• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D0512059 รองเท าว เศษจากแม มดใส แล วสวย(ละครส น) หน งส นด BSC part2

admin79 by admin79
December 8, 2025
in Uncategorized
0
D0512059 รองเท าว เศษจากแม มดใส แล วสวย(ละครส น) หน งส นด BSC part2

ปฏิวัติเศรษฐกิจไทย 2025: หลุดพ้น GDP 1% ด้วยวิสัยทัศน์และการลงทุนยุทธศาสตร์

บทนำ: เสียงสะท้อนจากสมรภูมิเศรษฐกิจ 2025
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในแวดวงการเงินและอสังหาริมทรัพย์มานานกว่าทศวรรษ ผมมองว่าปี 2568-2569 คือห้วงเวลาสำคัญที่ประเทศไทยยืนอยู่บนทางแยก เราเผชิญกับความท้าทายเชิงโครงสร้างที่หยั่งรากลึกมานานหลายทศวรรษ สะท้อนผ่านตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่เติบโตเพียง 1-2% มาโดยตลอด ซึ่งนับเป็น “กับดัก” ที่คุกคามศักยภาพการแข่งขันของเราในเวทีโลกอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้อง “รื้อ” และ “สร้าง” เศรษฐกิจใหม่ให้หลุดพ้นจากวงจรเดิมๆ เพื่อก้าวสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและมีคุณภาพในปี 2025 และปีต่อๆ ไป

หัวใจสำคัญของการปฏิวัติครั้งนี้ไม่ใช่แค่การกระตุ้นเศรษฐกิจแบบฉาบฉวย แต่คือการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างอย่างจริงจังและรอบด้าน ตั้งแต่การปรับทิศทางนโยบายการคลัง การดึงดูดเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศ ไปจนถึงการยกระดับขีดความสามารถของตลาดทุนและแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน นี่คือบทเรียนที่เราได้เรียนรู้จากประสบการณ์และความผันผวนของตลาดโลกในช่วงที่ผ่านมา และเป็นพิมพ์เขียวสำหรับอนาคตที่สดใสกว่าเดิม

เศรษฐกิจไทย 2025: วิกฤตโอกาสสู่การเติบโตแบบก้าวกระโดด
สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2025 ยังคงเต็มไปด้วยความท้าทายจากภาวะเงินเฟ้อ การขึ้นดอกเบี้ย และความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ ประเทศไทยจำเป็นต้องมีแผนยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนเพื่อรับมือกับคลื่นลมเหล่านี้และเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส การเติบโตของ GDP ที่ระดับต่ำกว่า 1-2% นั้นไม่เพียงพออย่างยิ่งสำหรับประเทศที่ต้องการหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง เพื่อให้รายได้ต่อหัว (GDP per capita) ของคนไทยสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เราต้องตั้งเป้าหมายการเติบโตที่ 3-4% หรือมากกว่านั้น ซึ่งต้องอาศัยการปรับกระบวนทัศน์ทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่

จากมุมมองของผู้บริหารการเงินที่มีสินทรัพย์ภายใต้การดูแลนับแสนล้านบาท สิ่งที่ผมและนักลงทุนในตลาดทุนคาดหวังคือรัฐบาลที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและกล้าหาญในการดำเนินการปฏิรูปโครงสร้าง ซึ่งรวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและพลังงานสะอาด เพื่อรองรับเศรษฐกิจยุคใหม่ การพึ่งพาการบริโภคภายในประเทศและการส่งออกเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพออีกต่อไป เราต้องสร้างเครื่องยนต์ใหม่ๆ และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันระยะยาว

กุญแจสำคัญ: ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และปฏิรูปการคลัง
การดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วย “เปลี่ยนโครงสร้าง” การผลิตและสินค้าส่งออกของไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (New S-Curve) ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ดิจิทัล และพลังงานสะอาด (Clean Energy) ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ของโลก การทำงานของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จึงไม่ควรมุ่งเน้นแค่ยอดขอรับการส่งเสริม แต่ต้องวัดผลที่ “การลงทุนจริง” และ “การถ่ายทอดเทคโนโลยี” ที่เกิดขึ้น

ขณะเดียวกัน นโยบายการคลังที่ผ่านมาซึ่งมักถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็น “ประชานิยม” และสร้างภาระต่องบประมาณระยะยาวนั้น จำเป็นต้องได้รับการทบทวนอย่างจริงจัง การใช้จ่ายภาครัฐควรเน้นไปที่การลงทุนที่สร้างผลตอบแทนระยะยาวและเพิ่มผลิตภาพของประเทศ ไม่ใช่แค่การแจกจ่ายที่สร้างผลชั่วคราว การมีวินัยทางการคลังเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติและเสริมสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว การหยุดนโยบายที่ทำลายฐานะการคลังจะส่งสัญญาณเชิงบวกต่อตลาดทุนและภาพรวมการลงทุนทันที

