ถอดรหัสอนาคตอสังหาริมทรัพย์ไทย: พลัส พร็อพเพอร์ตี้ กับโรดแมป “พลัสก่อการดี” ขับเคลื่อนกลยุทธ์ ESG สู่ความยั่งยืนระยะยาว
ในฐานะผู้คลุกคลีในวงการอสังหาริมทรัพย์มายาวนานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากยุคที่มุ่งเน้นเพียงแค่การสร้างและการขาย สู่กระแสที่คำนึงถึง “คุณค่า” ที่แท้จริง ซึ่งขับเคลื่อนด้วยแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล หรือที่เรารู้จักกันในนาม กลยุทธ์ ESG นี่ไม่ใช่แค่เทรนด์ชั่วคราว แต่คือรากฐานสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับภาคธุรกิจและสังคมโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทยที่กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายและโอกาสใหม่ๆ ในปี 2025 และปีต่อๆ ไป
กลยุทธ์ ESG ได้กลายเป็นวาระสำคัญระดับโลก ที่ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อภาพลักษณ์องค์กร แต่ยังรวมถึงโอกาสในการ ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ การดึงดูดบุคลากร และความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว องค์กรที่สามารถผสาน กลยุทธ์ ESG เข้ากับการดำเนินงานหลักได้อย่างแท้จริง จะเป็นผู้ชนะในสมรภูมิธุรกิจยุคใหม่ และหนึ่งในผู้นำที่ผมเฝ้าติดตามการขับเคลื่อน กลยุทธ์ ESG อย่างใกล้ชิดคือ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ บริษัทที่โดดเด่นในด้าน บริการบริหารอาคาร และ บริหารจัดการสินทรัพย์ ที่ได้เปิดตัวโรดแมป “พลัสก่อการดี” ซึ่งสะท้อนวิสัยทัศน์อันกว้างไกลและเข้าใจถึงความจำเป็นของการพัฒนาอย่างยั่งยืนอย่างแท้จริง
ทำไมกลยุทธ์ ESG จึงสำคัญยิ่งสำหรับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน?
ในยุคที่ผู้บริโภคมีความตระหนักรู้มากขึ้น นักลงทุนมองหา การลงทุนยั่งยืน และกฎระเบียบต่างๆ เข้มงวดขึ้น กลยุทธ์ ESG จึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นสำหรับผู้ประกอบการ อสังหาริมทรัพย์ยั่งยืน การละเลยมิติเหล่านี้อาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านชื่อเสียง ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และการสูญเสียโอกาสในการแข่งขัน แต่ในทางกลับกัน การนำ กลยุทธ์ ESG มาปรับใช้จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มมหาศาล ทั้งในด้าน:
การดึงดูดนักลงทุนและเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์: กองทุนและนักลงทุนสถาบันจำนวนมากมีนโยบายลงทุนในกิจการที่มี กลยุทธ์ ESG ที่แข็งแกร่ง ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มสภาพคล่องและการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ที่สูงขึ้นสำหรับ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
การลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ: การจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดี เช่น การลดใช้พลังงาน การจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดต้นทุนการดำเนินงานได้ในระยะยาว
การสร้างความผูกพันกับผู้พักอาศัยและชุมชน: โครงการที่ใส่ใจ คุณภาพชีวิต และสุขภาวะของผู้พักอาศัย รวมถึงการมีส่วนร่วมกับชุมชน จะสร้างความภักดีและภาพลักษณ์ที่ดี
การบริหารความเสี่ยง: การมี ธรรมาภิบาล ที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ ช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎหมายและชื่อเสียง
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เข้าใจแก่นแท้เหล่านี้เป็นอย่างดี และได้วางรากฐานด้วยโรดแมป “พลัสก่อการดี” ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของบริษัทที่มองการณ์ไกล ผมจะขอเจาะลึก 5 กลยุทธ์หลักของพวกเขา ซึ่งครอบคลุมครบทุกมิติของ กลยุทธ์ ESG และสามารถเป็นต้นแบบให้กับผู้ประกอบการ อสังหาริมทรัพย์กรุงเทพ และทั่วประเทศได้
