• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D0512122 แม าท งต วเองเร ยนจนจบ(ละครส น) หน งส นด BSC part2

admin79 by admin79
December 9, 2025
in Uncategorized
0
D0512122 แม าท งต วเองเร ยนจนจบ(ละครส น) หน งส นด BSC part2

พลิกโฉมเศรษฐกิจไทย 2568: ถอดรหัสอนาคต หลุดพ้นกับดัก GDP ต่ำ ดึงดูดการลงทุนยั่งยืน

ปี 2568 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ประเทศไทยยืนอยู่บนทางแยกอันท้าทาย เศรษฐกิจโลกที่ผันผวน การแข่งขันระดับภูมิภาคที่เข้มข้น และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด กำลังบีบให้ประเทศไทยต้องตัดสินใจครั้งใหญ่เพื่ออนาคต เสียงสะท้อนจากผู้เชี่ยวชาญในภาคการเงิน การลงทุน และอสังหาริมทรัพย์ต่างประสานเป็นหนึ่งเดียวถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างจริงจัง หากเราต้องการหลุดพ้นจากกับดักการเติบโตต่ำ และสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับความมั่งคั่งในระยะยาว

ฝ่ากับดักการเติบโตต่ำ: บทเรียนจากอดีต สู่เส้นทาง 2568

กว่าทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยเผชิญกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ที่อยู่ในระดับต่ำเพียง 1-2% ต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่เพียงพอสำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่มุ่งสู่การเป็นประเทศรายได้สูง เมื่อพิจารณาจาก GDP ต่อหัวที่ยังคงวนเวียนอยู่ราว 7,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เรากำลังเห็นภาพที่ชัดเจนว่า หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง ประเทศไทยจะยิ่งถอยห่างจากประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังเร่งเครื่องพัฒนาเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด การคงไว้ซึ่งโมเดลเศรษฐกิจแบบเดิมๆ เปรียบเสมือนการจอดเรือนิ่งท่ามกลางกระแสคลื่นที่เชี่ยวกรากของเศรษฐกิจโลกในปี 2568

การเติบโตที่เชื่องช้าไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขทางสถิติ แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน ตั้งแต่โอกาสในการสร้างงาน การเพิ่มรายได้ ไปจนถึงความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การปฏิรูปจึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็น “ความจำเป็นเร่งด่วน” ที่ต้องลงมือทำอย่างจริงจังและต่อเนื่อง

เข็มทิศใหม่ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และขับเคลื่อนการส่งออก

การดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) คือหัวใจสำคัญในการปรับโครงสร้างการผลิตและเพิ่มผลิตภาพของประเทศ ทว่าในสภาพแวดล้อมปี 2568 เราไม่เพียงต้องการ “ปริมาณ” ของ FDI แต่ต้องเน้น “คุณภาพ” ของการลงทุนที่สอดรับกับเมกะเทรนด์โลกและอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น เทคโนโลยี AI, พลังงานสะอาด (Green Energy), ชีวเทคโนโลยี, ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และอุตสาหกรรมเศรษฐกิจหมุนเวียน (BCG Economy)

หน่วยงานส่งเสริมการลงทุนอย่าง BOI จำเป็นต้องปรับบทบาทให้คล่องตัวและเชิงรุกมากขึ้น ไม่ใช่แค่รอให้ธุรกิจยื่นขอสิทธิประโยชน์ แต่ต้องออกไปดึงดูดนักลงทุนเชิงรุก พร้อมนำเสนอแพ็กเกจที่น่าสนใจและตอบโจทย์อุตสาหกรรมเป้าหมายอย่างแท้จริง นอกจากนี้ การเร่งรัดการอนุมัติและลดขั้นตอนที่ซับซ้อนจะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ

ในส่วนของการส่งออก ซึ่งยังคงเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทย จำเป็นต้องมีการขยายตลาดใหม่ๆ และพัฒนาสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น การพึ่งพาตลาดเดิมๆ อย่างสหรัฐฯ อาจไม่เพียงพออีกต่อไป การมองหาโอกาสในตลาดเกิดใหม่ เช่น แอฟริกา ละตินอเมริกา หรือกลุ่มประเทศ CIS รวมถึงการพัฒนาสินค้าบริการดิจิทัลและผลิตภัณฑ์นวัตกรรม จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความหลากหลายและลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลในการค้าข้ามพรมแดน (e-commerce) ก็เป็นอีกช่องทางที่ต้องเร่งส่งเสริม

