• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D0512068 งล กไว หน าบ านคนรวย(ละครส น) หน งส นด BSC part2

admin79 by admin79
December 8, 2025
in Uncategorized
0
D0512068 งล กไว หน าบ านคนรวย(ละครส น) หน งส นด BSC part2

ปฏิรูปเศรษฐกิจไทย 2568: ถอดรื้อโครงสร้าง สู่การเติบโตยั่งยืน เหนือกับดัก GDP ต่ำ

ในฐานะนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญในแวดวงเศรษฐกิจการเงินและการลงทุน ที่คลุกคลีในตลาดมานานกว่าทศวรรษ ผมมองว่าปี 2568 ถือเป็นปีแห่งหมุดหมายสำคัญที่ประเทศไทยยืนอยู่บนทางแยกอันไม่อาจประนีประนอมได้อีกต่อไป ความท้าทายเชิงโครงสร้างที่สั่งสมมานานกำลังบีบให้เราต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ หากต้องการหลุดพ้นจากกับดักการเติบโตทางเศรษฐกิจที่จำกัดอยู่เพียง 1-2% ซึ่งไม่เพียงพอที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตและรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้ทัดเทียมนานาชาติ

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเผชิญหน้ากับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่รุนแรงกว่าเพื่อนบ้าน การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ที่น่าผิดหวังสะท้อนถึงปัญหารากลึกที่ต้องการการผ่าตัดใหญ่ ไม่ใช่แค่การบรรเทาอาการชั่วคราว ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 2568 ยังคงเต็มไปด้วยความผันผวน ทั้งจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทาน และภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงเป็นแรงกดดัน สิ่งเหล่านี้ยิ่งตอกย้ำว่าประเทศไทยต้องเร่งสร้างภูมิคุ้มกันและสร้างโอกาสใหม่ ๆ ด้วยการปฏิรูปเชิงโครงสร้างอย่างจริงจัง

กับดัก GDP ต่ำกว่า 1% และความจำเป็นเร่งด่วนในการผ่าตัดโครงสร้าง

ปัญหาเศรษฐกิจไทยไม่ได้อยู่ที่การขาดแคลนศักยภาพ แต่เป็นการไม่สามารถดึงศักยภาพที่มีออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ นายไพบูลย์ นลินทรางกูร อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ผู้บริหารธุรกิจการเงินระดับแสนล้าน ได้เคยชี้ชัดถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยอย่างจริงจัง เพราะหากยังคงดำเนินธุรกิจตามปกติ (Business as usual) การเติบโตของ GDP จะวนเวียนอยู่เพียง 1-2% ซึ่งต่ำเกินกว่าจะยกระดับประเทศกำลังพัฒนาให้ก้าวข้ามรายได้เฉลี่ยต่อหัวที่ยังคงวนเวียนอยู่ราว 7,000 เหรียญสหรัฐฯ การก้าวสู่ “กับดักรายได้ปานกลาง” เป็นความเสี่ยงที่แท้จริง หากเรายังคงมองข้ามสัญญาณเตือนเหล่านี้

การแก้ไขปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจจึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็น “ทางรอด” ที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนและจริงจังในทุกมิติ รัฐบาลต้องแสดงวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพลิกฟื้นประเทศให้กลับมาเป็นดาวเด่นในภูมิภาคอีกครั้ง

คลี่คลายหนี้ครัวเรือน: ปมเงื่อนที่ร้อยรัดทุกภาคส่วน

ประเด็นเร่งด่วนอันดับแรกที่นักวิเคราะห์และผู้ประกอบการทุกภาคส่วนเห็นพ้องตรงกันคือ “หนี้ครัวเรือน” ซึ่งเป็นเสมือนมะเร็งร้ายที่กัดกินกำลังซื้อและขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในปี 2568 ที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าหนี้ครัวเรือนจะยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อการบริโภค การลงทุน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคอสังหาริมทรัพย์

หนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงกว่า 90% ของ GDP ไม่เพียงลดทอนความสามารถในการใช้จ่ายของผู้คน แต่ยังเป็นตัวบั่นทอนโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อเพื่อการประกอบอาชีพ ทำให้เกิดวงจรแห่งความยากลำบากที่ไม่จบสิ้น การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนจึงไม่ใช่แค่การ “บรรเทา” แต่ต้องเป็นการ “รักษา” ที่ถอนรากถอนโคน เพื่อให้ตัวเลขลดลงสู่ระดับที่ยั่งยืนที่ 80% ตามเป้าหมาย และรักษาระดับนั้นไว้ให้ได้

มาตรการการแก้หนี้ต้องมีความรอบด้านและยั่งยืน ตั้งแต่การให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชน การส่งเสริมวินัยทางการเงิน การปรับโครงสร้างหนี้ ไปจนถึงการสนับสนุนให้สถาบันการเงินมีแนวทางการปล่อยสินเชื่อที่รับผิดชอบมากขึ้น การที่สถาบันการเงินเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อจนมียอดปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 50-70% สะท้อนถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน เพราะมันส่งผลกระทบโดยตรงต่อการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์และระบบเศรษฐกิจโดยรวม การแก้ไขปัญหานี้จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับครัวเรือน และกระตุ้นทุกภาคธุรกิจให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI): พลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่

อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการปฏิรูปเศรษฐกิจคือการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ซึ่งต้องมุ่งเน้นไปที่ “คุณภาพ” มากกว่า “ปริมาณ” ในบริบทของปี 2568 ที่ห่วงโซ่อุปทานโลกกำลังปรับเปลี่ยน การแข่งขันเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศยิ่งทวีความรุนแรง ประเทศไทยต้องวางตำแหน่งตัวเองให้เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต อาทิ เทคโนโลยีขั้นสูง, พลังงานสะอาด, ไบโอเทค, ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และเศรษฐกิจดิจิทัล

การส่งเสริมการลงทุนโดย BOI ต้องทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์จริง ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขคำขอสิทธิประโยชน์ แต่ต้องมีการลงทุนจริงเกิดขึ้น มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี สร้างงานที่มีคุณภาพ และเพิ่มผลิตภาพโดยรวมของประเทศให้สูงขึ้น รัฐบาลควรจัดทำแผนยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน เพื่อดึงดูดนักลงทุนในกลุ่มธุรกิจ ESG (Environmental, Social, and Governance) ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ระดับโลก ที่ไม่เพียงนำเงินทุนเข้ามา แต่ยังนำองค์ความรู้และมาตรฐานสากลมาสู่ประเทศไทย

เลิกนโยบายประชานิยม: สร้างเสถียรภาพทางการคลังระยะยาว

จากประสบการณ์ในแวดวงการเงินมานาน ผมขอยืนยันว่าการลด ละ เลิกนโยบายประชานิยมที่เน้นการใช้จ่ายงบประมาณอย่างไร้ทิศทางและไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน การใช้จ่ายงบประมาณที่เกินตัว ไม่เพียงแต่สร้างภาระทางการคลังในระยะยาว แต่ยังบิดเบือนกลไกตลาดและไม่ได้นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน การแก้ปัญหาเศรษฐกิจต้องทำอย่างตรงจุด เหมือนกับการวินิจฉัยโรคแล้วให้ยาที่รักษาได้จริง ไม่ใช่แค่ยาแก้ปวดที่ออกฤทธิ์เพียงชั่วคราว การมีนโยบายการคลังที่รอบคอบและมีวินัยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในปี 2568 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

รัฐบาลควรหันมาเน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการสร้างนวัตกรรม ซึ่งเป็นการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนในระยะยาว มากกว่าการแจกจ่ายเงินที่สิ้นสุดลงเมื่อเงินหมดไป

