• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D0512117 ชายปร ศนา มาก บของว เศษ (ละครส น) หน งส นด BSC part2

admin79 by admin79
December 9, 2025
in Uncategorized
0
D0512117 ชายปร ศนา มาก บของว เศษ (ละครส น) หน งส นด BSC part2

วิเคราะห์เศรษฐกิจไทย 2025: ผู้เชี่ยวชาญชี้ทาง ปฏิรูปโครงสร้าง ปลดล็อกศักยภาพสู่ยุคทองแห่งการเติบโตยั่งยืน

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในแวดวงการเงิน การลงทุน และเศรษฐกิจมานานกว่าทศวรรษ ผมมองว่าปี 2568 (2025) เป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญยิ่งสำหรับประเทศไทย เรากำลังยืนอยู่บนทางแยกที่ต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ เพื่อกำหนดทิศทางอนาคตของชาติว่าจะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง หรือติดอยู่ในกับดักการเติบโตต่ำที่คอยบั่นทอนศักยภาพมาอย่างยาวนาน สัญญาณเตือนหลายประการ ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน การเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ ตลอดจนความท้าทายเชิงโครงสร้างภายในประเทศ ล้วนบ่งชี้ว่า “การทำแบบเดิม” ไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป หากประเทศไทยยังคงติดอยู่กับการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เพียง 1-2% ต่อปี เราจะยิ่งถอยห่างจากประเทศเพื่อนบ้านและคู่แข่งสำคัญในภูมิภาคเอเชียอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ การปฏิรูปเชิงรุกจึงมิใช่แค่ทางเลือก แต่เป็น “ความจำเป็นเร่งด่วน” ที่รัฐบาลทุกภาคส่วนและประชาชนทุกคนต้องร่วมกันลงมือทำอย่างจริงจังและต่อเนื่อง

พ้นกับดัก GDP ต่ำ: วาระแห่งชาติที่รอไม่ได้

ปัญหาการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซาจนน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรามองไปที่ตัวเลข GDP ที่มักวนเวียนอยู่แค่ระดับ 1-2% มาหลายปี เป็นสัญญาณอันตรายที่ชี้ชัดว่าเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับ “กับดัก” ที่ยากจะก้าวข้าม หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอย่างถึงรากถึงโคน การเติบโตในระดับนี้ไม่เพียงพอต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณารายได้ต่อหัวของคนไทยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับศักยภาพที่ควรจะเป็น การที่เราไม่สามารถทะยานไปสู่ระดับการเติบโตที่ 3-4% ได้นั้น ไม่ได้มาจากปัจจัยภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นผลมาจากปัญหาเชิงโครงสร้างภายในที่เราละเลยมานาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประสิทธิภาพการผลิตที่ลดลง การขาดการลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ตลอดจนปัญหาด้านหนี้สินที่กัดกินกำลังซื้อ การแก้ไขจึงต้องมุ่งเป้าไปที่การสร้างภูมิคุ้มกันและความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดึงดูด การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่มีคุณภาพสูง เพื่อเข้ามาเติมเต็มช่องว่างทางเทคโนโลยี สร้างงานที่มีมูลค่าเพิ่ม และยกระดับขีดความสามารถในการผลิตของประเทศ ไม่ใช่เพียงแค่ยอดขอส่งเสริมการลงทุนบนกระดาษ แต่ต้องผลักดันให้เกิดการลงทุนจริงที่เห็นผลเป็นรูปธรรม