ปฏิวัติการคลัง: เลิกประชานิยม สู่รากฐานเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

นโยบายประชานิยมที่มุ่งเน้นการแจกจ่ายเงินหรือให้สิทธิประโยชน์ระยะสั้น ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจเชิงโครงสร้างได้อย่างยั่งยืน และยังสร้างภาระทางการคลังให้กับประเทศอย่างมหาศาล เสียงสะท้อนจากภาคการเงินต่างเห็นตรงกันว่า รัฐบาลใหม่ในปี 2568 จำเป็นต้องละทิ้งแนวคิดประชานิยมและหันมาสร้างวินัยทางการคลังอย่างเคร่งครัด

แทนที่จะใช้จ่ายงบประมาณไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบฉาบฉวย ควรหันมาลงทุนในโครงการที่มีผลตอบแทนระยะยาว เช่น การพัฒนาระบบการศึกษา การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและคมนาคม การวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การบริหารงบประมาณต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ และมุ่งเน้นการสร้าง “รากฐาน” ที่แข็งแกร่ง แทนการ “แก้ปวด” เพียงชั่วคราว การมีวินัยทางการคลังจะนำไปสู่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนและเสถียรภาพของประเทศในระยะยาว

ตลาดทุนไทย: เครื่องยนต์แห่งการระดมทุนและสร้างความมั่งคั่งที่รอการปลดล็อก

ตลาดหุ้นและตลาดทุนเป็นแหล่งระดมทุนที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับภาคเอกชน และเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาศักยภาพของตลาดทุนไทยยังไม่ถูกใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ในปี 2568 รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลควรให้ความสำคัญกับการยกระดับตลาดทุนให้เป็น “เครื่องยนต์เศรษฐกิจ” ที่แท้จริง

การส่งเสริมให้บริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมถึงสตาร์ทอัพที่มีนวัตกรรม สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้ง่ายขึ้น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของนักลงทุนยุคใหม่ เช่น การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) หรือกองทุนเพื่อการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ควรได้รับการพิจารณาควบคู่ไปกับการยกระดับมาตรฐานธรรมาภิบาลและการคุ้มครองผู้ลงทุน

ตลาดหุ้นที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งสามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับประชาชนทุกระดับ เมื่อนักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากหุ้น พวกเขามักจะนำเงินนั้นกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านการบริโภคและการลงทุนต่อยอด ก่อให้เกิดวัฏจักรเชิงบวกที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวม

วิกฤตหนี้ครัวเรือน: ระเบิดเวลาที่ต้องเร่งแก้ไขอย่างยั่งยืน

ปัญหาหนี้ครัวเรือนในประเทศไทยยังคงอยู่ในระดับสูง ถือเป็น “กับดัก” ที่ฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อของประชาชนอย่างรุนแรง หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังและยั่งยืน หนี้ครัวเรือนจะยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจต่างๆ

การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนต้องมองให้ครบวงจร ไม่ใช่แค่การพักชำระหนี้หรือมาตรการฉาบฉวย แต่รวมถึงการส่งเสริมความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) ให้แก่ประชาชน การควบคุมการปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบของสถาบันการเงิน การส่งเสริมการสร้างอาชีพและเพิ่มรายได้ การปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว และการพัฒนาแพลตฟอร์มที่เอื้อให้ลูกหนี้และเจ้าหนี้สามารถเจรจาประนอมหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากสามารถลดหนี้ครัวเรือนให้อยู่ในระดับที่ยั่งยืน (เช่น ต่ำกว่า 80% ของ GDP) ได้ จะเป็นการปลดล็อกกำลังซื้อที่มหาศาล และส่งผลดีต่อทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ

ภาคอสังหาริมทรัพย์ 2568: ความท้าทายใหม่ โอกาสที่ซ่อนเร้น

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยในปี 2568 ยังคงเผชิญกับความท้าทายที่หนักหน่วงที่สุดในรอบ 2 ทศวรรษ ทั้งจากอุปทานส่วนเกินในบางพื้นที่ และอุปสงค์ที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสามารถในการกู้ซื้อที่อยู่อาศัย ทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่งสูงถึง 50-70% ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการฟื้นตัวของภาคอสังหาฯ

ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์อย่างบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ชี้ว่า รัฐบาลจำเป็นต้องมีมาตรการที่จริงจังและตรงจุดเพื่อช่วยเหลือภาคอสังหาฯ นอกเหนือจากการลดค่าโอนและค่าจดจำนอง ควรพิจารณามาตรการที่ช่วยลดภาระหนี้ครัวเรือนโดยรวม เช่น การให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) เข้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพ (NPA) จากสถาบันการเงิน เพื่อช่วยลดภาระหนี้ในระบบ และทำให้ประชาชนที่มีความสามารถในการชำระหนี้สามารถเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ การส่งเสริมการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ เช่น บ้านประหยัดพลังงาน โครงการแบบผสมผสาน (Mixed-use) หรือการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) จะเป็นโอกาสในการสร้างดีมานด์ใหม่ๆ ในระยะยาว

ปรับปรุง Ease of Doing Business และขจัดคอร์รัปชัน: สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน

สิ่งแรกที่ภาคเอกชนและนักลงทุนต่างชาติอยากเห็นคือการปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจ (Ease of Doing Business) ให้สะดวก รวดเร็ว และโปร่งใสมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะปัญหาคอร์รัปชันในระบบราชการที่ยังคงเป็น “ต้นทุนแฝง” ที่กัดกร่อนความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างร้ายแรง

การเร่งผลักดันให้เกิดการจัดตั้ง “ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว” (One Stop Service) ที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง ซึ่งไม่ใช่แค่การรวมหน่วยงานเข้าไว้ด้วยกัน แต่ต้องเป็นระบบที่เชื่อมโยงข้อมูลอย่างสมบูรณ์แบบ ลดขั้นตอน ลดเอกสาร และสร้างความโปร่งใสในทุกกระบวนการอนุมัติ-อนุญาต โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น บล็อกเชน (Blockchain) มาใช้ในการติดตามและตรวจสอบกระบวนการต่างๆ จะช่วยลดโอกาสในการทุจริตได้อย่างเป็นรูปธรรม รัฐบาลต้องแสดงความมุ่งมั่นในการปราบปรามคอร์รัปชันอย่างจริงจัง สร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ซื่อสัตย์สุจริต และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้งนักลงทุนไทยและต่างชาติ

พัฒนาทรัพยากรมนุษย์: สร้างบุคลากรแห่งอนาคตสำหรับ S-Curve ใหม่

เศรษฐกิจไทยจะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน สิ่งสำคัญคือการยกระดับศักยภาพของ “คนไทย” ให้เป็นแรงงานที่มีคุณภาพและทักษะสูงที่ตลาดแรงงานในยุค 2568 ต้องการ การลงทุนในการ Up-skill และ Re-skill บุคลากรให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรม New S-Curve เช่น วิศวกร AI, นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล, ผู้เชี่ยวชาญด้านชีวสารสนเทศ, ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ยานยนต์ไฟฟ้า และผู้สร้างสรรค์เนื้อหาดิจิทัล คือสิ่งที่ไม่อาจละเลยได้

รัฐบาลควรส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษา ภาคเอกชน และหน่วยงานวิจัย เพื่อออกแบบหลักสูตรและโครงการฝึกอบรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดอย่างแท้จริง การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการศึกษาตลอดชีวิต (Lifelong Learning) และการดึงดูดบุคลากรต่างชาติที่มีความสามารถสูงเข้ามาในประเทศ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันด้านนวัตกรรมของไทย

ต่อยอดจุดแข็ง: การท่องเที่ยว Wellness และศูนย์กลางโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค

ประเทศไทยมีจุดแข็งที่ได้รับการยอมรับระดับโลกคือ “การท่องเที่ยว” และ “การบริการ” ทว่าในยุค 2568 เราจำเป็นต้องยกระดับและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการท่องเที่ยว โดยเน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ เช่น Wellness Tourism (ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ), Medical Hub (ศูนย์กลางการแพทย์), และการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ (Experiential Tourism) สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงและมองหาคุณค่าที่แตกต่าง การส่งเสริมให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับชาวต่างชาติวัยเกษียณที่มีความมั่งคั่ง ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจ

