• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D0512063 ยแก อยากเข าร านอาหารหร (ละครส น) หน งส นด BSC part2

admin79 by admin79
December 8, 2025
in Uncategorized
0
D0512063 ยแก อยากเข าร านอาหารหร (ละครส น) หน งส นด BSC part2

ปฏิรูปเศรษฐกิจไทย 2025: ทศวรรษแห่งโอกาสสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและก้าวกระโดด

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในแวดวงการเงินและอสังหาริมทรัพย์ที่ได้คลุกคลีกับพลวัตของเศรษฐกิจไทยมากว่าทศวรรษ ผมเห็นถึงความท้าทายและโอกาสที่อยู่ตรงหน้าเราในขณะนี้อย่างชัดเจน ปี 2025 เป็นหมุดหมายสำคัญที่ประเทศไทยยืนอยู่บนทางแยก เราจะยังคงเผชิญหน้ากับกับดักการเติบโตที่เชื่องช้า หรือจะฉกฉวยจังหวะนี้เพื่อพลิกโฉมประเทศให้ก้าวสู่ยุคใหม่แห่งความรุ่งเรืองอย่างยั่งยืน? คำตอบขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเชิงนโยบายที่กล้าหาญ การปรับโครงสร้างเชิงลึก และความร่วมมือของทุกภาคส่วน บทความนี้จะนำเสนอวิสัยทัศน์และข้อเสนอแนะที่จำเป็นสำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการเลือกตั้งและภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ เพื่อให้เราหลุดพ้นจากวงจร GDP ต่ำ และก้าวสู่การเป็นประเทศที่มีศักยภาพการแข่งขันระดับโลก

สลัดกับดัก GDP ต่ำ 1%: การปฏิรูปโครงสร้างคือหัวใจสำคัญ

ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเผชิญกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ที่น่าผิดหวัง มักวนเวียนอยู่แค่ 1-2% ซึ่งต่ำกว่าศักยภาพที่ควรจะเป็นอย่างมาก ในฐานะประเทศกำลังพัฒนา การเติบโตในระดับนี้ไม่เพียงพอต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตประชากร การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน หรือแม้แต่การหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางอย่างแท้จริง เมื่อพิจารณารายได้ต่อหัวของคนไทยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านหรือคู่แข่งในภูมิภาค ก็ยิ่งตอกย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการปฏิรูป ผมเชื่อมั่นว่าหากเราไม่สามารถแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่หยั่งรากลึกได้ สถานการณ์นี้จะยิ่งถ่างช่องว่างระหว่างไทยกับประเทศที่พัฒนาแล้วออกไปเรื่อยๆ

การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจจึงมิใช่ทางเลือก หากแต่เป็นความจำเป็นเร่งด่วนสูงสุดของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศในปี 2025 และต่อเนื่องไป โดยเฉพาะประเด็นเรื่อง “หนี้ครัวเรือน” ที่เป็นปัญหาลูกโซ่ฉุดรั้งเศรษฐกิจมานานกว่าทศวรรษ แม้หลายรัฐบาลพยายามเข้ามาแก้ไข แต่ก็มักเป็นเพียงมาตรการเฉพาะหน้า ไม่ได้แก้ที่ต้นตออย่างยั่งยืน การที่หนี้ครัวเรือนยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 90% ของ GDP เป็นเสมือนหินถ่วงขาที่ทำให้กำลังซื้อภายในประเทศอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ตั้งแต่ภาคอสังหาริมทรัพย์ไปจนถึงธุรกิจค้าปลีก หากรัฐบาลไม่สามารถลดระดับหนี้ครัวเรือนให้กลับมาอยู่ในระดับที่ยั่งยืนและบริหารจัดการได้ อาทิ เป้าหมายที่ 80% ของ GDP ได้อย่างแท้จริง นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจใดๆ ก็อาจไร้ผล เพราะผู้คนไม่มีกำลังพอที่จะจับจ่ายใช้สอย หรือเข้าถึงแหล่งเงินทุนใหม่ๆ ได้ การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนจึงต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการเสริมสร้างวินัยทางการเงิน และการสร้างโอกาสในการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนอย่างยั่งยืน

จุดไฟเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่: ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และยกระดับการส่งออก-ท่องเที่ยว

การพึ่งพาแต่ตลาดภายในประเทศไม่เพียงพอต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในระยะยาว การดึงดูด การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เข้ามาในอุตสาหกรรมเป้าหมายถือเป็นหัวใจสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต หรือ New S-Curve ที่จะเข้ามาเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตและโครงสร้างสินค้าส่งออกของไทยให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น การลงทุนใน เทคโนโลยีชีวภาพ, เศรษฐกิจดิจิทัล, ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และ พลังงานสะอาด จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และสร้างงานที่มีคุณภาพสูง

ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) มีบทบาทสำคัญในการดึงดูด FDI แต่ตัวเลขการขอรับส่งเสริมการลงทุนเพียงอย่างเดียวอาจไม่สะท้อนผลลัพธ์ที่แท้จริง เราต้องการเห็นการลงทุนที่เกิดขึ้นจริง การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการเชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศอย่างเป็นรูปธรรม รัฐบาลควรพิจารณามาตรการส่งเสริมที่เจาะจงและตรงจุดมากขึ้น รวมถึงการอำนวยความสะดวกในทุกขั้นตอนเพื่อให้นักลงทุนต่างชาติเห็นว่าประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและการลงทุนที่น่าสนใจและมีเสถียรภาพท่ามกลางความผันผวนของภูมิรัฐศาสตร์โลก การลงทุนต่างประเทศ ในกลุ่มอุตสาหกรรมไฮเทคถือเป็น High CPC Keyword ที่สำคัญ ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคมที่สูง

ขณะเดียวกัน การส่งออก และ การท่องเที่ยว ยังคงเป็นสองเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยที่ไม่อาจละเลยได้ เราต้องพัฒนาให้แข็งแกร่งและหลากหลายมากขึ้น การแสวงหาตลาดใหม่ๆ นอกเหนือจากตลาดดั้งเดิมอย่างสหรัฐอเมริกาและยุโรป การพัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น การมุ่งเน้น การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ แทนการเน้นปริมาณ จะช่วยสร้างรายได้ที่ยั่งยืน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม การโปรโมทไทยในฐานะจุดหมายปลายทางสำหรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) หรือ Medical Hub ก็เป็นโอกาสทองที่ต้องคว้าไว้ นอกจากนี้ การยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวด้วย โครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว ที่ทันสมัย และการรักษาความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาว

ลดละเลิกประชานิยม: เสริมวินัยทางการคลังและใช้พลังตลาดทุน

จากประสบการณ์กว่า 10 ปีในแวดวง ผมเห็นว่านโยบายประชานิยมที่ผ่านมามักเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และสร้างภาระทางการคลังในระยะยาว การใช้งบประมาณอย่างจำกัดและมีวินัยทางการคลังคือสิ่งจำเป็นในยุคที่ประเทศกำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ นโยบายใดๆ ก็ตามที่ออกมา ควรมีเป้าหมายเพื่อการแก้ปัญหาที่แท้จริงและสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืน มิใช่เพียงแค่สร้างความพึงพอใจชั่วคราว การจัดสรรงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพไปกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการวิจัยและพัฒนา จะสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว

ในทางกลับกัน ตลาดทุนไทย คือกลไกสำคัญในการระดมทุนที่มีประสิทธิภาพสูงสุดที่รัฐบาลควรให้ความสำคัญมากกว่าที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์มิได้เป็นเพียงแหล่งทำกำไรของคนรวย แต่เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สามารถสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจได้หลายรอบ หากบริหารจัดการดี การที่บริษัทต่างๆ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้ง่ายขึ้น จะช่วยให้เกิดการลงทุน การขยายธุรกิจ และการสร้างงาน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการบริโภคและการจ้างงานในระบบเศรษฐกิจ