ทบทวนนโยบายประชานิยม: สร้างเสถียรภาพการคลังเพื่ออนาคต

อีกหนึ่งประเด็นที่ต้องได้รับการทบทวนอย่างจริงจังคือแนวทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐ การพึ่งพานโยบายประชานิยมที่เน้นการแจกจ่ายหรือการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นโดยอาศัยงบประมาณจำนวนมาก ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถแก้ปัญหารากฐานทางเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน แม้จะช่วยพยุงกำลังซื้อได้ชั่วขณะ แต่ในระยะยาวกลับสร้างภาระทางการคลัง หนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้น และอาจนำไปสู่ความไม่สมดุลทางการเงินของประเทศในที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศต่างจับตามองด้วยความกังวลอย่างใกล้ชิด บทเรียนจากอดีตและสถานการณ์ปัจจุบันชี้ให้เห็นว่า งบประมาณแผ่นดินมีข้อจำกัด เราจึงจำเป็นต้องบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพและตรงจุด มุ่งเน้นการลงทุนในโครงการที่มีผลตอบแทนสูง สร้างมูลค่าเพิ่ม และเป็นรากฐานสำหรับการเติบโตในอนาคต เช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การวิจัยและพัฒนา หรือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การละเลิกนโยบายที่ให้ผลเพียงชั่วคราวและหันมาแก้ปัญหาที่ต้นเหตุอย่างจริงจัง จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นและเสถียรภาพทางการคลังในระยะยาว

วิกฤตหนี้ครัวเรือน: ระเบิดเวลาที่ต้องปลดชนวน

ปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทยที่พุ่งสูงทะลุ 90% ของ GDP ถือเป็นระเบิดเวลาทางเศรษฐกิจที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน หนี้จำนวนมหาศาลนี้ไม่เพียงแต่เป็นภาระหนักอึ้งของภาคครัวเรือน แต่ยังส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งลดทอนกำลังซื้อ ทำให้เกิดความเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อของสถาบันการเงิน และเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาค อสังหาริมทรัพย์ ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการที่ผู้บริโภคไม่สามารถขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยได้ เป้าหมายในการลดหนี้ครัวเรือนให้กลับมาอยู่ที่ระดับ 80% หรือต่ำกว่านั้น เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง รัฐบาลต้องเข้ามามีบทบาทในการวางแผน การปรับโครงสร้างหนี้ อย่างเป็นระบบ ทั้งหนี้ที่อยู่กับสถาบันการเงินและหนี้นอกระบบ รวมถึงการให้ความรู้ด้าน การวางแผนการเงิน แก่ประชาชน เพื่อสร้างวินัยทางการเงินและป้องกันการเกิดหนี้ใหม่ในอนาคต หากเราไม่สามารถจัดการกับปัญหานี้ได้ การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวิธีอื่นใดก็อาจไร้ผล เพราะฐานรากของกำลังซื้อและการบริโภคถูกกัดกร่อนไปแล้ว

ปลุกพลังตลาดทุน: กลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ทรงพลัง

ตลาดทุนเปรียบเสมือนหัวใจสำคัญของระบบเศรษฐกิจ เป็นแหล่งระดมทุนที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการขยายตัวของภาคธุรกิจและ การลงทุนหุ้น ที่หลากหลาย ผมเชื่อมั่นว่าหากรัฐบาลให้ความสำคัญและพัฒนาตลาดทุนอย่างจริงจัง จะสามารถเปลี่ยนให้เป็นอีกหนึ่งเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ควรเป็นมากกว่าแหล่งลงทุนสำหรับผู้มีรายได้สูง แต่ควรเป็นกลไกที่เข้าถึงได้สำหรับคนทุกกลุ่ม การส่งเสริมให้เกิดการลงทุนใน กองทุนรวม หรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย จะช่วยกระจายความมั่งคั่งและกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศได้ การที่ตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้นจะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนโดยรวม ผู้ที่มีกำไรจากการลงทุนมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งจะหมุนเวียนเงินในระบบเศรษฐกิจหลายรอบ ดังนั้น การสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุน ลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก ส่งเสริมธรรมาภิบาล และสร้างความโปร่งใสในตลาดทุน จะเป็นแรงดึงดูด นักลงทุน ทั้งในและต่างประเทศ และปลดล็อกศักยภาพของตลาดทุนไทยให้เติบโตได้อย่างเต็มที่

