• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D0512106 งขอทานสกปรกกล ามาก นเค กฉ (ละครส น) หน งส นด BSC part2

admin79 by admin79
December 9, 2025
in Uncategorized
0
D0512106 งขอทานสกปรกกล ามาก นเค กฉ (ละครส น) หน งส นด BSC part2

ปลดล็อกศักยภาพเศรษฐกิจไทย 2025: ทิศทางใหม่สู่การเติบโตยั่งยืนและดึงดูดการลงทุนระดับโลก

ในฐานะนักวิเคราะห์และผู้คร่ำหวอดในแวดวงเศรษฐกิจและการเงินของประเทศไทยมายาวนานกว่าทศวรรษ ผมได้เฝ้าสังเกตการณ์การเปลี่ยนแปลงและทิศทางของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ณ จุดเปลี่ยนสำคัญเข้าสู่ปี 2568 ท่ามกลางบริบทโลกที่ผันผวนและภูมิทัศน์เศรษฐกิจภายในประเทศที่ท้าทาย เรายืนอยู่บนทางแยกที่สำคัญยิ่ง การจะหลุดพ้นจากกับดักการเติบโตต่ำกว่า 1-2% ที่กัดกินศักยภาพของเรามานาน จำเป็นต้องอาศัยการปรับกระบวนทัศน์และลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังในทุกมิติ นี่คือช่วงเวลาที่เราต้องไม่เพียงแค่ “แก้ไข” แต่ต้อง “สร้างใหม่” เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนและแข็งแกร่ง

ก้าวข้ามกับดัก GDP ต่ำ: ความจำเป็นเร่งด่วนของการปฏิรูปเศรษฐกิจโครงสร้าง

ปัญหาการเติบโตของ เศรษฐกิจไทย ที่ติดหล่มอยู่ในระดับต่ำกว่า 1-2% มาหลายปี ไม่ใช่แค่ตัวเลขทางสถิติ แต่เป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งชี้ถึงโครงสร้างที่เปราะบางและขาดพลวัต การเติบโตในระดับนี้ไม่เพียงพอที่จะยกระดับ รายได้ต่อหัว ของคนไทยให้ก้าวข้ามขีดจำกัดปัจจุบัน ซึ่งยังคงต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านหลายแห่งที่เคยอยู่เบื้องหลังเรา การจะหลุดพ้นจากภาวะนี้ รัฐบาลใหม่ที่เข้ามาบริหารประเทศในปี 2568-2569 ต้องมีวิสัยทัศน์ที่กล้าหาญและมุ่งมั่นในการ ปฏิรูปเศรษฐกิจ เชิงโครงสร้างอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นสิ่งที่พูดกันมานานแต่ยังไม่เห็นผลเป็นรูปธรรม

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่าสิ่งแรกที่ต้องทำคือการวิเคราะห์และระบุ “โรคเรื้อรัง” ของ โครงสร้างเศรษฐกิจ อย่างแม่นยำ จากนั้นจึงวางแผนการรักษาที่ครอบคลุมและต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงการให้ยาแก้ปวดที่บรรเทาอาการชั่วคราว การปฏิรูปนี้ต้องครอบคลุมตั้งแต่การเพิ่มผลิตภาพ (productivity) ของแรงงาน การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจ ไปจนถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อ นวัตกรรม และการเติบโตของอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

สางปมหนี้ครัวเรือน: รากฐานสำคัญสู่กำลังซื้อที่ยั่งยืน

หนึ่งใน “โรคเรื้อรัง” ที่ฉุดรั้ง เศรษฐกิจฐานราก ของไทยคือปัญหา หนี้ครัวเรือน ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ การที่หนี้ครัวเรือนยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 90% ของ GDP เป็นกับดักที่ทำให้ กำลังซื้อ ของประชาชนอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการออกมาตรการช่วยเหลือเป็นครั้งคราว แต่สิ่งที่เราต้องการคือกลไกการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนและครอบคลุม ผมเห็นด้วยกับแนวคิดที่ต้องการลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนให้กลับมาอยู่ที่ 80% ซึ่งจะเป็นหมุดหมายสำคัญที่ช่วยปลดล็อกศักยภาพการใช้จ่ายและ การเงินภาคประชาชน ให้กลับมามีเสถียรภาพ

