• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D0512092 ตสำน กฝ กก นไม ได (ละครส น) หน งส นด BSC part2

admin79 by admin79
December 9, 2025
in Uncategorized
0
D0512092 ตสำน กฝ กก นไม ได (ละครส น) หน งส นด BSC part2

ถอดรหัสเศรษฐกิจไทย 2568: ปฏิรูปโครงสร้าง ดึงดูดการลงทุน พลิกวิกฤตสู่การเติบโตยั่งยืน เหนือ GDP 1%

ในฐานะนักบริหารธุรกิจการเงินและผู้คร่ำหวอดในแวดวงเศรษฐกิจมายาวนานกว่าทศวรรษ ผมเชื่อมั่นว่าปี 2568 คือปีแห่งจุดเปลี่ยนที่สำคัญยิ่งสำหรับประเทศไทย เรายืนอยู่บนทางแยกที่ต้องเลือกว่าจะยังคงวนเวียนอยู่กับอุปสรรคเชิงโครงสร้างที่ฉุดรั้งศักยภาพการเติบโต หรือจะกล้าหาญพอที่จะพลิกโฉมสู่ยุคใหม่แห่งความรุ่งเรืองอย่างยั่งยืน การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในบริบททางการเมืองที่เต็มไปด้วยความท้าทายนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการเปลี่ยนผ่านอำนาจ แต่คือโอกาสทองที่จะวางรากฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่น เพื่อนำพาประเทศให้ก้าวข้ามกับดักการเติบโตต่ำกว่า 1-2% ที่บั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขันของชาติมาอย่างยาวนาน

ปัจจุบันตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ต่อหัวของไทยยังคงอยู่ในระดับที่ไม่สูงนัก สะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการปฏิรูปเชิงโครงสร้างอย่างจริงจัง ผมมองว่านี่คือเวลาที่รัฐบาลใหม่ต้องแสดงวิสัยทัศน์ที่กล้าหาญและมุ่งมั่น ไม่ใช่เพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ต้องลงลึกถึงต้นตอของปัญหา เพื่อปลดล็อกศักยภาพทางเศรษฐกิจที่ซ่อนอยู่ และขับเคลื่อนประเทศสู่การเติบโตในระดับ 3-4% หรือสูงกว่านั้นได้

รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจ: ก้าวข้ามกับดัก GDP ต่ำ

ปัญหาหลักที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจไทยมานานคือ “หนี้ครัวเรือน” ที่อยู่ในระดับสูงลิ่ว นี่ไม่ใช่เพียงปัญหาของปัจเจกบุคคล แต่คือลูกโซ่ที่ร้อยรัดทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ เมื่อครัวเรือนมีภาระหนี้มาก กำลังซื้อย่อมลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลกระทบต่อการบริโภคภายในประเทศซึ่งเป็นเครื่องยนต์สำคัญ และยังเป็นปัจจัยที่ทำให้สถาบันการเงินต้องเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย นำไปสู่ยอดปฏิเสธสินเชื่อที่สูงถึง 50-70% ซึ่งถือเป็นวิกฤตของภาคอสังหาริมทรัพย์และส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงธุรกิจอื่น ๆ การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนจึงไม่ใช่แค่การช่วยเหลือลูกหนี้ แต่คือการ “คืนกำลังซื้อ” และ “ปลดปล่อยกำลังการผลิต” ให้กับระบบเศรษฐกิจโดยรวม นโยบายที่มุ่งเป้าลดหนี้ครัวเรือนให้กลับมาอยู่ในระดับที่ยั่งยืน เช่น 80% ของ GDP ต้องถูกนำมาใช้อย่างจริงจังและได้ผล ไม่ใช่เพียงแค่การบรรเทาชั่วคราว แต่ต้องสร้างภูมิคุ้มกันในระยะยาว