ปลดล็อกพลังตลาดหุ้น: หัวใจของการระดมทุนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นคือกลไกสำคัญในการระดมทุนที่มีประสิทธิภาพที่สุด และเป็นเครื่องยนต์อีกตัวหนึ่งที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ หากได้รับการบริหารจัดการที่ดี ในปี 2568 รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาตลาดทุนมากกว่าที่ผ่านมา ทำให้ตลาดหุ้นไทยเป็นแหล่งระดมทุนที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับทั้งธุรกิจขนาดใหญ่และ SMEs รวมถึงเป็นแหล่งสร้างความมั่งคั่งสำหรับประชาชนทุกระดับ

การทำให้ตลาดหุ้นกลับมา “ขาขึ้น” ไม่ใช่แค่เรื่องของนักลงทุนรายใหญ่ แต่เป็นเรื่องของระบบเศรษฐกิจโดยรวม เมื่อตลาดหุ้นดี ผู้คนมีกำไรจาก “การลงทุนหุ้น” พวกเขาจะมีความเชื่อมั่นและกล้าที่จะใช้จ่าย ซึ่งจะกระตุ้นการบริโภคในระบบเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจน การพัฒนาตลาดทุนต้องครอบคลุมถึงการเพิ่มสภาพคล่อง, การส่งเสริมการลงทุนใน “กองทุนรวม” ที่มีคุณภาพ, การปรับปรุงกฎเกณฑ์ให้ทันสมัยเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ, การส่งเสริม “สินทรัพย์ดิจิทัล” ที่มีศักยภาพภายใต้กรอบการกำกับดูแลที่เหมาะสม, และการส่งเสริม “การวางแผนทางการเงิน” ที่ถูกต้องแก่ประชาชน เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์จากตลาดหุ้นได้อย่างเท่าเทียม

นอกจากนี้ การเสริมสร้างธรรมาภิบาลและความโปร่งใสในบริษัทจดทะเบียน รวมถึงการให้ความรู้ด้าน “การบริหารความเสี่ยง” ในการลงทุนแก่ประชาชน จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและทำให้ตลาดหุ้นไทยเติบโตอย่างยั่งยืน การมี “กลยุทธ์การลงทุน” ที่หลากหลายและเข้าถึงข้อมูลที่เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนทุกระดับ

เสถียรภาพทางการเมืองและทีมเศรษฐกิจเอกภาพ: กุญแจสู่ความต่อเนื่อง

ความไม่แน่นอนทางการเมืองเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างรุนแรง ในปี 2568 และต่อ ๆ ไป ประเทศไทยต้องการ “การเมืองที่นิ่ง” และมีเสถียรภาพ เพื่อให้การดำเนินนโยบายมีความต่อเนื่อง ไม่ใช่เปลี่ยนรัฐบาลแล้วเปลี่ยนนโยบายใหม่ทั้งหมด การเปลี่ยนผ่านนโยบายบ่อยครั้งทำให้ “นักลงทุนต่างชาติ” ขาดความมั่นใจและลังเลที่จะเข้ามาลงทุนในระยะยาว

สิ่งที่จำเป็นคือการมี “ทีมเศรษฐกิจ” ที่มีเอกภาพ สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น และมีวิสัยทัศน์ระยะยาวที่สอดคล้องกัน โดยไม่แบ่งแยกตามสังกัดพรรคการเมือง การรวมศูนย์อำนาจและความรับผิดชอบในกระทรวงเศรษฐกิจที่สำคัญภายใต้การนำของหัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่มีอำนาจและได้รับการยอมรับอย่างแท้จริง จะช่วยให้การบริหารจัดการเศรษฐกิจมีประสิทธิภาพสูงสุด และสามารถวางรากฐาน “การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน” ขนาดใหญ่ ที่จะสร้างผลตอบแทนให้ประเทศในระยะยาว

อสังหาริมทรัพย์ ณ จุดเปลี่ยน: ความท้าทายสูงสุดในรอบสองทศวรรษ

ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายสูงสุดในรอบ 20 ปี ทั้งจากอุปทานและอุปสงค์ที่ลดลงอย่างน่าเป็นห่วง ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์และธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) ได้ประเมินตรงกันว่าตลาดในปี 2568 จะยังคงอยู่ในช่วงปรับฐานอย่างชัดเจน โดยมียอดโอนกรรมสิทธิ์ต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี และมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง

ปัจจัยหลักที่ฉุดรั้งภาคอสังหาริมทรัพย์คือปัญหาหนี้ครัวเรือนและภาระหนี้เสียที่ส่งผลให้สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อบ้านอย่างมาก ผู้ประกอบการ “พัฒนาอสังหาริมทรัพย์” อย่าง บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) โดย ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ ได้ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงนี้อย่างชัดเจน การที่ลูกค้าถูกปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 50-70% สะท้อนถึงปัญหาเชิงระบบที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนจากภาครัฐ

มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ด้วยการลดค่าโอน-จดจำนอง แม้จะช่วยได้ในระยะสั้น แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างได้ การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนจึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยปลดล็อกกำลังซื้อที่ถูกอั้นไว้ และช่วยให้ภาคอสังหาริมทรัพย์กลับมาฟื้นตัวอย่างแท้จริง

Ease of Doing Business & คอร์รัปชัน: อุปสรรคที่ต้องขจัด

หนึ่งในปัจจัยที่บั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยมากที่สุดคือปัญหา “Ease of Doing Business” และ “การคอร์รัปชัน” ในระบบราชการ ผู้ประกอบการจำนวนมากทั้งไทยและต่างชาติยังคงประสบปัญหาความล่าช้า ซับซ้อน และมี “ต้นทุนแฝง” ในการติดต่อขอใบอนุญาตต่าง ๆ

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ จาก SENA Development ได้เสนอแนะอย่างตรงไปตรงมาว่า รัฐบาลควรจัดทำนโยบายที่ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถ “ประกอบธุรกิจ” ได้อย่างสะดวก ง่าย และราบรื่น การลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น การใช้ระบบดิจิทัลในการขออนุญาต และการสร้างความโปร่งใสในทุกกระบวนการราชการ จะช่วยลดโอกาสในการเกิด “การทุจริต” และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อ “การลงทุน” มากขึ้น การสร้างความชัดเจนและยุติธรรมในเรื่อง “ภาษีธุรกิจ” และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการดึงดูดนักลงทุน

ยกระดับศักยภาพแรงงานสู่ S-Curve: สร้างกำลังคนคุณภาพรองรับอนาคต

การเพิ่มศักยภาพของประเทศด้วยการ “อัพสกิล” และ “รีสกิล” คนไทยให้มีทักษะที่ตลาดต้องการเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในโลกยุคใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรม New S-Curve เช่น อุตสาหกรรมชีวภาพ, อุตสาหกรรมดิจิทัล, และอุตสาหกรรม “พลังงานสะอาด” ซึ่งเป็นที่ต้องการของการลงทุนจากทั่วโลก

รัฐบาลควรลงทุนในการศึกษาและฝึกอบรมวิชาชีพที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต สร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ตลอดชีวิต และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษา ภาคเอกชน และภาครัฐ เพื่อให้ประเทศไทยมี “แรงงานคุณภาพ” ที่สามารถดึงดูด “การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ” เข้ามาได้อย่างแท้จริง การมี “เศรษฐกิจดิจิทัล” ที่แข็งแกร่งเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์นี้

ท่องเที่ยวไทยและ Wellness: พระเอกที่ไม่ควรมองข้าม

ภาคการท่องเที่ยวและการบริการยังคงเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2568 การฟื้นตัวของ “การท่องเที่ยวไทย” เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยพยุงเศรษฐกิจ เมืองไทยได้รับการยอมรับในฐานะ “เดสติเนชั่น” ระดับโลกอยู่แล้ว สิ่งที่ต้องทำคือการต่อยอดและยกระดับให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในด้าน “Wellness Tourism” และ “Medical Hub” ซึ่งเป็นจุดแข็งที่โดดเด่นของคนไทยที่มี “Service Mind” และการบริการที่เป็นเลิศ

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งที่ดี การรักษาความปลอดภัย และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มกำลังซื้อสูงและนักลงทุนต่างชาติวัยเกษียณที่ต้องการเข้ามาพำนักในระยะยาว ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ที่ยั่งยืนและกระจายตัวสู่ภูมิภาคต่าง ๆ