พลิกฟื้นตลาดทุน: เครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจแห่งอนาคต
ตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้เป็นเพียงแหล่งระดมทุนสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่เท่านั้น แต่เป็น “หัวใจ” ของระบบเศรษฐกิจที่สามารถเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนการบริโภคและการลงทุนได้หลายเท่าทวีคูณ รัฐบาลใหม่ในปี 2025 จึงควรให้ความสำคัญกับตลาดทุนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้กลไกตลาดทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

การส่งเสริมให้ประชาชนทุกระดับ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้มีรายได้ปานกลาง เข้ามามีส่วนร่วมในตลาดหุ้นมากขึ้น ผ่านการให้ความรู้และช่องทางการลงทุนที่เข้าถึงง่าย จะช่วยกระจายความมั่งคั่งและสร้าง “พลังซื้อ” ให้กับระบบเศรษฐกิจ เมื่อตลาดหุ้นคึกคักและมีแนวโน้มขาขึ้น ผู้คนที่มีกำไรจากการลงทุนมักจะกล้าใช้จ่ายและลงทุนเพิ่ม ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ การส่งเสริมการลงทุนแบบ ESG (Environment, Social, and Governance) และการดึงดูดนักลงทุนสถาบันต่างชาติ จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความยั่งยืนให้กับตลาดทุนไทย

ท้าทายอสังหาริมทรัพย์และกับดักหนี้ครัวเรือน
สถานการณ์ภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568-2569 ยังคงเผชิญกับความท้าทายสูงสุดในรอบสองทศวรรษ ยอดโอนกรรมสิทธิ์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และแนวโน้มยังคงชะลอตัวต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปี สาเหตุหลักที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงกันอย่างเป็นลูกโซ่คือ “หนี้ครัวเรือน” ที่อยู่ในระดับสูงอย่างน่าเป็นห่วง

ในฐานะผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ผมเห็นว่าปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็นกับดักที่ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงอย่างมาก จนส่งผลให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อ (กู้ไม่ผ่าน) สูงถึง 50-70% รัฐบาลจึงต้องเร่งแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ไม่ใช่แค่มาตรการกระตุ้นระยะสั้น การลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนให้กลับมาอยู่ที่ระดับ 80% ของ GDP ให้ได้จริง จะช่วยเพิ่มความสามารถในการกู้ยืมและกำลังซื้อของผู้บริโภค ซึ่งจะส่งผลดีต่อทุกภาคส่วนธุรกิจ ไม่ใช่แค่ภาคอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น

นอกจากนี้ ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรองรับเทรนด์ใหม่ๆ เช่น ความต้องการที่อยู่อาศัยที่ใส่ใจสุขภาพ (Wellness Living) กลุ่มวัยเกษียณที่มีกำลังซื้อสูง และโครงการอสังหาริมทรัพย์หรู (Luxury Real Estate) ที่สามารถดึงดูดนักลงทุนและผู้ซื้อจากต่างประเทศได้

ยกระดับศักยภาพ: แรงงาน, นวัตกรรม และ Ease of Doing Business
เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การ “อัพสกิล” และ “รีสกิล” แรงงานไทยให้มีความรู้และทักษะที่สอดรับกับความต้องการของอุตสาหกรรม New S-Curve และเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน การลงทุนในการศึกษาตลอดชีวิต (Lifelong Learning) และการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ (STEM) จะเป็นฐานรากสำคัญในการสร้างบุคลากรคุณภาพ

ควบคู่ไปกับการพัฒนาคน การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ (Ease of Doing Business) ถือเป็นสิ่งที่รัฐบาลทุกชุดต้องให้ความสำคัญ การลดขั้นตอนที่ซับซ้อน ลดภาระเอกสาร และที่สำคัญที่สุดคือการขจัดปัญหาคอร์รัปชันในระบบราชการ จะช่วยลดต้นทุนแฝงให้กับผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างชาติ การปฏิรูประบบราชการสู่ความเป็นดิจิทัลและการให้บริการแบบ “One Stop Service” จะช่วยอำนวยความสะดวกและสร้างความโปร่งใส ซึ่งเป็นปัจจัยดึงดูดการลงทุนที่สำคัญ

