• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D0512101 คนใกล วร ายท (ละครส น) หน งส นด BSC part2

admin79 by admin79
December 9, 2025
in Uncategorized
0

ปฏิวัติเศรษฐกิจไทย 2025: หลุดพ้นกับดักการเติบโตต่ำ ดึงดูดการลงทุนยั่งยืน

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในแวดวงการเงินและการลงทุนกว่าทศวรรษ ผมเฝ้ามองพลวัตของเศรษฐกิจไทยมาอย่างใกล้ชิด และในปี 2025 นี้ ถือเป็นห้วงเวลาสำคัญที่เราต้องกล้าที่จะมองไปข้างหน้าด้วยสายตาที่เฉียบคมและพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างอย่างแท้จริง ประเทศไทยยืนอยู่บนทางแยกที่สำคัญ ไม่ใช่แค่การเติบโตเพียงเล็กน้อยที่ 1-2% อีกต่อไป หากแต่เป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ว่าจะก้าวข้ามผ่าน “กับดักการเติบโตต่ำ” และยกระดับตัวเองสู่เวทีโลก หรือจะจมปลักอยู่กับปัญหาเดิมๆ ที่บั่นทอนศักยภาพมาอย่างยาวนาน

สภาพเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ทั้งความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการปฏิวัติเทคโนโลยีดิจิทัล ล้วนเป็นปัจจัยที่ท้าทาย แต่ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาส หากเรารู้วิธีคว้าจับ รัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามาบริหารประเทศภายหลังการเลือกตั้งในรอบที่ผ่านมา (หรือกำลังจะมาถึง) มีภารกิจอันหนักอึ้งและไม่อาจประนีประนอมได้ นั่นคือการรื้อฟื้นและสร้างความแข็งแกร่งให้กับเสาหลักทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน การละทิ้งนโยบายประชานิยมที่อาจให้ผลชั่วคราวแต่สร้างภาระทางการคลังระยะยาว คือก้าวแรกสู่การฟื้นฟูวินัยทางการเงินและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน

แกะรอยปัญหาเชิงโครงสร้าง: ทำไม GDP ไทยถึงเตี้ยเรี่ยดิน?

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของไทยวนเวียนอยู่กับการเติบโตที่น่าผิดหวังราว 1-2% ต่อปี ซึ่งถือว่าต่ำมากสำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตประชากรและก้าวพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง หากพิจารณาจาก GDP ต่อหัวที่ยังคงอยู่ที่ระดับกว่า 7,000 เหรียญสหรัฐฯ สัญญาณเตือนนี้ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ การเติบโตในระดับนี้ทำให้เราห่างไกลจากประเทศคู่แข่งที่กำลังพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด และหากเรายังคงทำแบบเดิม ผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างไปจากเดิม

ปัญหาหลักที่ถ่วงรั้งเศรษฐกิจไทย คือปัญหาเชิงโครงสร้างที่หยั่งรากลึกมานานหลายทศวรรษ เราไม่อาจแก้ปัญหาด้วยการกระตุ้นระยะสั้น หรือการใช้จ่ายภาครัฐที่ไร้ประสิทธิภาพอีกต่อไป แต่ต้องมองไปถึงการปฏิรูปในระดับรากฐาน การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงจนน่าตกใจคือจุดเริ่มต้นที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะหนี้เหล่านี้ไม่เพียงแต่บั่นทอนกำลังซื้อของประชาชน แต่ยังส่งผลกระทบลูกโซ่ไปยังภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์และสินเชื่อเพื่อการบริโภค หากรัฐบาลไม่สามารถลดระดับหนี้ครัวเรือนให้อยู่ในระดับที่ยั่งยืนได้ เช่น การตั้งเป้าลดลงมาที่ 80% ของ GDP ได้อย่างจริงจัง ปัญหานี้จะกลายเป็นโซ่ตรวนที่ผูกมัดการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ไม่ให้ขยับไปไหน

ดึงดูด “การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)” คุณภาพสูง: หัวใจของการพลิกโฉม

การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตของประเทศไม่อาจเกิดขึ้นได้หากปราศจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve ใหม่ๆ และอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อให้เข้ามาเปลี่ยนผ่านโครงสร้างการผลิต สินค้าส่งออก และเพิ่มผลิตภาพโดยรวมของประเทศ