นอกจากนี้ การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจยังหมายถึงการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้ทัดเทียมนานาชาติ เราไม่สามารถดำเนินธุรกิจแบบเดิม ๆ ได้อีกต่อไป โลกเปลี่ยนไปแล้ว และคู่แข่งของเราก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หากไทยยังคงเติบโตแค่ 1-2% ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคพุ่งทะยาน เราจะยิ่งถอยหลังห่างออกไปเรื่อย ๆ การปรับเปลี่ยนจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างเร่งด่วน

ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI): พลิกโฉมการผลิต

หัวใจสำคัญอีกประการหนึ่งของการปฏิรูปเศรษฐกิจคือการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) คุณภาพสูงให้เข้ามาในประเทศให้มากขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (New S-Curve) ที่จะเข้ามาเปลี่ยนโครงสร้างการผลิต การส่งออก และเพิ่มผลิตภาพโดยรวมของประเทศ เราต้องการการลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูง อุตสาหกรรมสีเขียว (Green Economy) ดิจิทัล และนวัตกรรมที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้มหาศาล ไม่ใช่เพียงแค่การลงทุนที่เน้นแรงงานราคาถูกอีกต่อไป

การส่งเสริมการลงทุนของ BOI ต้องไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขคำขอรับการส่งเสริม แต่ต้องทำให้เกิดการลงทุนจริง การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการสร้างงานที่มีคุณภาพสูงขึ้น การแข่งขันเพื่อดึงดูด FDI ในปี 2568 นั้นรุนแรงมาก ประเทศไทยต้องแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน ทรัพยากรบุคคล กฎระเบียบที่เอื้ออำนวย และความมั่นคงทางนโยบาย การลงทุนจากต่างชาติในกลุ่มธุรกิจที่มีคุณค่าสูงและสอดคล้องกับแนวคิด ESG (Environmental, Social, and Governance) จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนและมีคุณภาพ

เครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจ: ส่งออก การท่องเที่ยว และนวัตกรรม

ภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว ยังคงเป็นเครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับการส่งออก เราต้องไม่พึ่งพาตลาดเดิม ๆ มากเกินไป การแสวงหาตลาดใหม่ ๆ ในภูมิภาคที่กำลังเติบโต รวมถึงการพัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสร้างความแตกต่าง จะเป็นหัวใจสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก

ส่วนภาคการท่องเที่ยว แม้จะฟื้นตัวได้ดีหลังสถานการณ์โควิด-19 แต่เราต้องก้าวข้ามการท่องเที่ยวเชิงปริมาณไปสู่การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ เน้นการสร้างประสบการณ์ที่ประทับใจ ความยั่งยืน และความหลากหลาย การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม จะเป็นแม่เหล็กสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงและต้องการพักพิงในระยะยาว นอกจากนี้ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เช่น ระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการขยะ และการรักษาสิ่งแวดล้อม ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน

เลิกนโยบายประชานิยม: สร้างคลังที่แข็งแกร่ง

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา นโยบายประชานิยมมักเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุและสร้างภาระทางการคลังในระยะยาว ผมเชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะต้องละเลิกหรือลดทอนนโยบายในลักษณะนี้ลงอย่างจริงจัง ด้วยข้อจำกัดด้านงบประมาณ และบทเรียนที่ชัดเจนว่าการใช้จ่ายแบบประชานิยมมักจะหายไปโดยไม่ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน หรือดีขึ้นแค่ชั่วคราวเท่านั้น

การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่แท้จริงต้องเป็นการวินิจฉัยโรคและรักษาที่ต้นเหตุ ไม่ใช่แค่ให้ยาพาราแก้ปวดที่ออกฤทธิ์เพียง 4 ชั่วโมง รัฐบาลต้องมุ่งเน้นการลงทุนในสิ่งที่สร้างผลตอบแทนระยะยาว เช่น การศึกษา โครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มและรายได้ที่มั่นคงให้กับประเทศในอนาคต การบริหารจัดการงบประมาณอย่างโปร่งใส มีวินัย และเน้นประสิทธิภาพ จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และเป็นรากฐานสำคัญของตลาดทุนที่แข็งแกร่ง