อสังหาริมทรัพย์ 2025: ท้าทายแต่ยังมีโอกาส

ภาค อสังหาริมทรัพย์ ไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายที่ใหญ่หลวงที่สุดในรอบ 2 ทศวรรษ ข้อมูลจากหลายสำนักชี้ว่ายอดโอนกรรมสิทธิ์และอุปสงค์ลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นผลพวงโดยตรงจากภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูง และความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการอนุมัติ สินเชื่อบ้าน ด้วยยอดปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 50-70% ทำให้ผู้ซื้อจำนวนมากเข้าไม่ถึงที่อยู่อาศัยที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์จะยากลำบาก แต่ก็ยังมีโอกาสซ่อนอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน หรือการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะกลุ่ม เช่น ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Aging Society) โครงการที่เน้นแนวคิดยั่งยืน (Sustainable Development) หรือที่พักอาศัยที่รองรับกลุ่มต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง รัฐบาลควรพิจารณามาตรการเฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์ เช่น การพิจารณาผ่อนคลายเกณฑ์สินเชื่อบางประเภทอย่างรอบคอบ การส่งเสริมให้ AMC เข้ามาจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPA) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และการเร่งรัดการลงทุนใน เมกะโปรเจกต์ โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการขยายตัวของเมืองและที่อยู่อาศัยในระยะยาว

ปฏิรูประบบราชการ: ลดทุจริต เพิ่ม Ease of Doing Business

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่บั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยคือปัญหา คอร์รัปชัน และความล่าช้าในการอนุมัติ-อนุญาตจากหน่วยงานราชการ ปัญหานี้สร้างต้นทุนแฝงให้กับผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างชาติ ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถดึงดูด การลงทุน และพัฒนาธุรกิจได้อย่างเต็มศักยภาพ หากเราต้องการให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน การเร่งปรับปรุง Ease of Doing Business หรือความสะดวกในการประกอบธุรกิจ จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง รัฐบาลต้องผลักดันการปฏิรูประบบราชการอย่างจริงจัง โดยมุ่งเน้นการลดขั้นตอน ลดเอกสารที่ไม่จำเป็น เพิ่มความโปร่งใส และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในกระบวนการอนุมัติ-อนุญาต รวมถึงการสร้างวัฒนธรรมที่ต่อต้านการทุจริตอย่างเด็ดขาด การจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One Stop Service) ที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและครบวงจร จะช่วยลดความยุ่งยากและเวลาในการติดต่อราชการได้อย่างมหาศาล และเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าประเทศไทยพร้อมต้อนรับนักลงทุนด้วยบรรยากาศที่เป็นมิตรและเอื้อต่อการทำธุรกิจ

พัฒนาทุนมนุษย์: ตอบโจทย์อุตสาหกรรม S-Curve แห่งอนาคต

การยกระดับ ทุนมนุษย์ เป็นหัวใจสำคัญในการเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจไทยไปสู่ยุคใหม่ ในยุคที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมขับเคลื่อนทุกสิ่ง การมีแรงงานที่มีทักษะตรงกับความต้องการของ อุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่ม New S-Curve เช่น อุตสาหกรรมดิจิทัล เทคโนโลยีชีวภาพ พลังงานสะอาด หรือยานยนต์ไฟฟ้า เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง รัฐบาลและภาคเอกชนต้องร่วมกันลงทุนในการ Upskill-Reskill ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานที่อาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ให้พวกเขามีทักษะที่ทันสมัย สามารถปรับตัวเข้ากับงานใหม่ๆ ได้ รวมถึงการปฏิรูปการศึกษาให้เน้นการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการสร้างสรรค์นวัตกรรม การลงทุนใน นวัตกรรม และ เศรษฐกิจดิจิทัล จะไม่สามารถขับเคลื่อนได้จริงหากขาดแรงงานที่มีความรู้ความสามารถรองรับ การพัฒนาทักษะและความรู้ความสามารถของคนไทยคือ การลงทุน ที่จะให้ผลตอบแทนสูงสุดในระยะยาว

