• Sample Page
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
dungthailan.vansonnguyen.com
No Result
View All Result

D0512058 งแต จนไม เห นห วแม วเอง(ละครส น) หน งส นด BSC part2

admin79 by admin79
December 8, 2025
in Uncategorized
0
D0512058 งแต จนไม เห นห วแม วเอง(ละครส น) หน งส นด BSC part2

พลิกโฉมเศรษฐกิจไทย 2025: กลยุทธ์ก้าวพ้นกับดัก GDP ต่ำ ดึงดูดการลงทุนระดับโลก

ในปี 2025 นี้ ประเทศไทยยืนอยู่บนทางแยกสำคัญที่ต้องตัดสินใจว่าจะก้าวไปข้างหน้าสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูงอย่างแท้จริง หรือจะติดอยู่ในวังวนของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เชื่องช้า ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงการเงินและอสังหาริมทรัพย์ต่างประสานเสียงเรียกร้องให้มีการปฏิรูปเชิงโครงสร้างครั้งใหญ่ หลังจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่คาดหวังว่าจะนำมาซึ่งทิศทางใหม่ การแก้ปัญหาเชิงผิวเผินแบบเดิมไม่เพียงพออีกต่อไป โลกกำลังหมุนเร็วด้วยนวัตกรรมและโอกาสใหม่ๆ ไทยจำเป็นต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วนเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในเวทีโลก และนี่คือมุมมองเชิงลึกจากผู้มีประสบการณ์กว่าทศวรรษในภาคเศรษฐกิจ

การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ: ก้าวพ้นกับดัก GDP ต่ำอย่างยั่งยืน

จากสถานการณ์ปัจจุบันที่ชัดเจนว่า หากประเทศไทยยังคงดำเนินนโยบายและแนวทางบริหารเศรษฐกิจแบบเดิม เราจะยังคงติดอยู่ในกับดักการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เพียง 1-2% ต่อปี ซึ่งถือว่าไม่เพียงพออย่างยิ่งสำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากร โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากรายได้ต่อหัวของคนไทยที่ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาค

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่ติดตามและวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยมาอย่างยาวนาน ผมมองว่าการแก้ปัญหาโครงสร้างเป็นหัวใจสำคัญอย่างยิ่ง ประเด็นเร่งด่วนที่สุดคือ การจัดการหนี้ครัวเรือน ที่อยู่ในระดับสูงและเป็นอุปสรรคต่อการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ เราไม่สามารถมองข้ามปัญหาหนี้ครัวเรือนว่าเป็นเพียงเรื่องเฉพาะบุคคลได้อีกต่อไป เพราะมันคือ “ระเบิดเวลา” ที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจโดยรวม การแก้ไขต้องทำอย่างจริงจังและยั่งยืน ไม่ใช่แค่มาตรการเฉพาะหน้าชั่วคราว แต่ต้องมองถึงการปรับโครงสร้างหนี้ การส่งเสริมวินัยทางการเงิน และการสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับประชาชนเพื่อลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ให้กลับมาอยู่ในระดับที่ปลอดภัยที่ 80% หรือต่ำกว่าให้ได้ ซึ่งจะปลดล็อกศักยภาพการใช้จ่ายและกระตุ้นเศรษฐกิจให้หมุนเวียนได้ดีขึ้น การแก้ไขหนี้ครัวเรือนไม่เพียงแต่จะช่วยภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่ยังส่งผลดีต่อทุกภาคส่วนที่พึ่งพากำลังซื้อของผู้บริโภค

นอกจากนี้ การที่เราจะก้าวข้ามกับดัก GDP ต่ำได้ ไทยจำเป็นต้องปรับวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจจากฐานการผลิตแบบเดิมไปสู่ เศรษฐกิจที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม สิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน แต่ยังจะช่วยยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของคนไทยได้อย่างแท้จริง