ในอดีต เรามักมอง FDI เพียงแค่ตัวเลขการยื่นขอรับสิทธิประโยชน์จาก BOI ซึ่งอาจไม่ใช่ภาพสะท้อนที่แท้จริงของ การลงทุนที่เกิดขึ้นจริง และ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ในปี 2025 เราต้องปรับกลยุทธ์โดยเน้นการดึงดูดการลงทุนที่นำมาซึ่งเทคโนโลยี นวัตกรรม องค์ความรู้ และการสร้างงานที่มีมูลค่าเพิ่มสูง การให้สิทธิประโยชน์ที่ตรงจุดสำหรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ดิจิทัลแพลตฟอร์ม เทคโนโลยีชีวภาพ พลังงานสะอาด และอุตสาหกรรมสุขภาพ (Medical Hub) คือสิ่งจำเป็น

นอกจากนี้ การสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการลงทุน เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย แหล่งพลังงานที่ยั่งยืน และที่สำคัญที่สุดคือ “กำลังคนที่มีทักษะสูง” ที่ตอบโจทย์ความต้องการของภาคอุตสาหกรรมเหล่านี้ จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและการวิจัย ไม่ใช่เพียงแค่แหล่งแรงงานราคาถูกอีกต่อไป การมุ่งเน้นตลาดใหม่ๆ สำหรับสินค้าส่งออก และการเพิ่มมูลค่าให้กับภาคการท่องเที่ยว ซึ่งยังคงเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจ ก็เป็นสิ่งที่เราต้องพัฒนาให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น โดยไม่พึ่งพิงตลาดดั้งเดิมมากเกินไป

เลิกประชานิยม: สร้างวินัยทางการคลังเพื่ออนาคต

จากประสบการณ์ที่สั่งสมมา นโยบายประชานิยมที่มักให้ผลตอบแทนทางการเมืองในระยะสั้น กลับสร้างบาดแผลลึกให้กับวินัยทางการคลังและงบประมาณของประเทศในระยะยาว ในปี 2025 เราไม่อาจมองข้ามข้อจำกัดด้านงบประมาณ และต้องยอมรับความจริงว่านโยบายเหล่านี้มักเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ที่ไม่ได้นำไปสู่การพัฒนาหรือการปฏิรูปเชิงโครงสร้างที่ยั่งยืน มันเปรียบเสมือนการให้ยาแก้ปวดพาราเซตามอลบรรเทาอาการชั่วคราว โดยไม่ได้รักษาโรคที่ต้นเหตุ

รัฐบาลใหม่จำเป็นต้องมีความกล้าหาญที่จะลด ละ เลิกนโยบายประชานิยมที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง และหันมาจัดสรรงบประมาณอย่างรอบคอบ มีเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อลงทุนในการพัฒนาศักยภาพประเทศในระยะยาว เช่น การศึกษา โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล การวิจัยและพัฒนา และการดูแลสิ่งแวดล้อม การมีวินัยทางการคลังที่แข็งแกร่งและโปร่งใส จะเป็นสัญญาณเชิงบวกอย่างมหาศาลต่อนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และจะส่งผลให้ตลาดหุ้นซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นตอบรับในเชิงบวก

ตลาดทุน: ขุมพลังแห่งการระดมทุนและการสร้างความมั่งคั่ง

ในฐานะที่เคยคลุกคลีกับตลาดหลักทรัพย์และกลุ่มธุรกิจทางการเงินขนาดใหญ่ ผมยืนยันมาเสมอว่า “ตลาดหุ้นคือหัวใจของการระดมทุนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด” และเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่มักถูกมองข้าม รัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศในปี 2025 ควรให้ความสำคัญกับตลาดทุนมากกว่าที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไม่ได้เป็นของคนรวย หรือแค่กลุ่มผู้มีรายได้ระดับบนเท่านั้น แต่เป็นกลไกที่สามารถสร้างการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจให้กับทุกคน ผ่านการลงทุนในกองทุนรวม การลงทุนระยะยาวเพื่อการเกษียณ และการเป็นเจ้าของกิจการขนาดเล็กและขนาดใหญ่ไปพร้อมกัน

หากตลาดหุ้นได้รับการบริหารจัดการที่ดี มีกลไกที่โปร่งใสและเป็นธรรม มีบริษัทที่น่าสนใจเข้ามาระดมทุนจำนวนมาก โดยเฉพาะบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New S-Curve) ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ตลาดหุ้นจะสามารถทำหน้าที่เป็นแหล่งทุนสำคัญในการขยายธุรกิจ สร้างนวัตกรรม และกระตุ้นการบริโภคในระบบเศรษฐกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น ความรู้สึกมั่งคั่งที่เกิดขึ้นจะกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุนเพิ่มเติม ก่อให้เกิดวัฏจักรเชิงบวก การส่งเสริมความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) ให้กับประชาชนทุกระดับชั้น เพื่อให้เข้าถึงและเข้าใจการลงทุนในตลาดทุนอย่างชาญฉลาด ก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาตลาดทุนให้เป็นของทุกคนอย่างแท้จริง