ตลาดทุน: หัวใจสำคัญของการระดมทุนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นและตลาดทุนเป็นแหล่งระดมทุนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างแท้จริง รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาตลาดทุนให้มากกว่าที่ผ่านมา ต้องทำให้ตลาดทุนเป็นกลไกที่ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่สำหรับนักลงทุนรายใหญ่ แต่ต้องส่งเสริมให้ทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์จากการเติบโตของตลาดหุ้นได้มากขึ้น

เมื่อตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น การบริโภคในระบบเศรษฐกิจจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นักลงทุนที่ได้รับผลกำไรจากหุ้นมักจะใช้จ่ายเงิน ทำให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจและสร้างความคึกคักโดยรวม ตลาดทุนที่แข็งแกร่งและมีสภาพคล่องสูงจะช่วยให้ภาคธุรกิจสามารถระดมทุนเพื่อขยายการลงทุนและสร้างนวัตกรรมได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจ้างงานและรายได้ของประเทศโดยรวม

เสถียรภาพทางการเมืองและทีมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

สิ่งที่เราต้องการอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทยในระยะยาวคือ “เสถียรภาพทางการเมือง” และ “ทีมเศรษฐกิจที่มีเอกภาพ” การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลบ่อยครั้งและการเปลี่ยนนโยบายที่ขาดความต่อเนื่อง สร้างความไม่มั่นใจให้กับนักลงทุนต่างชาติและทำให้การวางแผนระยะยาวเป็นไปได้ยาก

เราต้องการรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ สามารถดำเนินนโยบายได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจที่ทำงานร่วมกันได้อย่างเป็นเอกภาพ มีหัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่สามารถกำกับดูแลกระทรวงที่เกี่ยวข้องได้อย่างครอบคลุมและมีทิศทางที่ชัดเจน การมีพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่สามารถบริหารจัดการกระทรวงเศรษฐกิจหลัก ๆ ได้อย่างมีพลัง จะช่วยให้การขับเคลื่อนนโยบายเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น สร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วนว่าประเทศกำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้องและมั่นคง

ภาคอสังหาริมทรัพย์: ความท้าทายและการปรับตัวในรอบ 2 ทศวรรษ

ปี 2568 ยังคงเป็นปีที่ท้าทายอย่างยิ่งสำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเผชิญกับปัจจัยกดดันจากหนี้ครัวเรือนสูงและการปฏิเสธสินเชื่อที่พุ่งขึ้น สภาพตลาดที่อุปทานและอุปสงค์ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปี สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการปรับตัวครั้งใหญ่ ผู้ประกอบการต้องหันมาพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคมากขึ้น เน้นกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อ และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ฉลาดขึ้นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Smart & Green Living)

ภาครัฐสามารถมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยนอกจากการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองแล้ว การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นระบบ จะเป็นการช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้บริโภคโดยตรง ทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมของภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งหมด นอกจากนี้ การพิจารณาบทบาทของ AMC (Asset Management Company) ในการซื้อหนี้เสีย (NPA) จากสถาบันการเงิน ก็เป็นอีกหนึ่งกลไกที่สามารถช่วยลดภาระหนี้ในระบบและส่งเสริมให้สถาบันการเงินมีความยืดหยุ่นในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น

ยกระดับศักยภาพแรงงานและสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจ

เศรษฐกิจไทยจะไปต่อได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืนได้นั้น ต้องอาศัย “การยกระดับศักยภาพของประเทศ” ในหลายมิติ ประการแรกคือ “ทรัพยากรมนุษย์” รัฐบาลต้องลงทุนกับการ Upskill และ Reskill คนไทยให้มีทักษะที่ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรม New S-Curve และเศรษฐกิจดิจิทัล การสร้างแรงงานที่มีทักษะขั้นสูงและมีความคิดสร้างสรรค์ จะเป็นกุญแจสำคัญในการดึงดูดการลงทุนและขับเคลื่อนนวัตกรรม