แม่เหล็กดึงดูดการลงทุน: FDI และนวัตกรรมเพื่ออนาคตของชาติ

อีกหนึ่งกลไกสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจไทย คือ การดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ประเทศต้องการอย่างแท้จริง ซึ่งหมายถึงอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด (New S-Curve) เช่น เทคโนโลยีดิจิทัล, เศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว (Bio-Circular-Green Economy), การแพทย์และสุขภาพ, ยานยนต์ไฟฟ้า และพลังงานสะอาด

เราต้องทำให้แน่ใจว่าการส่งเสริมการลงทุนของ BOI นั้นไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขที่สวยงามบนกระดาษ แต่ต้องเป็น การลงทุนที่มีคุณภาพ ที่เข้ามาเปลี่ยนโครงสร้างการผลิต สร้างงานที่มีมูลค่าเพิ่ม ถ่ายทอดเทคโนโลยี และเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกสินค้าและบริการใหม่ๆ ไทยต้องสร้างระบบนิเวศน์ที่เอื้อต่อการลงทุน ไม่ใช่เพียงแค่การลดหย่อนภาษี แต่รวมถึงความชัดเจนของกฎระเบียบ การเข้าถึงแรงงานที่มีทักษะ โครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย และการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นธรรมและโปร่งใส เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติเห็นถึงศักยภาพและโอกาสการลงทุนที่แท้จริงในระยะยาว

ภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยมาโดยตลอด ก็ยังคงต้องได้รับการพัฒนาให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2025 ที่ภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป เราไม่สามารถพึ่งพาตลาดเดิมๆ ได้อีกต่อไป ต้องแสวงหา ตลาดใหม่ๆ และสินค้าบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์เทรนด์โลก การท่องเที่ยวต้องก้าวสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวพรีเมียมที่เน้นคุณค่ามากกว่าปริมาณ ดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงที่พร้อมจ่ายเพื่อประสบการณ์ที่พิเศษและยั่งยืน ขณะที่การส่งออกต้องเน้นสินค้าที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยี สร้างความแตกต่างและคุณค่าให้กับสินค้า “Made in Thailand”

สิ้นสุดยุคประชานิยม: การคลังที่ยั่งยืนและตลาดทุนที่เป็นหัวใจ

ในยุคที่งบประมาณของประเทศมีข้อจำกัด และหนี้สาธารณะกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การดำเนินนโยบายแบบ ประชานิยม ควรลดบทบาทลงอย่างมาก เพราะพิสูจน์แล้วว่ามักเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ให้ผลลัพธ์เพียงชั่วคราว และไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่ยั่งยืน การใช้เงินภาษีของประชาชนควรถูกนำไปลงทุนในสิ่งที่สร้างผลตอบแทนในระยะยาว และแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ต้นตออย่างแท้จริง เหมือนกับการวินิจฉัยโรคแล้วรักษาให้หายขาด ไม่ใช่แค่การบรรเทาอาการชั่วคราว การมีวินัยทางการคลังเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อสร้างความมั่นคงและความเชื่อมั่นให้กับประเทศ

ในบริบทของการระดมทุนและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ผมเชื่อว่า ตลาดหุ้นไทย เป็นหัวใจสำคัญและเป็นแหล่งระดมทุนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มศักยภาพอย่างที่ควรจะเป็น รัฐบาลใหม่ควรให้ความสำคัญกับตลาดทุนมากกว่าที่ผ่านมา มองตลาดหุ้นเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนการบริโภคและการลงทุน เพราะเมื่อตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้น ผู้คนที่มีกำไรจากการลงทุนในหุ้นมักจะใช้จ่ายเงิน ทำให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ตลาดทุนไม่ใช่ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นของทุกคน การบริหารจัดการตลาดทุนที่ดีต้องส่งเสริมให้ประชาชนทุกระดับ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนได้มากขึ้น ผ่านการให้ความรู้ด้านการเงิน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายและเข้าถึงง่าย รวมถึงการสร้างความโปร่งใสและยุติธรรมในระบบ เพื่อให้ตลาดทุนเป็นกลไกที่สร้างความมั่งคั่งและกระจายโอกาสให้กับทุกคนอย่างแท้จริง