5 กลยุทธ์หลัก “พลัสก่อการดี”: เสาหลักแห่งความยั่งยืน
โรดแมป “พลัสก่อการดี” ของ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การประกาศเจตจำนง แต่เป็นการวางแผนเชิงรุกที่ผสมผสานทั้งนวัตกรรมและความใส่ใจ เพื่อยกระดับ คุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดีในทุกมิติ ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของ อสังหาริมทรัพย์ไทย ในปี 2025 ที่เน้นการอยู่อาศัยแบบองค์รวม
Environment Management: มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำและ Net Zero
มิติด้านสิ่งแวดล้อม (E) เป็นหัวใจสำคัญของ กลยุทธ์ ESG โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นผ่านแคมเปญ “Waste to Worth” ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องกว่า 5 ปี นี่ไม่ใช่แค่การรณรงค์ แต่เป็นการลงมือทำจริงเพื่อส่งเสริมการคัดแยกขยะอย่างถูกต้อง และเปลี่ยนขยะให้เป็นมูลค่า นอกเหนือจากการลดปริมาณขยะแล้ว การลดการใช้พลังงานในโครงการอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญ
ผมเห็นว่ากิจกรรม “คัด-แยก-แลก-สุข” ที่ให้ลูกบ้านนำขยะรีไซเคิลมาแลกไข่ไก่ หรือกิจกรรมสวนผัก Backyard ที่สนับสนุนการปลูกพืชปลอดสารภายในโครงการ เป็นตัวอย่างของการบูรณาการ กลยุทธ์ ESG เข้ากับชีวิตประจำวันของผู้พักอาศัยอย่างชาญฉลาด สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างจิตสำนึกร่วมกันในการดูแลโลกของเรา เป้าหมาย Net Zero ปี 2050 ที่ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ตั้งไว้สำหรับทุกโครงการที่อยู่ภายใต้การ บริหารจัดการอาคาร ของพวกเขา ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นอันแรงกล้าในการสร้าง สังคมคาร์บอนต่ำ และเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา อสังหาริมทรัพย์สีเขียว ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าและดึงดูดนักลงทุนที่มองหา ผลตอบแทนยั่งยืน
Care for Community: สร้างสรรค์ชุมชนที่เข้มแข็งและเกื้อกูลกัน
มิติทางสังคม (S) ใน กลยุทธ์ ESG ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ภายในโครงการเท่านั้น แต่ขยายไปสู่ชุมชนรอบข้าง การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างความยั่งยืนในระยะยาว โครงการ “พลัสปันสุข” ของ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เป็นตัวอย่างที่น่าชื่นชมในการพัฒนาความสัมพันธ์นี้ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงพื้นที่โรงเรียน การจัดทำแปลงผักปลอดสาร หรือการสนับสนุนอาหารกลางวันเด็ก สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสังคมที่แท้จริง
นอกจากนี้ การเปิดระบบแลกเปลี่ยนสิ่งของของลูกบ้านเพื่อนำรายได้สนับสนุนมูลนิธิยุวพัฒน์ สะท้อนให้เห็นถึงการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการแบ่งปันและความช่วยเหลือซึ่งกันและกันภายในและภายนอกชุมชน ผมเชื่อว่าการลงทุนในกิจกรรมเหล่านี้ เป็นการลงทุนใน ชุมชนยั่งยืน ที่จะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของโครงการ และเพิ่มความน่าอยู่โดยรวม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคยุคใหม่
Health & Wellbeing: ยกระดับสุขภาพแบบองค์รวม
สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี กลายเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ในการเลือกที่อยู่อาศัยหลังวิกฤตการณ์ที่ผ่านมา พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เข้าใจแนวโน้มนี้เป็นอย่างดี และได้ยกระดับมิติด้านนี้ใน กลยุทธ์ ESG ของพวกเขา โดยการจัดกิจกรรม Active Lifestyle และการร่วมมือกับพันธมิตรด้านสุขภาพชั้นนำ เช่น โรงพยาบาลสมิติเวช-แสนสิริ เพื่อส่งบริการแพทย์ถึงโครงการโดยตรง ถือเป็น นวัตกรรมอสังหาริมทรัพย์ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้พักอาศัยได้อย่างตรงจุด
การจัดคลาสออกกำลังกายและกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพหลากหลายรูปแบบ ไม่ใช่เพียงแค่การให้บริการเพิ่มเติม แต่เป็นการลงทุนใน คุณภาพชีวิต ของลูกบ้านและพนักงาน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความสุขและความผูกพันกับโครงการ การที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ก้าวเข้ามามีบทบาทในการดูแลสุขภาพเชิงรุกเช่นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าการอยู่อาศัยไม่ใช่แค่ที่พักพิง แต่เป็นพื้นที่แห่งการใช้ชีวิตที่ส่งเสริมสุขภาวะที่ดี
Multi-generations Society: สร้างพื้นที่แห่งการเรียนรู้และการอยู่ร่วมกัน
ความหลากหลายทางเจเนอเรชันในสังคมไทยปัจจุบัน ถือเป็นทั้งความท้าทายและโอกาสใน การบริหารจัดการอาคาร พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้ออกแบบ กลยุทธ์ ESG เพื่อสร้างพื้นที่แห่งการเรียนรู้และการอยู่ร่วมกันของคนทุกวัย โดยมีทีมนิติบุคคลที่ทำหน้าที่เป็น “Community Connector” จัดกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมได้อย่างเท่าเทียม
โครงการเพื่อนบ้านอาสาเพื่อแบ่งปันทักษะและประสบการณ์ เป็นตัวอย่างที่ดีของการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างวัย ซึ่งช่วยลดช่องว่างและเสริมสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน ผมเห็นว่าแนวคิดนี้สำคัญอย่างยิ่งในการสร้าง ชุมชนยั่งยืน ที่เข้มแข็ง ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับโครงสร้างทางกายภาพเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงโครงสร้างทางสังคมที่เอื้อต่อการพึ่งพาอาศัยและการเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งจะช่วยสร้างคุณค่าระยะยาวให้กับโครงการ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
Lifelong Education: ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต
การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด และในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิตจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้รวมมิตินี้เข้าไว้ใน กลยุทธ์ ESG ของตนเอง โดยไม่จำกัดแค่ลูกบ้าน แต่รวมถึงพนักงานและชุมชนรอบข้างด้วย
โครงการพัฒนาทักษะการทำงาน การเสริมความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม และกิจกรรมเพิ่มศักยภาพด้านต่างๆ ที่สามารถต่อยอดได้จริงในชีวิตประจำวัน ถือเป็นการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน การที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เข้ามามีบทบาทในการ Upskill และ Reskill ประชาชน ถือเป็นการสร้างผลกระทบเชิงบวกในวงกว้าง และสะท้อนถึงความรับผิดชอบที่มากกว่าแค่การพัฒนาโครงการ สิ่งนี้ยังส่งเสริมความไว้วางใจและภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรในฐานะผู้นำด้าน การพัฒนาอย่างยั่งยืน
มาตรฐานสากล: หัวใจของความน่าเชื่อถือและการเป็นผู้นำ
สิ่งที่ทำให้โรดแมป “พลัสก่อการดี” ของ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ แข็งแกร่งยิ่งขึ้น คือการให้ความสำคัญกับมาตรฐานการทำงานระดับสากล การที่บริษัทได้รับการรับรอง ISO ครอบคลุมทั้งด้านระบบบริหารงานคุณภาพ (ISO 9001), การบริหารทรัพยากรกายภาพ (ISO 41001) และระบบสิ่งแวดล้อม (ISO 14001) ไม่ใช่แค่ใบประกาศ แต่เป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นในคุณภาพและประสิทธิภาพอย่างแท้จริง
