขึ้นในการเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนของโลกยุคใหม่ สิ่งสำคัญคือการรักษาจุดยืนที่ชัดเจน มุ่งมั่นในสันติภาพ แต่ก็ไม่ละทิ้งสิทธิในการปกป้องอธิปไตยของชาติ พร้อมกับการแสวงหาพันธมิตรและความร่วมมือใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ

สำหรับภาคธุรกิจไทย หากท่านกำลังมองหาแนวทางในการปรับตัว รับมือกับความเสี่ยง และมองหาโอกาสใหม่ๆ ในบริบททางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษาด้านการค้าและกลยุทธ์การลงทุนระหว่างประเทศ จะช่วยให้ท่านสามารถวางแผนธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคงยิ่งขึ้น มาร่วมกันสร้างอนาคตที่แข็งแกร่งให้กับประเทศไทยในเวทีเศรษฐกิจโลกกันเถอะครับ

Previous Post

D1210020 นดานแก ยาก [ตอน1] part2

Next Post

D1210027 ชายหน าเง part2

Next Post
D1210027 ชายหน าเง part2

D1210027 ชายหน าเง part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D1512090 ไม oแบบน คงจะด part2
  • D1512089 รถม อสอง ญญาณหวง ep1 part2
  • D1512088 รถม อสอง ญญาณหวง ep2 part2
  • D1512087 nโคม แต โดนบ งค บให บบร จาคร างกาย คนเป นพ อจ งทำส งน ep1 part2
  • D1512086 กโคม แต โดนบ งค บให บบร จาคร างกาย คนเป นพ อจ งทำส งน ep2 part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.