ฝ่าวิกฤตอสังหาริมทรัพย์: ปลดล็อกกำลังซื้อและสร้างโอกาสใหม่

ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายที่หนักหน่วงที่สุดในรอบ 2 ทศวรรษ ทั้งอุปทานและอุปสงค์ที่ชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด การคาดการณ์ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ต่ำสุดในรอบหลายปีสะท้อนภาพของตลาดที่อยู่ในช่วงปรับฐานอย่างชัดเจน ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงลิ่วส่งผลกระทบโดยตรงต่อยอดปฏิเสธสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่พุ่งสูงถึง 50-70% ซึ่งถือเป็นอุปสรรคสำคัญในการฟื้นตัวของภาคส่วนนี้

รัฐบาลในปัจจุบันและอนาคตต้องเร่งแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่แค่การลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง ซึ่งเป็นเพียงมาตรการกระตุ้นระยะสั้น การส่งเสริมให้สถาบันการเงินและ AMC เข้ามาบริหารจัดการหนี้เสีย (NPA) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จะเป็นส่วนสำคัญในการลดภาระหนี้ และปลดล็อกกำลังซื้อให้กับครัวเรือน ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม ไม่ใช่แค่ภาคอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น

นอกจากนี้ ภาคอสังหาริมทรัพย์ในยุค 2025 ต้องปรับตัวเพื่อตอบรับเมกะเทรนด์ใหม่ๆ เช่น การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อรองรับสังคมสูงวัย (Aging Society) โครงการที่อยู่อาศัยแบบผสมผสาน (Mixed-use Development) ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตครบวงจร การนำเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI มาใช้ในการบริหารจัดการอาคารและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัย (Smart Home & Smart Building) รวมถึงการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะกลุ่มวัยเกษียณ หรือ Digital Nomads ที่ต้องการเข้ามาพักอาศัยระยะยาว โดยรัฐบาลต้องมีการทบทวนและปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องให้เอื้อต่อการลงทุนและการอยู่อาศัยของชาวต่างชาติมากขึ้น

“Ease of Doing Business” และการขจัดคอร์รัปชัน: รากฐานของความเชื่อมั่น

จากการที่ได้พูดคุยกับผู้ประกอบการและนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติมานับไม่ถ้วน ปัญหาแรกๆ ที่พวกเขามักจะร้องเรียนคือความยุ่งยากซับซ้อนของขั้นตอนการติดต่อกับหน่วยงานราชการ และปัญหาคอร์รัปชันที่ยังคงมีอยู่ การจัดทำนโยบาย “Ease of Doing Business” อย่างจริงจัง คือสิ่งที่เราต้องการเห็นอย่างเร่งด่วนในปี 2025

การทำให้กระบวนการขอใบอนุญาต การอนุมัติ และการประกอบธุรกิจต่างๆ เป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว โปร่งใส และมีต้นทุนแฝงน้อยที่สุด จะช่วยลดภาระของผู้ประกอบการ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาในประเทศได้มากขึ้น รัฐบาลต้องเร่งลงทุนในระบบราชการดิจิทัล (Digital Government) เพื่อให้การบริการภาครัฐสามารถเข้าถึงได้ง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ลดขั้นตอน ลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ และที่สำคัญที่สุดคือการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดและจริงจังเพื่อขจัดปัญหาคอร์รัปชันในระบบราชการให้หมดไป เพราะนี่คือมะเร็งร้ายที่บั่นทอนความเชื่อมั่นและโอกาสของประเทศ

ยกระดับ “ทุนมนุษย์” และโอกาส S-Curve ใหม่ๆ

การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและยั่งยืน จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการ “เพิ่มศักยภาพของประเทศ” ด้วยการพัฒนา “ทุนมนุษย์” อย่างจริงจัง รัฐบาลในปี 2025 ต้องเร่งดำเนินโครงการ Upskill และ Reskill คนไทยให้มีทักษะที่ตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New S-Curve) เช่น AI, Data Science, Robotics, Green Technology, รวมถึงทักษะด้านภาษาและดิจิทัล การปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาให้สอดคล้องกับตลาดแรงงานยุคใหม่ ตั้งแต่ระดับอาชีวศึกษาไปจนถึงอุดมศึกษา และการสร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นสิ่งที่ไม่สามารถรอได้อีกต่อไป