รัฐบาลต้องทำงานร่วมกับสถาบันการเงินในการปรับโครงสร้างหนี้ พัฒนาโปรแกรมการให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชน และส่งเสริมการเข้าถึงสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ รวมถึงพิจารณากลไกที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถจัดการหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนไม่ใช่แค่การพยุงภาค อสังหาริมทรัพย์ หรือธุรกิจขนาดใหญ่ แต่เป็นการฟื้นฟูกำลังซื้อให้กับคนทุกระดับ ซึ่งจะส่งผลดีต่อทุกภาคส่วนใน ระบบเศรษฐกิจ อย่างแท้จริง

ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI): พลังขับเคลื่อนสู่ S-Curve ใหม่

เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและเปลี่ยนผ่าน โครงสร้างการผลิต ประเทศไทยจำเป็นต้องเร่งดึงดูด การลงทุนต่างประเทศ โดยตรง (FDI) เข้ามาอย่างมียุทธศาสตร์ ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขคำขอรับสิทธิประโยชน์จาก BOI แต่ต้องเป็นการลงทุนที่นำมาซึ่งเทคโนโลยี องค์ความรู้ และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศ

ในมุมมองของผม ปี 2568-2569 เป็นโอกาสทองในการดึงดูด อุตสาหกรรมไฮเทค และ S-Curve ใหม่ ที่สอดรับกับกระแสโลก เช่น:
อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem): ขยายจากฐานการผลิตสู่การวิจัยและพัฒนาชิ้นส่วนสำคัญ ระบบกักเก็บพลังงาน และสถานีชาร์จ
อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics): ยกระดับสู่การผลิตไมโครชิปและอุปกรณ์ IoT ที่มีมูลค่าสูง
เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy): ดึงดูดการลงทุนด้านคลาวด์คอมพิวติ้ง, Data Center, AI, และ Cybersecurity
เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotech) และการแพทย์ขั้นสูง: ต่อยอดจากการเป็น Medical Hub สู่การวิจัยและผลิตยา วัคซีน และเครื่องมือแพทย์
พลังงานสะอาด (Clean Energy) และเศรษฐกิจสีเขียว: ส่งเสริมการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน แบตเตอรี่ การจัดการขยะและรีไซเคิล

การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อ โอกาสลงทุน เหล่านี้ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่มาตรการลดหย่อนภาษี แต่รวมถึงการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐาน ดิจิทัลที่แข็งแกร่ง การปรับปรุงกฎระเบียบที่คล่องตัว และที่สำคัญที่สุดคือการมี แรงงานมีทักษะ สูงที่พร้อมรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

เลิกประชานิยม: สร้างวินัยการคลังเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

ประสบการณ์ที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า นโยบายประชานิยม ที่เน้นการแจกจ่ายเงินหรือให้สิทธิประโยชน์ระยะสั้น มักจะก่อให้เกิดภาระด้าน วินัยการคลัง โดยไม่สามารถแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างได้อย่างแท้จริง และบ่อยครั้งก็ทำให้เงินทุนของประเทศไหลออกไปโดยไม่เกิดการหมุนเวียนสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้าน การเงินการลงทุน ผมเชื่อมั่นว่ารัฐบาลควรเปลี่ยนโฟกัสจากการใช้ งบประมาณแผ่นดิน เพื่อประคองระยะสั้น ไปสู่การลงทุนระยะยาวที่สร้างผลิตภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การใช้จ่ายภาครัฐควรเน้นไปที่:
การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน: ทั้งทางกายภาพและดิจิทัล เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์: ผ่านระบบการศึกษาและการฝึกอบรมที่ตอบโจทย์ตลาดแรงงานในอนาคต
การวิจัยและพัฒนา (R&D): เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างองค์ความรู้ของตนเอง
การส่งเสริมผู้ประกอบการ SME: ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนและองค์ความรู้ เพื่อเป็นรากฐานของเศรษฐกิจ