เสถียรภาพทางการเมืองและธรรมาภิบาล: รากฐานความเชื่อมั่น

ปัจจัยสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คือ เสถียรภาพทางการเมือง และ ความต่อเนื่องของนโยบาย การเปลี่ยนรัฐบาลบ่อยครั้ง หรือการที่นโยบายเศรษฐกิจถูกปรับเปลี่ยนตามวาระทางการเมือง ทำให้ขาดความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ รัฐบาลที่มั่นคงและมีทีมเศรษฐกิจที่มีเอกภาพ จะสามารถวางแผนและดำเนินนโยบายได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ทำให้ต่างชาติมั่นใจที่จะเข้ามาลงทุนในระยะยาว

นอกเหนือจากเสถียรภาพแล้ว ธรรมาภิบาล และ การขจัดการทุจริตคอร์รัปชันในระบบราชการ คือสิ่งจำเป็นเร่งด่วน การทุจริตเป็นต้นทุนแฝงที่สูงมากสำหรับผู้ประกอบการและนักลงทุน ทำให้กระบวนการทำธุรกิจมีความล่าช้า ซับซ้อน และไม่โปร่งใส ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน การผลักดันนโยบาย “Ease of Doing Business” ให้เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการลดขั้นตอนและระยะเวลาในการขออนุญาตต่างๆ ควบคู่ไปกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริการภาครัฐ จะช่วยเพิ่มความสะดวก ลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำธุรกิจและการลงทุนในประเทศไทยให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด

อสังหาริมทรัพย์และคุณภาพชีวิต: โจทย์ท้าทายและการพลิกฟื้น

ภาค อสังหาริมทรัพย์ เป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดสำคัญของสุขภาพเศรษฐกิจโดยรวม และในปี 2025 นี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงเผชิญกับความท้าทายสูงสุดในรอบสองทศวรรษ ทั้งจากอุปทานที่ล้นตลาดและอุปสงค์ที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อที่อยู่อาศัย ส่งผลให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่งสูงถึง 50-70% ซึ่งเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ฉุดรั้งการเติบโตของภาคส่วนนี้อย่างรุนแรง

การแก้ปัญหาสำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ไม่สามารถพึ่งพิงแค่มาตรการกระตุ้นชั่วคราว เช่น การลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองได้อีกต่อไป รัฐบาลต้องมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างของหนี้ครัวเรือน เพื่อเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้บริโภคอย่างยั่งยืน และสร้างความมั่นใจให้กับสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ สิ่งนี้จะช่วยลดยอดปฏิเสธสินเชื่อและทำให้ตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้ง

นอกจากนี้ การลงทุนใน โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (Megaprojects) และการวางแผนพัฒนาเมืองอย่างเป็นระบบ จะเป็นอีกแรงผลักดันสำคัญ การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยและการทำงาน รวมถึงการดึงดูดกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูงจากทั่วโลก เช่น ชาวต่างชาติวัยเกษียณที่มีความมั่งคั่ง ให้เข้ามาลงทุนและพำนักระยะยาวในประเทศไทย จะเป็นกลไกสำคัญในการฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาคเศรษฐกิจโดยรวม

ทุนมนุษย์และภาคบริการ: จุดแข็งที่ต้องเสริมและสร้างสรรค์

เพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถแข่งขันได้ในยุค 2025 และก้าวสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูง การลงทุนใน ทุนมนุษย์ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง รัฐบาลต้องเร่งยกระดับทักษะ (Upskill) และปรับทักษะใหม่ (Reskill) ให้กับคนไทย โดยเฉพาะในทักษะที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรม New S-Curve และทักษะด้านดิจิทัล เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), บิ๊กดาต้า, และทักษะที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสีเขียว เพื่อให้ประเทศไทยมีแรงงานที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงานในโลกยุคใหม่ และดึงดูดการลงทุนที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามา

ภาค การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) และธุรกิจบริการคือจุดแข็งที่ไทยมีเหนือประเทศอื่นๆ ด้วย “Service Mind” ที่เป็นเอกลักษณ์ของคนไทย เราควรใช้ประโยชน์จากจุดแข็งนี้ในการพัฒนาให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกสำหรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การดูแลผู้สูงอายุ และบริการพรีเมียมต่างๆ อย่างไรก็ตาม การจะดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติเข้ามาในระยะยาว เราต้องมี “แม่เหล็ก” ที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่แค่บริการที่ดี แต่ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับ มีความปลอดภัย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน

ประเทศไทยยังคงมีศักยภาพในการเป็น ศูนย์กลางโลจิสติกส์ในภูมิภาค (Regional Logistic Location) ด้วยที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ที่อยู่ตรงกลางระหว่างเอเชียเหนือและใต้ หากเรามีการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งที่ดี ไม่ว่าจะเป็นถนน ทางรถไฟ ท่าเรือ หรือสนามบินอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดต้นทุนการขนส่งและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคธุรกิจได้อย่างมหาศาล

กรณีของจังหวัด ภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของศักยภาพและปัญหาที่ต้องแก้ไข การเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดปัญหาโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่เพียงพอ เช่น การจราจรติดขัด ปัญหาขยะล้นเมือง และการขาดแคลนน้ำประปา รัฐบาลควรเร่งผลักดัน เมกะโปรเจกต์ เพื่อจัดระเบียบและยกระดับภูเก็ตให้เป็นเมืองน่าอยู่และเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างแท้จริง ควบคู่ไปกับการจัดตั้ง ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One Stop Service) สำหรับการติดต่อราชการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว นักลงทุน และผู้ที่ต้องการพำนักระยะยาว ช่วยลดขั้นตอนและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจที่เคยสูญเสียไป

สู่การสร้างอนาคตเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่งและยั่งยืน

ปี 2025 คือหมุดหมายสำคัญที่ต้องลงมือทำอย่างจริงจังและเด็ดขาด ประเทศไทยมีศักยภาพและโอกาสมากมายที่จะก้าวพ้นจากกับดักที่เคยเผชิญ เพียงแต่ต้องการวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ความกล้าหาญในการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน หรือภาคประชาชน การมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ในตลาดทุน การพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย และการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย คือสิ่งที่ต้องทำไปพร้อมกัน

เราไม่สามารถดำเนินเศรษฐกิจแบบ “เหมือนเดิม” ได้อีกต่อไป หากต้องการเห็นประเทศไทยกลับมาเติบโต 3-4% หรือมากกว่านั้นอย่างยั่งยืน เราต้องกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง และสร้างอนาคตที่แข็งแกร่งกว่าเดิม

มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ยุคใหม่ ด้วยการศึกษาข้อมูลเชิงลึก ลงทุนในโอกาสที่ใช่ และเป็นฟันเฟืองสำคัญในการสร้างประเทศไทยที่มั่งคั่งและยั่งยืนสำหรับทุกคน หากคุณกำลังมองหากแนวคิดหรือโอกาสในการลงทุนที่สอดรับกับทิศทางเศรษฐกิจใหม่นี้ เราพร้อมเป็นที่ปรึกษาเพื่อร่วมสร้างความสำเร็จไปด้วยกัน

Previous Post

D0512057 เล ยงล กใต นบ าน(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post

D0512059 รองเท าว เศษจากแม มดใส แล วสวย(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Next Post
D0512059 รองเท าว เศษจากแม มดใส แล วสวย(ละครส น) หน งส นด BSC part2

D0512059 รองเท าว เศษจากแม มดใส แล วสวย(ละครส น) หน งส นด BSC part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • D1210026 อด ตไม สำค ญเท าป จจ part2
  • D1210025 หญ งม ตำหน [ตอนจบ] part2
  • D1210024 มาคลายเคร ยดก นหน อยนะค part2
  • D1210023 นอกกาย แค ความส ขช วคราว![ตอนจบ] part2
  • D1210022 จฉาคนอ ไม วเอง [ตอน1] part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.