ขณะเดียวกัน ประเทศไทยยังมีความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ในฐานะ “ศูนย์กลางโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค” (Regional Logistics Hub) เนื่องจากตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เชื่อมโยงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้ากับตลาดโลก การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งขนาดใหญ่ เช่น ท่าเรือน้ำลึก รถไฟความเร็วสูง ระบบรางคู่ และโครงข่ายดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในฐานะศูนย์กลางการค้าและการลงทุน

สำหรับเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างภูเก็ต ที่กำลังเผชิญกับปัญหาสะสมจากการเติบโตอย่างรวดเร็ว เช่น ปัญหารถติด ขยะล้นเมือง น้ำประปาไม่เพียงพอ และความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งผลักดันโครงการเมกะโปรเจกต์ด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบขนส่งมวลชน ระบบจัดการขยะที่ทันสมัย และการพัฒนาแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียวสำหรับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติ เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อราชการและส่งเสริมการพักอาศัยระยะยาว สร้างภูเก็ตให้เป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ที่น่าอยู่และเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวระดับโลกอย่างแท้จริง

เสถียรภาพทางการเมืองและทีมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง: หัวใจสู่ความสำเร็จ

ปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะนำไปสู่การปฏิรูปเศรษฐกิจที่ยั่งยืนคือ “เสถียรภาพทางการเมือง” และ “ทีมเศรษฐกิจที่มีเอกภาพ” หากการเมืองยังคงผันผวน การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลบ่อยครั้ง และนโยบายขาดความต่อเนื่อง ย่อมบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศอย่างรุนแรง

รัฐบาลใหม่ในปี 2568 จำเป็นต้องแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างเสถียรภาพทางการเมือง การมีพรรคการเมืองหลักที่เข้มแข็ง และสามารถควบคุมกระทรวงเศรษฐกิจได้อย่างมีเอกภาพ จะช่วยให้การกำหนดและดำเนินนโยบายเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ การมีหัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง มีวิสัยทัศน์ และสามารถประสานงานกับทุกภาคส่วนได้อย่างไร้รอยต่อ คือสิ่งที่เราคาดหวัง เพื่อนำพาเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเติบโตในระดับ 3-4% ได้อีกครั้ง

บทสรุปและข้อเสนอแนะ: อนาคตไทยในมือเรา

ปี 2568 คือช่วงเวลาที่ประเทศไทยต้องตัดสินใจเลือกเส้นทางอนาคตอย่างกล้าหาญ การมองข้ามปัญหาเชิงโครงสร้าง การยึดติดกับนโยบายระยะสั้น หรือการละเลยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ จะทำให้เราพลาดโอกาสครั้งสำคัญในการก้าวพ้นจากกับดักการเติบโตต่ำ

การปฏิรูปเศรษฐกิจในทุกมิติ ทั้งการดึงดูดการลงทุนที่มีคุณภาพ การสร้างวินัยทางการคลัง การปลดล็อกศักยภาพตลาดทุน การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน การยกระดับภาคอสังหาริมทรัพย์ การปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ และการพัฒนาคนให้พร้อมสำหรับอนาคต ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องทำไปพร้อมๆ กัน

การเปลี่ยนแปลงนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน หรือประชาชนทุกคน มาร่วมสร้างอนาคตที่สดใสให้กับประเทศไทย มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ก้าวหน้า แข็งแกร่ง และยั่งยืน เพื่อลูกหลานของเราทุกคน นี่คือเวลาที่เราต้องลงมือทำอย่างแท้จริง!

Previous Post

D0512121 หลอกผ วเพ ออย บช (ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post

D0512123 ขอให คนขายช วยโกหกเร องราคา (ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post
D0512123 ขอให คนขายช วยโกหกเร องราคา (ละครส น) หน งส นด BSC part2

D0512123 ขอให คนขายช วยโกหกเร องราคา (ละครส น) หน งส นด BSC part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D1210026 อด ตไม สำค ญเท าป จจ part2
  • D1210025 หญ งม ตำหน [ตอนจบ] part2
  • D1210024 มาคลายเคร ยดก นหน อยนะค part2
  • D1210023 นอกกาย แค ความส ขช วคราว![ตอนจบ] part2
  • D1210022 จฉาคนอ ไม วเอง [ตอน1] part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.