ในฐานะ ที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ ผมสามารถยืนยันได้ว่าการเป็นผู้ให้บริการ Property Management รายแรกและรายเดียวที่มีมาตรฐานครอบคลุมทุกโครงการในพอร์ตทั้งหมดกว่า 440 โครงการในประเทศไทย ถือเป็นความสำเร็จที่ไม่ธรรมดาและเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความน่าเชื่อถือ การมีมาตรฐานเหล่านี้เป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้ กลยุทธ์ ESG สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม มีประสิทธิภาพ และสามารถวัดผลได้ ซึ่งจะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนที่สนใจ การเงิน ESG และผู้บริโภคที่มองหาโครงการที่มีมาตรฐานระดับโลก
อนาคตที่ยั่งยืน: ESG คือกุญแจสู่การแข่งขันและการสร้างมูลค่า
โรดแมป “พลัสก่อการดี” ของ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า กลยุทธ์ ESG ไม่ใช่แค่เรื่องของการทำดี แต่เป็นเรื่องของการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและการสร้างมูลค่าระยะยาวให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การที่ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ มุ่งมั่นนำโรดแมปนี้ไปใช้กับทุกโครงการ พร้อมสร้าง Ecosystem การอยู่อาศัยที่เอื้อต่อความยั่งยืน เป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับอนาคต
ในมุมมองของผม กลยุทธ์ ESG ที่แข็งแกร่งจะช่วยดึงดูด การลงทุนยั่งยืน จากทั้งในและต่างประเทศ สร้างความน่าเชื่อถือในตลาด อสังหาริมทรัพย์ไทย และเป็นแม่เหล็กดึงดูดบุคลากรคุณภาพที่ต้องการทำงานในองค์กรที่มีความรับผิดชอบ สิ่งนี้จะนำไปสู่ ผลตอบแทนยั่งยืน และการเติบโตที่มั่นคงในระยะยาว
การที่ทุกพื้นที่อยู่อาศัยมีความหมาย และสามารถส่งต่อคุณค่าที่ดีไปยังชุมชนโดยรอบได้อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจที่ลึกซึ้งว่าอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตึกอาคาร แต่เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศที่ใหญ่กว่า ซึ่งมีผลกระทบต่อชีวิตผู้คนและโลกใบนี้
สรุปและก้าวต่อไป
ในยุคที่ความยั่งยืนและความรับผิดชอบกลายเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ กลยุทธ์ ESG ได้เข้ามาเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์อย่างแท้จริง พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ด้วยโรดแมป “พลัสก่อการดี” และ 5 กลยุทธ์หลัก ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำและความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ อสังหาริมทรัพย์ยั่งยืน ที่ตอบโจทย์ความต้องการของทุกภาคส่วน ทั้งในมิติของสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ซึ่งเป็นพิมพ์เขียวสำหรับความสำเร็จในอนาคต
สำหรับผู้ประกอบการ นักลงทุน หรือแม้แต่ผู้บริโภคที่มองหา อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน หรือที่อยู่อาศัยที่แท้จริง ผมเชื่อว่าแนวทางที่ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ กำลังเดินหน้าอยู่ คือทิศทางที่ถูกต้องและเป็นสิ่งที่ควรให้ความสนใจอย่างยิ่ง นี่คืออนาคตของการอยู่อาศัยที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่การสร้างที่พักพิง แต่เป็นการสร้างสรรค์ คุณภาพชีวิต และสังคมที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
หากท่านต้องการเจาะลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนา กลยุทธ์ ESG ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ของท่าน หรือต้องการเรียนรู้จากกรณีศึกษาที่เป็นเลิศเช่น พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เพื่อสร้างมูลค่าระยะยาวและยั่งยืน ผมยินดีที่จะแลกเปลี่ยนมุมมองและให้คำปรึกษา เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทยไปสู่อนาคตที่ดีกว่า