ควบคู่ไปกับการพัฒนาแรงงาน ภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นพระเอกของเศรษฐกิจไทยมาตลอด ก็ต้องได้รับการส่งเสริมและยกระดับให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่แค่ปริมาณนักท่องเที่ยว แต่ต้องเน้น “การท่องเที่ยวคุณภาพสูง” ที่สร้างรายได้และมีการกระจายตัวไปสู่ชุมชนอย่างยั่งยืน การผลักดันประเทศไทยให้เป็น “ศูนย์กลางด้านสุขภาพและการแพทย์ (Medical Hub)” และ “ศูนย์กลางด้านเวลเนส (Wellness Hub)” ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ด้วยมาตรฐานการบริการที่เป็นเลิศและบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ คือจุดแข็งที่เราต้องต่อยอด

นอกจากนี้ ด้วยภูมิศาสตร์ที่ตั้งของประเทศไทย ซึ่งเป็น “ศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค (Regional Logistic Location)” เราต้องเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ทั้งถนน ทางรถไฟความเร็วสูง ท่าเรือน้ำลึก และการพัฒนาโครงข่ายโลจิสติกส์อัจฉริยะ เพื่อลดต้นทุนการขนส่ง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และดึงดูดการลงทุนให้เข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานการกระจายสินค้าและการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค

เสถียรภาพทางการเมืองและทีมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง: หัวใจของการเดินหน้า

จากประสบการณ์ของผม สิ่งที่นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือ “เสถียรภาพทางการเมือง” และ “ความเป็นเอกภาพของทีมเศรษฐกิจ” การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลบ่อยครั้ง หรือการดำเนินนโยบายที่ขาดความต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่สร้างความไม่มั่นใจ แต่ยังทำให้การวางแผนระยะยาวเป็นไปได้ยาก

ในปี 2025 และปีต่อๆ ไป เราต้องการเห็นภาคการเมืองที่นิ่ง มีเสถียรภาพ รัฐบาลที่มีพรรคขนาดใหญ่หรือพรรคร่วมรัฐบาลที่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระทรวงด้านเศรษฐกิจต่างๆ เพื่อให้การดำเนินนโยบายเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และที่สำคัญที่สุดคือการมี “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” ที่มีความรู้ ความสามารถ และมีอำนาจในการสั่งการและประสานงานได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่การดูแลไม่กี่กระทรวง แต่สามารถมองเห็นภาพรวมและขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างเป็นเอกภาพ

หากเรายังคงทำแบบเดิมๆ ที่มุ่งเน้นแต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยไม่แตะต้องปัญหาเชิงโครงสร้าง เราก็จะได้เห็นเศรษฐกิจเติบโตเพียง 1-2% เช่นเดิม ซึ่งไม่เพียงพอที่จะพาประเทศไปสู่ความมั่งคั่งและยั่งยืนได้ เราต้องกล้าที่จะ “ปรับ เปลี่ยน และไปต่อ” พร้อมทั้งชำเลืองมองประเทศคู่แข่งที่วันนี้หลายแห่งก้าวหน้าแซงหน้าเราไปแล้ว

ก้าวไปด้วยกัน: สร้างไทยให้แข็งแกร่งในยุค 2025 และอนาคต

สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันไม่ได้มีแค่ความท้าทาย แต่ยังเต็มไปด้วยโอกาส หากเรากล้าที่จะเปลี่ยนแปลงและร่วมมือกันอย่างจริงจัง ผมเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทยและทรัพยากรของประเทศที่จะสามารถก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้

ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาล ภาคเอกชน และประชาชนทุกคน จะต้องร่วมกันกำหนดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน มีเป้าหมายร่วมกัน และเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจเชิงโครงสร้างอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับประเทศไทย ให้หลุดพ้นจากกับดักการเติบโตต่ำ และก้าวสู่การเป็นประเทศที่มั่งคั่ง ยั่งยืน และเป็นที่ยอมรับในเวทีโลกในยุค 2025 และอนาคต มาร่วมสร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ที่น่าภาคภูมิใจสำหรับประเทศไทยของเราด้วยกันเถิดครับ!

Previous Post

D0512100 ดการคนใหม (ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post

D0512102 วยพ อจ บช (ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post
D0512102 วยพ อจ บช (ละครส น) หน งส นด BSC part2

D0512102 วยพ อจ บช (ละครส น) หน งส นด BSC part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D1512016 กำล งได ราดซะก อน ep part2
  • D1512015 หน มแกร าว ยทอง ep (1) part2
  • D1512014 กระป กแม เพราะหน สมอง! part2
  • D1512013 หน มแกร าว ยทอง ep part2
  • D1512011 าวเม องกร งม นเหล ยม เลยลงเอยก บหน มดอย ep2 part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.