รัฐบาลควรส่งเสริมให้ประชาชนทุกระดับ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และ SME เข้ามามีส่วนร่วมกับตลาดทุนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนใน กองทุนรวม หรือ หุ้นไทย ผ่านความรู้และการเข้าถึงที่ง่ายขึ้น การสร้างความเชื่อมั่นและธรรมาภิบาลในตลาดทุนจะดึงดูดทั้งนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันให้เข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนใน หุ้นเติบโต ของอุตสาหกรรมใหม่ๆ ซึ่งเป็นโอกาสในการสร้างความมั่งคั่งและกระจายผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง

เสถียรภาพการเมืองและธรรมาภิบาล: สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน

ปัจจัยสำคัญที่สุดประการหนึ่งที่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ความสำคัญคือ “เสถียรภาพทางการเมือง” การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลบ่อยครั้ง หรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างกะทันหัน สร้างความไม่แน่นอนและบั่นทอนความเชื่อมั่นอย่างรุนแรง ประเทศไทยต้องการรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีเอกภาพในการบริหารจัดการ โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจที่สามารถทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและมีวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกัน การมีหัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและสามารถกำกับดูแลกระทรวงเศรษฐกิจต่างๆ ได้อย่างครอบคลุม จะเป็นสัญญาณที่ดีถึงความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาและขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า

นอกจากนี้ การแก้ปัญหา “คอร์รัปชัน” ในระบบราชการเป็นวาระแห่งชาติที่ไม่อาจประนีประนอมได้ ปัญหาการทุจริต การเรียกรับผลประโยชน์แฝง หรือขั้นตอนที่ยุ่งยากและล่าช้าในการขอใบอนุญาตต่างๆ ล้วนเป็นต้นทุนแฝงที่ทำลายขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และไล่นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติออกไป รัฐบาลควรเร่งผลักดันนโยบาย “Ease of Doing Business” อย่างจริงจัง ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยเพิ่มความโปร่งใสและประสิทธิภาพในการทำงานของภาครัฐ การปฏิรูประบบราชการให้เป็นองค์กรที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นมิตรกับการลงทุน จะเป็นการสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคต

ตัวอย่างจากภูเก็ต ที่แม้จะเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกและดึงดูดนักลงทุนจำนวนมาก แต่ก็ยังเผชิญกับปัญหาการติดต่อราชการที่ล่าช้า ซึ่งทำให้เสียโอกาสทางธุรกิจและบั่นทอนความสนใจของชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาพักอาศัยระยะยาว การจัดตั้ง “ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One Stop Service)” ที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง ซึ่งภาคเอกชนและนักท่องเที่ยวสามารถติดต่อหน่วยงานภาครัฐได้ในจุดเดียว และมีการประสานงานระหว่างหน่วยงานอย่างราบรื่น จะเป็นต้นแบบที่ดีในการปฏิรูปการทำงานของภาครัฐทั่วประเทศ

ยกระดับคุณภาพชีวิต: แก้หนี้ครัวเรือนและพัฒนาแรงงานแห่งอนาคต

ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นกระจกสะท้อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างชัดเจน ในปี 2025 นี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงเผชิญความท้าทายจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง อัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับที่ไม่เอื้อต่อการกู้ยืม และกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ส่งผลให้สถาบันการเงินเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อที่อยู่อาศัย และมีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 50-70% ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการครอบครองที่อยู่อาศัยของประชาชน การลดหนี้ครัวเรือนจึงไม่ใช่แค่การช่วยภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่เป็นการเพิ่มกำลังซื้อให้กับทุกภาคธุรกิจอย่างยั่งยืน รัฐบาลอาจพิจารณามาตรการที่รอบด้านกว่าแค่การลดค่าโอน-จำนอง เช่น การส่งเสริมการปรับโครงสร้างหนี้ การให้ AMC เข้ามาช่วยซื้อหนี้เสียจากสถาบันการเงินอย่างเป็นระบบ และการสร้างงานที่มีรายได้สูงขึ้น