แม่เหล็กเศรษฐกิจ: ท่องเที่ยวและ Wellness ระดับโลก
ประเทศไทยมีจุดแข็งที่โดดเด่นในด้านการท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในฐานะจุดหมายปลายทางที่น่าประทับใจ แต่เราไม่ควรหยุดอยู่แค่นั้น การพัฒนาการท่องเที่ยวให้มุ่งสู่ตลาดที่มีมูลค่าสูง (High-Value Tourism) เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical and Wellness Tourism) ที่เรามีความเชี่ยวชาญ และการท่องเที่ยวเพื่อการประชุมและนิทรรศการ (MICE) จะช่วยเพิ่มรายได้และกระจายผลประโยชน์สู่ชุมชน

ยกตัวอย่างเช่น จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ได้รับการคาดการณ์ว่าจะยังคงเป็นแหล่งรายได้สำคัญของประเทศ แต่ภูเก็ตเองก็เผชิญกับปัญหาโครงสร้างพื้นฐานที่จำกัด ทั้งปัญหาการจราจร ขยะ และการขาดแคลนน้ำ การลงทุนในเมกะโปรเจกต์ภาครัฐ เช่น ระบบขนส่งมวลชน ระบบจัดการขยะที่ทันสมัย และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล จะเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการยกระดับภูเก็ตให้เป็นเมืองน่าอยู่และเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวระดับโลกอย่างแท้จริง นอกจากนี้ การส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้าน Wellness และบริการ ด้วยจิตวิญญาณการบริการของคนไทย จะเป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้เกษียณอายุที่มีกำลังซื้อสูงจากทั่วโลก

เสถียรภาพทางการเมืองและการนำที่แน่วแน่
สุดท้ายแต่สำคัญที่สุดคือ “เสถียรภาพทางการเมือง” และ “การนำที่แน่วแน่” การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลบ่อยครั้งและการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่ไม่ต่อเนื่อง ย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เราต้องการรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีพรรคการเมืองหลักที่เข้มแข็ง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” ที่มีอำนาจและวิสัยทัศน์ในการกำกับดูแลนโยบายเศรษฐกิจของกระทรวงต่างๆ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีเอกภาพ

การมีนโยบายที่ต่อเนื่องและมีเป้าหมายระยะยาวที่ชัดเจน จะช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนธุรกิจได้อย่างมั่นใจ และทำให้ประเทศไทยสามารถขับเคลื่อนการปฏิรูปโครงสร้างที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเรายังคงทำแบบเดิม ผลลัพธ์ก็จะยังคงเป็นแบบเดิม เศรษฐกิจไทยจะยังคงเติบโตแค่ 1-2% ในขณะที่ประเทศคู่แข่งก้าวล้ำนำหน้าเราไปเรื่อยๆ

บทสรุปและคำเชิญ
ปี 2025 คือช่วงเวลาที่ประเทศไทยต้องตัดสินใจเลือกอนาคต เรามีศักยภาพและโอกาสมหาศาลในการก้าวข้ามความท้าทายเชิงโครงสร้างที่สั่งสมมานาน แต่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ร่วมกันสร้างวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและลงมือทำอย่างจริงจัง

ถึงเวลาแล้วที่เราต้องมองไปข้างหน้าด้วยความกล้าหาญ ปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบ ดึงดูดการลงทุนยุทธศาสตร์ สร้างความเข้มแข็งให้ตลาดทุน แก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน พัฒนาศักยภาพแรงงาน และยกระดับการท่องเที่ยวและบริการสู่มาตรฐานโลก นี่ไม่ใช่แค่หน้าที่ของรัฐบาล แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของพวกเราทุกคน

เราขอเชิญชวนนักลงทุน ผู้ประกอบการ และทุกภาคส่วน มาร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยให้หลุดพ้นจากกับดัก GDP ต่ำ และสร้างอนาคตเศรษฐกิจที่มั่นคง ยั่งยืน และเป็นธรรมสำหรับทุกคน มาร่วมสร้างประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทยบทใหม่ไปด้วยกัน!

Previous Post

D0512058 งแต จนไม เห นห วแม วเอง(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post

D0512060 แผงผ กมหารวย(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post
D0512060 แผงผ กมหารวย(ละครส น) หน งส นด BSC part2

D0512060 แผงผ กมหารวย(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D1210026 อด ตไม สำค ญเท าป จจ part2
  • D1210025 หญ งม ตำหน [ตอนจบ] part2
  • D1210024 มาคลายเคร ยดก นหน อยนะค part2
  • D1210023 นอกกาย แค ความส ขช วคราว![ตอนจบ] part2
  • D1210022 จฉาคนอ ไม วเอง [ตอน1] part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.