ประการที่สองคือ “การพัฒนาสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวย” หรือ Ease of Doing Business อย่างจริงจัง การลดขั้นตอนที่ซับซ้อน ลดภาระเอกสาร และเร่งรัดกระบวนการขออนุมัติ-อนุญาตต่าง ๆ ในระบบราชการ จะช่วยลดต้นทุนแฝงในการทำธุรกิจและสร้างความน่าดึงดูดใจให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันอย่างเด็ดขาดและต่อเนื่อง เพราะการคอร์รัปชันคือสนิมที่กัดกินศักยภาพการแข่งขันและบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุน

นอกจากนี้ การใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของประเทศ เช่น “Wellness Tourism” และ “Service Mind” ของคนไทย ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ควรได้รับการส่งเสริมให้เป็นธุรกิจที่สร้างมูลค่าเพิ่มสูง การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงภูมิภาค ทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง (Regional Logistic Location) ที่แท้จริง จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคธุรกิจได้อีกด้วย

กรณีศึกษาภูเก็ต: ต้นแบบการบริหารจัดการเมืองระดับโลก

จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกและแหล่งรายได้สำคัญของประเทศ เผชิญกับความท้าทายที่สะท้อนภาพรวมของประเทศได้เป็นอย่างดี ปัญหาความล่าช้าในการติดต่อราชการ การขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงพอต่อการเติบโตของเมือง เช่น ปัญหารถติด ขยะล้นเมือง น้ำประปาไม่พอใช้ และความปลอดภัย เป็นสิ่งที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ข้อเสนอในการจัดตั้ง “ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One Stop Service)” ที่นักลงทุนและนักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถติดต่อราชการได้ครบวงจรในที่เดียว เป็นแนวคิดที่จำเป็นอย่างยิ่งในการอำนวยความสะดวกและลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น เพื่อให้ภูเก็ตเป็นเมืองที่น่าอยู่และน่าลงทุนอย่างแท้จริง การลงทุนในเมกะโปรเจกต์ภาครัฐ เช่น ระบบขนส่งมวลชน ถนน ทางด่วน จะเป็นการจัดระเบียบเมืองและยกระดับภูเก็ตให้เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างยั่งยืน การแก้ปัญหาที่ภูเก็ตจะกลายเป็นต้นแบบให้กับการบริหารจัดการเมืองอื่น ๆ ทั่วประเทศได้

ก้าวสู่ยุคใหม่ของเศรษฐกิจไทย

ปี 2568 จึงเป็นปีที่เราไม่สามารถมองข้ามความจำเป็นในการปฏิรูปเชิงโครงสร้างได้อีกต่อไป การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองคือโอกาสที่เราต้องฉวยไว้เพื่อวางรากฐานที่แข็งแกร่ง เราต้องร่วมกันสร้างวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน มีนโยบายที่กล้าหาญและยั่งยืน ไม่เพียงเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่เพื่อสร้างประเทศไทยที่เติบโตอย่างมีคุณภาพ ทั่วถึง และเป็นธรรมสำหรับทุกคน

ถึงเวลาแล้วที่ภาคธุรกิจ รัฐบาล และประชาชน จะต้องผนึกกำลังกันเพื่อขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล เพื่อสร้างอนาคตที่ประเทศไทยสามารถยืนหยัดอย่างสง่างามบนเวทีโลก มีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและยั่งยืน พ้นจากกับดักการเติบโตต่ำ และเป็นดินแดนแห่งโอกาสสำหรับทุก ๆ คน

มาร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ของเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดและมั่นคง!

Previous Post

D0512091 ใส ตะป ในขนมครก (ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post

D0512100 ดการคนใหม (ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post
D0512100 ดการคนใหม (ละครส น) หน งส นด BSC part2

D0512100 ดการคนใหม (ละครส น) หน งส นด BSC part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D1512016 กำล งได ราดซะก อน ep part2
  • D1512015 หน มแกร าว ยทอง ep (1) part2
  • D1512014 กระป กแม เพราะหน สมอง! part2
  • D1512013 หน มแกร าว ยทอง ep part2
  • D1512011 าวเม องกร งม นเหล ยม เลยลงเอยก บหน มดอย ep2 part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.