ภูเก็ตโมเดล: ต้นแบบการปฏิรูประบบราชการเพื่อการท่องเที่ยวระดับโลก

ประสบการณ์จาก นางจันทร์ทิพย์ วานิช กรรมการผู้จัดการ ซีวีกรุ๊ป จังหวัดภูเก็ต สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างในระดับท้องถิ่นที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจและ “การลงทุน” ในแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกอย่างภูเก็ต การติดต่อขออนุญาตกับหน่วยงานราชการที่ล่าช้าเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ “เสียโอกาสในการทำธุรกิจ” และ “การพำนักระยะยาว” ของชาวต่างชาติ

ข้อเสนอเรื่องการจัดตั้ง “ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว” (One Stop Service) ที่แท้จริง ซึ่งภาคเอกชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถติดต่อราชการได้เพียงจุดเดียว แต่เชื่อมโยงกับทุกหน่วยงานรัฐ ถือเป็นแนวคิดที่ก้าวหน้าและจำเป็นอย่างยิ่งในการยกระดับ “ขีดความสามารถในการแข่งขัน” ของประเทศ การมีระบบการคมนาคมขนส่งที่ดี ปัญหาขยะ น้ำประปา และความปลอดภัยที่ได้รับการแก้ไขอย่างยั่งยืน จะทำให้ภูเก็ตเป็น “เมืองน่าอยู่” และเป็น “เมืองท่องเที่ยวระดับโลก” อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นต้นแบบที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับเมืองสำคัญอื่น ๆ ทั่วประเทศได้

บทสรุปและอนาคตที่ต้องร่วมกันสร้าง

ปี 2568 คือห้วงเวลาสำคัญที่ประเทศไทยต้องตัดสินใจเลือกเส้นทางเดินอย่างเด็ดเดี่ยว เราไม่สามารถยอมรับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำเพียง 1-2% ได้อีกต่อไป การถอดรื้อโครงสร้างปัญหาหนี้ครัวเรือน, การดึงดูดการลงทุนที่มีคุณภาพ, การยุติ “นโยบายประชานิยม”, การปลดล็อกศักยภาพตลาดทุน, การสร้างเสถียรภาพทางการเมือง, การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน, การยกระดับแรงงาน, และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ล้วนเป็นจิ๊กซอว์ที่ต้องประกอบเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์

ในฐานะผู้มีประสบการณ์ในตลาดทุน ผมเชื่อมั่นว่าด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ความมุ่งมั่นของภาครัฐ และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคเอกชน ภาคประชาชน และนักลงทุน เราจะสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส และนำพาประเทศไทยก้าวข้ามกับดักทางเศรษฐกิจ สู่การเป็นประเทศที่มีการเติบโตที่ยั่งยืนและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง

อนาคตของเศรษฐกิจไทยขึ้นอยู่กับเราทุกคน มาร่วมกันสร้างสรรค์ และลงทุนเพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าไปด้วยกัน

Previous Post

D0512067 แม าข โกงย ดก อนห นใส งปลา(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post

D0512069 แม เจ าบ าว เอาช ดเจ าสาวมาเผาทำไม(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post
D0512069 แม เจ าบ าว เอาช ดเจ าสาวมาเผาทำไม(ละครส น) หน งส นด BSC part2

D0512069 แม เจ าบ าว เอาช ดเจ าสาวมาเผาทำไม(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D0512187 แตงโมล กเด ยวเปล ยนช ต(ละครส น) หน งส นด BSC part2
  • D0512185 รอว นแก แค (ละครส น) หน งส นด BSC part2
  • D0512184 งน ำด ดทร พย (ละครส น) หน งส นด BSC part2
  • D0512183 กซ อห นยนต เด กผ หญ ง(ละครส น) หน งส นด BSC part2
  • D0512186 กลโกงเปล ยนป ายมอไซค (ละครส น) หน งส นด BSC part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.