หากรัฐบาลสามารถสร้าง ความเชื่อมั่นนักลงทุน ทั้งในและต่างประเทศด้วยนโยบายที่โปร่งใส มีวินัย และมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน ผมเชื่อว่า ตลาดหุ้น ไทยจะตอบรับในเชิงบวกอย่างมหาศาล และกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ตลาดทุน: หัวใจของการระดมทุนและกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ผมอยากเห็นรัฐบาลให้ความสำคัญกับ ตลาดทุนไทย มากกว่าที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไม่ใช่เพียงแหล่งสร้างความมั่งคั่งของคนกลุ่มหนึ่ง แต่เป็น “หัวใจ” และ “เครื่องยนต์” ที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการ ระดมทุน เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนของภาคเอกชน และกระจายความมั่งคั่งสู่ประชาชนในวงกว้าง

หากมีการบริหารจัดการที่ดี ตลาดหุ้นสามารถเป็นกลไกที่กระตุ้น การบริโภค ในระบบเศรษฐกิจได้โดยตรง เมื่อตลาดเป็น “ขาขึ้น” ผู้ที่ได้กำไรจากการลงทุนก็จะมีความมั่นใจในการใช้จ่าย ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมคึกคักขึ้น

สิ่งสำคัญคือการทำให้ ตลาดทุน เข้าถึงได้ง่ายสำหรับคนทุกกลุ่ม ไม่ใช่เฉพาะผู้มีรายได้สูง รัฐบาลควรสนับสนุนการให้ความรู้ด้านการลงทุน ส่งเสริมการลงทุนระยะยาว และสร้างความเชื่อมั่นในกลไกและ ธรรมาภิบาล ของตลาด เพื่อให้ตลาดทุนเป็นแหล่งระดมทุนที่โปร่งใสและเป็นธรรมสำหรับทุกภาคส่วน ตั้งแต่สตาร์ทอัพไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่

เสถียรภาพทางการเมืองและทีมเศรษฐกิจที่เป็นเอกภาพ: กุญแจสู่ความเชื่อมั่น

ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือ เสถียรภาพทางการเมือง และความต่อเนื่องของ นโยบายภาครัฐ การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลบ่อยครั้ง หรือการที่ ทีมเศรษฐกิจ ขาดความเอกภาพและทิศทางที่ชัดเจน จะบั่นทอน ความเชื่อมั่นนักลงทุน อย่างรุนแรงและทำให้แผนพัฒนาประเทศสะดุด

ผมหวังว่าเราจะได้เห็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีพรรคการเมืองหลักที่เข้มแข็ง และสามารถคุมกระทรวงเศรษฐกิจหลักได้อย่างเป็นเอกภาพ มี “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” ที่มีอำนาจและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนนโยบาย ซึ่งจะสร้างความมั่นใจและดึงดูด การค้าการลงทุน ระยะยาวเข้ามาในประเทศ

พลิกโฉมภาคอสังหาริมทรัพย์: ฟื้นฟูตลาดและตอบรับเทรนด์ใหม่

ภาค อสังหาริมทรัพย์ ของไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายที่หนักหน่วงที่สุดในรอบสองทศวรรษ ทั้งจากอุปทานส่วนเกินในบางพื้นที่ และปัญหา หนี้ครัวเรือน ที่ส่งผลให้สถาบันการเงินเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อ จนทำให้มีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 50-70% ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อ กำลังซื้อ ของผู้บริโภคและยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