พร้อมกันนี้ การพัฒนาศักยภาพของ “แรงงานไทย” ให้สอดรับกับความต้องการของอุตสาหกรรมแห่งอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม การ Upskill และ Reskill ประชาชนให้มีทักษะที่ทันสมัย เช่น ทักษะด้านดิจิทัล, AI, วิทยาศาสตร์ข้อมูล, และทักษะที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสีเขียว จะทำให้ประเทศไทยมีทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพและดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรม New S-Curve ได้อย่างแท้จริง การลงทุนด้านการศึกษาและฝึกอบรมอย่างต่อเนื่องเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศในระยะยาว

พลิกโฉมภูเก็ตและเมกะโปรเจกต์: สู่เมืองระดับโลกและศูนย์กลางโลจิสติกส์

ภูเก็ตเป็นไข่มุกแห่งอันดามันที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศจากการท่องเที่ยว แต่เมืองนี้ยังขาดการลงทุนใน “โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่” ที่เพียงพอต่อการรองรับการเติบโตของเมืองและจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทุกปี ปัญหาการจราจรติดขัด ขยะล้นเมือง น้ำประปาไม่เพียงพอ หรือความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ล้วนเป็นประเด็นเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข การลงทุนใน เมกะโปรเจกต์ อย่างถนน ทางด่วน รถไฟฟ้า หรือระบบจัดการขยะและน้ำแบบบูรณาการ จะไม่เพียงช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ยังยกระดับภูเก็ตให้เป็นเมืองน่าอยู่และเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างแท้จริง

ประเทศไทยยังมีความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ในการเป็น “ศูนย์กลางโลจิสติกส์ภูมิภาค” (Regional Logistic Hub) เราตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่เชื่อมโยงเอเชียเหนือกับเอเชียใต้ ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญของโลก การลงทุนในระบบคมนาคมขนส่งที่ดี ไม่ว่าจะเป็นระบบราง ท่าเรือน้ำลึก หรือโครงข่ายถนนที่เชื่อมโยงกัน จะช่วยลดต้นทุนการขนส่ง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้อย่างมหาศาล

นอกจากนี้ การที่ประเทศไทยมีจุดแข็งในเรื่อง “Wellness” และธุรกิจบริการที่เป็นเลิศ ด้วย “Service Mind” ของคนไทยที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก เป็นโอกาสในการต่อยอดธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ การแพทย์ และการบริการคุณภาพสูง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้เกษียณอายุที่มีกำลังซื้อสูงจากทั่วโลกให้เข้ามาใช้ชีวิตและลงทุนในประเทศไทยระยะยาว

ทศวรรษแห่งโอกาส: สร้างอนาคตที่ยั่งยืน

ปี 2025 และปีต่อๆ ไป จะเป็นช่วงเวลาแห่งการตัดสินใจครั้งสำคัญสำหรับประเทศไทย จากประสบการณ์อันยาวนาน ผมเชื่อมั่นว่าหากเราสามารถดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างกล้าหาญและจริงจัง ควบคู่ไปกับการสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ธรรมาภิบาล และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยจะสามารถสลัดกับดักการเติบโตที่เชื่องช้า และก้าวสู่การเป็นประเทศที่มั่งคั่งและยั่งยืนได้อย่างแน่นอน นี่คือวิสัยทัศน์ที่มิใช่เพียงความหวัง แต่เป็นหนทางที่สามารถทำให้เกิดขึ้นจริงได้ หากเราลงมือทำตั้งแต่วันนี้

อนาคตของประเทศไทยอยู่ในมือเราทุกคน มาร่วมสร้างและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทยทุกคน!

Previous Post

D0512062 เม ย1ผ 3ใครค อพ อของล กในท oง (ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post

D0512064 ขโมยทองใส แกลลอน(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post
D0512064 ขโมยทองใส แกลลอน(ละครส น) หน งส นด BSC part2

D0512064 ขโมยทองใส แกลลอน(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D1210026 อด ตไม สำค ญเท าป จจ part2
  • D1210025 หญ งม ตำหน [ตอนจบ] part2
  • D1210024 มาคลายเคร ยดก นหน อยนะค part2
  • D1210023 นอกกาย แค ความส ขช วคราว![ตอนจบ] part2
  • D1210022 จฉาคนอ ไม วเอง [ตอน1] part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.