พลิกโฉมการท่องเที่ยวและ Wellness: จุดแข็งที่ไม่ควรมองข้าม

ภาค การท่องเที่ยว ยังคงเป็นเครื่องยนต์สำคัญของเศรษฐกิจไทย และมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมหาศาล อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถพึ่งพานักท่องเที่ยวจำนวนมากแบบเดิมได้อีกต่อไป แต่ต้องหันมาเน้นการท่องเที่ยวคุณภาพสูง มีมูลค่าเพิ่ม และยั่งยืนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ที่ประเทศไทยมีจุดแข็งโดดเด่น ทั้งด้านการแพทย์ บริการ และวัฒนธรรมการดูแลเอาใจใส่ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างยอมรับ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เช่น ศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง โรงแรมและรีสอร์ตที่มีบริการ Wellness ครบวงจร จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับประเทศ นอกจากนี้ การส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลาง โลจิสติกส์ ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการลงทุนใน โครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคมขนส่ง ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ จะช่วยลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคการผลิตและ การส่งออก ของไทย

สำหรับเมืองท่องเที่ยวสำคัญระดับโลกอย่าง ภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งสร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศ ก็ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ การลงทุนใน เมกะโปรเจกต์ ที่จำเป็น เช่น ระบบขนส่งมวลชนเพื่อแก้ปัญหารถติด ระบบการจัดการขยะที่ยั่งยืน และการบริหารจัดการน้ำประปาที่เพียงพอ เป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่จะทำให้ภูเก็ตเป็น “เมืองน่าอยู่” และ “เมืองท่องเที่ยวระดับโลก” อย่างแท้จริง ควบคู่ไปกับการจัดตั้ง One Stop Service ที่มีประสิทธิภาพเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนและชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาพำนักระยะยาว จะช่วยปลดล็อกศักยภาพของภูเก็ตได้อย่างเต็มที่

สร้างเสถียรภาพการเมืองและทีมเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง

สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมี “เสถียรภาพทางการเมือง” และ “ทีมเศรษฐกิจที่มีเอกภาพ” ความผันผวนทางการเมือง การเปลี่ยนรัฐบาลบ่อยครั้ง หรือการที่นโยบายเศรษฐกิจขาดความต่อเนื่อง ล้วนเป็นปัจจัยที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ การมีพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างมั่นคง และมีทีมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง สามารถบูรณาการการทำงานระหว่างกระทรวงต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนแผนปฏิรูปเศรษฐกิจให้ประสบความสำเร็จ ความเชื่อมั่นจากนักลงทุนคือสิ่งที่เราต้องสร้างและรักษาไว้ให้ได้

ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ อนาคตของเราขึ้นอยู่กับความกล้าหาญในการปฏิรูป และความมุ่งมั่นที่จะก้าวข้ามปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยืดเยื้อมานาน การลงมือทำอย่างจริงจังในวันนี้ จะเป็นบันไดไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืน ความมั่งคั่งที่ทั่วถึง และศักดิ์ศรีของประเทศที่เข้มแข็งบนเวทีโลก

มาร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับเศรษฐกิจไทยในปี 2025 และปีต่อๆ ไป เพื่ออนาคตที่สดใสของพวกเราทุกคน และลูกหลานของเรา

Previous Post

D0512116 ยางว เศษ(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post

D0512118 เชฟกระทะพ จนตรอกท เม องกร งมาร งท านนอก (ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post
D0512118 เชฟกระทะพ จนตรอกท เม องกร งมาร งท านนอก (ละครส น) หน งส นด BSC part2

D0512118 เชฟกระทะพ จนตรอกท เม องกร งมาร งท านนอก (ละครส น) หน งส นด BSC part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D1210026 อด ตไม สำค ญเท าป จจ part2
  • D1210025 หญ งม ตำหน [ตอนจบ] part2
  • D1210024 มาคลายเคร ยดก นหน อยนะค part2
  • D1210023 นอกกาย แค ความส ขช วคราว![ตอนจบ] part2
  • D1210022 จฉาคนอ ไม วเอง [ตอน1] part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.