การแก้ไขปัญหานี้ต้องทำอย่างรอบด้าน:
ลดปัญหาหนี้ครัวเรือน: อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึง ที่อยู่อาศัย ได้ง่ายขึ้น
มาตรการกระตุ้นตลาดที่ตรงจุด: เช่น การลดค่าธรรมเนียมการโอน-จดจำนองที่ขยายเวลาออกไป การพิจารณาสินเชื่อสำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรก หรือการส่งเสริมที่อยู่อาศัยเพื่อกลุ่มเปราะบาง
การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน: ส่งเสริมการสร้างเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในอนาคต โครงการ โครงสร้างพื้นฐาน ขนาดใหญ่ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับที่ดินและกระตุ้นการลงทุน
การปรับตัวของผู้ประกอบการ: พัฒนาโครงการที่ตอบสนองเทรนด์ใหม่ๆ เช่น ที่อยู่อาศัยสำหรับสังคมสูงวัย (Aging Society) บ้านเพื่อสุขภาพ (Wellness Home) หรือโครงการที่เน้นความยั่งยืนและพลังงานสะอาด
การแก้ปัญหาคอร์รัปชันในระบบราชการ: เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ภาค ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อยากเห็นอย่างยิ่ง เพราะต้นทุนแฝงจากการติดต่อขออนุญาตต่างๆ กลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่บั่นทอนความสามารถในการแข่งขัน

ยกระดับ Ease of Doing Business และขจัดคอร์รัปชัน: สร้างความโปร่งใสสู่สากล

สิ่งแรกๆ ที่นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเรียกร้องเสมอคือความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) และการแก้ไขปัญหา การทุจริตคอร์รัปชัน ใน ระบบราชการ ในปี 2568 รัฐบาลต้องผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจัง ผ่าน:
การปฏิรูปกฎระเบียบ: ลดขั้นตอนที่ซับซ้อน ลดเอกสารที่ไม่จำเป็น และนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการยื่นขออนุญาตแบบครบวงจร (One Stop Service) เพื่อลดต้นทุนและระยะเวลาในการดำเนินการ
เพิ่มความโปร่งใส: เปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานของภาครัฐให้ประชาชนและภาคเอกชนเข้าถึงได้ ตรวจสอบได้ เพื่อสร้าง ธรรมาภิบาล และป้องกันการทุจริต
บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง: สร้างความเชื่อมั่นว่าผู้กระทำผิดจะได้รับการลงโทษ และผู้ประกอบการจะได้รับการคุ้มครองที่เป็นธรรม

หากทำได้สำเร็จ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างมหาศาล และเป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูด การลงทุนในไทย

เพิ่มศักยภาพแรงงาน: กุญแจสู่การพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน

หัวใจสำคัญของการขับเคลื่อน เศรษฐกิจไทย ไปข้างหน้าคือ ทรัพยากรมนุษย์ ในยุคที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การ Upskill Reskill กำลังแรงงานไทยให้มีทักษะที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมแห่งอนาคตจึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน

รัฐบาลและภาคเอกชนต้องร่วมมือกันลงทุนในการ ศึกษา และการพัฒนาทักษะ โดยเน้นไปที่:
ทักษะดิจิทัล: ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงทักษะเฉพาะทาง เช่น AI, Data Science, Cyber Security
ทักษะวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์ (STEM): สนับสนุนการเรียนรู้ในสาขาที่เกี่ยวข้องกับ อุตสาหกรรมไฮเทค และ พลังงานสะอาด
ทักษะเฉพาะทางสำหรับ S-Curve ใหม่: เช่น ช่างเทคนิค EV, ผู้เชี่ยวชาญด้านชีวเทคโนโลยี, ผู้ดูแลผู้สูงอายุ
การสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิต: เพื่อให้แรงงานสามารถปรับตัวและพัฒนาตนเองได้ตลอดเวลา

นอกจากนี้ การสร้างสภาพแวดล้อมที่ดึงดูด แรงงานมีทักษะ สูงจากต่างประเทศให้เข้ามาทำงานและใช้ชีวิตในไทย ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยเติมเต็มช่องว่างด้านทักษะและถ่ายทอดองค์ความรู้

ท่องเที่ยวและ Wellness: จุดแข็งที่ไม่เคยตาย แต่ต้องต่อยอด

การท่องเที่ยว ยังคงเป็น “พระเอก” ในการสร้างรายได้ให้ประเทศ และ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) คือจุดแข็งที่ไทยมีเหนือกว่าชาติอื่น ด้วย “Service Mind” และเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม

อย่างไรก็ตาม เราต้องไม่พึ่งพาแค่จำนวนนักท่องเที่ยว แต่ต้องมุ่งเน้นที่ การท่องเที่ยวคุณภาพสูง และสร้างมูลค่าเพิ่ม:
พัฒนาสู่ Wellness Hub ระดับโลก: โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีศักยภาพอย่าง ภูเก็ต การลงทุนในสถานพยาบาลชั้นนำ ศูนย์สุขภาพองค์รวม และการบริการที่ครบวงจร จะดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงและกลุ่มชาวต่างชาติวัยเกษียณที่ต้องการพำนักระยะยาว
ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและวัฒนธรรม: ที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โครงสร้างพื้นฐานที่รองรับ: ตัวอย่างเช่น จังหวัด ภูเก็ต ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว จำเป็นต้องมี โครงสร้างพื้นฐาน ขนาดใหญ่เพื่อรองรับปัญหาการจราจร ขยะ น้ำประปา และความปลอดภัย การจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One Stop Service) สำหรับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติ จะช่วยอำนวยความสะดวกและสร้างความประทับใจ

ประเทศไทย: ศูนย์กลางโลจิสติกส์และการเชื่อมโยงภูมิภาค

ด้วยที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ที่อยู่ใจกลางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็น ศูนย์กลางโลจิสติกส์ และการเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งของภูมิภาค การลงทุนในระบบ โครงสร้างพื้นฐาน ด้านการคมนาคมขนส่ง ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบ ดิจิทัลอีโคโนมี สำหรับการค้าไร้กระดาษ (Paperless Trade) จะช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของเรา

การเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านผ่านเส้นทางคมนาคมต่างๆ รวมถึงการเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของภูมิภาค จะทำให้ประเทศไทยเป็นประตูสู่ตลาด ASEAN และประเทศอื่นๆ ในเอเชีย ซึ่งจะช่วยกระตุ้น การค้าการลงทุน และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ

บทสรุปและก้าวต่อไป

ปี 2568-2569 คือช่วงเวลาที่ประเทศไทยไม่สามารถ “อยู่แบบเดิม” ได้อีกต่อไป หากเราต้องการก้าวข้ามกับดักการเติบโตต่ำ และสร้าง อนาคตเศรษฐกิจ ที่ยั่งยืน เราต้องมีความกล้าหาญที่จะ ปรับ เปลี่ยน และลงมือทำอย่างจริงจังในทุกมิติที่กล่าวมาข้างต้น

ในฐานะคนในแวดวงเศรษฐกิจ ผมเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทยและทรัพยากรของประเทศเรา เพียงแต่เราต้องการวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน นโยบายที่มุ่งมั่น และความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อสร้าง การพัฒนาประเทศ ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน

ได้เวลาแล้วที่เราจะร่วมกันสร้างรากฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง สำหรับคนไทยทุกคน เพื่อให้ประเทศของเราก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและภาคภูมิใจในเวทีโลก

หากท่านต้องการเจาะลึกถึงโอกาส ลงทุนในไทย หรือต้องการกลยุทธ์เฉพาะทางในการขับเคลื่อนธุรกิจในบริบทเศรษฐกิจใหม่นี้ โปรดติดต่อเราเพื่อปรึกษาหารือ เราพร้อมที่จะร่วมสร้างอนาคตที่สดใสไปด้วยกัน

Previous Post

D0512105 กต วตอนน สายไปแล ว(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post

D0512107 ดเจอรากไม เป นทองคำ(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post
D0512107 ดเจอรากไม เป นทองคำ(ละครส น) หน งส นด BSC part2

D0512107 ดเจอรากไม เป นทองคำ(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D1512016 กำล งได ราดซะก อน ep part2
  • D1512015 หน มแกร าว ยทอง ep (1) part2
  • D1512014 กระป กแม เพราะหน สมอง! part2
  • D1512013 หน มแกร าว ยทอง ep part2
  • D1512011 าวเม องกร งม นเหล ยม เลยลงเอยก บหน มดอย ep2 part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.